หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 42

ตอนที่ 42

จ่านหยางปรายตามองถางรุ่ย “ช่างเถอะ”

“เอาเถอะ” ถางรุ่ยตีหน้าเศร้า “ฉันอุตส่าห์เป็นไม้กันหมาให้ตลอด ป๋ายมั่วเป็นคนที่เท่าไหร่แล้ว พวกเธอตั้งใจเข้าหานายทั้งนั้น”

ป๋ายมั่วคือดาราหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการหมาดๆ ฐานะทางบ้านดีอยู่แล้ว แค่อยากชิมลางในวงการบันเทิงเท่านั้น

เธอหน้าตาสะสวย ทรวดทรงองค์เอวได้รูป เป็นนักเรียนดีเด่นทั้งที่อายุแค่สิบหกปี

ดาราน้องใหม่เกิดถูกใจดารารุ่นพี่ น่าเสียดายที่จ่านหยางกลัวแฟนเหลือเกิน

ผู้หญิงที่เพียบพร้อมขนาดนี้ แต่กลับถูกผู้ชายสองคนรังเกียจ ถ้าคุณหนูคนสวยรู้เข้า คงร้องไห้จนเป็นลมคาห้องน้ำแน่นอน

“กลับมาเรื่องนี้ก่อน” ถางรุ่ยลังเลเล็กน้อย “นายยังไม่พูดกับกู้เซียงอีกเหรอ?”

“ยัง”

“ทำไมล่ะ? ต้องรีบชัดเจนแล้วนะ นิสัยอย่างกู้เซียงต่อให้โรแมนติกแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ ใช้ความจริงใจเข้าแลกเป็นพอ”

ในสายตาของถางรุ่ย กู้เซียงคือผู้หญิงนิสัยแมนๆ กล้าหาญ เด็ดขาด ไม่มีอารมณ์รักเหมือนอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ แถมยังอ่อยไม่เป็นด้วย

“ฉันไม่กล้า” จ่านหยางยอมรับ

“เฮ้อ ฉันละยอมใจจริงๆ” ถางรุ่ยเหนื่อยหน่ายกับประโยคนี้ของเพื่อน “ว่าไงก็ว่าตามกัน ฉันสนับสนุนนายอยู่แล้ว แต่ถ้าสำเร็จต้องช่วยฉันจีบเจี่ยงลี่ลี่ด้วยล่ะ”

“ดูๆ กันไปก่อนเถอะ” จ่านหยางบอกปัดทางอ้อม

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงช่วงปีใหม่

เหล่าคนทำงาน นักเรียนนักศึกษา และบรรดาแฟนคลับ ต่างตั้งตารอให้ถึงวันที่ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ภาคสองเข้าฉาย

ซึ่งวันแรกที่ฉายก็เต็มทุกโรงอย่างที่คาดการณ์ไว้จริงๆ

แฟนคลับคู่จิ้นกู้เซียงจ่านหยางแห่กันมาดูจนล้นโรง ยังมีบรรดาแฟนคลับของนักแสดงสมทบอีก

กู้หนานพาตู้หยู่ กู้ฉางชุน และจ่านฉางเฟิงไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์ พวกเขากลายเป็นจุดสนใจเพราะมีคนรุ่นพ่อรุ่นแม่อยู่ในนั้นด้วย

การที่คนหนุ่มสาวชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องปกติ แต่การที่สามีภรรยาอายุเลยวัยเกษียณไปแล้วยังชอบดูหนังรักคลาสสิก แถมยังพาลูกชายกับลูกสะใภ้มาดูด้วย เป็นภาพที่น่ารักเหลือเกิน

ภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ภาคสอง เล่าเรื่องราวความรักต่อจากภาคแรก โดยเน้นไปที่ภารกิจใหม่ของอาจวนและเหวินเส้าเหย่ ระหว่างทำภารกิจเกิดเรื่องขำขันมากมาย สุดท้ายก็จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง

ตอนกู้เซียงกับจ่านหยางถ่ายภาพยนตร์ด้วยกันครั้งแรก ทั้งสองเพิ่งเคยร่วมงานในฐานะคู่พระนาง มีหลายจุดที่ต้องปรับจูนให้เข้ากัน แต่สำหรับภาคสอง พวกเขาแสดงในฐานะของคู่รัก ความเป็นธรรมชาติถูกนำมาใส่ในภาพยนตร์ ทุกอย่างจึงสมจริงและสมบูรณ์แบบมากขึ้น

ในโรงภาพยนตร์มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ ซึ่งกู้เซียงกับจ่านหยางก็แอบมานั่งดูหนังของตัวเองเหมือนครั้งก่อนด้วย

แม้การดูภาพยนตร์ที่ตัวเองแสดงจะให้ความรู้สึกเขินอาย โดยเฉพาะฉากรัก แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเกินบรรยาย

หากเป็นอย่างที่เจี่ยงลี่ลี่บอก คือให้ลูกของพวกเขาดูหนังเรื่องนี้ ก็จะรู้ทันทีว่าพ่อกับแม่รักกันยังไง มีหวังได้เขียนตำราจีบหญิงของตระกูลจ่านออกมาร้อยแปดพันเก้า

เมื่อถึงฉากที่อาจวนกับเหวินเส้าเหย่ห่างกัน แล้วได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนอาจวนลุกขึ้นไปอาบน้ำ เหวินเส้าเหย่ก็อาศัยโอกาสนี้เปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋า แล้วฝึกพูดหน้ากระจก

“ผม โอไห่เหวิน ขอสาบานว่าจะทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อทำให้อาจวนเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก”

โรงภาพยนตร์เริ่มมีเสียงร้องไห้ด้วยความซาบซึ้ง ปกติซูเปอร์สตาร์จ่านจะไม่แสดงหนังรัก แต่เมื่อได้แสดงจริงๆ กลับทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมอย่างน่าเหลือเชื่อ

ตู้หยู่บีบแขนกู้หนานจนเจ็บ “พี่เขยหล่อจังเลย หล่อจนฉันทนดูไม่ได้แล้ว!”

กู้หนานดึงแขนออกแล้วตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “มันคือการแสดง!”

เหวินเส้าเหย่คือตัวละครที่อ่อนโยนและจริงใจ ประกอบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มีใครเทียบได้มาตลอดหลายปี ทำให้เขาตราตรึงอยู่ในใจผู้ชมไม่รู้คลาย

เมื่ออาจวนออกจากห้องน้ำแล้วเห็นภาพนั้นเข้า เธอก็ยิ้มทั้งน้ำตา

“พูดอีกครั้งสิคะ”

เหวินเส้าเหย่หยิบแหวนออกจากกระเป๋าด้วยท่าทางซื่อๆ แล้วถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่งงานกับผมนะ”

เจี่ยงลี่ลี่เริ่มปาดน้ำตา จนถางรุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำหน้างง

“แค่นี้ก็ร้องแล้วเหรอ?”

“นายจะไปรู้อะไร!” เจี่ยงลี่ลี่ตอกกลับ “พวกที่คิดว่าความรักเป็นเหมือนสเปิร์ม ไม่มีวันเข้าใจความรักที่บริสุทธิ์แบบนี้หรอก!”

จ่านฉางเฟิงบ่นกับกู้ฉางชุนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“แสดงดีขนาดนี้ ทำไมไม่คิดถึงเรื่องงานแต่งของตัวเองบ้าง ผมละร้อนใจจริงๆ”

พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องชีวิตคู่เท่าไหร่ แต่ทั้งสองบ้านมักจะพูดถึงการเตรียมงานแต่งอยู่บ่อยครั้ง ทั้งเรื่องการเชิญแขก ทั้งรายละเอียดในงาน

ทุกครั้งที่ถูกถามเรื่องแต่งงาน กู้เซียงกับจ่านหยางจะตอบตรงกันว่า “ขอทำงานก่อน” และ “ยังไม่พร้อมจะคิดเรื่องนี้”

“ผมเห็นด้วยกับพี่เขย” กู้หนานสนับสนุน และถึงขั้นไปพูดกับพี่สาวตรงๆ

“ถ้าพี่แต่งงาน พวกผู้ใหญ่ก็จะมาเร่งฉันต่อ ยังไงก็ช่วยยื้อไว้ก่อนนะ อย่าให้ความคิดเห็นของคนอื่น มาทำลายความตั้งใจของตัวเอง”

ภาพยนตร์มีความยาวประมาณสองชั่วโมง

คู่รักเปิ่นเป๋อแสดงออกถึงอารมณ์รักในหลากหลายมุม ทำให้ผู้ชมเกิดอารมณ์ร่วมตามไปด้วย ส่วนคนโสดก็แทบตายสนิทอยู่ในโรง

จุดจบของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ อาจวนกับเหวินเส้าเหย่สามารถเอาชนะบอสใหญ่ และสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบได้ในที่สุด

ปกติภาพยนตร์ที่นำเสนอแค่เรื่องราวความรักและความสนุกสนานเฮฮามักไม่ถูกใจผู้ชม เนื่องจากคนดูจะวิพากษ์วิจารณ์และหาจุดบกพร่องมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคาดหวังในตัวไอดอลค่อนข้างมาก

แต่น้องใหม่ภาคสองสามารถดึงอารมณ์ของคนดูได้ตลอดทั้งเรื่อง สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิจารณ์ภาพยนตร์อย่างมาก เมื่อย้อนทบทวนจะเห็นว่าหนังเล่าเรื่องแบบสบายๆ มีจุดหักมุมแต่ยังสามารถดำเนินเรื่องได้อย่างราบรื่น

และแม้ภาพยนตร์จะถ่ายทอดเรื่องราวของความรัก แต่สิ่งที่คนดูได้รับไม่ใช่เพียงความโรแมนติกระหว่างเหวินเส้าเหย่กับอาจวน แต่ช่วยให้คนดูได้ย้อนรำลึกถึงความทรงจำของตัวเองด้วย

สามปีก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมาย

กู้เซียงกับจ่านหยางนั่งอยู่แถวสุดท้ายของโรงหนัง เมื่อภาพยนตร์จบลง เธอรีบกระชับหมวกให้เข้าที่ แล้วเตรียมจะลุกขึ้น

“เดี๋ยวก่อน!” จ่านหยางคว้ามือเธอเอาไว้

“มีอะไรเหรอ?” กู้เซียงถาม

“อีกสักพักค่อยลุก” เขาตอบ

มีคนเดินออกไปแล้วบางส่วน แต่ก็มีอีกส่วนที่รอดูเซอร์ไพรส์ตอนท้าย

กู้เซียงมองจ่านหยางด้วยความสงสัย—ตอนถ่ายไม่มีเซอร์ไพรส์ตอนท้ายนี่?

ผ่านไปหนึ่งนาที เพลงประกอบภาพยนตร์ก็กลายเป็นภาพของจ่านหยางในชุดลำลอง

เนื่องจากเหวินเส้าเหย่เป็นหัวหน้ามาเฟีย จึงชอบวางมาดเท่และสวมชุดสูทเป็นส่วนใหญ่

ทว่าเขากลับแต่งตัวด้วยชุดลำลอง ซึ่งไม่ได้อยู่ในบทแน่นอน

จ่านหยางกระแอมเล็กน้อยแล้วลูบศีรษะด้วยความเขิน “กู้เซียงอยู่หรือเปล่า?”

บรรยากาศในโรงภาพยนตร์เงียบสงัด

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมตอนพิเศษถึงมีการเอ่ยชื่อกู้เซียงด้วย?” ผู้ชมเริ่มมองหน้ากันไปมา

กู้เซียงเงยหน้าขึ้น แล้วค่อยๆ หันมองจ่านหยางที่นั่งอยู่ด้านข้าง

จ่านหยางยังคงโอบไหล่เธอด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ผมจ่านหยางขอสาบานว่า…”

จู่ๆ จ่านหยางในจอก็คุกเข่าลงแล้วหยิบกล่องแหวนออกมา

ในนั้นมีเพชรเม็ดงามที่ส่องประกายแวววาวจนผู้ชมในโรงอ้าปากค้าง

“ผมจะใช้ทั้งชีวิตทำให้กู้เซียงเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก” เขาคลี่ยิ้มบาง “แต่งงานกับผมนะ”

ทั้งโรงหนังนิ่งเงียบไปสามวินาที ก่อนที่ทุกคนจะพากันปรบมือสนั่น

“อวดความหวานกันอีกแล้ว ตายๆๆ คนโสดตายสนิท!”

“พาฉันไปตัดขาที เป็นเบาหวานจะตายอยู่แล้ว!”

บรรยากาศในโรงภาพยนตร์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

หญิงสาวหลายคนซึ้งจนน้ำตาไหล ผู้ชายที่มาด้วยเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะกลัวว่าแฟนจะอินกับเรื่องนี้ ยังมีสาวโสดบางกลุ่มที่โยนแก้วชานมไข่มุกทิ้งด้วยความหมั่นไส้

เจี่ยงลี่ลี่อุทานด้วยความตกใจ “เขายอมเฉือนเนื้อตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ?”

“คนที่เฉือนเนื้อตัวเองควรเป็นผมมากกว่า” ถางรุ่ยหลุดพูดประโยคนี้ออกมา “อุตส่าห์ทิ้งตอนเซอร์ไพรส์ไว้ให้ กลับเอาไปปู้ยี่ปู้ยำ พวกนักวิจารณ์หนังต้องหาว่าผมไม่ใช่มืออาชีพแน่นอน หมดกันชื่อเสียงที่สั่งสมมานาน…”

สองคนที่นั่งอยู่แถวสุดท้ายหันมองหน้ากัน

“จงใจหรือเปล่าเนี่ย?” กู้เซียงถาม

“ผมสาบานต่อหน้าคนทั้งประเทศแล้ว” จ่านหยางตอบ

หมายความว่าหากวันไหนที่เขาเกิดนอกใจหรือทำเรื่องไม่ดี ก็จะถูกประณามหยามเหยียดและกลายเป็นปมในชีวิตที่ไม่อาจลบเลือนได้

การจะสาบานนั้นง่าย แต่การสาบานต่อหน้าคนทั้งประเทศเท่ากับตอกย้ำการตัดสินใจที่แน่วแน่และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ภาพสุดท้ายก่อนที่เพลงจะขึ้นคือภาพของจ่านหยางที่คุกเข่าขอกู้เซียงแต่งงาน ซึ่งฉายคู่กับภาพที่เหวินเส้าเหย่คุกเข่าขออาจวนแต่งงาน

หากความรักต้องการความดื้อดึง

เมื่อวันนั้นมาถึง แค่วิ่งให้สุดแรง

สวมชุดแต่งงาน วิ่งอย่างไม่กลัวสิ่งใดต้าน

ชีวิตที่เหลือ ขอฝากคุณด้วย

“มั่นใจแล้วใช่ไหม?” กู้เซียงถาม

“ลองดูเดี๋ยวก็รู้เอง” จ่านหยางหยิบแหวนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

เป็นแหวนแบบเดียวกับที่ปรากฏในจอเมื่อครู่

เขาดึงมือกู้เซียงแล้วบรรจงสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางข้างซ้าย

“ถ้างั้นก็ลองดู” เธอตอบ

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท