ตอนที่ 455 ตีไปก็เปล่าประโยชน์(1)
หนานกงมั่วนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหลือบมองสาวใช้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่รู้เลยว่า วาจาของข้านั้นสู้คนนอกที่มีสถานะไม่ชัดเจนไม่ได้” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นโดยไม่คิดทำให้คนอื่นต้องลำบากใจ แต่เอ่ยเตือนก่อนว่าคนพวกนี้อย่าได้สร้างเรื่องให้นาง ถึงคนพวกนี้จะกลายเป็นคนของเฉียวเฟยเยียนเพราะการสนับสนุนของหนานกงไหวและการปล่อยปะละเลยของหนานกงชวี่ก็ตาม แต่นั่นไม่ได้หมายถึงพวกเขาจะไม่ไว้หน้านางต่อหน้าเฉียวเฟยเยียนได้
สายตาของหนานกงมั่วเคลื่อนออกจากเหล่าสาวใช้เชื่องช้า มองไปยังเฉียวเฟยเยียนที่มีสีหน้าไม่น่ามองนัก เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อเป็นบุรุษ ไม่เข้าใจเรื่องในเรือน แต่เฉียวฮูหยินควรเข้าใจ แม้ตอนนี้จวนฉู่กั๋วกงไม่มีนายหญิงใหญ่ แต่ยังมีฮูหยินน้อยอยู่ เรื่องในเรือนฉู่กั๋วกงคงไม่ต้องรบกวนเฉียวฮูหยินเป็นกังวล”
เฉียวเฟยเยียนกัดริมฝีปาก กักเก็บความอึดอัดที่อยู่ในใจ เอ่ย “จวิ้นจู่ล้อเล่นแล้ว ภาระหน้าที่ในจวนฉู่กั๋วกงทั้งหมดล้วนเป็นพี่หนานกงมอบหน้าที่ให้ข้า”
“โอ้” หนานกงมั่วมองนางอย่างเหยียดหยาม “บิดาของข้าเป็นคนหยาบกระด้าง แต่เฉียวฮูหยินนั้นเกิดมาในตระกูลผู้ดีมีความรู้ ไม่รู้เลยหรือว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ เดิมทีฮูหยินมาอยู่ในจวนฉู่กั๋วกงก็มีสถานะไม่ชัดเจน ตอนนี้ยังมาปกครองเรือนฉู่กั๋วกงแทนเสียแล้ว คนไม่รู้คงคิดว่าฮูหยินอยากแต่งงานใหม่จนตัวสั่นแล้ว”
เฉียวเฟยเยียนอยากแต่งงานใหม่จริง น่าเสียดายที่นางเอ่ยออกมาไม่ได้
หนานกงมั่วเองไม่สนใจสีหน้าของเฉียวเฟยเยียน เอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “ต่อให้เฉียวฮูหยินอยากแต่งงานอีกครั้ง ทางที่ดีหาคนอื่นเถิด ข้ารับรองได้ว่านายหญิงคนใหม่ของจวนฉู่กั๋วกงเป็นหญิงม่ายได้ แต่ไม่ใช่หญิงม่ายที่ไร้ยางอาย”
“หนานกงมั่ว” หากเฉียวเฟยเยียนยังทนต่อไปได้ นางก็คงกลายเป็นเซียนแล้ว หนานกงมั่วยังเอ่ยไม่ทันจบ ทั่วทั้งห้องโถงก็มีเสียงกรีดร้องแหลมคมของเฉียวเฟยเยียนดังขึ้น ขณะเดียวกันก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวของเฉียวเชียนหนิงเอ่ยขึ้นเสียงดัง เฉียวเชียนหนิงโกรธจนหน้าแดง ออกหมัดใส่หนานกงมั่วโดยไม่คิดลังเล ไม่ว่าใครก็ไม่อาจยอมได้หากมีคนมาดูหมิ่นมารดาของตน
ดวงตาหนานกงมั่วมีรอยยิ้มเย็นพาดผ่าน เพียงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยก็สามารถหลบหมัดของเฉียวเชียนหนิงที่พุ่งเข้ามาได้แล้ว
“บังอาจ” ด้านหลังหนานกงมั่ว จือซูและหมิงฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยด้วยความโกรธ “เจ้าช่างกล้านัก กล้าลงมือกับจวิ้นจู่หรือ” หลินซื่อที่นั่งนิ่งเงียบอยู่ด้านข้างลุกตามขึ้นมา “คุณชายเฉียว ท่านทำเกินไปแล้ว ลงมือกับจวิ้นจู่ได้เยี่ยงไร ท่านไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ” ไม่ใช่ว่าหลินซื่อมีความห่วงใยต่อความสัมพันธ์น้องสาวพี่สะใภ้เท่าใดนัก เพียงแต่ผ่านเรื่องราวมามากมาย หลินซื่อรู้ว่าสามีของตนนั้นให้ความสำคัญกับหนานกงมั่วน้องสาวผู้นี้เป็นอย่างมาก ตนช่วยออกหน้าแทนหนานกงมั่ว ไม่ว่าผลออกมาเช่นไรหนานกงชวี่จะต้องปกป้องตนเองอย่างแน่นอน
ไหนเลยเฉียวเชียนหนิงจะทนได้ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนกักเก็บอารมณ์มากนัก ยามนี้รู้ว่าตนเองก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของจวนฉู่กั๋วกงฐานะไม่ได้ด้อยไปกว่าหนานกงมั่ว ยิ่งไม่เห็นหนานกงมั่วสามพี่น้องอยู่ในสายตาแล้ว
“ลงมือก็ลงมือกับนาง” เฉียวเชียนหนิงกัดฟันเอ่ย “หญิงผู้นี้ด่าประจานมารดาของข้าหลายต่อหลายครั้ง ไม่สั่งสอนนางข้าคงไร้ค่า”
หนานกงมั่วถอยไปด้านข้างหนึ่งก้าว ยกยิ้มมุมปาก “ข้าไปด่าประจานมารดาเจ้าตั้งแต่เมื่อใด”
เฉียวเชียนหนิงจ้องมองหนานกงมั่วเขม็ง. ใบหน้าราวกับกำลังบอกว่า กล้าทำไม่กล้ารับหรือ
หนานกงมั่วยิ้มตาหยี “ข้าพูดความจริง ด่าประจานที่ไหนกันเล่า”
“หญิงชั่ว เจ้าอยากตายหรือ” เฉียวเชียนหนิงเอ่ยเสียงดัง พุ่งเข้าหาหนานกงมั่ว
“จวิ้นจู่!”
“หนิงเอ๋อร์!”
“น้องสาว!”
เฉียวเชียนหนิงตั้งใจจะต่อยหนานกงมั่วแรงๆ สักครั้ง น่าเสียดายกำลังของทั้งคู่นั้นห่างไกลกันเกินไป หนานกงมั่วไม่จำเป็นต้องลงมือ เพียงเคลื่อนปลายเท้าเล็กน้อย เฉียวเชียนหนิงพุ่งเข้ามาแม้แต่ชายกระโปรงของนางยังไม่ได้สัมผัส บวกกับเหล่าจือซูที่อยากเข้ามาห้ามเฉียวเชียนหนิง อีกทั้งเฉียวเฟยเยียนมี่คิดอยากดึงเฉียวเชียนหนิง ทั่วทั้งห้องจึงอลหม่านขึ้นมา นอกเสียจากเฉียวเย่ว์อู่ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้าเย็นชาไม่รู้กำลังคิดสิ่งใด
“คนเลว กล้าทำร้ายน้องสาวข้าหรือ” ในตอนที่ห้องทั้งห้องกำลังวุ่นวาย เสียงตะโกนพลันดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู ยกเท้าถีบเฉียวเฟยเยียนออกไปและกดเฉียวเชียนหนิงลงกับพื้น จากนั้นรัวหมัดต่อยลงไปอย่างไม่เกรงใจ
“เชียนหนิง!” เฉียวเฟยเยียนร้องเรียกเสียงดัง รีบเข้าไปดึงหนานกงฮุยที่คร่อมอยู่บนตัวเฉียวเชียนหนิง แต่ไหนเลยนางจะสู้หนานกงฮุยที่ตัวใหญ่ได้ หนานกงฮุยไม่หันหน้ากลับมาด้วยซ้ำ เพียงสะบัดมือเฉียวเฟยเยียนก็ปลิวออกไปไกล ถูกสาวใช้เข้ามาประคองเอาไว้
เดิมเฉียวเชียนหนิงฝีมือดีกว่าหนานกงฮุยมาก แต่ก่อนหน้านี้หนานกงฮุยเคยอยู่ในสนามรบมาก่อน แต่งงานแล้วพ่อตายังฝึกฝนเขามาช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อระเบิดออกมาจึงทำให้เฉียวเชียนหนิงแทบลุกไม่ขึ้น
“ใครให้เจ้าทำร้ายมั่วเอ๋อร์ ใครให้เจ้าทำร้ายมั่วเอ๋อร์” หนานกงฮุยยังไม่พอใจ ตวัดหมัดหนักๆ ใส่หน้าเฉียวเชียนหนิงอีกหลายครั้ง
“หนิงเอ๋อร์ รีบไปเชิญนายท่านกลับมา” เฉียวเฟยเยียนรู้ว่าหนานกงฮุยไม่มีทางไว้หน้าตนแน่ ความจริงเมื่อเทียบกับหนานกงมั่ว คนแบบหนานกงฮุยนั้นรับมือยากยิ่งกว่า เมื่อเขาตั้งใจจะทำอันใดสักอย่าง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ดังเช่นตอนนี้ หนานกงฮุยเชื่อว่าเฉียวเชียนหนิงจะทำร้ายหนานกงมั่วจะยอมทนได้เยี่ยงไร รีบรุดเข้าไปต่อยให้เฉียวเชียนหนิงเกือบตายก่อนค่อยว่ากัน
“ทำอันใดกัน ยังไม่หยุดอีก!” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากหน้าประตู หนานกงฮุยกลับทำราวกับไม่ได้ยิน ต่อยเฉียวเชียนหนิงแรงๆ จนต้องร้องโหยหวนออกมา
เห็นดังนั้น หนานกงไหวโกรธจนหน้าเขียวปั๊ด เดินเข้ามาแยกทั้งสองออกจากกัน
“ฮุยเอ๋อร์ พอแล้ว” หนานกงชวี่ที่อยู่ด้านข้างหนานกงไหวรีบก้าวเดินเข้าไปก่อน จับหนานกงฮุยเอาไว้ เอ่ยเสียงเข้ม “ฮุยเอ๋อร์ พอแล้ว” เมื่อเห็นพี่ใหญ่ หนานกงฮุยจึงหยุดมือ ลุกขึ้นมาแล้วอดไม่ได้เตะเฉียวเชียนหนิงซ้ำไปอีกแรงๆ หนึ่งครั้ง “พี่ใหญ่ คนเลวนี่ทำร้ายมั่วเอ๋อร์ ทำร้ายสตรีนับเป็นตัวอะไรกัน คนขี้ขลาด หากข้าเห็นว่าเจ้าลงมือกับมั่วเอ๋อร์อีก ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย”
เฉียวเชียนหนิงนอนกุมท้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกมาได้
“…” หนานกงชวี่มองไปยังหนานกงมั่วที่แม้แต่ผมเส้นเดียวก็ไม่ยุ่งเหยิง ลอบกระตุกมุมปาก ยื่นมือไปตบไหล่น้องชายตนเองเบาๆ ทำร้ายสตรีแน่นอนไม่นับเป็นตัวอะไร แต่หากจะทำร้ายมั่วเอ๋อร์…เกรงว่าคงต้องใช้ความกล้า
“หนิงเอ๋อร์” เฉียวเฟยเยียนพุ่งเข้าไปกอดเฉียวเชียนหนิงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่อาจขยับตัว ก้มหน้าก้มตาร้องไห้
หนานกงไหวมองเฉียวเชียนหนิงที่ถูกต่อยปางตายอยู่บนพื้น จากนั้นมองเฉียวเฟยเยียนที่กอดเฉียวเชียนหนิงร่ำไห้ ความโกรธปะทุขึ้นมาทันใด ไม่แม้แต่จะไตร่ตรองเตะไปที่หนานกงฮุย หนานกงฮุยไม่คิดว่าตนเองทำผิดอันใด เมื่อเห็นเท้าของหนานกงไหวที่เตะเข้ามาจึงไม่หลบเลี่ยงแต่อย่างใด ยืนรับอยู่แบบนั้น