ตอนที่ 525 เนรคุณ สวมเขา (3)
“กรี๊ด หนานกงชวี่…เจ้ามันบ้า เจ้ามันบ้าไปแล้ว…” เฉียวเฟยเยียนเจ็บปวดจนสั่นไปทั้งตัว นางยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่ ไม่รู้ว่าไยหนานกงไหวจึงทำเพียงยืนมองนางทุกข์ทรมานไม่เข้ามาช่วยเหลือนาง “ท่านพี่หนานกง…ช่วยข้า เจ็บเหลือเกิน…”
“เจ้าคิดว่าท่านพ่อจะมาช่วยเจ้าอย่างนั้นหรือ” หนานกงชวี่โน้มตัวลงไป ดึงกริชสั้นของตนเองขึ้นมาทำให้เฉียวเฟยเยียนกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมเอ่ยเสียงเบากับเฉียวเฟยเยียน “ครั้งนี้ เป็นการเอาคืนที่เจ้าทำกับมารดาของข้าในตอนนั้น เจ้าว่า…ครั้งต่อไป ข้าจะแทงที่ไหน”
“เจ้าบ้า” เฉียวเฟยเยียนตะโกนเสียงดัง
“ก็ใช่น่ะสิ” ดวงตาของหนานกงชวี่เย็นชา “นับตั้งแต่ว่าที่เจ้าก้าวเข้ามาเหยียบจินหลิง…ก็ควรจะนึกถึงวันนี้ รู้หรือไม่ว่าบุตรีที่รักของเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใด อ้อ ยังมีบุตรชายที่รักของเจ้าด้วย…อีกทั้งเดรัจฉานที่พึ่งเปิดเผยออกมาเมื่อวาน เจ้าวางใจ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา น่าเสียดาย…ต่อให้มารดาของข้าจากไปแล้วอย่างไรก็ยังเป็นฉู่กั๋วกงฮูหยิน เป็นบุตรีเชื้อสายหลักตระกูลเมิ่งที่สูงส่ง แต่เจ้า…สุดท้ายของชีวิต เจ้าก็ยังเป็นเพียงหญิงสารเลวที่เป็นตัวกาลกิณีของสามี แม้แต่จะถือรองเท้าให้มารดาของข้าเจ้ายังไม่เหมาะสม”
ทั้งชีวิตนี้คนที่เฉียวเฟยเยียนเกลียดหรือบอกว่าริษยาที่สุดก็คือเมิ่งซื่อ นึกถึงสภาพตนเองในตอนนี้ นึกย้อนไปถึงเมิ่งซื่อในความทรงจำ เฉียวเฟยเยียนพลันรู้สึกว่าการตายเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวที่สุดไม่อาจมีอะไรมาเทียบได้ เดิมทีนางเองก็ไม่ใช่คนไม่กลัวความตาย
“ไม่…ไม่ ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากตาย ท่านพี่หนานกง ท่านอ๋องช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าด้วย ฮือๆ…ข้าไม่อยากตาย”
เซียวเชียนเยี่ยรู้สึกน่าสนใจ “เฉียวฮูหยิน ตอนนี้พวกเขาใครก็ช่วยเจ้าไม่ได้ หากเจ้าไม่อยากตายจริงๆ ล่ะก็ เล่าความจริงทั้งหมดออกมา” เฉียวเฟยเยียนน้ำตานองหน้ามองไปยังเซียวเชียนเยี่ยที่นั่งอยู่ น่าเสียดายที่ร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อของนางทำให้ความงดงามของนางเลือนหาย มองเฉียวเฟยเยียนที่มีท่าทีลังเล ดวงตาของเซียวเชียนเยี่ยเย็นยะเยือกลง เอ่ยเสียงเย็น “เฉียวฮูหยิน ตอนนี้ข้าอยากฟังเจ้าเอ่ยความจริง หากเจ้ามองข้ามความหวังดีของข้า ข้าคงต้องยกเจ้าให้หนานกงชวี่จัดการ เจ้าลองดูสิว่าฉู่กั๋วกง…จะช่วยเจ้าได้หรือไม่”
แน่นอนว่าหนานกงไหวช่วยนางไม่ได้ นางปรากฏตัวอยู่ที่นี่มานานเพียงนี้ ถูกหนานกงชวี่ทำให้เสียโฉม ถูกแทงมือทะลุ แม้แต่ขยับตัวหนานกงไหวยังไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“ข้า…” มองกริชในมือหนานกงชวี่ด้วยความหวาดกลัว เฉียวเฟยเยียนตัวสั่นเทา
“เฟยเยียน” หนานกงไหวเอ่ยเสียงดัง
เฉียวเฟยเยียนก้มหน้า ไม่กล้ามองไปยังหนานกงไหว เซียวเชียนเยี่ยยกจดหมายในมือขึ้นมาพร้อมเอ่ยถาม “เช่นนั้น…สิ่งที่เขียนในจดหมายฉบับนี้เป็นความจริงอย่างนั้นหรือ”
เฉียวเฟยเยียนพยักหน้า
หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเองก็กำลังจับตามองเฉียวเฟยเยียน เรื่องการล่มสลายของตระกูลเมิ่งนั้นเป็นเรื่องนานมาแล้ว อย่าว่าแต่หนานกงมั่วเลย ยามนั้นเว่ยจวินมั่วเพิ่งเกิดด้วยซ้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้ไม่มากนัก ทว่าไม่คิดว่าจะมีความลับที่ทำให้คนหูผึ่งซ่อนเอาไว้
ร่างกายของเฉียวเฟยเยียนสั่นเทา เอ่ยเสียงเบา “ตอนนั้น…ตระกูลเมิ่ง เพราะเรื่องของเราทำให้ท่านพี่หนานกงเสียหน้ามากเมื่ออยู่ในกองทัพ อีกครั้ง…พวกเรา พวกเรานัดเจอกันจึงถูกชาวเป่ยหยวนพบเข้า คนที่ติดตามพวกเราล้วนถูกสังหาร ท่านพี่หนานกงก็เลย…ก็เลยทำข้อตกลงกับเป่ยหยวน ขอเพียงไว้ชีวิตพวกเรา หลังจากนั้น…หลังจากนั้นท่านพี่หนานกงก็… ต่อมาชาวเป่ยหยวนพ่ายแพ้ ล่าถอยออกจากที่ราบลุ่มนี้ไป ท่านพี่หนานกงรับหน้าที่ปล่อยพระชายารัชทายาทที่กำลังมีครรภ์และองค์ชายน้อย แต่…แต่ถูกคุณชายสามตระกูลเมิ่งพบเข้า”
“หลังจากนั้น ท่านพี่หนานกงจึงวางแผนสังหารคุณชายเมิ่งสาม แต่เขาก็ยังไม่วางใจ คุณชายสามขึ้นชื่อเรื่องเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ บางทีเขาอาจบอกเรื่องนี้กับคนอื่นในตระกูลเมิ่งไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเมื่อทำแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุด สังหารคนในตระกูลเมิ่งทั้งหมด ขณะเดียวกันก็เป็นการกดตระกูลเมิ่งเอาไว้ด้วย ทว่าหากทำเองอาจเป็นที่ต้องสงสัย ดังนั้นจึงติดต่อดึงเป่ยหยวนเข้ามาร่วมด้วย อาศัยจังหวะที่ทุกคนรวมตัวอยู่เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายท่านเมิ่ง พาคนบุกเข้าไปสังหารคนตระกูลเมิ่งทั้งหมด เดิมที…เดิมทีเมิ่งซื่อก็ควรอยู่ที่นั่น ทว่าตอนนั้นเมิ่งซื่อเดินทางไปตานหยางกับอตีดฮองเฮา บังเอิญเมิ่งซื่อกำลังตั้งครรภ์จึงรีบกลับมาร่วมงานวันคล้ายวันเกิดของนายท่านไม่ทัน ดังนั้นจึง…”
“แต่ไม่คิดว่า เรื่องนี้…กลับมีคนรู้เรื่อง นั่นก็คือ…เจิ้งซื่อหนานกงฮูหยินคนต่อมา เดิมทีนางเป็นเพียงสาวใช้ขั้นสองของตระกูลเมิ่ง ไม่รู้นางได้จดหมายที่คุณชายสามเมิ่งเขียนเอาไว้มาจากที่ใด เมื่อตระกูลเมิ่งดับสลายลงนางจึงเอาจดหมายครึ่งหนึ่งออกมาข่มขู่ท่านพี่หนานกง อีกครึ่ง…ไม่ว่าค้นหาอย่างไรก็ยังไร้ร่องรอย ท่านพี่หนานกงทำอันใดไม่ได้…จำต้องไว้ชีวิตนาง จากนั้นจึงกลายเป็นภรรยานอกสมรสเลี้ยงไว้นอกบ้าน จนกระทั่งเจิ้งซื่อตั้งครรภ์ ผลกระทบจากตระกูลเมิ่งก็หายไปมากแล้ว เขาจึงพานางกลับมายังจวนฉู่กั๋วกง…”
ทั่วทั้งตำหนักเงียบสงัด เสียงของเฉียวเฟยเยียนไม่ได้ดังมากนักทว่าทุกคนที่อยู่ณ ที่แห่งนั้นล้วนได้ยินอย่างชัดเจน มองใบหน้าไร้ความรู้สึกของหนานกงไหวที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แม้แต่ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างเซียวฉุนและหนานกงไหวเองก็ยังมองมาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม คบหาสตรีอื่นลับหลังภรรยาก็ช่างเถิด ยังตกไปอยู่ในกำมือของศัตรูด้วยเหตุผลเช่นนี้ซ้ำยังไม่ยอมเสียสละตัวเองยังร้องขอชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นยังร่วมมือกับเป่ยหยวนให้ปล่อยองค์ชายและพระชายารัชทายาทไป สุดท้ายยังลืมบุญคุณทำลายตระกูลที่สืบทอดกันมายาวยานกว่าพันปี คนเช่นนี้…ยังจะเรียกว่าคนอยู่ได้เยี่ยงไร
“ไยเจ้าจึงรู้ละเอียดถึงเพียงนี้เล่า” หนานกงมั่วเอ่ยปากถาม
เฉียวเฟยเยียนเหลือบมองหนานกงมั่วเล็กน้อย สายตายังคงเรียบเรื่อย ชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “เรื่องราวหลังจากนั้น…เป็นเขาที่บอกกับข้า เดิมที่ท่านพี่หนานกงบอกว่ารอเมิ่งซื่อตายจากจึงจะแต่งข้าเข้าจวน แต่ว่า…สุดท้ายเมิ่งซื่อไม่เพียงไม่ตายยังมีเจิ้งซื่อเพิ่มมาอีกคน” เอ่ยมาถึงตรงนี้ เฉียวเฟยเยียนจึงกัดฟัน เห็นชัดว่าการแต่งกับหวาหนิงจวิ้นอ๋องนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจปฏิเสธได้
“หนานกงไหว สิ่งที่สตรีนางนี้เอ่ยเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ” เอ้อกั๋วกงทนไม่ไหวตะโกนเสียงดังขึ้นมา คนที่อยู่ตรงนั้นไม่มีใครผ่านสนามรบมามากเท่าเอ้อกั๋วกง นึกถึงประชาชนที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเมื่อยู่ภายใต้การปกครองของเป่ยหยวน นึกถึงเพื่อนที่ร่วมทำสงครามมาด้วยกัน นึกถึงคนตระกูลเมิ่งที่ต้องตายตาไม่หลับ แม่ทัพที่กล้าหาญและซื่อสัตย์เช่นเขามิอาจรับได้
หนานกงไหวเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด เวลานี้เอ่ยมากไปก็คงช่วยอันใดไม่ได้ อีกทั้งเขาก็ไม่อาจเอ่ยสิ่งใดไปมากกว่านี้ได้แล้ว หนานกงชวี่ขโมยสิ่งใดไปจากห้องหนังสือของเขาเขาย่อมรู้ดี เพียงมีจดหมายที่สมบูรณ์นั่น ต่อให้ไม่มีหลักฐานอื่นเขาก็แก้ตัวไม่ได้แล้ว
“เจ้ามันเลว เจ้ามันมัวเมาไปกับจิตใจของตนเอง” เอ้อกั๋วกงโกรธจัด ชักดาบจากองครักษ์ด้านข้างเตรียมพุ่งเข้าหาหนานกงไหว ทว่าถูกองครักษ์ข้างกายขวางเอาไว้
มิใช่หลงมัวเมากับจิตใจหรอกหรือ หากตอนนั้นรู้ว่าต้องแลกอันใดมากมายเพียงนี้เพื่อสตรีผู้เดียว ยังจะลุ่มหลงต่อเฉียวเฟยเยียนเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่ แต่ว่าในเมื่อเรื่องราวได้เกิดขึ้นแล้ว เรื่องราวเหล่านั้นเขาทำมันลงไปแล้ว เช่นนั้นสำหรับเขาแล้วเฉียวเฟยเยียนยิ่งดูสำคัญ เพื่อสตรีนางเดียว เขาทำลายตระกูลเมิ่งทั้งตระกูลอย่างนั้นหรือ ดังนั้นหนานกงไหวจึงพยายามลืมเรื่องราวมากมาย ลืมคนที่ถูกจับมาและตนเอง ลืมเขาที่ไม่อยากตายจึงร่วมมือกับเป่ยหยวน ลืมความร่วมมือหลายต่อหลายครั้งกับเป่ยหยวนจนถูกคุณชายเมิ่งสามจับได้ ลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปให้หมด เขาเป็นเพียงวีรบุรุษผู้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ ฉู่กั๋วกงหนานกงไหว เฉียวเฟยเยียนสตรีที่เขารักถูกตระกูลเมิ่งจับแยก มีเพียงเท่านี้…