ตอนที่ 411 การลอบสังหารที่ล้มเหลว (2)
องครักษ์ขมวดคิ้ว “แต่ว่า ต่อไปนี้เจ้าสำนัก…” เมื่อไม่มีวรยุทธ์แล้วอาจจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าสำนัก แต่ความปลอดภัยของเจ้าสำนักกลับเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น “บนโลกใบนี้คนไม่มีวรยุทธ์นั้นมีถมเถ คนที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า มีสักกี่คนที่วรยุทธ์สูงส่ง”
“เจ้าสำนักหมายถึง…ใคร” องครักษ์ยังเอ่ยไม่ทันจบ พลันหันกลับไปชักดาบออกมาชี้ไปยังเงาต้นไม้ลึกเข้าไปด้านใน องครักษ์คนอื่นๆ รีบลุกขึ้น ล้อมรถม้าด้านหน้าเอาไว้ ชั่วครู่ คนแต่งชุดดำคล้ายกันหนึ่งกลุ่มก็พุ่งออกมาจากป่า ไม่เอ่ยสิ่งใดตรงเข้าหารถม้าของกงอวี้เฉินทันที คนของหอธาราเข้าไปเผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ทันใด
กงอวี้เฉินเอนตัวพิงเบาะนุ่มด้วยท่าทีเกียจคร้าน ความเจ็บปวดที่หัวใจทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ฝ่ามือนั้นของเว่ยจวินมั่วไม่มีความปรานีแม้เพียงนิด ไม่เพียงวรยุทธ์ที่สลายหายไป อาการบาดเจ็บนี้ก็คงต้องใช้เวลารักษาไปสักระยะเวลาหนึ่ง เพียงแต่ไม่เป็นไร…ความแค้นนี้ เขาจะต้องเอาคืนเป็นแน่
ด้านนอก นักฆ่าพุ่งเข้ามาไม่หยุด องครักษ์ของหอธาราเริ่มต้านไม่ไหวแล้ว องครักษ์ส่วนใหญ่ของหอธาราล้วนออกจากหลิงโจวไปก่อนแล้ว คนที่อยู่อารักขาส่งกงอวี้เฉินนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย
“เจ้าสำนัก ข้าน้อยจะไปส่งท่านก่อนขอรับ”
กงอวี้เฉินลุกขึ้นแหวกม่านหน้าต่างรถม้าออกไป เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ต้อง คุณหนูใหญ่จู ออกมาเถิด”
“หยุด” เนิ่นนาน เสียงใสพลันดังขึ้นมาจากในป่า จูชูอวี้อยู่ในชุดสีดำเดินเชื่องช้าออกมาจากในป่า ยกมือเปิดผ้าบางของหมวกผ้าคลุมใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้างดงาม “เจ้าสำนักกงแม้จะบาดเจ็บหนัก กลับยังว่องไวและเฉียบแหลม” กงอวี้เฉินยิ้ม เอ่ย “เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ ครั้งที่แล้วข้าเคยบอก ว่าเจ้าอย่าได้ทำเป็นฉลาด ดูเหมือนเจ้าจะลืมไปแล้ว”
ใบหน้าเนียนสวยของจูชูอวี้ยิ้มเย็น เอ่ย “เจ้าสำนักกง ข้าเคยบอก…ข้าไม่ชอบถูกใครควบคุม ท่านเป็นเจ้าสำนักในยุทธภพของท่าน ไยต้องเข้ามาอยู่ในน้ำโคลนขุ่นนี้ด้วย”
กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว “สิ่งที่ข้าแปลกใจก็คือ เจ้าไปเอานักฆ่าพวกนี้มาจากไหนมากมาย คงไม่ใช่เอามาจากวังจื่อเซียวหรอกหนา” คนชุดดำที่เข้ามาล้อมพวกเขาฝีมือไม่เลว แม้เรียกไม่ได้ว่าเป็นมือสังหารขั้นหนึ่ง ทว่าล้วนมีฝีมือในขั้นสองทั้งนั้น จูชูอวี้จ้องเขาด้วยดวงตาเย็นยะเยือกทว่าไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ถ่วงเวลาออกไปก็ไม่อาจช่วยชีวิตของเจ้าสำนักได้ ตามที่ข้ารู้ คนของเจ้าสำนักนั้นออกจากหลิงโจวไปหมดแล้ว ตอนนี้เจ้าสำนักไร้วรยุทธ์ ที่พึ่งพาได้ก็มีเพียงที่อยู่ตรงนี้ไม่กี่คนเท่านั้นสินะ”
มุมปากของกงอวี้เฉินกระตุกยิ้มเย็น “เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ หากเจ้ายังมีชีวิตกลับไป บอกกับจิ้นจั๋ว เรื่องครั้งนี้ข้าจะจำเอาไว้”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังเอ่ยสิ่งใด” จูชูอวี้ตื่นตระหนกอยู่ในใจ เอ่ยเสียงเข้ม “ลงมือ สังหารเขา”
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น เพียงยกมือขึ้นมาขลุ่ยหยกพลันหล่นลงบนมือ กงอวี้เฉินแนบขลุ่ยเข้ากับริมฝีปาก เป่าเบาๆ เสียงขลุ่ยไพเราะดังไปทั่วหุบเขา จูชูอวี้ชะงักไปเล็กน้อย “กงอวี้เฉิน ไม่ว่าท่านจะเล่นลูกไม้อันใด วันนี้ท่านจะต้องตายอยู่ที่นี่” น้ำเสียงของจูชูอวี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางอยู่อย่างดีมาตลอด นอกจากพ่ายแพ้ให้กับเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วแล้ว ไม่เคยมีใครกล้าเสียมารยาทกับนาง ทว่าความอับอายที่กงอวี้เฉินนำมาให้นางนั้นมีมากกว่าเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วรวมกันด้วยซ้ำ นางเคยคิดสังหารเขามาแล้วหลายครั้งทว่าล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เดิมทีนางสิ้นหวังไปแล้ว แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้จะมีโอกาสดีเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกำจัดกงอวี้เฉินเสียก่อน มิเช่นนั้นนางจะไม่มีอิสระตลอดกาล
“อ๊ากกก”
เสียงคนชุดดำพลันดังขึ้น มองเห็นใบหน้าของเขากลายเป็นสีคล้ำจากนั้นสลบไปทันใด จากนั้นเลือดจึงทะลักออกมาทั่วทุกจุดที่ไหลออกมาได้
ทุกคนยังไม่ทันได้สติ เสียงกรีดร้องพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนตะโกนขึ้น “ในโพรงหญ้ามีงู”
ไม่รู้ว่าโพรงหญ้าบริเวณที่พวกเขาอยู่มีงูพิษมากมายตั้งแต่เมื่อใด เพียงแต่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืด หญ้าแห้งบนพื้นดินนั้นเกิดขึ้นมาโดยพร้อมเพรียง ไม่มีใครทันสังเกต เพียงมองไปยังคนที่ถูกกัดที่ล้มลงไปกับพื้นก็รู้แล้วว่าพิษของงูพิษนั้นร้ายแรงเพียงใด
“เขาควบคุมงูได้”
กงอวี้เฉินยิ้มเย็น เป่าขลุ่ยหยกในมือเชื่องช้า เหล่านักฆ่าไหนเลยจะสนใจสังหารใคร เวลาเพียงไม่นานก็มีคนถูกงูกัดนับสิบคน ความมืดสลัวนี้ทำให้พวกเขามองไม่เห็นว่างูอยู่ที่ใดและมีมากมายเพียงใด ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ล้อมกงอวี้เฉินอยู่เองก็ไม่ได้โง่ คิดอยากสังหารพวกเขาในยามนี้ไม่มีทางเป็นไปได้ อย่างไรชีวิตก็สำคัญที่สุด คนที่ยังไม่ถูกกัดรีบลอยหายตัวหนีเข้าไปในป่า
“ฮ่าๆ เสี่ยวอวี้เอ๋อร์…ตอนนี้ เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไรกับเจ้า” กงอวี้เฉินจับแขนขององครักษ์คนหนึ่งเดินเข้าไปใกล้จูชูอวี้ งูสีดำตามเขามากระทั่งเกาตามแขนของเขา เกาะเกี่ยวเลื้อยไปตามแขนของเขาคล้ายจะส่งสารให้จูชูอวี้ จูชูอวี้ตัวแข็งค้างไม่กล้าแม้ขยับตัว ฝ่ามือนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อ
กงอวี้เฉินลูบงูพิษในมืออย่างทะนุถนอม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นเช่นไร ให้มันหอมเจ้าสักครั้งจะดีหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าถูกเจ้าดำน้อยหอมเบาๆ สักครั้งแล้วจะเป็นเช่นไร เจ้าวางใจ เจ้าดำน้อยไม่ใช่งูพิษที่พิษร้ายแรงที่สุดของข้าหรอก ไม่ตายหรอก เจ้าลองมองเท้าเจ้าสิ” จูชูอวี้ก้มมองลงไปบนพื้นตัวแข็งทื่อ ในโพรงหญ้ามองเห็นบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวได้อย่างชัดเจน ภายใต้แสงจันทร์ยังคงสะท้อนแสงส่องประกายบ้างเป็นบางครั้ง นางสัมผัสได้ว่ามีตัวหนึ่งที่กำลังเลื้อยขึ้นมาบนหลังเท้าของนาง
“ไม่…” สตรีส่วนใหญ่อย่าว่าแต่งูเลย แม้แต่หนูหรือแมลงสาบก็กลัวไม่ไหวแล้ว แม้จูชูอวี้จะกล้าหาญมากกว่าสตรีทั่วไปอยู่บ้าง ทว่ายังไม่ถึงขั้นแตกต่างจากสตรีทั่วไปทั้งหมด ความโชคดีครั้งนี้เกินกว่าที่นางจะรับได้ กงอวี้เฉินยกมือขึ้น ใช้เจ้างูน้อยลูบแก้มของนางเบาๆ สัมผัสเย็นนั้นทำให้คนรู้สึกสะพรึงกลัว
“ไม่…ไม่เอา…”
“ข้าจะว่าอย่างไรกับเจ้าดี ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว ข้าชอบสตรีฉลาด แต่ว่า…ไม่ชอบสตรีที่ทำเป็นฉลาด เสี่ยวอวี้เอ๋อร์ เจ้าเป็นแบบนี้ ทำให้ข้าลำบากใจยิ่งนัก” กงอวี้เฉินเอ่ย “หากปล่อยเจ้าไปเช่นนี้ ข้าจะปกครองหอธาราต่อไปได้เยี่ยงไร” ในที่สุดจูชูอวี้ก็ทนไม่ไหวน้ำตาไหลออกมา ปากนั้นยากที่จะขยับ “ไม่…ปล่อยข้าไป…ข้าผิดไปแล้ว…”
“ปล่อยเจ้าหรือ” กงอวี้เฉินเลิกคิ้ว เอ่ย “มีประโยชน์อันใด”
จูชูอวี้ไม่ตอบ กงอวี้เฉินวางงูเล็กลงบนไหล่ของนาง งูเล็กเลื้อยไปมาบนไหล่เล็กของนาง เคลื่อนไปยังคอเสื้อของนาง
“กรี๊ดดด…” รู้สึกถึงบางอย่างที่นุ่มและเย็นเคลื่อนเข้าไปในคอเสื้อของตน ในที่สุดจูชูอวี้ก็ทนไม่ไหวกรีดร้องออกมา ไม่สนใจว่าตนจะเหยียบงูพิษที่อยู่บนพื้นหรือไม่ นางกระทืบเท้าอย่างบ้าคลั่งและยื่นมือเข้าไปจับเอางูที่คอออกมา
“โอ๊ย” เท้าเล็กรู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมา จูชูอวี้หนาวสั่นอยู่ในใจ “เจ้าสำนัก ข้าผิดไปแล้ว…ท่านปล่อยข้าไปเถิด ท่านต้องการสิ่งใดก็ได้ ต่อไปข้าจะเชื่อฟังท่าน ปล่อยข้าไปเถิด”