เห็นชัดว่าหลูฉี่หลินเองก็ไม่ได้เพิ่งเจอกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้ต้องมาเจอกลุ่มโจรที่ขี่ม้าออกมาปล้นจะเป็นเรื่องโชคร้ายทว่ากลับไม่มีความแตกตื่น เอ่ยกับคนที่เป็นผู้นำ “ทุกท่าน นี่หมายความเช่นไรกัน” เขาเอ่ยภาษาของจงหยวน หนานกงมั่วจึงสังเกตเห็นว่าคนที่เป็นผู้นำนั้นดูเหมือนชาวจงหยวน คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังเขามีทั้งชาวจงหยวนและเป่ยหยวน มีกระทั่งคนดวงตาสีฟ้าผมน้ำตาลอีกหนึ่งคน
ชายผู้นั้นเองก็ไม่เกรงใจ ยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “ท่านเองดูเหมือนจะมิได้ใช้เส้นทางนี้เป็นครั้งแรก จะถามข้าไปทำไมกัน ฮ่าๆ”
กลุ่มโจรที่อยู่ด้านหลังของเขาเองก็หัวเราะเสียงดังตามขึ้นมา สีหน้าของหลูฉี่หลินเองก็ไม่ดีนัก ทว่ากลับยกมือประสานตรงหน้าด้วยท่าทางนอบน้อม เอ่ย “พวกเราเข้าใจกฎดี พวกเราล้วนแล้วแต่ทำการค้าอย่างสุจริต ขอทุกท่านปล่อยพวกเราไปเถิด อวิ๋นเฟิง เอาเงินหนึ่งร้อยตำลึงให้พวกเขาไปดื่มเหล้า”
ชายคนนั้นเลิกคิ้ว เอ่ย “เข้าใจกฎก็ดี แต่เพียงหนึ่งร้อยตำลึงเท่านั้นเองหรือ เจ้าคิดว่าให้ทานกับขอทานหรืออย่างไร ทิ้งสินค้าของเจ้าเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”
หลูฉี่หลินสีหน้าทะมึนขึ้น “ทุกท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจแล้ว” สินค้าครึ่งคันรถนั้นอย่างน้อยก็มีมูลค่ากว่าหกเจ็ดพันตำลึง บวกกับเงินของเขาเอง พวกเขาไปทำการค้าในแต่ละครั้งก็สามารถทำเงินได้เพียงสี่ห้าพันตำลึง หากมอบให้ไปจริงๆ นั่นหมายความว่าครั้งนี้พวกเขาไม่มีกำไรอีกทั้งยังต้องจ่ายเพิ่มไปอีกสามพันตำลึง
ชายผู้นั้นหัวเราะเสียงเย็น เอ่ย “เอ่ยเช่นนี้ จะไม่ยอมอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นก็เอาไว้นี่ทั้งหมดเสีย”
“ช้าก่อน” หลูเซียงเซียงที่ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังของหลูฉี่หลินเอ่ยขึ้นมา
สีหน้าของหลูฉี่หลินเปลี่ยนไปเล็กน้อย “เซียงเซียง”
โจรกวาดตาขึ้นลงมองสำรวจหลูเซียงเซียง เลิกคิ้ว เอ่ย “โอ้ ยังมีหญิงสาวอีกด้วย รูปร่างหน้าตาไม่เลว” ลูบปลายคาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็ได้ ปล่อยเด็กสาวคนนี้เอาไว้ ส่งเงินหนึ่งร้อยตำลึงเป็นค่าเหนื่อยของพี่น้องเหล่านี้ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก็ได้”
บรรดาโจรที่ขี่ม้ารอบข้างหัวเราะขึ้นมา สายตาที่มองไปยังร่างของหลูเซียงเซียงนั้นเต็มไปด้วยความหื่นกระหายจนหลูเซียงเซียงโกรธจนหน้าแดง หลูเซียงเซียงกัดฟัน เอ่ยเสียงดัง “พวกเรายังมีสตรีที่สวยกว่าข้าอีก” เอ่ยจบ พลันหันมามองหนานกงมั่วที่ตามมาอยู่ด้านหลัง
“เซียงเซียง” หลูฉี่หลินและหลูอวิ๋นเฟิงเอ่ยด้วยนำเสียงตำหนิขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง หลูฉี่หลินนั้นเพราะไม่กล้าทำให้เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วต้องขุ่นเคือง อีกทั้งหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปต่อไปใครจะกล้ามาทำการค้ากับพวกเขาอีกเล่า ว่ากันว่าไม่เจ้าเล่ห์ไม่ขี้โกงไม่เป็นพ่อค้า แต่หากขายเพื่อร่วมทางที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยนั่นย่อมมิใช่เรื่องดี ส่วนหลูอวิ๋นเฟิงกลับเป็นเพราะมีความรู้สึกดีต่อหนานกงมั่ว แม้ว่านางจะปฏิเสธตนอย่างนุ่มนวลแล้ว แต่ก็ไม่ได้หวังให้นางต้องตกไปอยู่ในมือของโจรชั่วเหล่านั้น
“เอ๋” กลุ่มโจรคล้ายกับเพิ่งมองเห็นสตรีอีกหนึ่งคน เดิมทีหนานกงมั่วนั้นเชี่ยวชาญการพรางตัวอยู่แล้ว เมื่อเทียบกับบุรุษรอบข้างนางยังเตี้ยกว่า เพียงเก็บตัวอยู่นิ่งไว้ หากมิใช่เพราะหลูเซียงเซียงชี้นำก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นนาง ยามนี้สายตาทุกคู่กลับมองตรงมาที่นาง
“ฮ่าๆ ข้าช่างโชคดีไม่เลวเลยจริงๆ พากลับไปทั้งหมด คืนนี้ข้าจะแต่งงาน”
“ขอรับ”
“ไยเจ้าถึงไม่เอ่ยคำไหนคำนั่นเล่า” หลูเซียงเซียงรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างร้อนรน ชายผู้นั้นมองหลูเซียงเซียงราวกับคนโง่ “เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าพวกเราทำอันใด คิดจะเอ่ยเรื่องความน่าเชื่อถือกับโจร สมองของเจ้าหายไปหมดแล้วหรืออย่างไร รูปร่างหน้าตาพอได้ พากลับไปเป็นสาวใช้ให้ฮูหยินคนใหม่ของข้าก็ไม่เลว”
หลูเซียงเซียงโกรธจนหน้าซีด มองไปยังหลูฉี่หลินทำสิ่งใดไม่ถูก “ท่านพ่อ จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ” นี่เป็นครั้งที่สองที่นางออกมาทำการค้ากับบิดา แต่ว่าครั้งที่แล้วนั้นเดินทางไปได้อย่างปลอดภัย นางคิดว่าคำกล่าวที่ว่าการเดินทางค้าขายนั้นเสี่ยงชีวิตจะเป็นการเอ่ยต่อๆ กันมาเท่านั้น ยามนี้ได้พบกับกองโจรกลุ่มใหญ่จึงรู้จักความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว
หลูฉี่หลินถอนหายใจ ยกมือประสานเอ่ยกับกลุ่มโจรอย่างนอบน้อม “ทุกท่าน เอ่ยตามตรงว่าสินค้าครั้งนี้สำคัญมาก หากส่งไปไม่ถึง…เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงข้าที่ต้องลำบาก ท่านเองก็จะลำบากไปด้วย”
“โอ้” โจรเลิกคิ้วอย่างไม่ใส่ใจ หลูฉี่หลินกัดฟัน เอ่ยเสียงเข้ม “ของด้านในนี้ต้องส่งไปยังกองทัพของจอมทัพฮูตุน หากเกิดปัญหาอันใดขึ้น…”
จอมทัพฮูตุนอย่างนั้นหรือ ท่ามกลางกลุ่มคนมากมาย หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วลอบมองสบตากันเล็กน้อย จากนั้นจึงกลับมานิ่งสงบดังเดิม
จอมทัพฮูตุนเป็นจอมทัพใหญ่ของราชสำนักเป่ยหยวน ปีนี้ว่ากันว่าอายุสี่สิบหกปีแล้ว เมื่อครั้งนั้นที่ราชสำนักของเป่ยหยวนจำต้องล่าถอยกลับไปยังนอกด่าน ชนเผ่าต่างๆ ไม่ยอมฟังคำสั่งของฮ่องเต้เป่ยหยวนอีกต่อไป เห็นว่าเป่ยหยวนกำลังจะบุกเข้ามายังจงหยวนที่มีอายุกว่าร้อยปีอีกครั้ง จอมทัพฮูตุนผู้มีอายุเพียงยี่สิบต้นๆ ผู้นี้ก็เสนอตัวช่วยเหลือฮ่องเต้เป่ยหยวนในการเคลื่อนทัพ ควบคุมสถานการณ์ยามนั้นเอาไว้ได้ หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ยามนี้อาณาจักรต้าเซี่ยก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลต่อเป่ยหยวน บุกเข้าไปสังหารจนเลือดกลายเป็นสายน้ำไปนานแล้ว
จอมทัพใหญ่ผู้นี้แม้จะเป็นจอมทัพของกองทัพเป่ยหยวนทว่าเขาไม่ใช่คนหัวรุนแรง แต่เป็นคนที่มีสติอยู่ตลอดเวลา เขาไม่ได้ยกกองทัพเข้ายึดจงหยวนในทันที ทว่ากลับแนะนำให้เป่ยหยวนฟื้นฟูตนเองขึ้นมา รอจนกว่าจะสามารถฟื้นฟูกลับมามีกำลังอำนาจก่อนค่อยบุกเข้าไปโจมตีจงหยวน เพราะฮ่องเต้จงหยวนยอมรับในข้อเสนอของเขาจึงทำให้เป่ยหยวนรักษาแรงเฮือกสุดท้ายของตนเอาไว้ได้ ไม่ได้ล่มสลายไป
แต่ไม่คิดว่าตระกูลหลูจะมาทำการค้ากับคนระดับเช่นนี้ได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
หัวหน้ากองโจรเองก็ชะงักไปเล็กน้อย ทว่าไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “สินค้าของฮูตุนหรือ แล้วอย่างไรเล่า นอกด่านนี้กว้างใหญ่ไพศาล ข้าจะแย่งของของเขาแล้วเขาจะทำอันใดได้” เห็นชัดว่าไม่ได้เห็นคำขู่ขอหลูฉี่หลินอยู่ในสายตา
เขาไม่สนใจ ใช่ว่าคนอื่นๆ จะเป็นเช่นนั้น คนที่ขี่ม้าอยู่ด้านข้างเขาเคลื่อนม้าขึ้นมาใกล้ เอ่ยกระซิบ “หัวหน้า พวกเราใช้ชีวิตสุขสงบอยู่นอกด่าน ไยต้องหาเรื่องฮูตุนด้วยเล่า หากทำให้เขาขุ่นเคืองใจขึ้นมาจริงๆ…”
“เดี๋ยวก็จะเข้าหน้าหนาวแล้ว ฮูตุนจะส่งกองกำลังมาล้อมรังของเราได้อย่างนั้นหรือ” หัวหน้าโจรเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
“หึๆ ไม่กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นได้ อย่างน้อยก็ควรกลัวว่ามันมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น ในมือของฮูตุนมีทหารหลายแสน ส่งมาไม่กี่พันนายพวกเราก็ย่อยยับได้แล้ว” หลักการประชาชนไม่ต่อสู้กับขุนนาง ไม่ว่าอดีตปัจจุบัน ในด่านหรือนอกด่านล้วนใช้การได้ทั้งนั้น
หลูฉี่หลินนึกสนุก จึงรีบเอ่ยเสียงเนิบนาบ “ขอทุกท่านได้โปรดปล่อยพวกเราไป ข้าน้อยยินยอมที่จะเพิ่มให้เป็นสามร้อยตำลึงให้ทุกท่านไปดื่มเหล้า”
สามร้อยตำลึงนับว่าไม่น้อยแล้ว ครั้งนี้หลูฉี่หลินขนมาล้วนแล้วเป็นของมีค่า อีกทั้งยังมีขนาดไม่เล็ก บางครั้งต่อให้กองโจรได้พบกับขบวนพ่อค้า แต่หากโชคไม่ดีก็ไม่อาจปล้นได้ถึงสามร้อยตำลึง ทุ่งหญ้าแสนอ้างว้าง ขบวนพ่อค้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าอยากเจอแล้วจะเจอได้ง่ายๆ
หัวหน้าโจรลูบปลายคาง ในที่สุดจึงเอ่ย “พวกเจ้าไปได้ ทิ้งสตรีนางนั้นเอาไว้” ดวงตามองตรงมายังหนานกงมั่วที่อยู่ข้างเว่ยจวินมั่ว
มุมปากของหนานกงมั่วกระตุกยิ้ม กำลังจะเอ่ยปากพลันได้ยินเสียงเว่ยจวินมั่วที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “ได้ พวกเราจะอยู่”
หัวหน้าโจรชะงัก มองไปยังเว่ยจวินมั่วด้วยใบหน้ารังเกียจ “ไสหัวไป ใครให้เจ้าอยู่กัน เพียงสตรีนางนั้นผู้เดียวก็พอ” ไอ้หน้าขาวนี่ หากเก็บเอาไว้สตรีในหมู่บ้านคงถูกเขาหลอกล่อไปหมดน่ะสิ