ตอนที่ 554 ถอยหลัง ก่อนจากไป (3)
ดวงตาของเซียวเชียนจย่งมองไปรอบๆ เหลือบมองผู้คนรอบทิศที่มองมายังตนเอง เคลื่อนตัวไปนั่งลงด้านข้างองค์หญิงฉังผิงอย่างชาญฉลาด องค์หญิงฉังผิงลูบศีรษะของหลานชายด้วยความรักเอ็นดู สั่งสาวใช้นำของว่างมาให้เขา เอ่ยปากถาม “อู๋สยากล่าวถูกแล้ว เรื่องครั้งนี้เกิดอันใดขึ้นกันแน่ พวกเราไม่เข้าใจ จึงทำได้เพียงร้อนใจเท่านั้น”
เซียวเชียนจย่งกะพริบตาปริบ “พี่สะใภ้สืบชัดเจนหมดแล้วมิใช่หรือขอรับ” เห็นอยู่ว่าเซียวเชียนเยี่ยเจ้าบ้านั่นใส่ร้ายพวกเขา
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “สืบชัดเจนแล้วนั่นไม่ผิด แต่ไม่ได้หมายความว่าระหว่างนั้นจะไม่มีอันใดอย่างอื่น มิเช่นนั้นไยเขาไม่ใส่ร้ายคนอื่นแต่มาใส่ร้ายเจ้าเล่า”
เซียวเชียนจย่งเบ้ปาก เอ่ย “ข้าอาจจะดวงไม่ดีก็ได้ พี่ใหญ่พี่รองล้วนไม่ชอบออกจากจวน”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เดิมเจ้าไม่มีโอกาสออกจากจวน” เดิมเซียวเชียนจย่งควรอยู่คัดหนังสือที่บ้าน ไม่อาจออกไปข้างนอกได้ การออกไปข้างนอกวันนั้นเป็นการตัดสินใจกะทันหัน ต่อให้เซียวเชียนเยี่ยวางแผนใส่ร้ายเว่ยจวินมั่วก็คงไม่อาจตัดสินใจได้ทันทีเพียงนั้น นี่เห็นชัดว่าอีกฝ่ายรู้ว่าเขาจะออกจากจวนในวันนั้น จึงวางแผนเช่นนั้นได้
“คนสนิทของข้า…” เซียวเชียนจย่งเอ่ย หนานกงมั่วเอ่ย “คนสนิทของเจ้าเพิ่งเข้าคุกไปก็ตายแล้ว ตายโดยไร้หลักฐาน ตรวจสอบอันใดไม่ได้”
เซียวเชียนจย่งก้มหน้าลง ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คิ้วคมขมวดมุ่นอย่างหาได้ยาก
“วันที่น้องสามออกไปข้างนอกนั้นได้เอ่ยกับพวกเรา ข้ากับน้องรองเห็นว่าอีกไม่นานก็ต้องไปจากจินหลิงแล้วจึงได้อนุญาต จากนั้นน้องสามก็ออกไป ระหว่างนั้นเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ ต่อให้มีคนรู้ก็คงไม่อาจใช้เวลาเพียงเท่านี้ไปวางแผนได้” เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้วเอ่ย
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ย “ยังมีใครอีกที่รู้ว่าเจ้าอยากออกไปเที่ยวเล่น”
เซียวเชียนจย่งส่ายศีรษะ ก้มหน้าลงครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “คืนก่อนหน้าคนรับใช้ข้างกายข้าเอ่ยไม่กี่ประโยค นอกจากนั้นก็ไม่มีแล้ว”
หนานกงมั่วถอนหายใจพลางเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เอาไว้เท่านี้ก่อนเถิด พวกเราเก็บของกันเรียบร้อยแล้วหรือไม่ อีกสามวันหลังจากนี้พวกเราจะไปจากเมืองหลวง”
องค์หญิงฉังผิงชะงักเล็กน้อย “อีกสามวันออกจากเมืองหลวงหรือ แล้วฝ่าบาท…”
หนานกงมั่วเอ่ย “ฝ่าบาทยินยอมแล้วเพคะ เสด็จแม่ยังมีเรื่องอันใดต้องทำอีกหรือไม่เจ้าคะ”
องค์หญิงฉังผิงส่ายหน้า เอ่ย “ไม่มี ข้ารู้แล้ว…เดี๋ยวจะกลับไปดูว่าต้องเอาใครหรือสิ่งของใดไปด้วย”
“ลำบากเสด็จแม่แล้ว” หนานกงมั่วพยักหน้าพลางเอ่ย
องค์หญิงฉังผิงส่ายหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “จะว่าไป ยี่สิบกว่าปีแล้วที่ข้าไม่ได้ไปไกลจากจินหลิง ออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
บอกลาองค์หญิงฉังผิง หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วจูงมือกันกลับมาที่เรือนของตน
“อู๋สยา วันนี้ลำบากเจ้าแล้ว” หนานกงมั่วยืนอยู่ริมหน้าต่างมองออกไปยังทิวทัศน์ด้านนอก เว่ยจวินมั่วยืนอยู่ด้านหลัง ยื่นมือออกไปดึงนางเข้าสู่อ้อมแขนพร้อมเอ่ยกระซิบเสียงเบา อ้อมกอดที่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นสดชื่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ ทำให้หนานกงมั่วรู้สึกผ่อนคลาย เอนหลังผิงอยู่ในอ้อมอกของเขา “ไม่มีอันใดมากนัก ว่างไม่มีอันใดทำจึงเล่นกับเซียวเชียนเยี่ยก็เท่านั้น ท่านอยู่ในห้องขังไม่มีเรื่องอันใดใช่หรือไม่”
เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า “เรื่องพวกนี้เดิมข้าควรเป็นคนจัดการ ไม่คิดว่ากลับ…”
หนานกงมั่วหัวเราะเบาๆ “ใครใช้ให้คุณชายเว่ยโดดเด่น จนคนต้องริษยาเล่า ไปอยู่โยวโจว มีแผนการอันใดหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ก็คงไปยังค่ายทหาร เสด็จลุงหวังมาตลอดว่าให้ข้าไปอยู่ในกองทัพโยวโจวด้วย ยามนี้พื้นที่ของอาณาจักรเซี่ยที่เกิดสงครามเยอะที่สุดก็คงเป็นโยวโจวกับสีโจวแล้ว เสด็จลุงได้รับบาดเจ็บมาก่อน เชียนชื่อไม่เก่งเรื่องการรบหรือวรยุทธ์ เชียนเหว่ยเชียนจย่งอายุยังน้อย…”
หนานกงมั่วหันกลับมามองเขา เอ่ยถาม “ข้าเล่า”
เว่ยจวินมั่วชะงัก มองดูสายตาข่มขู่ของนางดวงตาคมพลันมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “เจ้าอยากทำอันใดก็ได้ทั้งหมด”
“ข้าไปอยู่ในกองทัพก็ได้หรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม เว่ยจวินมั่วไม่ใส่ใจ “เจ้าเคยไปแล้วมิใช่หรือ”
เหมือนกันอย่างไรเล่า ครั้งก่อนนางไปด้วยตนเอง เรียกได้ว่าเป็นงานชั่วคราว หากอยู่ในกองทัพอย่างเปิดเผย เยี่ยนอ๋องก็ไม่แน่ว่าจะเห็นด้วย
เว่ยจวินมั่วก้มหน้า ก้มลงใช้หน้าผากชนกับหน้าผากของนาง เอ่ย “ไม่ต้องกังวล นี่คือเรื่องของข้า ข้าเคยบอกแล้ว…ไม่ว่าเจ้าอยากทำอันใดก็ได้ทั้งหมด” หนานกงมั่วดีใจขึ้นมา ยิ้มหวานซบลงไปในอ้อมอกของเขาอีกครั้ง เอ่ย “จริงสิ วังจื่อเซียวท่านคิดจะจัดการเยี่ยงไร”
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วแปลกใจ หนานกงมั่วเอ่ย “อย่างไรวังจื่อเซียวก็ได้ชื่อว่าเป็นสำนักมือสังหาร เรื่องครั้งนี้ท่านสัมผัสไม่ได้หรือ หากเป็นยุทธภพผู้คนส่วนใหญ่คงไม่ได้ใส่ใจ แต่กับราชสำนักเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องอ่อนไหว พวกที่เป็นเจ้าหน้าที่ขุนนางมีใครบ้างไม่กลัวตาย จะยอมให้ท่านที่เป็นบุตรชายขององค์หญิงไปสร้างสำนักมือสังหารได้เยี่ยงไร แม้แต่นอนหลับพวกเราเองก็คงนอนไม่หลับ เช่นเดียวกัน ต่อให้ไปถึงโยวโจว ก็คงใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ แม่ทัพในกองทัพล้วนแล้วแต่ชื่นชอบคนซื่อสัตย์ซื่อตรง สำหรับสำนักมือสังหารพวกเขาคงจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวล”
เว่ยจวินมั่วยิ้มขึ้น เอ่ย “ข้ายังนึกว่าอู๋สยาสนใจวังจื่อเซียว ไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้ วังจื่อเซียว…เดิมก็ไม่คิดจะอยู่ถาวร ตอนนั้นทำไปเพื่อ…หาเงินก็เท่านั้น”
“…” ใบหน้าของหนานกงมั่วขมวดมุ่น อดไม่ได้เอ่ยถาม “ข้ายังไม่เคยได้ถามท่าน ท่านเอาเงินมากมายเพียงนั้นไปทำอันใด” อย่าบอกนะว่าคิดจะก่อกบฏ เล่นบทวีรบุรุษจริงๆ
เว่ยจวินมั่วถอนหายใจ เอ่ย “ตอนนี้พวกเราจะไปจากเมืองหลวงแล้ว บอกเจ้าก็คงไม่เป็นไร หลายปีก่อน เงินของวังจื่อเซียวจะถูกส่งไปโยวโจว”
“เอ๋” หนานกงมั่วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ไม่นานจึงเข้าใจทันใด เอ่ย “ค่าใช้จ่ายกองทัพเยี่ยนอ๋องหรือ หรือว่าราชสำนักยังกล้าตัดเงินเดือนกองทัพที่อยู่ชายแดนด้วยหรือ”
เว่ยจวินมั่ว เอ่ย “อำนาจการควบคุมของกองทัพโยวโจวอยู่ในการควบคุมของเสด็จลุง แม้ราชสำนักจะแต่งตั้งแม่ทัพคอยสั่งการ ทว่าไม่ได้มีประโยชน์มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปกครองเมืองมีอำนาจเกินไป ความจริงเมืองโยวโจวมีทหารเพียงหนึ่งแสนนาย แต่ว่า…หลายปีก่อนอากาศไม่ดีนัก ไม่ว่าจะเป็นเป่ยหยวนหรือว่าอาณาจักรเซี่ย ผลผลิตไม่ดีนัก คนเป่ยหยวนไม่มีอาหารหน้าหนาวจึงมุ่งหน้าลงทางใต้ใกล้เขตชายแดน พื้นที่ชายแดนเมืองโยวโจวทอดยาว ทหารหนึ่งแสนนายจะไปพออันใด”
หนานกงมั่วสงสัย “ข้าจำได้ว่า…กองกำลังทหารเหล็กโยวโจวมีทหารสี่แสนนาย”
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ยังมีอีกสามล้าน อยู่ในนามกองกำลังของเยี่ยนอ๋อง และเป็นกองกำลังส่วนพระองค์ นี่เป็นเรื่องปกติของผู้ปกครองเมืองที่อยู่แถบชายแดน แต่ว่า ราชสำนักให้เงินเดือนและเสบียงอาหารเพียงหนึ่งแสนนาย ที่เหลือผู้ปกครองเมืองต้องจัดการกันเอง โยวโจวเหน็บหนาว ไม่ใด้อุดมสมบูรณ์นัก ต้องเลี้ยงดูทหารกว่าสามแสนนาย ไม่ขึ้นภาษีก็คงต้องหาทางอื่น”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หนานกงมั่วเข้าใจทันใด มิน่าเล่าวังจื่อเซียวของเว่ยจวินมั่วที่มีเงินเข้าเป็นกอบเป็นกำจึงไม่เพียงพอ ยังคงหาเงินไปทั่ว แม้แต่สมบัติของฮั่นอ๋องยังแย่งมาไว้ในมือ เลี้ยงกองทัพ นับตั้งแต่อดีตล้วนเป็นเรื่องเผาผลาญเงิน
“เรื่องเหล่านี้…อดีตฮ่องเต้รู้หรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถามประหลาดใจ เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “เพื่อไม่ให้อดีตฮ่องเต้รับรู้ จึงได้เข้ามาแฝงตัวอยู่ในยุทธภพ” หากเป็นการทำธุรกิจการค้า หากกิจการรุ่งเรืองนั้นยากที่จะพูดคุยกับวังหลวง อดีตฮ่องเต้หูตาเป็นสับปะรด ไม่มีทางไม่เจอเบาะแส