ตอนที่ 397 ปากของปัญญาชน เขี้ยวของงูพิษ (3)
“ไต้เท้าตาน” หนานกงมั่วเท้าคางกับโต๊ะตรงหน้า เอ่ยเนิบช้า
ตานซินหันกลับมาหาหนานกงมั่ว แสดงความเคารพด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง เอ่ย “คารวะซิงเฉิงจวิ้นจู่ จวิ้นจู่เป็นถึงคุณหนูสูงศักดิ์แห่งจินหลิง พักผ่อนสบายๆ อยู่เบื้องหลังเสียเถิด เบื้องหน้านั้นปล่อยให้เป็นเรื่องของบุรุษ บางสิ่งบางอย่างสตรี…”
หนานกงมั่วเอ่ยขัดวาจาของเขาโดยไม่มีความเกรงใจ เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเองก็อยากชมดอกไม้ดื่มด่ำกับบทกวีอยู่ที่จินหลิง น่าเสียดายที่ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้ากับซื่อจื่อต้องเดินทางมาไกลถึงหลิงโจวเพื่อจัดการเรื่องยุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของหลิงโจวในยามนี้ ไต้เท้าตานมีสิ่งใดอยากอธิบายกับข้าหรือไม่” สีหน้าของตานซินพลันเปลี่ยน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดุร้ายที่ปกปิดความอ่อนแอภายใน “ที่เมืองหลิงโจวมีทหารกบฏเพราะผู้บัญชาการไม่มีปัญญาควบคุมได้ เกี่ยวอันใดกับข้าเล่า ยิ่งไปกว่านั้น ไยข้าต้องอธิบายกับจวิ้นจู่เล่า”
ปัง! เจียงฉงเฟิงที่อยู่ด้านข้างตบพนักเก้าอี้เสียงดังลุกขึ้นจ้องตานซินเขม็ง บรรดาจ้าวเฟยเองก็มิได้มีสีหน้าที่ดีนัก
เจียงฉงเฟิงที่เป็นถึงรองผู้บัญชาการกองทัพหลิงโจวความจริงระดับขั้นก็ไม่ได้ต่างกับตานซินมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นปัญญาชนและแม่ทัพนั้นมิได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของกันและกัน เพราะเหตุนี้ตานซินจึงไม่มีสิ่งใดให้เคารพแล้ว แต่ทำสิ่งใดไม่ได้เพราะเขามีเบื้องบนที่สมคบคิดกับตานซิน เดิมจึงถูกควบคุม ถูกกดเอาไว้ทุกเรื่อง ยามนี้หลิงโจวเกิดความวุ่นวายผู้บัญชาการกองทัพหลิงโจวผู้นั้นถูกฆ่าตายไปแล้ว ปล่อยให้ความยุ่งเหยิงต้องตกมาอยู่ในมือของเจียงฉงเฟิง ยามนี้ได้ยินตานซินโยนความผิดมาให้พวกเขา เจียงฉงเฟิงจะทนอยู่ได้เช่นไร
“คันกั้นน้ำพังทลาย ไร่นาชาวบ้านถูกน้ำท่วม แม้แต่เสบียงอาหารและหญ้าเลี้ยงม้ายังถูกน้ำท่วมไปด้วย ไต้เท้าตานไม่เพียงไม่เปิดคลังเสบียง ยังร่วมมือกับพ่อค้าขึ้นราคาอาหาร แม้แต่เสบียงของกองทัพก็ล่าช้าไปด้วย…หากมิไช่ไร้เสบียง กองทัพหลิงโจวจะถูกกองกำลังเหล่านั้นตีแตกได้ง่ายๆ เพียงนี้หรือ ขอจวิ้นจู่ได้โปรดสืบสาวให้แน่ชัดด้วยเถิดขอรับ” เจียงฉงเฟิงลุกขึ้นมาคุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้า เอ่ยรายงานเสียงดัง
“ใส่ร้ายป้ายสิ” ตานซินเอ่ยเสียงดัง “เจียงฉงเฟิง เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า เห็นอยู่ว่าเพราะกองทัพหลิงโจวของพวกเจ้าทำงานไม่รอบคอบทำให้ทหารกบฏเข้ามายึดครองได้ ยังกล้ามาใส่ร้ายข้า ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาท ให้พวกเจ้าได้รับโทษที่ก่อเอาไว้”
หนานกงมั่วเอนตัวพิงเก้าอี้ มองใบหน้าแค้นเคืองของตานซิน คิ้วสวยเลิกขึ้น ยกมือขึ้นมาปรบมือชื่นชมพร้อมเอ่ย “ไต้เท้าตานช่างมีฝีปากล้ำเลิศ ประโยคนั้นว่าอย่างไรนะ เขี้ยวของงูพิษ ปากของปัญญาชน หัวใจของสตรี ล้วนเป็นสิ่งที่อันตรายกว่าดาบในมือของเพชฌฆาต วันนี้ข้าได้เห็นมันกับตาแล้ว ไต้เท้าตาน ตลอดทางที่มาจากหลิงโจวท่านมิได้ฝันร้ายหรอกใช่หรือไม่”
สีหน้าของตานซินพลันเปลี่ยน เบี่ยงหน้าหนีคิดจะหลบตาหนานกงมั่ว แต่ว่าไม่นานพลันหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา “จวิ้นจู่เอ่ยถามประโยคนี้ด้วยฐานะใดหรือ สตรีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับราชสำนัก หมิ่นเบื้องสูง หรือว่าคิดจะเป็นแม่ไก่มาขันตอนเช้า[1]หรือ”
“บังอาจ!” ลิ่นฉังเฟิงและเวยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ดาบคมของเวยจ่ออยู่ที่ลำขอของตานซินโดยไร้เสียง ตานซินเชิดปลายคางจ้องมองหนานกงมั่วด้วยใบหน้าโกรธแค้น “จวิ้นจู่คิดจะฆ่าคนปิดปากหรือ ข้าไม่กลัวตายหรอกหนา”
หนานกงมั่วยิ้มเย็น ยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เวยถอยออกไป ไล่สายตามองตานซิน เอ่ย “แน่นอนว่าเจ้าไม่กลัวตาย หากเจ้ากลัวตายจะพาหลิงโจวมาถึงจุดนี้ได้หรือ จวิ้นจู่เช่นข้าควบคุมเจ้าไม่ได้ เช่นนั้น…เจ้าว่าสิ่งนี้ควบคุมเจ้าได้หรือไม่” หนานกงมั่วยกมือขึ้นมา ป้ายทองอาญาสิทธิ์แกว่งไกวไปมา
ตานซินใบหน้าซีดขาว คุกเข่าลงไปอย่างไม่ยินยอม “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
หนานกงมั่วเก็บป้ายทอง เอ่ยเสียงเข้ม “รับคำสั่งจากฝ่าบาท ตานซินรับสินบนฉ้อฉล ร่วมมือกับพรรคพวกทำให้เส้นทางแม่น้ำเจียงไหวต้องพังทลายส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจนไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ ถอดออกจากตำแหน่งราชการทั้งหมด เอาตัวไปขังรอการตัดสิน”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้…ข้าถูกใส่ร้าย หวงจั่งซุน…ข้าจะพบหวงจั่งซุน”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หวงจั่งซุนงั้นหรือ ตอนนี้หากหวงจั่งซุนเห็นเจ้าคงแทบอยากถลกหนังเจ้าตั วเขาเองยังยากจะปกป้องตนเองได้ เอาตัวไป ฉังเฟิง สอบสวนไต้เท้าตานให้ดี เรื่องในหลิงโจวคงไม่มีใครรู้ดีเท่าเขาอีกแล้ว ถามออกมาให้หมด”
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ขอรับ จวิ้นจู่ หากไต้เท้าตาน…ไม่ยอมพูดเล่า”
หนานกงมั่วปรายตามองเขา เอ่ยถาม “ข้าจำเป็นต้องเชิญยอดฝีมือการสืบสวนด้วยการทรมานมาให้ท่านหรือไม่”
ลิ่นฉังเฟิงยิ้ม “ไม่จำเป็น ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ” อาณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ไม่มีกฏห้ามไต่สวนด้วยการทรมาน ต่อให้เป็นการยอมรับผิดเพราะทนความทรมานไม่ไหวก็มีไม่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นตานซินนั้นสมควรที่จะได้รับโทษนี้
เป็นไปตามที่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้ เมื่อเสบียงอาหารถูกปล้นเชาอู่ก็รู้ทันทีว่ากองทัพฝั่งนี้เกิดการกบฏขึ้นมา พลันโมโหทันใด สั่งการให้ลูกน้องคนสนิทนำทหารหลายหมื่นมุ่งตรงมายังเมืองเล็กๆ เพียงแต่ยามนี้มีทหารหลายหมื่น สำหรับบรรดาแม่ทัพที่อยากทำความดีไถ่โทษนั้นการรับมือกับทหารเหล่านี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องยากอันใด ต่อให้คนของเชาอู่จะมากมายเพียงใด อย่างไรก็เป็นเพียงกองกำลังคนธรรมดา ในบรรดาคนเหล่านี้นอกจากนายทหารชั้นล่างของราชสำนักที่ยอมจำนนแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่ไร้ซึ่งความเชี่ยวชาญ เมื่อครั้งนั้นหนานกงไหวแม่ทัพอันดับหนึ่งของอาณาจักรเซี่ยเองก็มาจากชาวบ้านยากจนทั่วไป แต่นั่นเพราะเขาผ่านสนามรบมามากมายหลายสิบปี เป็นคนธรรมดาที่ค่อยๆ ไต่เต้าขึ้นไปเป็นแม่ทัพ เคยผ่านความเป็นความตาย การแพ้ชนะมานักต่อนัก มิใช่เรื่องที่คนนอกจะเข้าใจได้ ทว่าคนของเชาอู่นั้น ตั้งแต่เริ่มก่อกบฏจนถึงตอนนี้เป็นเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะฝึกฝนจนถึงขั้นแม่ทัพได้
หนานกงมั่วไม่ถนัดการรบ ดังนั้นยามนี้จึงพาลิ่นฉังเฟิงและชวีเหลียนซิงออกจากเมืองเล็กๆ นั่น เรื่องราวต่อจากนี้ก็ให้เป็นหน้าที่ของเจียงฉงเฟิงและจ้าวเฟยเถิด
กลับมายังหลิงโจวอีกครั้ง บรรยากาศในเมืองยังคงตึงเครียด บนท้องถนนเต็มไปด้วยทหารที่มีไอสังหารอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านทั่วไปหรือพ่อค้า ไม่มีใครกล้ามาเดินเพ่นพ่านอยู่บนท้องถนน คนในโรงเตี๊ยมเองก็ดูน้อยลงมากทีเดียว ครั้งนี้หนานกงมั่วเข้ามาโรงเตี๊ยมในฐานะหญิงสาว ส่วนลิ่นฉังเฟิงและเวยต่างไปจัดการหน้าที่ของตนเอง ในครั้งนี้หนานกงมั่วมีชวีเหลียนซิงและฝังติดตามมาด้วย แม้จะเป็นโรงเตี๊ยมเดียวกันทว่าไม่มีใครเชื่อมโยงนางไปเกี่ยวข้องกับคุณชายมั่วที่มาเมื่อหลายวันก่อนได้เลย
หลายวันมานี้เวยติดตามหนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิง ฝังกลับซ่อนตัวอยู่ในเมืองเพื่อสืบข่าว ในห้องรับรองของโรงเตี๊ยม ฝังกำลังเอ่ยรายงานถึงเรื่องราวตลอดสองวันมานี้ต่อหนานกงมั่ว “กองทัพรอบข้างได้บีบล้อมเข้าใกล้หลิงโจวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วขอรับ สองวันมานี้การเกณฑ์คนที่แข็งแรงเข้าร่วมกองทัพหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเสบียงอาหารของเชาอู่ก็เริ่มมีจำกัด กำลังส่งคนออกตามหาคุณชายมั่วอยู่ขอรับ และส่งคนออกไปหาซื้ออาหารจากที่อื่นด้วยเช่นกัน แต่ว่า…ค่ายต่างๆ รอบๆ เมืองหลิงโจวได้สกัดเส้นทางเข้าออกของเสบียงอาหารไว้หมดแล้ว ดังนั้น ต่อให้เขามีเงินก็ไม่อาจซื้อเสบียงอาหารได้” กองทัพไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ตามใจชอบ แต่การปิดเส้นทางในพื้นที่ของตนเองนั้นไม่ใช่ปัญหา
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เขาซื้ออาหารไม่ได้ ชาวเมืองหลิงโจวก็ยิ่งไม่มีอาหาร”
ฝังถอนหายใจ “ต่อให้ไม่ปิด เสบียงอาหารที่เข้ามาในเมืองหลิงโจวใช่ว่าจะตกถึงมือประชาชน พ่อค้าในเมืองหลิงโจวทั้งหลายล้วนถูกเชาอู่จับเอาไว้หมดแล้ว คิดว่าเชาอู่เองก็รู้ว่าในมือของพ่อค้าเหล่านั้นมีอาหารอยู่ขอรับ”
————————-
[1] แม่ไก่มาขันตอนเช้า บ้านหลังนี้คงจะบ้านแตก (牝鸡司晨,惟家之索) หมายถึง ผู้หญิงไม่ทำหน้าที่ของตนเอง มาทำหน้าที่ผู้ชาย ออกรบ ล่าสัตว์ ฝึกอาวุธ จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองล่มจม