หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 421 ความลึกลับของเขาลั่วหยาง (2)

ตอนที่ 421 ความลึกลับของเขาลั่วหยาง (2)

ตอนที่ 421 ความลึกลับของเขาลั่วหยาง (2)
เว่ยจวินมั่วเหลือบมองฝังที่อยู่ด้านหลัง ฝังพยักหน้าโดยไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้า แล้วหายตัวไปเงียบเชียบในหมู่คน หนานกงมั่วเอนตัวไปกระซิบกับเว่ยจวินมั่ว “เป็นคนในยุทธภพหรือไม่” เว่ยจวินมั่วมองต่ำลงกระซิบตอบกลับ “ไม่เหมือนเลย มีจอมยุทธ์ไม่มากนักที่ยอมเกี่ยวข้องกับราชสำนัก” แม้ตระกูลที่มีอำนาจยกย่องจอมยุทธ์ยอดฝีมือยู่บ้าง แต่คนที่พวกเขาสามารถเชิญมาได้ล้วนเป็นคนธรรมดาไร้ประโยชน์ จอมยุทธ์ชั้นยอดย่อมไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ตอนนี้คนในหลิงโจวที่มีความสามารถทำเช่นนี้ได้คงมีเพียงเซียวเชียนเยี่ยแล้ว หรือเซียวเชียนเยี่ยจะอยู่ที่นี่หรือไม่”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ที่นี่ใกล้กับเขาลั่วหยาง ด้วยสถานะของเซียวเชียนเยี่ย ถึงแม้จะไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองทว่ากลับไม่มีทางเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เขาอยู่ที่นี่มิใช่เรื่องแปลกอันใด ในเมื่อรู้ว่าเป็นใครย่อมง่ายขึ้นไม่น้อย หนานกงมั่วเลิกคิ้ว จากนั้นจึงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เดินทางมาทั้งวัน พวกเราคงเหนื่อยแล้ว ไปหาที่พักผ่อนกันเถิด”

เมืองลั่วหยางมีโรงเตี๊ยมแค่สองแห่ง แน่นอนวาหนานกงมั่วเลือกโรงเตี๊ยมที่ดีหน่อย ทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตู หนานกงมั่วชะงักไปแล้วอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

เว่ยจวินมั่วก้มหน้ามองนาง ถามนางว่าเกิดสิ่งใดขึ้นทางสายตา

หนานกงมั่วยิ้มแต่ไม่เอ่ยอันใด พลันดึงเว่ยจวินมั่วเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม

ทันทีที่เข้ามาก็เห็นชายสวมอาภรณ์สีขาวนั่งดื่มเหล้าตามลำพังอยู่ในห้องโถงของโรงเตี๊ยม วันนี้มีคนพักอยู่เพียงเล็กน้อย ภายในห้องโถงกว้างขวางของโรงเตี๊ยมมีเขาคนเดียวเท่านั้น เห็นหนานกงมั่วและคนอื่นๆ เข้ามา คุณชายเสียนเกอจึงเลิกคิ้วแล้วยิ้มทักทาย “พวกเจ้ามาเร็วทีเดียว”

หนานกงมั่วอดยิ้มไม่ได้ เอ่ยตอบ “ศิษย์พี่เขียนจดหมายไป ผู้ใดจะกล้าชักช้า”

คุณชายเสียนเกอไล่ให้เถ้าแก่ที่กำลังจะมาต้อนรับถอยไป แล้วจึงกวักมือเรียกทั้งสอง “มานั่งคุยกันเถิด เถ้าแก่ ยกอาหารมาเลย” เห็นศิษย์พี่เอาใจใส่เช่นนี้ หนานกงมั่วก็ยิ้มน้อยๆ จากนั้นจึงดึงเว่ยจวินมั่วมานั่งลง คุณชายเสียนเกอมองดูพวกเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจ้องมองไปยังหนานกงมั่ว “ดูเหมือนเจ้าจะสบายดี ไม่มีใครรังแกเจ้าใช่หรือไม่”

หนานกงมั่วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เอ่ยว่า “ใครจะกล้ารังแกข้าเล่า”

คุณชายเสียนเกอพยักหน้าแล้วเอ่ยด้วยท่าทีเห็นด้วย “ไม่เลว นอกเสียจากว่าเจ้ายอมให้เขารังแก ไม่เช่นนั้นคงไม่มีใครกล้ารังแกเจ้า เว่ยซื่อจื่อ ใช่หรือไม่”

เว่ยจวินมั่วยกจอกเหล้าที่คุณชายเสียนเกอวางไว้ด้านหน้าเขาขึ้นมาจิบ เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง “ทำให้ศิษย์พี่ต้องเป็นห่วงแล้ว”

“…” รอยยิ้มอันสดใสราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิบนใบหน้าสง่างามของคุณชายเสียนเกอแข็งทื่อไปทันที ศิษย์พี่อะไร…ใครเป็นศิษย์พี่เจ้า

หนานกงมั่วมองดูทั้งสองคนแล้วก้มหน้าลงกลั้นหัวเราะไว้ คุณชายเสียนเกอกระแอมเบาๆ “มั่วเอ๋อร์ ตั้งแต่ออกจากเมืองตานหยาง ถือว่าเจ้าก็ประสบความสำเร็จแล้ว ยามนี้หากเอ่ยถึงชื่อซิงเฉิงจวิ้นจู่ เกรงว่าทุกคนในอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเจ้า” หนานกงมั่วรีบเอ่ย “ที่ไหนกัน คุณชายเสียนเกอต่างหากที่เดินทางท่องไปทั่วยุทธภพ”

“กล่าวเกินไปแล้ว” คุณชายเสียนเกอมองนางแล้วจึงเอ่ย “เดิมทีข้าคิดว่าเจ้ามีเรื่องมากมายเช่นนี้คงจะลำบากไม่น้อย ยามนี้เห็นท่าทีของเจ้าดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสุขเสียมากกว่า เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยอันใดแล้ว พวกเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าไยข้าถึงอยู่ที่นี่” ที่จริงแล้วคุณชายเสียนเกอก็รู้ว่า เมื่อเทียบกับการแต่งชายาไปเลี้ยงดูที่จวน ไม่ให้ชายาถูกลมต้องฝนแม้แต่น้อยแล้ว เว่ยจวินมั่วยอมปล่อยให้หนานกงมั่วออกมาข้างนอก ซ้ำยังให้นางเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องของตัวเองด้วย เพราะว่าศิษย์น้องหญิงของตนผู้นี้ มิใช่หญิงธรรมดาทั่วไป หากเอาแต่ดูแลปกป้องนาง ไม่ยอมให้นางถูกลมต้องฝน เลี้ยงนางอยู่ในจวนหรูหรา นางจะทนได้ถึงเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้

หนานกงมั่วพยักหน้าแล้วจึงเอ่ยถาม “ไยศิษย์พี่ถึงอยู่ที่นี่ได้เล่า”

เสียนเกอเอ่ย “ก่อนวันแต่งงานเจ้า ข้าเดินทางผ่านหลิงโจวไปเยี่ยมสหายเก่าของข้า เขาอาศัยอยู่บนเขาที่ไม่ไกลจากเมืองลั่วหยาง”

“เช่นนั้น…แล้วเขาล่ะ”

“ตายแล้ว” เสียนเกอเอ่ยเสียงเคร่งขรึม คุณชายเสียนเกอไม่ค่อยสบายใจนักเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ “แม้เขาจะอายุมากแล้ว แต่ด้วยร่างกายของผู้ฝึกวิทยายุทธ สุขภาพของเขาจึงยังแข็งแรงดี ไม่ค่อยเจ็บป่วยนัก ตอนที่ข้าไปถึง เขาก็นอนหายใจรวยรินใกล้ตายอยู่บนเตียงแล้ว มิได้มีเพียงแต่เขา บ่าวรับใช้ทั้งสองที่คอยดูแลก็ตายด้วยเช่นกัน เหลือเขาเพียงคนเดียวแล้วตอนที่ข้าไปถึง ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยรอยจ้ำสีเขียว ข้าไม่เคยเห็นโรคเช่นนี้มาก่อน หากยังไม่ทันได้ถามว่าเกิดอันใดขึ้นเขาก็ตายเสียแล้ว ตอนนั้นข้าต้องรีบไปจินหลิง ไม่มีทางเลือกอื่นจึงเผาศพพวกเขาแล้วนำไปฝังไว้ หลังจากวันแต่งงานของเจ้า ข้าคิดว่าเรื่องนี้มีลับลมคมในจึงย้อนกลับมาดูอีกครั้ง เจอจดหมายที่เขาเขียนไว้ให้ข้า ในจดหมายบอกว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อนเขาไปเก็บสมุนไพรที่เขาลั่วหยาง พลัดหลงเข้าไปข้างในเขาลั่วหยาง เจอกับสถานที่ดูลึกลับไม่น้อย ทั้งยังมีองครักษ์เฝ้าไว้แน่นหนา เขาคิดว่าคงเป็นเหมืองอันใดบางอย่างของราชสำนัก ในเมื่อไม่อยากพบกับคนของราชสำนัก ดังนั้นจึงไม่เฉียดเข้าใกล้ที่นั่น”

คุณชายเสียนเกอมองทั้งสองแล้วเอ่ยต่อว่า “เมื่อหลงเข้าไปแล้ว เขาจึงหาทางเลี่ยงองครักษ์พวกนั้นและอยากออกไปให้เร็วที่สุด แต่กลับพบเข้ากับหลุมฝังศพมากมาย ที่หลุมฝังศพนั้น เขาไม่ทันระวังถูกเศษไม้ข่วนเข้าที่เท้าซ้าย ยามนั้นเขาไม่รู้สึกอันใด แต่สองวันต่อมาก็ปรากฏรอยจ้ำเขียวขึ้นมาบนตัวเขา เขาเองพอรู้เรื่องรักษาโรคอยู่บ้าง กระทั่งพบว่ารักษาตัวเองไม่ได้จึงจะลงจากเขาไปหาหมอ ในตอนที่พบว่าบ่าวรับใช้ทั้งสองของเขาก็ล้มป่วยมีอาการเช่นเดียวกัน เขาก็รู้ว่าคงเป็นติดโรคติดต่อจึงตัดสินใจไม่ลงไปจากเขา ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่า…ในแถบนี้ แท้จริงแล้วไม่มีใครมีความรู้เรื่องการรักษาดีไปกว่าเขาแล้ว บ่าวรับใช้ทั้งสองที่ไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ์ตายภายในสี่วัน ในเวลาไม่กี่วันที่เขาปรุงยาด้วยตัวเอง ช่วงระยะนี้พวกเขาพบว่าโรคที่เป็นอยู่เกิดจากบาดแผลที่เขาได้รับจากเขาลั่วหยาง เขายังได้ใช้เลือดของตัวเองป้อนหนูทดลองยาที่เลี้ยงมาตลอดปีด้วย หนูทดลองยาตัวนั้นตายในคืนนั้น เขารู้ว่าตัวเองคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว จึงทิ้งจดหมายฉบับนี้ไว้ จากนั้นก็บอกให้เผาศพของตัวเองไปพร้อมกับบ่าวรับใช้ทั้งสองด้วย…”

หลังจากฟังคุณชายเสียนเกอแล้ว หนานกงมั่วก็รู้สึกสับสนไม่น้อย แต่นางรู้ว่าคุณชายเสียนเกอยังเอ่ยไม่จบดี เป็นเช่นเดียวกับที่นางคิดไว้ ได้ยินคุณชายเสียนเกอเอ่ยต่อว่า “หลังจากข้าอ่านจดหมายจบ ข้าจึงไปตามเส้นทางที่เขาเขียนไว้ในจดหมาย เข้าไปในเขาลั่วหยาง… “

“ศิษย์พี่!” หนานกงมั่วเรียกเขาด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้วแล้วยิ้ม “มั่วเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าหากบนโลกใบนี้มีโรคระบาดหรือวางยาพิษ ข้าคือคนสุดท้ายที่จะถูกแพร่เชื้อ เจ้ากังวลอันใดกัน”

หนานกงมั่วเงียบ เสียนเกอเอ่ยถูกต้องแล้ว แม้หนานกงมั่วจะไม่เห็นด้วย แต่คุณชายเสียนเกอโตมากับอาจารย์และอาจารย์อาตั้งแต่เด็ก ถึงจะมิได้เป็นปรมาจารย์อย่างที่ควรแล้วข้ามมาเป็นหมอเทวดาฝีมือชั้นยอดแทน ด้วยเหตุนี้อาจารย์ผู้ไม่เอาไหนของหนานกงมั่วจึงรักเสียนเกอไม่น้อยเลย ว่ากันว่าตาเฒ่าทั้งสองอุ้มเสียนเกอกลับมาจากกองหิมะ คิดว่าคงช่วยชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว แต่โชคดีที่อาจารย์ใช้ยาต่างๆ แช่เขาราวกับแช่น้ำอาบ จึงได้ช่วยคุณชายเสียนเกอไว้ได้ แม้อาจารย์และอาจารย์อาจะรักและเอ็นดูหนานกงมั่วเช่นเดียวกัน กระทั่งรักและเอ็นดูนางยิ่งกว่า แต่ตอนที่พบหนานกงมั่วนางอายุสิบเอ็ดขวบแล้ว จึงพลาดเวลาที่ดีที่สุด ความแตกต่างของระยะเวลาห้าปีและยี่สิบกว่าปีย่อมชัดเจน

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท