หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 475 ไว้หน้าแล้วกลับไม่รับ (3)

ตอนที่ 475 ไว้หน้าแล้วกลับไม่รับ (3)

ตอนที่ 475 ไว้หน้าแล้วกลับไม่รับ (3)
ฉินฮูหยินมองจูชูอวี้อย่างเย็นชาแล้วจึงเอ่ย “ซั่นจยาเซี่ยนจู่ทำเช่นนี้หมายความเยี่ยงไร พาคนมาระรานถึงจวนตระกูลฉินเชียวหรือ คิดว่าตระกูลฉินของเราจะเกรงกลัวตระกูลจูเช่นนั้นใช่หรือไม่

จูชูอวี้หลับตาลงแล้วเอ่ยตอบเบาๆ “ครั้งนี้ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งสิ้น ฮูหยินโปรดใจเย็นก่อน อีกอย่าง…คนที่บาดเจ็บในตอนนี้คือคนของตระกูลจูเรา คนของตระกูลท่านมิได้บาดเจ็บเลยแม้แต่ปลายเล็บมิใช่หรือ” ฉินฮูหยินยิ้มหยัน เอ่ยถาม “ข้าเป็นฝ่ายเชิญซั่นจยาเซี่ยนจู่มาหรือ” ในบรรดาผู้นำของสิบตระกูลขุนนางในจินหลิง ระหว่างตระกูลฉินกับตระกูลขุนนางปลายแถวอย่างตระกูลจูนั้นแตกต่างกันมากเกินกว่าจะเปรียบเทียบกันได้ ทว่ายามนี้คล้ายว่าตระกูลจูกำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุด และเล็งเป้าหมายมาที่ตระกูลฉิน ฉินฮูหยินจึงไม่แสดงความเกรงใจต่อคุณหนูใหญ่ตระกูลจูอย่างจูชูอวี้มากนัก

“แล้วคนผู้นี้! เจ้าพาเขามาเพื่ออันใด” ฉินฮูหยินเหลือบมองหร่วนอวี้จือที่ถูกทุบตีจนหน้าตาฟกช้ำไปหมด เอ่ยถามเสียงเย็นชา เดิมทีที่จิ้นจั๋วมีเรื่องมีราวฉินฮูหยินก็ไม่พอใจอยู่หรอก ทว่าผู้ที่จิ้นจั๋วมีเรื่องด้วยเป็นหร่วนอวี้จือ ฉินฮูหยินกลับรู้สึกดีใจเสียอย่างนั้น ในฐานะมารดาแล้ว เมื่อคิดว่าลูกสาวของตนเองถูกคนผู้หนึ่งหลอกลวง ฉินฮูหยินแทบทนไม่ไหวอยากจะไปจัดการเขาด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้หร่วนอวี้จือถูกสั่งสอนจึงหลบซ่อนตัว แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะยังกล้าเผยตัวออกมา ถึงขั้นกล้าเข้ามาเหยียบถึงจวนตระกูลฉินอีก นางไม่จัดการไล่เขาไปพร้อมกับจูชูอวี้ก็นับว่าฉินฮูหยินได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีแล้ว

หร่วนอวี้จือที่ไม่ต้องการเงียบ ทั้งยังไม่สนใจด้วยว่าตัวเขาจะเจ็บปวดหรือน่าอับอายเพียงใด จึงเอ่ยอย่างทะนงตนขึ้นว่า “ข้าได้รับแต่งตั้งจากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ให้เป็นเส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่” สีหน้าเขาเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจ เพียงแต่ใบหน้าบวมช้ำของเขาในตอนนี้ ทำให้ท่าทางลำพองใจกลับยิ่งดูอัปลักษณ์ไม่เข้าตาสักเท่าใด

ฉินซีขมวดคิ้วแล้วหันไป นึกเสียใจที่ในตอนแรกเลือกคนเช่นนี้มาได้ หากไม่เกิดเรื่องก่อนหน้านี้ ตนก็คงแต่งงานกับคนเช่นนี้ไปแล้ว เกรงว่าคงตายตาไม่หลับเป็นแน่

สีหน้าของฉินฮูหยินเปลี่ยนไป เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ซั่นจยาเซี่ยนจู่ตั้งใจทำให้ตระกูลฉินอับอาย หรือวันนี้ท่านมาเพื่อโอ้อวดอย่างนั้นหรือ” หร่วนอวี้จือไม่มีอำนาจและอิทธิพลใดในจินหลิง เอ่ยอย่างไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือ แม้เขาตายไปก็ไม่มีใครจำเป็นต้องรู้ สามารถคืนตำแหน่งราชการได้ตั้งแต่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่ขึ้นครองราชย์ กระทั่งได้เลื่อนขั้นเป็นเส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่ผู้มากอำนาจ จะบอกว่าไม่ใช่แผนการของตระกูลจู ฉินฮูหยินจะเชื่อได้อย่างไร

จูชูอวี้ยิ้มบาง เอ่ย “ฮูหยินกล่าวหนักเกินไปแล้ว ที่ข้ามาวันนี้เป็นเพราะมีข่าวดีมาบอกให้ฮูหยินทราบ”

หนานกงมั่วเดินมาถึงนอกประตูห้องโถงก็ได้ยินเสียงเครื่องเคลือบตกแตกชัดเจน จากนั้นก็เป็นเสียงเกรี้ยวกราดของฉินฮูหยิน “ซั่นจยาเซี่ยนจู่กลับไปเถิด ตระกูลฉินของเราไม่ต้อนรับซั่นจยาเซี่ยนจู่!”

หนานกงมั่วก้าวเข้าไปในห้องโถง ระหว่างที่ฉินฮูหยินกำลังจ้องจูชูอวี้และหร่วนอวี้จืออย่างโกรธเคือง สีหน้าของฉินซีเองก็ดูไม่ค่อยดีเช่นกัน

เมื่อเห็นหนานกงมั่วเข้ามา ดวงตาของจูชูอวี้ก็สั่นไหว รีบเดินเข้าไปโค้งคำนับ “คารวะจวิ้นจู่” ทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของฉินฮูหยินที่เอ่ยส่งแขก หนานกงมั่วพยักหน้าเล็กน้อย “พอดีเลย ซั่นจยาเซี่ยนจู่ก็อยู่ด้วย” เดินผ่านจูชูอวี้เข้ามาแล้วจับมือของฉินซีไว้ ตรวจดูชีพจรพลางเอ่ย “มีเรื่องอันใดให้โมโหถึงเพียงนี้ หน้าซีดไปหมดแล้ว นั่งลงพักก่อนเถิด”

ฉินซีฝืนยิ้มอย่างไม่เต็มใจและกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ ตามที่นางบอก

“ฉินฮูหยิน ข้ามาถึงจวนยังไม่ได้เข้าไปคารวะ เสียมารยาทจริงๆ” หนานกงมั่วหันกลับมาเอ่ยกับฉินฮูหยิน ฉินฮูหยินรู้ว่าหนานกงมั่วเป็นผู้มีพระคุณของลูกสาวนาง ยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเกรงใจ “จวิ้นจู่ก็กล่าวเกินไป ทำให้ต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ ช่างน่าหัวเราะเยาะแล้ว”

“ไหน ข้าได้ยินว่าพี่จิ้นทำร้ายคนในจวนของท่าน ไม่รู้ว่าร้ายแรงหรือไม่ ฮูหยินโปรดอภัยให้ด้วย” หนานกงมั่วกล่าว

“จวิ้นจู่เอามาจากที่ใดกัน คุณชายจิ้น…ผู้นี้ไม่ได้ทำร้ายใครในจวนของเราสักหน่อย” ฉินฮูหยินกล่าว

หนานกงมั่วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ดีแล้ว ไม่ทำให้ใครเจ็บก็ดี พี่จิ้นเป็นคนในยุทธภพ หากมีเรื่องเข้าใจผิดอันใด ขอฮูหยินโปรดอภัยด้วย”

“คนที่เจ้านั่นทำร้ายน่ะคือข้าต่างหาก!” ทางด้านหลัง หร่วนอวี้จือเอ่ยขึ้นพร้อมกัดฟันกรอด เมื่อครู่หนานกงมั่วมองเห็นเขาแล้ว แต่แสร้งทำราวกับว่าไม่เห็น สำหรับคนอย่างหร่วนอวี้จือที่มีชื่อเสียงอันจอมปลอม คนที่เคยสูญเสียบางอย่างและได้กลับมาใหม่นั้น สิ่งที่รับไม่ได้ที่สุดคือถูกผู้อื่นละเลย แน่นอนว่าหร่วนอวี้จือไม่มีทางคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้เป็นความผิดของตัวเอง เขาเพียงแค่คิดว่าเมื่อก่อนเขาถูกพวกคนเลวใส่ร้ายและโชคชะตาพลิกผัน ยามนี้เรื่องราวร้ายกลายเป็นดีแล้วก็กลับลืมตาอ้าปากได้ เพียงแต่เสียดายที่เขาไม่เคยคิดว่าตระกูลฉินจะทำอันใดกับตระกูลจูหรือเกิดเรื่องวุ่นวาย แต่การรับมือกับเส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่เพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด

หนานกงมั่วหันกลับไปมองหร่วนอวี้จือ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามว่า “นี่คือผู้ใดกัน เหตุใดจึงมีสภาพเช่นนี้ พี่จิ้น นี่ท่าน…”

ในที่สุดจิ้นจั๋วซึ่งยืนเฝ้าดูสถานการณ์อยู่ก็เอ่ยขึ้น เอ่ยแค่เพียงว่า “ข้าก็แค่ตีหมาที่เอาแต่เห่าไปทุกหนทุกแห่งเท่านั้น ต้องรายงานจวิ้นจู่ด้วยหรือ”

หนานกงมั่วยิ้ม “แน่นอนว่าตีหมาคงไม่ต้อง แต่ว่า…”

“ก็แค่นั้น” จิ้นจั๋วเอ่ยอย่างหนักแน่น ยิ่งไปกว่านั้นยังรอจนดวงตาของหนานกงมั่วกระจ่าง ท่านถามอีกสิ! ถึงข้าจะตีแล้วก็จะตีอีก

หนานกงมั่วไม่มีทางเลือก สรุปว่าจิ้นจั๋วยืนยันว่าคนผู้นี้เป็นหมา แต่ก็… “คุณชายคนนี้คือใคร”

หร่วนอวี้จืออยากจะกระอักเลือดออกมา เขาโอ้อวดว่าตัวเองเก่งกล้าสามารถและรูปลักษณ์โดดเด่น แต่ไม่คิดว่าเจอกันตั้งหลายครั้ง หนานกงมั่วกลับจำเขาไม่ได้เลย

จูชูอวี้ยิ้มหวาน “ไยจวิ้นจู่ต้องพูดเล่นอย่างนั้น คนผู้นี้คือหร่วนอวี้จือ เส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่คนใหม่ ใต้เท้าหร่วน”

หนานกงมั่วเหลือบมองจูชูอวี้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ซั่นจยาเซี่ยนจู่รอบรู้นัก”

จูชูอวี้เข้าใจแจ่มแจ้ง ยิ้มพลางเอ่ย “จวิ้นจู่ชมเกินไปแล้ว”

หนานกงมั่วมองจูชูอวี้สลับกับฉินฮูหยิน เอ่ย “เมื่อครู่เหมือนว่าฮูหยินกับเซี่ยนจู่จะคุยธุระกันอยู่ ข้ามาขัดจังหวะหรือไม่”

ฉินฮูหยินดึงหนานกงมั่วเข้ามาแล้วกล่าวว่า “จวิ้นจู่เอ่ยอันใดกัน ไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกับจวิ้นจู่เลย วันนี้ได้เจอทั้งที เชิญนั่งดื่มชาด้วยกันก่อนเถิด ซั่นจยาเซี่ยนจู่ เชิญเถิด” จูชูอวี้ถอนหายใจพลางเอ่ย “ฉินฮูหยินไม่ทบทวนอีกครั้งหรือ คุณหนูสี่ตระกูลฉินอายุสิบเจ็ดปีแล้ว เหมาะกับน้องชายของข้าเลย…”

“ไสหัวไป!” ฉินฮูหยินไม่สนใจมารยาทหรือการอบรมอันใดแล้ว นางเอ่ยด่าออกไปทันที คุณชายตระกูลจูใช้ไม่ได้สักคน ยิ่งคุณชายสามตระกูลจูที่จูชูอวี้กล่าวถึงนั้นยิ่งชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่ว ยังเพ้อเจ้อคิดจะมาสู่ขอลูกสาวของนาง หากยกซีเอ๋อร์ให้แต่งเข้าตระกูลจูจริงๆ ล่ะก็ เกรงว่าเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นพวกตนก็คงเหมือนตายซ้ำแล้วซ้ำอีก

จูชูอวี้ไม่ได้โกรธอันใด เอ่ยว่า “ถึงฮูหยินไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร ไยต้องเอ่ยวาจาหยาบคายด้วยเล่า ฮูหยินก็รู้ดีว่าน้องสาวของข้าเป็นนางสนมในจวนเย่ว์จวิ้นอ๋อง เมื่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์แล้วแต่งตั้งนางให้เป็นกุ้ยเฟย แม้ตระกูลจูของเราจะไม่อาจเทียบเท่าตระกูลฉินแต่ก็คงไม่ทำให้คุณหนูฉินต้องเสื่อมเสียเกียรติ”

ฉินฮูหยินยิ้มหยัน ไว้หน้าแล้วกลับไม่รับ!

“ซั่นจยาเซี่ยนจู่” ฉินฮูหยินมองจูชูอวี้อย่างเย็นชาแล้วกล่าวว่า “ข้าเห็นว่าเซี่ยนจู่อายุก็ไม่น้อยแล้วไม่ใช่หรือ หากท่านมีเวลามากังวลเรื่องแต่งงานของผู้อื่น สู้คิดว่าจะทำเยี่ยงไรให้ตัวเองได้แต่งงานจะดีกว่า ส่วนซีเอ๋อร์ของเรา มีเพียงพ่อแม่คอยหาให้ก็พอ หากไม่สำเร็จก็ยังมีพี่ชายนางคอยสนับสนุนอยู่ เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่าซั่นจยาเซี่ยนจู่เที่ยวจัดการไปทั่ว ยามนี้ยังทำตัวเป็นหญิงสามนางหกแม่[1] ทำเช่นนี้ไปเพื่ออันใดกัน”

[1]สามนางหกแม่ เป็นสำนวนจีน หมายถึงผู้หญิงที่ไม่ได้ปฏิบัติตามจารีตของสังคมคือไปทำงานนอกบ้าน สามนางหมายถึง แม่ชี นักพรต และหมอดู ส่วนหกแม่หมายถึง แม่เล้า แม่สื่อ ช่างตัดผม เจ้าของหอคณิกา หญิงขายยา หมอตำแย

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท