ตอนที่ 415 เสียโฉมและความทะเยอทะยานที่น่ายกย่อง (3)
แต่ชวีเหลียนซิงที่อยู่ข้างๆ กลับเข้าใจความคิดของเซียวเชียนเยี่ย นางยิ้มน้อยๆ “คุณชายลิ่นเจ้าคะ หวงจั่งซุนใช่ว่าจะไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรจะดีที่สุด แต่เขาอยู่ตำแหน่งนั้นจึงคิดมาก เช่นนี้แล้วจึงทำให้เขาดูเป็นคนไม่เด็ดขาด อย่างเช่นบ่าว บ่าวตัวคนเดียวทำสิ่งใดก็ไม่กลัว หากเกิดเรื่องใดขึ้นใสจริงๆ ก็เพียงตายไปคนเดียว แต่หากบ่าวยังมีพ่อแม่ ยังมีคนในครอบครัว ยังมีทรัพย์สินของครอบครัวหรือมีลูกสาวลูกชาย เช่นนั้นบ่าวก็คงจะหวาดกลัวมิกล้าเดินไปข้างหน้าแน่นอนเจ้าค่ะ”
ลิ่นฉังเฟิงครุ่นคิด “สิ่งที่แม่นางชวีเอ่ยฟังดูเหมือนจะมีเหตุผล”
เว่ยจวินมั่วโยนหมากรุกลงในกล่อง เอ่ยเสียงเรียบ “เซียวเชียนเยี่ยมิใช่คนธรรมดา”
คนธรรมดามีความคิดเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ แต่เซียวเชียนเยี่ยในฐานะหวงจั่งซุน หากอ่อนแอเหมือนราษฎรทั่วไปย่อมมิใช่เรื่องดี คนที่ทำสิ่งใดไม่เด็ดขาด ต่อให้ฉลาดและมีพรสวรรค์มากเพียงใด ย่อมไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่สูงส่งเช่นนั้น ราชวงศ์ล้วนต้องมีความเด็ดขาดและหนักแน่น
“ถูกต้องแล้ว หลายวันมานี้มิได้เจอซั่นจยาเซี่ยนจู่เลย” หนานกงมั่วถามขึ้นด้วยความสงสัย เป็นหญิงเหมือนกัน แล้วยังเป็นหญิงที่เคยแอบชอบเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วจึงให้ความสนใจกับจูชูอวี้มากกว่าคนอื่น ชวีเหลียนซิงยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “ซั่นจยาเซี่ยนจู่เหมือนจะไม่สบาย รักษาตัวอยู่ในห้องหอเจ้าค่ะ สองวันนี้หัวหน้าจิ้นมาเยี่ยม ซั่นจยาเซี่ยนจู่ก็มิให้เขาเข้าพบเจ้าค่ะ”
“ไม่สบายหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว
ชวีเหลียนซิงครุ่นคิดแล้วเอ่ยว่า “บ่าวได้ยินมาว่า…สาวใช้ของซั่นจยาเซี่ยนจู่ไปซื้อยารักษาแผลเป็นเมื่อยามเช้าวานนี้ บ่าวบังเอิญเจอกับซั่นจยาเซี่ยนจู่ที่ลานข้างหลัง ถึงแม้ว่าซั่นจยาเซี่ยนจู่จะหันหน้าหนี แต่ว่าบ่าวก็เห็นแผลเป็นบนใบหน้านางเจ้าค่ะ”
“เสียโฉมหรือ” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยท่าทีที่พอใจ “ใครเป็นคนทำ เป็นจิ้นจั๋วหรือไม่”
ชวีเหลียนซิงมองไปที่ลิ่นฉังเฟิงด้วยความสงสัย ใครก็มองออกว่าหัวหน้าจิ้นชอบซั่นจยาเซี่ยนจู่ เขาจะทำให้นางเสียโสมได้เช่นไร
ลิ่นฉังเฟิงยิ้มพลางเอ่ย “เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ จิ้นจั๋วชอบจูชูอวี้จริงๆ แต่จูชูอวี้คิดเช่นไรกับจิ้นจั๋วก็ไม่มีใครรู้” คุณชายฉังเฟิงรู้ว่าเมื่อก่อนจูชูอวี้ชอบเว่ยจวินมั่ว พึ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ส่วนมิตรภาพของจูชูอวี้และจิ้นจั๋วดูเหมือนจะมีมายาวนานแล้ว หากจูชูอวี้รู้สึกดีต่อจิ้นจั๋วจริงๆ นางจะอยากแต่งงานกับเว่ยจวินมั่วทำไม ถึงแม้ว่าสถานะของทั้งสองคนจะแตกต่างกันมาก แต่ว่าตระกูลจูมิใช่ตระกูลนักปราชญ์ มิใช่ตระกูลใหญ่โต มิได้สูงส่งจนจิ้นจั๋วเข้าไปไม่ได้
“ดังนั้น เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ จิ้นจั๋วรู้ว่าจูชูอวี้กำลังเล่นกับความรู้สึกของเขา เขาจึงทำให้จูชูอวี้เสียโสมเพราะความโมโห เรื่องเช่นนี้หากมิใช่ผู้หญิงลงมือ เช่นนั้นก็ต้องเป็นผู้ชายที่รักมากจนกลายเป็นเกลียดชังเป็นคนลงมือ” นึกถึงรอยแผลเป็นบนใบหน้าอันสวยงามของคุณหนูใหญ่ตระกูลจูแล้ว คุณชายลิ่นก็แอบดีใจ ถึงแม้ว่ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นเช่นนี้จะเป็นเรื่องไร้ศีลธรรม ทว่าใครบอกให้คุณหนูใหญ่ตระกูลจูชอบทำท่าทีเย่อหยิ่งดูถูกเหยียดหยามคนธรรมดา แม้จูชูอวี้จะปกปิดได้ไม่เลวแต่น่าเสียดายที่สายตาของคุณชายฉังเฟิงนั้นมองออก
ชวีเหลียนซิงมองลิ่นฉังเฟิง นางกลืนวาจาที่คิดว่าการคาดเดาของคุณชายฉังเฟิงไม่น่าเชื่อถือกลับลงไป
“รายงานซื่อจื่อ พระชายาซื่อจื่อขอรับ ซั่นจยาเซี่ยนจู่รอพบพวกท่านอยู่ข้างนอกขอรับ” นอกประตู องครักษ์รายงานขึ้น หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “เอ่ยถึงก็มาพอดี เชิญเซี่ยนจู่เข้ามาเถิด”
“ขอรับ”
หลังจากนั้นไม่นาน จูชูอวี้ก็เดินเข้ามาพร้อมคนคนหนึ่ง ข้างหลังเป็นจิ้นจั๋วที่สีหน้าทะมึนเดินตามมา จูชูอวี้ปิดหน้าไว้ด้วยผ้าคลุมสีขาวบางๆ ทว่าก็ยังมองผ่านผ้าคลุมนั้นเห็นใบหน้าผิดปกติของนางได้
“คารวะซื่อจื่อ คารวะจวิ้นจู่เจ้าค่ะ” จูชูอวี้เดินเข้ามาย่อเข่าคารวะ เว่ยจวินมั่วก้มหน้ามองกระดานหมากรุกที่อยู่ตรงหน้า หนานกงมั่วยิ้มละไม “เซี่ยนจู่ไม่ต้องพิธีรีตอง เชิญนั่งเถิด หัวหน้าจิ้น เชิญนั่ง”
“ขอบคุณจวิ้นจู่”
พวกเขาสองคนนั่งลง ชวีเหลียนซิงยกน้ำชาส่งให้ทั้งสองอย่างมีไหวพริบ ขณะเดียวกันนางก็เหลือบมองลิ่นฉังเฟิงด้วย คุณชายฉังเฟิงบอกว่าซั่นจยาเซี่ยนจู่ถูกหัวหน้าจิ้นทำให้เสียโฉมมิใช่หรือ ดูแล้วไม่ค่อยเหมือนที่กล่าวสักเท่าใด
คุณชายฉังเฟิงหน้าแตก เขาจับจมูกตัวเองแต่ไม่เอ่ยอันใด
พวกเขาสองคนดื่มชา หนานกงมั่วยิ้มแล้วจึงเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าพวกท่านมาถึงที่นี่ มีเรื่องใดหรือไม่”
จูชูอวี้พยักหน้า นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยตอบ “มีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากจวิ้นจู่เจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว นางมองดูใบหน้าที่ถูกผ้าคลุมปิดอยู่ จูชูอวี้ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมาก นางเพียงยื่นมือขึ้นไปดึงผ้าคลุมหน้าออก มีรอยแผลเป็นปรากฏอยู่บนใบหน้าสวยงาม เห็นได้ชัดว่าแผลเป็นนั้นเป็นแผลใหม่ อาจจะเป็นเพราะว่ายาของจูชูอวี้เป็นยาดี รอยแผลเป็นจึงดีขึ้นมาก แต่ยังมีรอยแผลเป็นที่อยู่เหนือแก้มขวาใต้ดวงตาที่ราวกับเป็นรอยงูตัวเล็กๆ อยู่บนใบหน้าสวยงามทำให้รอยแผลนั้นดูเด่นชัด หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่าแม้แผลเป็นหายดีขึ้นแล้ว แต่ยังคงมีร่องรอยสีดำที่ไม่เรียบเนียนหลงเหลืออยู่ เป็นรอยดำเล็กๆ ทั่วใบหน้า ชวีเหลียนซิงเหลือบมอง จากนั้นจึงหันหน้าหนีรู้สึกอยากอาเจียน
เห็นได้ชัดว่าจูชูอวี้ก็รู้สึกเหมือนชวีเหลียนซิง ทว่ารอยแผลเป็นน่าขยะแขยงเช่นนี้อยู่บนใบหน้านาง เช่นนั้นแล้วความรู้สึกอยากอาเจียนของนางจึงมีมากกว่าชวีเหลียนซิงเป็นร้อยเท่า จูชูอวี้ในยามนี้ไม่มีท่าทีสุขุมเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ราวกับว่าทุกอย่างจบสิ้นไปหมดแล้ว และนางก็มองไปที่หนานกงมั่วด้วยสายตาหวาดกลัวและเป็นกังวล ไม่แตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปบนโลกใบนี้
“จวิ้นจู่มีฝีมือรักษายอดเยี่ยม ขอจวิ้นจู่โปรดช่วยข้าด้วยเถิดเจ้าค่ะ” จูชูอวี้ตื่นตระหนกจริงๆ ความสวยงามสำคัญต่อหญิงผู้หนึ่งมากเพียงใดไม่ต้องเอ่ยย่อมรู้ สำหรับผู้หญิงอย่างจูชูอวี้แล้ว นางไม่มีทางยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบของตัวเองแน่นอน
หนานกงมั่วเดินไปหาจูชูอวี้ ก้มตัวตรวจดูรอยแผลเป็นบนใบหน้าจูชูอวี้ มิใช่เพราะนางมีจริยธรรมของอาชีพหมอ แต่นางอยากรู้จริงๆ ว่าสิ่งใดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ทำให้จูชูอวี้ต้องมาขอร้องนางด้วยตัวเอง หลังจากที่นางแต่งงานกับเว่ยจวินมั่ว แม้จูชูอวี้จะมีท่าทีเคารพนางมาตลอด แต่หนานกงมั่วรู้ดีว่าหากทำได้จูชูอวี้ไม่มีทางมาขอร้องนางแน่นอน
ก้มหน้าลงมองรอยแผลเป็นบนใบหน้าของจูชูอวี้ หนานกงมั่วขมวดคิ้วแล้วถามว่า “ไยจึงเป็นเช่นนี้”
จูชูอวี้เองก็สับสน นางส่ายหน้า “จู่ๆ…ข้าก็เจ็บขึ้นมา จากนั้นมันก็…” เดิมทีนางคิดว่ากงอวี้เฉินกรีดใบหน้าของนาง แต่เมื่อเห็นรอยแผลเป็นนางก็รู้ว่าไม่ใช่ เขาแค่แตะเบาๆ แทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยด้วยซ้ำ ภายในระยะเวลาสั้นๆ กงอวี้เฉินจะทำให้ใบหน้านางมีแผลเป็นน่าเกลียดเช่นนี้ได้อย่างไร
หนานกงมั่วหยิบเข็มออกมาเล่มหนึ่ง แทงเข็มลงบนใบหน้าของจูชูอวี้
“ท่านจะทำอันใด!” เดิมจิ้นจั๋วเหม่อลอยอยู่ พลันเห็นหนานกงมั่วแทงเข็มลงบนใบหน้าจูชูอวี้ก็รีบยื่นมือออกมา เว่ยจวินมั่วดีดนิ้วเบาๆ หมากรุกจึงพุ่งเข้าไปตรงหน้าจิ้นจั๋ว จิ้นจั๋วจึงต้องถอยหลบหมากรุก หมากรุกพุ่งไปกระแทกกับกิ่งไม้ที่อยู่ไม่ไกลข้างหลังเขา จากนั้นก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักลงมา