ตอนที่ 406 เกือบถูกลักพาตัว (3)
ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยัน “เรื่องอื่นไม่แน่ แต่เรื่องนี้คงบอกได้ยากแล้ว รอจวินมั่วกลับมาค่อยว่ากันเถิด ข้าไม่เชื่อว่ากงอวี้เฉินจะฆ่าชวีเหลียนซิงจริงๆ”
หนานกงมั่วถอนหายใจ “เจ้าคิดว่ากงอวี้เฉินเหมือนคนที่ไม่สังหารคนแก่และสตรีหรือ” คนแบบกงอวี้เฉิน บอกได้ยากว่าชีวิตคนในสายตาของกงอวี้เฉินนั้นเป็นเช่นไร เกรงว่าแม้แต่มดก็ไม่อาจเทียบได้ ดูจากที่เขาก่อสงครามมาถึงสองครั้งจากนั้นก็สะบัดมือหนีไปโดยไม่ใส่ใจก็รู้แล้ว หนานกงมั่วไม่แปลกใจเลยหากเขาจะสังการชวีเหลียนซิง
แน่นอนลิ่นฉังฟิงรู้ดี เพียงแต่ในสายตาของเขาชวีเหลียนซิงไม่ได้สำคัญเท่าหนานกงมั่วก็เท่านั้น แม้ชวีเหลียนซิงจะเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็เป็นคนที่พึ่งรู้จัก ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ไม่สนิทสนม
“ข้าไปก่อนล่ะ ท่านวางใจเถิดเขาไม่มีทางฆ่าข้าหรอก” หนานกงมั่วเอ่ย
ลิ่นฉังเฟิงมองหนานกงมั่วด้วยใบหน้าเป็นทุกข์ แน่นอนเขารู้ดีว่ากงอวี้เฉินไม่มีทางฆ่านาง แต่ว่า…
หนานกงมั่วยิ้ม “วางใจเถิด ข้าจะระวังตัว”
มองหนานกงมั่วที่หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่ลังเล ลิ่นฉังเฟิงหันไปเอ่ยกับจิ้นจั๋วอย่างอารมณ์ไม่ดี “ตอนนี้หัวหน้าจิ้นพอใจแล้วหรือไม่” จิ้นจั๋วเลิกคิ้ว เอ่ย “สตรีที่ถูกจับไปนั้นสำคัญมากเลยหรือ จวิ้นจู่ถึงได้ไปช่วยนางด้วยตัวเอง” ในสายตาของจิ้นจั๋ว นี่เป็นเรื่องไม่จำเป็น สตรีผู้นั้นเป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่งของจวิ้นจู่มิใช่หรือ แต่กงอวี้เฉินไม่เคยทำเรื่องไร้สาระ ในเมื่อเขาจับสตรีผู้นั้นไปแสดงว่าเขามั่นใจว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่จะต้องตามไปช่วยแน่
ลิ่นฉังเฟิงส่ายหน้า รีบตามออกไป หากปล่อยหนานกงมั่วไปคนเดียวจริงๆ เว่ยจวินมั่วกลับมาคงไม่อาจอธิบายได้ง่ายๆ
จิ้นจั๋วมองทั้งสองที่ตามกันออกไปด้วยความสนอกสนใจ ยักไหล่และตามออกไปด้วย
กงอวี้เฉินวรยุทธ์สูงส่ง วิชาตัวเบาแน่นอนว่าไม่เลว วรยุทธ์ของหนานกงมั่วสู้กงอวี้เฉินไม่ได้ แต่วิชาตัวเบาของนางนั้นดีกว่าวรยุทธ์อยู่มาก หลังจากครึ่งชั่วยามไปแล้ว ในที่สุดหนานกงมั่วก็ตามมาทันกงอวี้เฉินยังตีนเขาแห่งหนึ่งของเขาฝูวั่ง เห็นได้ชัดว่ากงอวี้เฉินอารมณ์ไม่ดี เมื่อยามที่หนานกงมั่วตามมาถึงชวีเหลียนซิงนั้นล้มลงไปกองกับพื้นด้วยใบหน้าซีดขาว ในมือกำกริชเอาไว้แน่น กงอวี้เฉินกำลังก้มลงมองมือของตนเอง ด้านหลังมือเรียวยาวนั้นมีร่องรอยบาดแผลยาวและมีเลือดไหลซึม เห็นได้ชัดว่าถูกกรีด
กงอวี้เฉินจ้องมองชวีเหลียนซิงด้วยสีหน้าไม่ดีนัก ทว่าเมื่อรับรู้ถึงการมาถึงของของหนานกงมั่วใบหน้ากลับมีรอยยิ้มขึ้นมา ทำเพียงยกมือที่มีเลือดไหลซึมหันไปหาหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ คาดไม่ถึงว่าของเล่นที่เจ้าเก็บได้จะมีเขี้ยวเล็บ เจ้าว่าข้าจะจัดการกับนางเช่นไรดี”
หนานกงมั่วย่นคิ้ว เดินเข้าไปประคองชวีเหลียนซิงลุกขึ้นมา
“จวิ้นจู่” ชวีเหลียนซิงกัดฟันสะกดกั้นความเจ็บปวดพร้อมกับยันตัวลุกขึ้น นางถูกกงอวี้เฉินโยนลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี บาดเจ็บไม่น้อย
หนานกงมั่วมองไปยังกงอวี้เฉิน “เจ้าสำนักกง ท่านคิดจะทำอันใดกันแน่”
กงอวี้เฉินลูบปลายคาง เอ่ย “ข้าบอกไปแล้วมิใช่หรือ ข้าอยากให้จวิ้นจู่ไปกับข้า” หนานกงมั่วเอ่ย “ต่อให้ข้าไปกับท่านแล้วเยี่ยงไร”
“เรื่องนี้หรือ” เห็นได้ชัดว่ากงอวี้เฉินยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ย “ก็คง…เว่ยจวินมั่วคงจะเป็นบ้าน่ะสิ นอกจากนี้ ข้ารู้สึกว่าจวิ้นจู่น่าสนใจ มีจวิ้นจู่อยู่เคียงข้าง ข้าก็คงดีใจเป็นอย่างยิ่ง” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “น่าสนใจหรือ ข้ากลับไม่คิดว่ามันน่าสนใจ”
กงอวี้เฉินเอ่ย “จวิ้นจู่ไม่มาก็ได้ แต่ตอนนี้จวิ้นจู่มาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าเต็มใจไปกับข้าแล้วหรือ เจ้าวางใจ ข้า…จะดีกับเจ้ายิ่งกว่าเว่ยจวินมั่วอย่างแน่นอน” น้ำเสียงของกงอวี้เฉินอ่อนโยนขึ้นมา ทว่าหัวใจของหนานกงมั่วกลับราบเรียบไม่เต้นแรงเลยแม้แต่น้อย รู้จักมานานทำให้นางรู้จักอยู่บ้างว่ากงอวี้เฉินนั้นเป็นคนเช่นไร คนที่ไม่เคยมองเห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาเช่นกงอวี้เฉิน แน่นอนว่าหนานกงมั่วไม่เชื่อว่าเขาจะสนใจตนเองจริงๆ
ดึงชวีเหลียนซิงมาหลบอยู่ด้านหลังของตน หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “เจ้าหนีไปก่อน”
“จวิ้นจู่” ชวีเหลียนซิงกัดฟัน นางรู้ว่าครั้งนี้นางทำให้จวิ้นจู่ต้องเดือดร้อนไปด้วย ก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าจวิ้นจู่จะตามมาช่วยนาง แต่ว่า…จวิ้นจู่กลับมาจริงๆ
“จวิ้นจู่…ท่านไม่ต้องสนใจข้า ท่านรีบหนีไปเถิด”
“พูดอันใดโง่ๆ ข้ามาแล้วจะกลับไปคนเดียวได้เยี่ยงไร” หนานกงมั่วกลับไม่คิดว่าชวีเหลียนซิงทำให้ตนเองต้องเดือดร้อน ในเมื่อกงอวี้เฉินตั้งใจจะข่มขู่นาง ต่อให้ไม่มีชวีเหลียนซิงเขาก็จับคนอื่นได้ เพียงหนานกงมั่วไม่อาจปล่อยให้คนบริสุทธิ์ต้องมาตายเพราะตนเองได้ เช่นนั้นอย่างไรกงอวี้เฉินก็จะทำสำเร็จอยู่ดี
“รีบไป อย่ามารบกวนข้าที่นี่” หนานกงมั่วไม่สนใจชวีเหลียนซิงอีก กระบี่ยาวในมือพุ่งเข้าหากงอวี้เฉิน
กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว “จวิ้นจู่ ข้าไม่อยากลงมือกับเจ้า”
หนานกงมั่วยิ้มบาง “อยากเอาตัวข้าไปก็ได้ แต่ต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน”
กงอวี้เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ยินมาว่า…ยาพิษของจวิ้นจู่สูงส่งเหมือนวรยุทธ์ ข้าไม่อยากลงมือกับจวิ้นจู่เลย เพียงแต่…เพื่อจะได้หญิงงามกลับไปด้วย คงต้องล่วงเกินแล้ว”
แม้กงอวี้เฉินจะรู้ว่าหนานกงมั่วเชี่ยวชาญเรื่องพิษ แน่นอนจึงต้องป้องกันอย่างดี กำลังภายในถูกถ่ายเทออกมา ราวกับคอกที่ขังตนเองอยู่ด้านใน ยาพิษของหนานกงมั่วยากที่จะทำอะไรเขาได้ อีกทั้งต่อสู้กับศัตรูอย่างกงอวี้เฉิน ใช้ยาพิษนับว่าไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี หากโชคไม่ดีถูกยาพิษสะท้อนกลับ คนที่โดนพิษนั้นไม่ใช่กงอวี้เฉินแต่จะเป็นตัวนางเอง
ชวีเหลียนซิงที่ถูกกันออกมากำลังมองทั้งสองต่อสู้กัน กัดฟันและหมุนตัววิ่งกลับขึ้นไปบนเขาฝูวั่ง
หนานกงมั่วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกงอวี้เฉิน ทั้งสองต่อสู้กันไปได้พักใหญ่ในที่สุดหนานกงมั่วก็ค่อยๆ เสียท่าให้อีกฝ่าย ดวงตาของกงอวี้เฉินนั้นไม่มีความเย่อหยิ่งหลงเหลืออยู่ ดวงตาจับจ้องไปยังหญิงสาวตรงหน้าสว่างไสว เบี่ยงตัวหลบปลายกระบี่ของหนานกงมั่ว กงอวี้เฉินก้าวถอยหนึ่งก้าว “ฝีมือของจวิ้นจู่ จัดอยู่ในขั้นหนึ่งในบรรดาบุรุษได้เลย”
หนานกงมั่วไม่เอ่ยสิ่งใด ไม่ว่าจะขั้นหนึ่งหรือขั้นสอง เอาชนะกงอวี้เฉินไม่ได้แล้วจะมีประโยชน์ใด
“จวิ้นจู่กำลังถ่วงเวลาหรือ ลิ่นฉังเฟิงพาคนตามมาก็ไม่มีประโยชน์ วังจื่อเซียวมีคน แล้วหอธาราของข้าจะไม่มีใครหรือ ดังนั้น…จวิ้นจู่ไปกับข้าดีๆ เถิด” เพียงสะบัดมือ แส้ยาวพลันมีกำลังมากมายจนน่าตกใจ พุ่งเข้าหาหนานกงมั่ว หนานกงมั่วไม่อาจหลบได้ ทำได้เพียงกัดฟันและพุ่งรับเข้าไป แส้ยาวพันข้อมือขวาของนางเอาไว้แน่น หนานกงมั่วปล่อยกระบี่ออกจากมือและใช้มือซ้ายรับเอาไว้ ตวัดตัดแส้ยาว
กระบี่ของหนานกงมั่วเป็นกระบี่ชั้นดีแต่แส้ของกงอวี้เฉินเองก็ไม่ธรรมดา กระบี่ฟันลงไปแล้วทว่าแส้นั้นยังคงพันรอบข้อมือของหนานกงมั่วแน่น กงอวี้เฉินแสยะยิ้ม เพียงสะบัดมือก็ดึงหนานกงมั่วเข้ามาหาตนได้ ขณะเดียวกันพลันยกมือขึ้นมาตบลงไปบนหัวใจของหนานกงมั่ว