หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 395 ปากของปัญญาชน เขี้ยวของงูพิษ (1)

ตอนที่ 395 ปากของปัญญาชน เขี้ยวของงูพิษ (1)

ตอนที่ 395 ปากของปัญญาชน เขี้ยวของงูพิษ (1)
“หากข้าต้องการสาวใช้ เพียงกวักมือก็มีนับร้อยนับพัน” หนานกงมั่วเอ่ย

หญิงสาวชุดแดงเงยหน้า เอ่ยแน่วแน่ “ข้าจะกลายเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อจวิ้นจู่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ขอจวิ้นจู่ให้โอกาสข้าสักครั้ง”

“เจ้ามีนามว่าเช่นไร” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

หญิงสาวชะงัก เมื่อได้สติกลับมาใบหน้าสวยจึงเผยความยินดีออกมา “ข้าแซ่ชวี ชวีเหลียนซิงเจ้าค่ะ”

“เอ๋” ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงประหลาดใจขึ้นมา หนานกงมั่วหันกลับไปมองเขา ลิ่นฉังเฟิงยกมือขึ้นเคาะจมูกเบาๆ เอ่ย “ข้าจำได้…ว่าหลิงโจวเคยมีสตรีผู้มีความสามารถนามว่าชวีเหลียนซิง” ชวีเหลียนซิงยิ้มเจื่อน เอ่ย “คุณชายชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้ามิกล้ารับเอาไว้ได้”

ชวีเหลียนซิงเองก็นับว่าเกิดในตระกูลนักวิชาการ แม้ครอบครัวจะจะค้าขายในหอนางโลมทว่าเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ขายความสามารถมิได้ขายเรือนร่าง มีชื่อเสียงเรื่องการเขียนอักษรงดงามจนโด่งดังไปทั่วหลิงโจว โชคชะตาของชวีเหลียนซิงนั้นไม่เลว ได้พบกับแม่เล้าใจดี เมื่ออายุสิบหกถูกพ่อค้าแซ่กัวในเมืองหลิงโจวไถ่ตัวออกไป แต่งงานเป็นตัวเป็นตนนับแต่นั้นเป็นต้นมา แม้จะแต่งเข้าบ้านในฐานะภรรยารอง ทว่าภรรยาเอกของสามีนั้นตายจากไปนานแล้ว เหลือไว้เพียงบุตรชายหนึ่งคนและบุตรสาวหนึ่งคน ชวีเหลียนซิงงดงาม ความสามารถโดดเด่น สามีหลงใหลในตัวนางและไม่คิดจะรับอนุภรรยาอีก วันเวลาเช่นนี้นับว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับสตรีจากหอนางโลมแล้ว น่าเสียดายเมื่อทหารกบฏมา รีดไถให้พวกเขานำเสบียงอาหารออกมาสนับสนุนทหารกบฏครอบครัวของสามีแม้จะเป็นพ่อค้าทว่าก็เป็นผู้มีความรู้ จะยอมพึ่งพาอาศัยทหารกบฏได้เยี่ยงไร บังเอิญน้องภรรยาของเชาอู่นั้นต้องตากับความงามของชวีเหลียนซิง จากนั้นจึงหาข้ออ้างสังหารคนในตระกูลกัวจนสิ้นแล้วคุมตัวนางมาอยู่ในค่ายทหาร ชวีเหลียนซิงคิดฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้งทว่าไม่สำเร็จ กลับกันยิ่งทำให้เกิดความแค้นขึ้น คืนนี้หากหนานกงมั่วไม่มา นางเองก็ตั้งใจมอมเหล้าคนผู้นั้นและสังหารเขา เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าชีวิตของนางคงไม่อาจรักษาไว้อีกแล้ว กล่าวได้ว่าหนานกงมั่วเป็นผู้ช่วยชีวิตของนางเอาไว้

เดิมชวีเหลียนซิงนั้นหัวใจแหลกสลาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว ทว่าหลังจากที่ได้เห็นการกระทำของหนานกงมั่วในคืนนี้แล้ว ในใจกลับมีความโกรธขึ้นมา ตนก็อยากเป็นเหมือนนาง มีชีวิตที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งด้วยตนเอง ต่อให้ยืนมองอยู่ในที่ห่างออกไปไม่ใกล้ไม่ไกลมากนางก็เป็นราวกับคมดาบที่แหลมคม รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่สูญเปล่า ที่แท้…สตรีไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบุรุษ ที่แท้ยังสามารถใช้ชีวิตเช่นนี้ได้

“ช่วงนี้เจ้าก็ติดตามพวกข้าไปก่อน รอหลิงโจวสงบลงแล้วค่อยให้ฉังเฟิงจัดการที่อยู่ให้กับเจ้า” หนานกงมั่วเอ่ย

“เจ้าค่ะ ขอบคุณจวิ้นจู่เจ้าค่ะ” ชวีเหลียนซิงดีใจ รีบเอ่ยขอบคุณ

หนานกงมั่วโบกมือบอกให้นางลุกขึ้นมา เอ่ย “อาศัยช่วงเวลานี้ เจ้าก็ลองคิดดูว่าต่อไปอยากทำอันใดอยากไปที่ไหน” ชวีเหลียนซิงลุกขึ้น ตอบ “ข้าคิดดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าอยากเรียนวรยุทธ์ ขอจวิ้นจู่ได้โปรดให้ข้าได้สมปรารถนา”

หนานกงมั่วไม่เข้าใจ “เจ้าจะเรียนวรยุทธ์ไปเพื่ออันใด” ชวีเหลียนซิงแม้อายุเพียงยี่สิบ แต่พลาดโอกาสช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกวรยุทธ์แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นสตรีที่เกิดจากตระกูลนักวิชาการจะละทิ้งวิชาความรู้แล้วหรือ

ชวีเหลียนซิงเอ่ย “หากมีเรื่องอันใด รู้บทกวีมากมายไปก็ช่วยข้าไม่ได้ ข้าอยากเรียนวรยุทธ์ ปกป้องตนเอง ปกป้องคนที่ข้าต้องการปกป้อง”

หนานกงมั่วไตร่ตรอง เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “ก็ดี ลิ่นฉังเฟิง มอบให้ท่านก็แล้วกัน” ดูแลปกป้องตนเองได้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะสตรีที่ต้องมาเจอความโชคร้ายเช่นชวีเหลียนซิง มักจะรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่เสมอ

“ข้าหรือ” คุณชายฉังเฟิงตกใจ จ้องมองแผ่นหลังที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ของหญิงสาวเขม็ง

“คุณชายฉังเฟิง ลำบากท่านแล้ว” ชวีเหลียนซิงหันไปคารวะลิ่นฉังเฟิง คุณชายฉังเฟิงรีบขยับเท้าก้าวถอยหลัง เลิกคิ้วเอ่ย “คิดจะเรียนวรยุทธ์ไม่มีความอดทนนั้นไม่ได้ เดินตามมาเถิด หากเจ้าเดินไปถึงหมู่บ้านห่างออกไปสิบลี้ได้ข้าจะหาคนมาสอนเจ้า” เอ่ยจบ ไม่สนใจว่าชวีเหลียนซิงจะมีท่าทีเช่นไร รีบเดินตามเงาของหนานกงมั่วออกไปโดยเร็ว

“เจ้าค่ะ” ชวีเหลียนซิงเองไม่ได้โต้แย้ง เพียงพยักหน้าตอบรับด้วยท่าทีนอบน้อม เดินตามทั้งสองตรงออกจากค่ายทหารไป

“เจ้าไม่ชอบชวีเหลียนซิงหรือ” ท่ามกลางความมืด ก้าวเท้าเชื่องช้าพลางเอ่ยถามลิ่นฉังเฟิงอย่างแปลกใจ แม้ว่าทั้งสองจะเดินไม่เร็วนัก แต่สำหรับชวีเหลียนซิงนั้นกลับยากลำบาก ทั้งสองคนด้านหน้าเดินได้สบายๆ แม้แต่ลมหายใจก็ยังไม่หอบเหนื่อย ชวีเหลียนซิงที่เดินตามอยู่ด้านหลังกลับเหงื่อออกราวกับฝนตก เท้าราวกับมีสิ่งหนักๆ มาแขวนเอาไว้หนักอึ้ง แต่นางกลับไม่ยอมแพ้ ยังคงสาวเท้าตามทั้งสองอยู่ด้านหลังต่อไปบนเส้นทางยาวที่ดูไม่มีสิ้นสุด

ลิ่นฉังเฟิงแค่นเสียง เอ่ย “นี่พึ่งจะถึงที่ใดกัน เพียงแค่เดินเท่านั้น พวกเราวังจื่อเซียวฝึกฝนคนเข้มงวดกว่ามาก”

“นางมิใช่คนของวังจื่อเซียว ท่านค่อยเป็นค่อยไปเถิด” หนานกงมั่วเอ่ยเกลี้ยกล่อม

ลิ่นฉังเฟิงโบกมือ “เจ้ามาจัดการเองดีหรือไม่ สตรีอายุเพียงนี้คิดจะเรียนวรยุทธ์ อย่าได้ทำให้หญิงสาวมีความสามารถต้องมาฝึกฝนจนเป็นเหมือนหลิ่วที่นอกจากใบหน้าแล้วยังมีสิ่งใดที่เหมือนสตรีอีก” สัมผัสได้ถึงสายตาของหนานกงมั่วที่กวาดมองมา คุณชายฉังเฟิงจึงรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่ข้าบอกไม่ได้รวมแม่นางมั่วนะ แม่นางมั่วแม้จะมีฝีมือไร้เทียมทานทว่ายังเป็นสตรีงดงามอยู่”

หนานกงมั่วอดไม่ได้พรูเสียงหัวเราะออกมา ส่ายศีรษะ เอ่ย “คุณชายฉังเฟิง ต่อให้เจ้าไม่ประจบประแจงข้า ข้าก็คงไม่ลงมือกับท่านหรอก”

คุณชายฉังเฟิงลอบกลอกตาอยู่ในใจ เจ้าไม่ลงมือกับข้า แต่เจ้าตลบหลังข้าได้ เจ้าจะไปฟ้องเว่ยจวินมั่วน่ะสิ

หนานกงมั่วหันกลับไปมองร่างที่เดินโซเซอยู่ด้านหลัง เอ่ย “ช่างมีความเพียรเสียจริง คุณชายฉังเฟิงบางทีการรับลูกศิษย์ก็มิใช่เรื่องเลวร้ายนะ”

ลิ่นฉังเฟิงแค่นหัวเราะ หันกลับไปมองคนด้านหลัง นัยน์ตามีความชื่นชมเพิ่มเข้ามา หญิงสาวบอบบางคนหนึ่งสามารถเดินตามพวกเขามากว่าสิบลี้ได้ นับว่าไม่เลวจริงๆ

กลับมาถึงเมืองเล็กๆ เจียงฉงเฟิงมารอที่หน้าประตูเมืองอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นทั้งสามคนมาปรากฏตัวอยู่หน้าประตูเมืองเขาจึงพ่นลมหายใจออกมา หากซิงเฉิงจวิ้นจู่เป็นอันใดไป หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาเหล่านี้คงไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว รีบสั่งให้คนเปิดประตูเมือง เจียงฉงเฟิงเดินออกไปรับด้วยตนเอง “จวิ้นจู่ คุณชายลิ่น”

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “แม้ทัพเจียง ปล่อยให้ท่านต้องรอนานแล้ว”

เจียงฉงเฟิงรีบเอ่ยมิกล้า มองทั้งสามคน สายตาไปหยุดอยู่ที่ชวีเหลียนซิงที่เดินตามมาด้านหลังด้วยท่าทีเหนื่อยล้า เอ่ยถามขึ้นมา “จวิ้นจู่ ทหารกบฏฝั่งนั้น…”หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “จัดการได้แล้ว ท่านแม่ทัพให้คนจัดการค่ายสักหน่อยเถิด อีกสักพักจะมีคนมา ท่านแม่ทัพช่วยจัดการหาที่พักให้พวกเขาให้เรียบร้อย”

“จัดการได้แล้วหรือขอรับ” เจียงฉงเฟิงแทบไม่อยากเชื่อ นั่นคือทหารหลายหมื่นเลยนะ ซิงเฉิงจวิ้นจู่พาคนคนเดียวไปก็จัดการได้แล้วหรือ

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “เดี๋ยวอีกสักพักพวกเขามาแล้วค่อยว่ากันเถิด ข้ายังมีเรื่องที่ต้องรายงานต่อฝ่าบาท คงต้องขอตัวก่อน” เจียงฉงเฟิงได้สติ จึงเดินนำทั้งสามเข้าไปพักผ่อนอย่างเหม่อลอย

หนานกงมั่วเขียนจดหมายในกระดาษเล็กๆ ทั้งคืน บอกเล่าสถานการณ์ในหลิงโจวจากนั้นปิดผนึกให้เวยส่งม้าเร็วไปยังจินหลิง แม้ว่าสองวันก่อนพวกเขาส่งจดหมายกลับจินหลิงแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นหลายเรื่องล้วนเป็นการคาดเดา ยามนี้เริ่มชัดเจนขึ้นมาแล้วจึงต้องชดเชยข้อมูลที่ไม่เพียงพอก่อนหน้านี้ ยามนี้ทางเข้าออกเมืองหลิงโจวถูกปิดไว้ ธรรมดาแล้วไม่สามารถส่งจดหมายออกไปได้ ทำได้เพียงใช้คนของวังจื่อเซียวในการส่งจดหมาย จากนั้นจึงหาวิธีส่งต่อไปยังจินหลิง ระหว่างนั้นก็มีความยุ่งยากอยู่ไม่น้อย

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท