หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 568 คุณชายอย่างข้าจะไม่ดื่มชาอีกแล้ว (2)

ตอนที่ 568 คุณชายอย่างข้าจะไม่ดื่มชาอีกแล้ว (2)

ตอนที่ 568 คุณชายอย่างข้าจะไม่ดื่มชาอีกแล้ว (2)
แม้หนานกงมั่วจะเคยล้อเล่นว่าเว่ยจวินมั่วจน แต่ความจริงแล้วแม้ทุกๆ ปีต้องส่งเงินจำนวนมากเพื่อบำรุงกองทัพเยี่ยนอ๋อง คุณชายเว่ยก็ยังคงร่ำรวย กิจการของวังจื่อเซียวทางตอนใต้ก็ยังคงอยู่ไม่ย้ายหนีไปไหน เพียงขายกิจการเบื้องหน้าเพื่อทำให้เห็นว่าคุณชายเว่ยนั้นถอนกำลังออกจากเจียงหนานแล้วอย่างไรอย่างนั้น ส่วนคนอื่นจะเชื่อหรือไม่นั้นไม่เป็นไร ขอเพียงพวกเขาตามหาไม่เจอก็เพียงพอแล้ว ทว่าทรัพย์สินที่ถูกลิ่นฉังเฟิงขนกลับมาโยวโจวกลับเป็นที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ว่าหลายปีมานี้ที่พวกเขาแฝงตัวอยู่ในยุทธภพนั้นทำเงินได้เป็นจำนวนมากมาย

หนานกงมั่วคำนวณทรัพย์สินของเว่ยจวินมั่วในมือของตน ไม่นับขององค์หญิงฉังผิงและสมบัติของฮั่นอ๋องที่ได้มา เพียงเว่ยจวินมั่วคนเดียวนั้นมีเงินสดที่มองเห็นได้ล้านกว่าตำลึง รวมไปถึงที่ดินกิจการต่างๆ อย่างน้อยหลายร้อยแห่ง อีกทั้งยังมีกล่องอัญมณีที่เว่ยจวินมั่วยกให้หนานกงมั่วหนึ่งกล่อง ทรัพย์สินเหล่านี้หากประกาศออกไปก็คงกลายเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งหรือสองในโยวโจวเป็นแน่ ดังนั้นกล่าวได้ว่าใครจะจนคุณชายเว่ยก็ไม่มีทางจน

จัดการทรัพย์สมบัติในมือเสร็จแล้ว หนานกงมั่วจึงเดินเที่ยวเล่นสำรวจโยวโจวไปพร้อมกับลิ่นฉังเฟิง สำหรับการจัดการของนาง เว่ยจวินมั่วเองก็ไม่ปฏิเสธ พึ่งมาถึงโยวโจวเขาก็ถูกเสด็จลุงลากไปช่วยจัดการหลายสิ่งหลายอย่างในโยวโจว แม้แต่อยากปลีกตัวมาเดินเล่นเป็นเพื่อนหนานกงมั่วยังทำไม่ได้

หนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ในเมืองโยวโจว ด้านหลังยังมีหลิ่วและเวยที่ติดตามมาใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา สองชายสองหญิงไหนเลยจะมีรูปลักษณ์ไม่โดดเด่น แม้สีผมของเวยจะดูแปลกแต่สำหรับเมืองโยวโจวที่มีคนหลากหลายผ่านเข้ามาอยู่เป็นประจำจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก กลุ่มคนเช่นนี้แน่นอนว่าดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี และมีคนที่เคยเห็นหนานกงมั่วไกลๆ ในวันที่เข้าเมืองมาใหม่ๆ รู้ว่าเป็นแขกคนสำคัญของจวนเยี่ยนอ๋อง ในใจคิดว่าอย่าได้ไปล่วงเกินแขกคนสำคัญเข้าเชียว

ลิ่นฉังเฟิงเดินอยู่ด้านข้างหนานกงมั่ว มองสำรวจสองข้างทางพลางส่ายศีรษะ เอ่ย “แท้จริงแล้วความเจริญรุ่งเรืองในโยวโจวนั้นยังห่างไกลจากจินหลิงนัก” ไม่ต้องเอ่ยถึงอย่างอื่น อย่างเช่นโรงเหล้า โรงน้ำชา ร้านเครื่องประดับ ร้านผ้าไหมต่างๆ เหมือนในจินหลิง ที่นี่ย่อมไม่มีมากนัก ไม่ใช่ไม่มีเลยทว่าไม่งดงามและมีไม่มากก็เท่านั้น แม้ของที่จำเป็นส่วนใหญ่สามารถซื้อหาได้ ทว่าก็ยังขาดความสนุกในการเดินซื้อของอยู่หลายเท่า

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “จินหลิงก็ยังคงเป็นเมืองหลวง จะเอามาเทียบได้เยี่ยงไร” มิใช่ว่าพ่อค้าไม่คิดจะทำกิจการ เพียงแต่ไม่มีคนซื้อเยอะทัดเทียมก็เท่านั้น มีความต้องการจึงจะมีกำลังซื้อ เมื่อเทียบกับจินหลิงที่เพียงโยนก้อนอิฐก็สามารถทุบศีรษะของตระกูลร่ำรวยเหล่านั้นได้แล้ว โยวโจวกลับหาได้ยากยิ่ง หากนำสินค้าราคาสูงเหล่านั้นขนย้ายมานับพันลี้เกรงว่าจะกลายเป็นเพียงเถ้าถ่าน

ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ เอ่ยถาม “เช่นนั้น แม่นางมั่วมีแผนเยี่ยงไร”

หนานกงมั่วครุ่นคิดจริงจัง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ซื้อกิจการแล้วปล่อยให้คนดูแลก็พอแล้ว อย่างไรพวกเราก็ไม่มีประสบการณ์ดูแลพวกนี้มากนัก” อย่างไรกองทัพของเยี่ยนอ๋องก็ไม่จำเป็นให้นางต้องกังวล มีกิจการเบี้ยงหลังของวังจื่อเซียวคอยหาเงินให้ พวกเขาเพียงใช้ชีวิตต่อไปก็พอแล้ว ลิ่นฉังเฟิงเองไม่ใส่ใจ พยักหน้า “ได้ ข้าให้คนติดต่อนายหน้าเอาไว้แล้ว ไปตอนนี้เลยหรือไม่”

“แน่นอน”

ลิ่นฉังเฟิงนัดอีกฝ่ายเอาไว้ที่โรงน้ำชาบนถนนเส้นหนึ่ง ตอนที่พวกเขาไปถึงอีกฝ่ายก็มาถึงแล้วเช่นกัน คนของนายหน้าส่งข่าวรวดเร็ว แน่นอนว่าย่อมรู้สถานะของหนานกงมั่ว เมื่อเห็นพวกเขาจึงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจ “ข้าน้อยซุนเหอ คารวะเว่ยฮูหยินน้อย คารวะคุณชายลิ่น” หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยตอบ “ขออภัยที่ให้รอ”

“มิกล้าขอรับ ฮูหยินน้อยเชิญนั่งก่อน” ซุนเหอรีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็ไม่คิดว่าคนที่รับผิดชอบจะเป็นสตรี แต่อย่างไรคนผู้นี้ก็คือหลานสะใภ้ของเยี่ยนอ๋อง มิใช่คนที่เขาจะล่วงเกินได้

ทั้งสองนั่งลง ซุนเหอหยิบแผ่นกระดาษหลายแผ่นขึ้นมา เอ่ย “เรือนทั้งสองหลังที่ฮูหยินน้อยสนใจ รายละเอียดอยู่ตรงนี้แล้ว เรือนซี่จ้าวที่ใหญ่หน่อยราคาหนึ่งหมื่นสองพันตำลึง หลังเล็กลงมาหน่อยคือเรือนหลี่ราคาเจ็ดพันสามร้อยตำลึง ข้าน้อยช่วยต่อราคาให้ฮูหยินน้อย หนึ่งหมื่นเก้าพันตำลึงเป็นอย่างไร”

หนานกงมั่วยิ้มพร้อมส่ายศีรษะ “ท่านคิดว่าข้าอายุน้อยไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้กฎเกณฑ์หรือ หากเจ้าของบ้านมีใจจะขาย ราคานี้…อย่างน้อยสามารถลดได้สามพันตำลึงถึงจะถูก”

ซุนเหออดไม่ได้อยากยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ ไม่คิดว่าฮูหยินน้อยผู้นี้พึ่งมาถึงโยวโจวก็เข้าใจถึงกฎเกณฑ์ของนายหน้าได้ดีเพียงนี้ อีกทั้งยังต่อราคาเก่ง ทำได้เพียงยิ้มแห้ง เอ่ย “ฮูหยินน้อยให้อภัยด้วย เจ้าของเรือนซี่จ้าวบอกเอาไว้ อย่างน้อยเรือนซี่จ้าวไม่อาจลดน้อยกว่าหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตำลึง เรือนหลี่อย่างน้อยก็หกพันตำลึง ข้าน้อย…ข้าน้อยยังต้องกินข้าว ขอฮูหยินน้อยปรานีด้วยขอรับ”

แน่นอนหนานกงมั่วไม่คิดจริงจังกับวาจาของเขา เลิกคิ้ว เอ่ย “เรือนทั้งสองหลังหนึ่งหมื่นหกพันห้าร้อยตำลึง ข้าไม่ได้ซื้อเพียงเรือนสองหลังนี้เท่านั้น เจ้าก็รู้ว่าครอบครัวข้าพึ่งมาถึงโยวโจว ต้องซื้อของอีกมาก…”

“เอ่อ…” ลังเลอยู่ชั่วครู่ สุดท้ายจึงกัดฟันเอ่ย “เอาตามที่ฮูหยินน้อยเอ่ย ไม่รู้ว่า…ฮูหยินน้อยยังต้องการอันใดอีกขอรับ ข้าน้อยจะรับใช้ท่านเอง” ความจริงตามราคาที่หนานกงมั่วเอ่ย อย่างน้อยเขาก็ยังได้ราคาส่วนต่างอย่างน้อยสองร้อยตำลึง หากสามารถผูกมิตรกับแขกเยี่ยนอ๋องผู้นี้ได้ ยังสามารถทำการค้าได้อีกมากมายก็ยิ่งดี

หนานกงมั่วพยักหน้าพึงพอใจ เอ่ย “ข้ายังต้องการกิจการร้านรวงในโยวโจวสักสิบร้าน เรือนสามทางเข้าสองหลัง นอกจากนี้ ยังต้องการที่ดินนอกเมืองโยวโจวสามพันหมู่”

ซุนเหอยินดีอย่างยิ่ง หากเขาทำการค้าครั้งนี้สำเร็จ ปีสองปีหลังจากนี้เขาไม่เปิดกิจการก็ยังไม่เป็นไร รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่ามีขอรับ กิจการร้านค้าและเรือนยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง เมืองโยวโจวของเราพื้นที่กว้างใหญ่ทว่าประชากรมีน้อย ฮูหยินน้อยต้องการที่ดินมากเท่าใดก็ย่อมได้ ฮูหยินน้อยได้โปรดรอก่อน ข้าน้อยจะไปเอารายละเอียดที่ดินมาให้ฮูหยินน้อยดูเดี๋ยวนี้”

แน่นอนว่าหนานกงมั่วเองไม่รีบ พยักหน้าเบาๆ บอกใบ้ว่าได้ ซุนเหอรีบลุกขึ้นขอตัว กลับไปเอารายละเอียดมาอย่างรวดเร็ว

มองเขาเดินลงไป ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำการค้ากับแม่นางมั่วช่างมีความสุข คิดว่าซุนเหอเองก็คิดเช่นนั้น” หนานกงมั่วเอ่ย “เมืองโยวโจวนี้ เขาทำการค้านับว่ามีคุณธรรมอีกทั้งชื่อเสียงก็ไม่เลว เรือนสองหลังหนึ่งหมื่นสองพันห้าร้อยตำลึง ไม่นับว่าแพง” ลิ่นฉังเฟิงพยักหน้า หากอยากได้ในแบบที่ตนเองชอบแน่นอนว่าซื้อที่ดินแล้วสร้างเองจะดีกว่า แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลา อีกทั้งพึ่งมาถึงก็สร้างเรือนใหญ่โตก็ไม่ใช่เรื่องดีอันใด

“เรือนซื้อมาแล้วอย่างไรก็ต้องซ่อมแซมปรับปรุง ถึงตอนนั้นค่าใช้จ่ายก็คงไม่น้อย” ลิ่นฉังเฟิงคิดคำนวณ

หนานกงมั่วเอ่ย “เรื่องนี้ให้ฝังไปจัดการก็พอแล้ว”

ลิ่นฉังเฟิงประหลาดใจ “เจ้าซื้อที่ดินมากมายเพียงนั้นไปเพื่อสิ่งใด”

“ต่อไปเจ้าก็จะรู้เอง” หนานกงมั่วยิ้มหวาน ความจริงที่จินหลิงนางเองก็เตรียมที่ดินไว้มากมาย น่าเสียดายยังไม่ทันทำอันใดก็ต้องหนีมาโยวโจวแล้ว

เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ทั้งสองหันกลับไปมองเห็นชายหนุ่มเดินขึ้นมา เพียงเดินเข้ามาก็มองเห็นหนานกงมั่วและลิ่นฉังเฟิงที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ลูกหลานคนรวยไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็มีไม่น้อย เมืองโยวโจวเองก็ไม่น้อยเช่นกัน คนเหล่านี้เกิดมาเหนือกว่า วันๆ เอาแต่เที่ยวดื่มกิน ไร้สาระไปวันๆ หนานกงมั่วเป็นหญิงงามที่หาได้ยาก เรียบหรูทว่าไม่สูญเสียความงดงาม สดใสแต่ไม่เย็นชา ทำให้คนต้องตกตะลึง เมื่อเทียบกับสตรีทางเหนือที่สูงใหญ่แล้วนับว่าตัวบางร่างน้อยในแบบของเจียงหนาน หากเทียบกับสตรีในเจียงหนานแล้วนางกลับดูเข้มแข็งและบุคลิกดีกว่า แน่อนว่าทำให้เหล่าลูกหลานคนมีอำนาจเหล่านี้ต้องหลงใหล

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท