หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 562 ลุงที่แสนดีแห่งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ (1)

ตอนที่ 562 ลุงที่แสนดีแห่งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ (1)

ตอนที่ 562 ลุงที่แสนดีแห่งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ (1)
“ขอบพระทัยเยี่ยนอ๋องเพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยอย่างดีอกดีใจ มือทั้งสองยกขึ้นประสานด้วยรอยยิ้ม

เยี่ยนอ๋องตีหน้านิ่งขรึม เอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ “เยี่ยนอ๋องอันใดกัน เรียกเสด็จลุง”

“เพคะ เสด็จลุง” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

มองใบหน้ามีความสุขของทั้งคู่ เว่ยจวินมั่วที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้างพลันยิ้มบางๆ ออกมาเช่นกัน

ในรถม้าด้านหลัง องค์หญิงฉังผิงได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะก็พ่นลมหายใจออกมา รอยยิ้มมีความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้า “ดูเหมือนพี่สามจะชอบอู๋สยามาก”

แม่นมหลานที่นั่งอยู่ด้านข้างองค์หญิงฉังผิงเอ่ย “เยี่ยนอ๋องเอ็นดูคุณหนูใหญ่ นับว่าเป็นวาสนาของนางแล้วเพคะ” แม่นมหลานรู้ เมื่อไปถึงโยวโจวทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเยี่ยนอ๋อง แม้คุณหนูใหญ่จะมีความสามารถ แต่มาอยู่ในที่ที่ตนเองไม่คุ้นเคย อีกทั้งเยี่ยนอ๋องยังเป็นคนที่มีอำนาจที่สุด ได้รับความเอ็นดูจากเยี่ยนอ๋องอนาคตของคุณหนูใหญ่จะราบรื่นยิ่งขึ้น

องค์หญิงฉังผิงยิ้มบาง ถอนหายใจออกมาเบาๆ “อู๋สยาเป็นเด็กดี พี่สามชอบนางนั่นเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของจวินเอ๋อร์และอู๋สยาดีเพียงนี้ อย่างไรพี่สามก็ไม่มีทางทำให้อู๋สยาต้องลำบากใจ”

“องค์หญิงกล่าวได้ถูกต้องแล้วเพคะ” แม่นมหลานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ลอบเอ่ยอยู่ในใจ หนานกงไหวให้คุณหนูใหญ่แต่งกับท่านบุตรเขยนับว่าเป็นเรื่องเดียวที่เขาทำถูก ยามนี้ตระกูลหนานกงล่มสลาย มีเพียงคุณหนูใหญ่ที่พาพวกนางถอยออกมาได้ ส่วนคุณหนูรองที่ดูถูกท่านบุตรเขย ยามนี้ไม่รู้ว่าอยู่ในวังหลังแล้วเป็นอย่างไร

หลังจากที่ออกจากเขตปกครองของโจวอ๋อง ตลอดเส้นทางนั้นสงบราบรื่น สองวันต่อมาก็เดินทางเข้าสู่โยวโจว เดินทางต่ออีกสองวันจึงถึงประตูเมืองโยวโจวอย่างแท้จริง

โยวโจวเดิมคือเมืองจัวจวิ้น เมื่อครั้งเป่ยหยวนปกครองเปลี่ยนชื่อเป็นเยี่ยนไถ เยี่ยนอ๋องย้ายมาปกครองจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นโยวโจว ที่นี่เคยเป็นเมืองหลวงของเป่ยหยวนและเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในดินแดนเหนือ ภาพวาดการแกะสลักตกแต่ง แตกต่างไปจากเจียงหนาน เมืองโยวโจวดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่า ดูแข็งแรงคงทน ไม่ได้มีรายละเอียดมากมายนัก ยังคงรักษาไว้ซึ่งความหยาบคายทรงอำนาจในแบบของเป่ยหยวนเอาไว้ ชาวเจียงหนานที่ชื่นชอบความสุขุมสง่างามจึงมองว่าคนเหล่านี้นั้นไร้อารยธรรม

เข้ามาในเมืองแล้ว บนท้องถนนมีชาวบ้านเดินกันขวักไขว่ เมื่อมองเห็นขบวนใหญ่โตจึงหลบหลีกให้ อีกทั้งเริ่มกระซิบพูดคุยกัน ทว่าดวงตากลับไม่มีซึ่งความหวาดกลัว จะเห็นได้ว่าเยี่ยนอ๋องนั้นได้ใจประชาชนชาวโยวโจวอย่างแท้จริง

ร้านค้าและเสื้อผ้าของชาวเมืองเมื่อเทียบกับจินหลิงแล้วยังด้อยกว่าบ้าง อย่างไรเมืองทางเหนือก็ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่าเจียงหนาน หนานกงมั่วเองก็ไม่ผิดหวัง มองสำรวจร้านรวงสองข้างทางอยู่บนหลังม้า

หนานกงมั่วกำลังมองสำรวจด้านล่าง คนบนถนนเองก็กำลังมองสำรวจนางเช่นกัน ขบวนคนและม้ายิ่งใหญ่เพียงนี้ ผู้นำขบวนยังเป็นเยี่ยนอ๋องและทหารอารักขาส่วนพระองค์ของเยี่ยนอ๋อง แน่นอนว่าเป็นที่ดึงดูดความสนใจได้ดีอย่างยิ่ง และในขบวนใหญ่นั้นยังมีชายหนุ่มหญิงสาวหน้าตางดงามสะสวยแปลกตารวมอยู่ในนั้น ยิ่งเป็นที่น่าสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก ฝั่งนี้ไม่เคร่งครัดเรื่องศีลธรรมจรรยาเหมือนเจียงหนาน สตรีที่ยังไม่ออกเรือนออกนอกบ้านน้อยนักที่จะสวมผ้าคลุมหน้า หนานกงมั่วเองขี่ม้าก็ไม่สวมผ้าคลุมหน้า มองเห็นหญิงงามที่หาได้ยากมาพร้อมกับเยี่ยนอ๋องและเคียงคู่มาด้วยชายหนุ่มรูปงามจะไม่เป็นที่สนใจได้อย่างไร

จวนเยี่ยนอ๋องนั้นตั้งอยู่กลางเมืองโยวโจว เดิมเป็นพระราชวังของเป่ยหยวน ต่อมาถูกเผาไหม้ไปกว่าครึ่ง หลังจากเยี่ยนอ๋องมาปกครองจึงบูรณะซ่อมแซมให้กลายเป็นจวนอ๋อง หลายสิ่งที่ขัดต่อข้อบังคับถูกกำจัดทิ้ง แม้จวนอ๋องจะมีพื้นที่กว้างขวาง ทว่าไม่นับว่าผิดต่อข้อห้ามต่างๆ

ประตูจวนเยี่ยนอ๋อง พระชายาเยี่ยนอ๋องพาคนมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นว่ามาถึงกันแล้วจึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับ “ท่านอ๋อง ท่านกลับมาแล้ว น้องห้าเป็นอย่างไรบ้างเพคะ”

เยี่ยนอ๋องลงมาจากหลังม้า มองเห็นพระชายาจึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เอ่ย “อยู่ในรถม้า คงจะเหนื่อยไม่น้อย” พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ย “เรือนพักและอาหารถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นก็ให้น้องห้าและพวกจวินมั่วได้พักก่อนเถิดเพคะ ค่ำสักหน่อยเราค่อยพูดคุยกัน” องค์หญิงฉังผิงเองลงจากรถม้าโดยมีหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วคอยประคอง เอ่ยเสียงเบา “ลำบากพี่สะใภ้สามแล้วเพคะ”

พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ย “ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ไยต้องเกรงใจเพียงนี้”

“พี่ชาย พี่สะใภ้ ในที่สุดพวกท่านก็มาถึงแล้ว” ด้านหลังพระชายาเยี่ยนอ๋อง เซียวเชียนจย่งที่กักเก็บความตื่นเต้นไม่ไหวเอ่ยขึ้นมาทันใด ตลอดทางพวกเขาพาองครักษ์และม้าเร็วหนีจากมา แต่กลับทิ้งเสด็จอาที่ไม่มีวรยุทธ์ไว้กับพี่ชายและพี่สะใภ้ หากบอกว่าไม่นึกห่วงก็คงโกหก โดยเฉพาะเซียวเชียนจย่งที่คิดว่าตนไปสร้างเรื่องวุ่นวายให้พี่ชายและพี่สะใภ้เอาไว้ที่จินหลิง เอ่ยได้ว่าเรื่องในครั้งนี้เป็นเขาที่ทำให้มันเกิดขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกละอายอยู่ในใจ แต่ละวันล้วนแล้วแต่เฝ้าคอยวันเวลาที่พวกเขาจะมาถึง ยามนี้มองเห็นพวกเขาแล้วไหนเลยจะระงับไว้ได้

“เซียวเชียนจย่ง” ยังไม่ทันได้ดีใจ เสียงเย็นด้านข้างพลันดังขึ้น “ข้าจำได้ว่าข้าสั่งให้เจ้าคัดตำราสงครามอยู่ในห้องหนังสือมิใช่หรือ”

“อ๋า” เซียวเชียนจย่งใบหน้าขมขื่นขึ้นมาทันใด “พี่ชายพี่สะใภ้และเสด็จอามาแล้ว ลูกออกมาต้อนรับมิได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

เด็กโง่ ไม่ใช่ว่าเจ้าออกมาไม่ได้ แต่ออกมาแล้วควรมาหาพ่อเจ้าก่อนมิใช่หรือ ด้านข้าง เซียวเชียนเหว่ยกระตุกยิ้มมุมปาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จพ่อ น้องสามเป็นห่วงเสด็จอาและพี่ชายพี่สะใภ้ ยามนี้เสด็จอามาแล้ว น้องสามไม่ออกมาต้อนรับคงไม่เหมาะสมนักพ่ะย่ะค่ะ”

“พี่สาม จย่งเอ๋อร์ยังเด็ก ท่านเองก็เข้มงวดเกินไป” องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจพลางเอ่ย

พระชายาเยี่ยนอ๋องกลับไม่แปลกใจ ราวกับคุ้นชินกับการสั่งสอนบุตรชายของสามีไปเสียแล้ว ยิ้มพร้อมประคององค์หญิงฉังผิง มืออีกข้างจูงมือหนานกงมั่ว เอ่ย “เอาล่ะๆ เหนื่อยกันมามากแล้วเข้าไปกินข้าวพักผ่อนกันก่อนเถิด ท่านอ๋องพระองค์เองก็เหนื่อยแล้ว น้องห้าและอู๋สยาทนไหวหรือไม่”

เห็นพระชายาเอ่ยเช่นนั้น เยี่ยนอ๋องจึงโบกมือปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป เซียวเชียนจย่งกระโดดโลดเต้น ทำหน้าตาล้อเลียนส่งไปให้หนานกงมั่วก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีเข้าไปด้านใน “ข้าจะไปบอกผู้ดูแลเตรียมอาหาร”

เห็นท่าทางกระโดดโลดเต้นของเขา ดวงตาเยี่ยนอ๋องจึงกระตุก เจ้าเด็กคนนี้ช่างไร้การอบรม

เข้ามาในจวนเยี่ยนอ๋อง พระชายาเยี่ยนอ๋องได้จัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้หมดแล้วจริงๆ เรือนพักองค์หญิงฉังผิง เรือนของเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วล้วนจัดการกวาดถูเป็นที่เรียบร้อย แม้จะเป็นเดือนสองแล้วทว่ายังคงจุดเตาไฟ เพียงเดินเข้าไปด้านในความอบอุ่นก็เข้ามาปะทะ

“คารวะคุณชาย คารวะฮูหยินน้อย” สาวใช้ท่าทางสุขุมไม่กี่คนมายืนรออยู่ก่อนแล้ว เพราะอย่างไรก็มิได้พาสาวใช้ติดตามมาด้วยมากนัก สาวใช้ข้างกายองค์หญิงฉังผิงก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หนานกงมั่วให้แม่นมหลานและหมิงฉินอยู่ข้างกายองค์หญิงฉังผิง กลัวว่านางจะไม่คุ้นชิน ข้างกายตนจึงมีจือซูเพียงคนเดียว สาวใช้เหล่านี้คงเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋องที่จัดเตรียมเอาไว้ให้ เพราะเห็นว่าพวกเขาเดินทางมาไกลจึงต้องขนย้ายให้น้อยเข้าไว้

“ลุกขึ้นเถิด ก่อนหน้านี้ทำอันใดก็ทำอย่างที่เคยทำเถิด มีเรื่องอันใดก็ถามกับจือซู”

จือซูที่ติดตามอยู่ด้านหลังพยักหน้า หยิบตำลึงเงินออกมาเป็นของขวัญให้กับสาวใช้ สาวใช้กล่าวขอบคุณแล้วถอยออกไป ปล่อยทั้งสองอยู่ในห้องเงียบสงบตามลำพง

หนานกงมั่วมองสำรวจห้อง ถอนหายใจออกมา “พระชายาเยี่ยนอ๋องช่างรอบคอบ” เพียงมองห้องที่ได้รับการตกแต่งก็รับรู้ถึงความใส่ใจ เว่ยจวินมั่วพยักหน้า จูงมือหนานกงมั่วไปนั่งยังเบาะนุ่มด้านข้าง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เดินทางเหนื่อยหรือไม่”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท