หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 655 ความรักของหนุ่มสาวชาวเป่ยหยวน (1)

ตอนที่ 655 ความรักของหนุ่มสาวชาวเป่ยหยวน (1)

หนานกงมั่วหันไปจุดตะเกียงในกระโจม แล้วจึงยักไหล่พลางเอ่ย “ข้ารู้ ข้าก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น”

“ดังนั้น หลังจากที่กลับไปแล้วเจ้าจะต้องชดเชยให้ข้า”

“…” จะแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้เอ่ยอันใดได้หรือไม่

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็พากันเก็บข้าวของเตรียมตัวออกเดินทาง แต่ทิศทางที่ทั้งสองฝ่ายจะเดินทางไปนั้นกลับเป็นทิศทางเดียวกัน หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเดินทางแบบเรียบง่าย ย่อมจัดข้าวของสัมภาระเสร็จเร็วกว่า หลังจากออกเดินทางได้ไม่นานก็ได้สลัดคนกลุ่มนั้นทิ้งไป แต่ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังทานมื้อเที่ยงอยู่นั้นก็ถูกคนกลุ่มนั้นตามทันอีกครั้ง เมื่อเห็นทั้งสองที่กำลังนอนอยู่บนทุ่งหญ้าด้วยความสบายใจ ข้างๆ มีกองไฟที่ยังไม่ทันจะดับ มีอาหารป่าที่ยังทานไม่หมดและผลไม้ที่เห็นได้ชัดว่าเตรียมมาจากภายในด่าน กลุ่มพ่อค้าเร่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นที่มุมปาก พวกเขาเร่งรีบเดินทางอย่างลำบากลำบน แต่ทั้งสองกลับกำลังนอนเล่นอย่างเอ้อระเหยลอยชายด้วยความสบายใจ ซ้ำยังออกเดินทางก่อนพวกเขาอีกด้วย

เมื่อเห็นพวกเขากำลังใกล้เข้ามา ทั้งสองจึงรีบลุกขึ้นนั่งพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง

“แม่นางกง พวกท่านยังอยู่ที่นี่หรือ” หลูเซียงเซียงลงจากหลังม้าพลางถามขึ้นด้วยความแปลกใจ

หนานกงมั่วตอบกลับด้วยความเฉยเมยว่า “พวกข้าไม่รีบ หากเห็นว่าตรงไหนน่าพักผ่อนก็จะหยุดพัก”

หลูอวิ๋นเฟิงเองก็เดินตามหลังมาติดๆ ส่ายหน้าเบาๆ พลางเอ่ย “ท่านทั้งสอง หากพวกท่านเดินทางเช่นนี้เกรงว่ายังไม่ทันจะถึงจุดรวมตัวของชาวเป่ยหยวน เสบียงที่พวกท่านเตรียมมาคงจะหมดไปก่อนแล้ว อีกอย่างอาหารที่พวกท่านเตรียมมานั้นล้วนเป็นอาหารที่ไม่สามารถเก็บได้นานวันอีกด้วย…” เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณชายและคุณหนูที่ไม่มีประสบการณ์เลย หนานกงมั่วยังคงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า “ข้าไม่กลัว พี่ใหญ่ของข้าล่าสัตว์เป็น”

หลูเซียงเซียงเองก็ทนดูต่อไม่ไหว จึงส่ายหน้าพลางเอ่ย “ทิศทางตะวันตกไม่ได้มีแหล่งน้ำมากมาย การล่าสัตว์จึงค่อนข้างยาก พวกท่านมากันแค่สองคน หากไปเจอฝูงหมาป่าเข้าล่ะ… แม่นางกง คุณชายกง ข้าว่าพวกท่านเดินทางพร้อมกับพวกข้าดีกว่า คนเยอะจะปลอดภัยกว่า”

“เช่นนั้นหรือ” หนานกงมั่วหันไปมองเว่ยจวินมั่วด้วยสีหน้าลังเล

เว่ยจวินมั่วเหลือบไปมองทั้งสามอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม หนานกงมั่วจึงรีบหันกลับไปเอ่ยกับหลูเซียงเซียงด้วยสีหน้าดีใจว่า “ดีเลย ข้าเองก็รู้สึกว่าเดินทางกันสองคนออกจะเหงา ขอเพียงแค่ข้าและพี่ใหญ่เดินทางปลอดภัยตลอดเส้นทาง พวกข้าสามารถจ่ายค่าคุ้มครองให้กับพวกท่านได้”

หลูเซียงเซียงขมวดคิ้วแน่น นางรู้สึกไม่ค่อยชอบนิสัยที่หยิ่งทะนงและจองหองพองขนของคุณหนูใหญ่เช่นนี้เท่าไหร่นัก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงเลือกที่จะกลืนความขุ่นเคืองนี้ลงท้องไปแทน ยิ้มพลางเอ่ย “ดีเลย ค่าคุ้มครองก็ไม่ต้องหรอก เพียงร่วมเดินทางด้วยกันเท่านั้นเอง” จากนั้นก็ชะเง้อมองชายหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ด้านหลังของหนานกงมั่ว แก้มของหลูเซียงเซียงก็แดงระเรื่อขึ้นมา

หลูอวิ๋นเฟิงเองก็เดินเข้ามา ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ในเมื่อทุกท่านตัดสินใจจะร่วมเดินทางด้วยกัน เรื่องเมื่อคืนนี้ต้องขออภัยแม่นางแล้ว”

หนานกงมั่วตอบกลับด้วยน้ำเสียงทะนงองอาจ “ขอแค่ท่านอย่ามาต่อว่าพี่ใหญ่ของข้าอีกก็พอ”

หลูอวิ๋นเฟิงลูบจมูกพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มที่จนใจว่า “ข้าไปต่อว่าพี่ใหญ่ของท่านตั้งแต่ตอนไหนกัน แต่จะว่าไปแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของพวกท่านแน่นแฟ้นเสียจริง”

คนสองกลุ่มร่วมเดินทางด้วยกัน หนานกงมั่วก็ได้แบ่งผลไม้ที่นางเตรียมมาให้หลูเซียงเซียงทานด้วยความใจกว้าง ทั้งยังมอบสร้อยข้อมืออัญมณีที่ประณีตงดงามให้กับหลูอวิ๋นเฟิงอีกด้วย ท้ายที่สุดหลูเซียงเซียงที่เดิมทีไม่ชอบใจก็ลืมเรื่องขุ่นเคืองใจไปจนหมด กลายเป็นสนิทสนมกับหนานกงมั่วขึ้นมา แต่สายตาของนางมักจะมองไปยังเว่ยจวินมั่วที่ยืนอยู่หลังหนานกงมั่วเสียมากกว่า จึงทำให้คุณหนูใหญ่หนานกงรู้สึกว่าเป็นการยกก้อนหินทับใส่เท้าตัวเองเสียมากกว่า นางเพียงแค่ล้อเล่นกับเว่ยจวินมั่วก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผู้ชายของตนไปข้องเกี่ยวกับหญิงอื่นจริงๆ สักหน่อย ใบหน้าของเว่ยจวินมั่วมันช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำหรือไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาแม้แต่คำเดียว ก็ยังสามารถทำให้เหล่าบรรดาสตรีลุ่มหลงจนแทบโงหัวไม่ขึ้น

แต่ทว่าตลอดทาง หนานกงมั่วเองก็สามารถถามข่าวสารจากหลูเซียงเซียงมาได้ไม่น้อย บ้านสกุลหลูเป็นตระกูลที่ค่อนข้างมีฐานะในสีโจว การค้าที่ทำเงินทองให้กับตระกูลมากที่สุดก็คือการขนใบชา สมุนไพร และใบยาสูบจากต้าเซี่ยไปขายที่เป่ยหยวนนอกด่านชายแดนเหนือ จากนั้นก็ซื้อสมุนไพรหายาก หนังสัตว์ และอื่นๆ อีกหลายอย่างของทางเป่ยหยวน เดินทางอ้อมผ่านชนเผ่าหว่าชื่อและชนเผ่าต๋าต๋า แวะซื้อข้าวของต่างๆ ตลอดทั้งเส้นทาง แล้วจึงค่อยเดินทางจากประตูอวี้เหมินย้อนกลับไปที่สีโจว เพราะเส้นทางของนอกด่านชายแดนเหนือนั้นเดินทางค่อนข้างลำบาก ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะเริ่มเดินทางจากสีโจวก่อนแล้วค่อยเดินทางไปยังโยวโจว จากนั้นก็ค่อยเดินทางไปยังนอกด่านชายแดนเหนือ ทว่าการเดินทางออกจากโยวโจวนั้นก็มิใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด เพราะเยี่ยนอ๋องเกลียดชังและฝังใจกับอดีตศัตรูแต่ปัจจุบันเป็นเพื่อนบ้านอย่างเป่ยหยวนเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงไม่อนุญาตให้ชาวจงหยวนนำใบชาและสมุนไพรรักษาโรคจำนวนมากออกจากด่าน เหมือนเช่นเป่ยหยวนที่ไม่ขายม้าพันธุ์ดีให้กับชาวจงหยวน ดังนั้นพวกเขาย่อมไม่สามารถเดินทางออกจากด่านได้อย่างเปิดเผย จึงเลือกใช้เส้นทางที่มีทหารรักษาการณ์ค่อนข้างน้อยแทน เป็นเส้นทางที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเสียด้วยซ้ำ

อีกอย่าง ตระกูลที่ทำมาค้าขายเช่นบ้านสกุลหลูไม่ได้มีอยู่เพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น ยังมีอีกหลายๆ ตระกูลที่พึ่งพาการค้าขายนี้จนกลายเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย เห็นได้ชัดว่าผลกำไรจากการลักลอบนำสินค้าเข้ามาขายนั้นเป็นที่ต้องการของผู้คนอย่างยิ่ง

ขณะที่หนานกงมั่วนั่งอยู่บนหลังม้า นางคุยกับหลูเซียงเซียงพลางใช้ความคิดไปด้วย แน่นอนว่านางไม่ได้เป็นคนซักถามอยู่ฝ่ายเดียว จึงจำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องของตนเล็กน้อยโดยที่ไม่ให้อีกฝ่ายสามารถสืบสาวราวความได้ ตัวอย่างเช่นบ้านสกุลกงเป็นตระกูลวิชาการของหลิงโจว หลังจากที่หลิงโจวประสบกับสงครามที่ยุ่งเหยิงและโรคระบาดเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ตระกูลกงก็ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนเช่นเมื่อก่อน จึงได้ให้นางและพี่ชายออกมาทำมาค้าขายเพื่อหาเลี้ยงชีพ ยามลำบากคนรวยก็ยังมีสภาพที่ดีกว่าคนยากไร้ เช่นเดียวกันกับอูฐที่ถึงแม้จะผอมตายแต่ก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี ตระกูลกงมีความเกี่ยวข้องกับทางราชสำนัก ต่อไปในภายภาคหน้าจะกลับมาพยายามต่อสู้ให้มากยิ่งขึ้น สุดท้ายเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้สึกพึงพอใจแล้ว ทุกคนก็เดินทางถึงทุ่งหญ้าที่เป็นจุดรวมตัวแห่งแรกของชาวเป่ยหยวนพอดี

ที่นี่อยู่ห่างจากด่านชายแดนโยวโจวราวสองร้อยลี้เห็นจะได้ เมื่อทอดสายตามองไปยังกระโจมทรงกลมที่เรียงรายอยู่นั้น ไกลออกไป ก็มีฝูงวัว แกะและม้ากระจายอยู่ทั่ว เมื่อเห็นว่าพวกเขาเดินทางเข้ามา กลุ่มคนเหล่านี้ดูค่อนข้างมีน้ำใจและกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ชาวเป่ยหยวนดูไม่ได้เกลียดชังหรือขับไล่ชาวต้าเซี่ยเหมือนที่จินตนาการไว้ ยังมีคนเข้ามากล่าวทักทายหลูฉี่หลินและคนอื่นๆ อีกด้วย แน่นอนว่าภาษาที่ใช้เอ่ยก็ย่อมต้องเป็นภาษาเป่ยหยวนอยู่แล้ว

เดิมทีหนานกงมั่วเป็นคนที่เชี่ยวชาญหลากหลายภาษา แม้จะเป็นภพชาตินี้นางเองก็มักจะฝึกเอ่ยภาษาท้องถิ่นหรือแม้กระทั่งภาษาหนานเจียงกับศิษย์พี่และอาจารย์อาอยู่เสมอ แต่ทว่า…เห็นได้ชัดว่าภาษาท้องถิ่นของเป่ยหยวนนั้นไม่ได้อยู่ในขอบเขตภาษาที่นางคุ้นเคย โชคยังดีที่ถึงแม้ว่านางจะไม่เข้าใจ แต่เว่ยจวินมั่วกลับรู้ภาษานี้ แม้เขาจะไม่แสดงออกให้เห็น ในขณะที่หลูฉี่หลินกำลังเอ่ยคุยกับชาวเป่ยหยวนอยู่นั้น สีหน้าของเขาก็ยังคงสุขุมและเย็นชาเหมือนเช่นที่ผ่านมา ราวกับไม่ได้สนใจบทสนทนาของพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ชายวัยกลางคนที่เพิ่งจะคุยกับหลูฉี่หลินเสร็จก็ได้เดินตรงเข้ามาหาทั้งสอง จากนั้นเขาก็เอ่ยภาษาจงหยวนที่ค่อนข้างแข็งทื่อกับทั้งสองว่า “พวกท่านทั้งสอง นายท่านหลูได้บอกเรื่องของพวกท่านให้กับพวกข้าแล้ว พวกข้าชาวเป่ยหยวนยินดีต้อนรับพวกท่านทั้งสอง” ทั้งสองก็หันมาสบตากัน จากนั้นเว่ยจวินมั่วก็พยักหน้าเล็กน้อย ส่วนหนานกงมั่วก็ยิ้มพลางเอ่ย “ขอบคุณพวกท่าน ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอย่างไร…”

ชายผู้นั้นยิ้มพลางตอบกลับเสียงดังว่า “ข้ามีนามว่าปาถู เป็นหัวหน้าของชนเผ่านี้”

ชนเผ่านี้ไม่ได้ใหญ่เท่าใดนัก มีผู้คนในชนเผ่ารวมๆ แล้วไม่เกินหนึ่งพันคน ถือเป็นหนึ่งในชนเผ่าจาอาที่ อาศัยอยู่ที่นอกด่านชายแดนเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่ตอนที่ชาวเป่ยหยวนบุกรุกอาณาจักรจงหยวน พวกเขาก็ยังคงอาศัยอยู่ที่ทุ่งหญ้าแห่งนี้ เมื่อไม่เคยได้สัมผัสถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรจงหยวน ก็ย่อมไม่สนใจความแตกต่างในการใช้ชีวิตอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่รู้สึกว่าหลังจากที่อาณาจักรเป่ยหยวนล่มสลายแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนเช่นแต่ก่อน เพราะอย่างไรเสียราชสำนักของอาณาจักรเป่ยหยวนก็ยังคงตั้งอยู่ในอาณาจักรจงหยวน ทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลก็ยังคงเป็นที่เลี้ยงสัตว์ของพวกเขา สินค้าภายในด่านชายแดนก็ยังสามารถขนส่งมาขายที่นอกด่านชายแดนเหนือได้อย่างง่ายดาย ตรงกันข้าม การที่ราชสำนักของอาณาจักรเป่ยหยวนกลับมาพร้อมกับกองทัพม้าเหล็กที่แข็งแกร่งอีกครั้ง อาณาเขตของทุ่งหญ้าที่พวกเขาใช้ปล่อยสัตว์ก็แคบลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าราชสำนักของอาณาจักรเป่ยหยวนจะไม่สามารถเอาชนะกองกำลังทหารนับหมื่นของอาณาจักรต้าเซี่ยได้ ทว่าการจัดการกับชนเผ่าเล็กๆ เช่นพวกเขาก็ถือว่ามิใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท