ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 175 เดือนสิบสอง (ต้น)

ตอนที่ 175 เดือนสิบสอง (ต้น)

ผ่าน​วันเฉลิม​พระชนมพรรษา​ไป​แล้ว​สอง​วัน​ ​ฮ่องเต้​ทรง​มอบ​ยาบำรุง​ร่าย​กาย​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตั้ง​มากมาย​ ​ส่วน​ฮองเฮา​ทรง​มอบ​เสื้อคลุม​ขน​สุนัขจิ้งจอก​สีดำ​ ​และ​สนับเข่า​ขน​สุนัขจิ้งจอก​สีดำ​หนึ่ง​คู่​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เหล​ยก​งกง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ฮองเฮา​ตรัส​ว่า​ ​ต่อไป​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​มารา​ชสำ​นัก​ช่วง​เช้า​แล้ว​ ​ต้อง​ระวัง​ลมหนาว​ตอนเช้า​ด้วย​”

เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​มารา​ยงาน​สวี​ลิ่ง​อี๋

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​รับ​เสื้อคลุม​มา​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูด​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​เอาไว้​สวม​ตอน​ปีใหม่​เถิด​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ทำท่า​ทาง​วางแผน​อย่าง​รอบคอบ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​หัวเราะ​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ไป​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​

ช่วงนี้​สวี​ซื่อ​ฉิน​พี่น้อง​สอง​สาม​คน​เอาแต่​อยู่​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​บอก​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​พลัน​เงียบสงัด​ ​นาง​นั่ง​เย็บปักถักร้อย​อยู่​บน​เตียง​เตา​ ​มีสาว​ใช้​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“​ป้า​หัง​ ​ท่าน​ป้า​คนสนิท​ของ​คุณนาย​ใหญ่​ตรอก​กง​เสียน​มา​เจ้าค่ะ​”

ยาม​นี้​?

นาง​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​เชิญ​ป้า​หัง​เข้ามา

ป้า​หัง​สวม​เสื้อคลุม​ผ้าไหม​สีม่วง​แดง​ ​บน​หัว​ประดับ​ด้วย​ดอกไม้​สีแดง​ดอก​ใหญ่​ ​ท่าที​ดู​ยินดี​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​ย่อ​คำนับ​ ​“​เมื่อวาน​นายท่า​นพา​คุณชาย​สี่​และ​คุณนาย​สี่​ที่พึ่ง​แต่ง​เข้ามา​ ​คุณหนู​สิบสอง​ ​อี๋​เหนียง​ห้า​ ​และ​อี๋​เหนียง​สาม​มาที​่​เมืองหลวง​ ​คุณนาย​ใหญ่​ให้​บ่าว​มารา​ยงา​นคุณ​นาย​สิบเอ็ด​ ​อยาก​เชิญ​คุณนาย​สิบเอ็ด​กลับ​ไป​ทานข้าว​พรุ่งนี้​เจ้าค่ะ​…​”

ทันทีที่​พูด​จบ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ตกใจ​ ​“​อี๋​เหนียง​ห้า​ก็​มาด​้วย​หรือ​”

“​ใช่​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ป้า​หัง​ยิ้ม​ ​“​ไม่มีใคร​อยู่​ที่​จวน​ ​ปล่อย​ให้​อี๋​เหนียง​ห้า​อยู่​ที่​จวน​คนเดียว​คงจะ​ไม่ดี​ ​นายท่า​นบ​อก​ว่า​ ​หาก​อี๋​เหนียง​ห้า​ศรัทธา​ใน​พระพุทธศาสนา​ ​ก็​ให้​สร้าง​สำนัก​ใน​จวน​เสีย​ ​อี๋​เหนียง​ห้า​จึง​ยอม​มาด​้วย​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​เจอ​อี๋​เหนียง​ห้ามา​สอง​ปี​แล้ว​…

จะ​บอกว่า​คิดถึง​ ​ก็​ไม่ได้​คิดถึง​นาง​ขนาด​นั้น​ ​จะ​บอกว่า​ไม่​คิดถึง​ ​แต่​ก็​มักจะ​รู้สึก​ว่าที่​อวี​๋​หัง​ยัง​มี​อะไร​ให้​อาลัยอาวรณ์

นาง​เหม่อลอย

ป้า​หัง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​แล้วยัง​เชิญ​คุณชาย​สาม​และ​คุณนาย​น้อย​สาม​ ​ท่าน​เขย​สี่​และ​คุณนาย​สี่​ ​ท่าน​เขย​ห้า​และ​คุณนาย​ห้า​ ​ท่าน​เขย​สิบ​และ​คุณนาย​สิบ​มาด​้วย​เจ้าค่ะ​”

ดูเหมือนว่า​จะ​มาค​รบ​ทั้ง​สกุล​แล้ว​!

สือ​อี​เหนียง​สูด​หายใจเข้า​ลึก​ๆ​ ​ดึง​สติก​ลับ​มา​ ​“​เจ้า​ไปรา​ยงา​นคุณ​นายใหญ่​ ​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​ไป​แต่เช้า​”​

ป้า​หัง​ทำ​สีหน้า​ตกใจ​

คุณนาย​สิบเอ็ด​เป็น​คน​มี​แม่​สามี​ ​มีสา​มี​ ​จะ​กลับ​สกุล​เดิม​ ​ไม่​พูด​อะไร​สัก​คำ​แต่กลับ​ตอบ​ตกลง​อย่างง่ายดาย​ ​ดูเหมือนว่า​คุณนาย​สิบเอ็ด​คน​นี้​เป็น​คน​มี​ความสามารถ​ ​แต่ง​เข้ามา​ยัง​ไม่​ถึง​สามสี​่​เดือน​ก็​ตั้งหลัก​ได้​แล้ว​…

ความคิด​นี้​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​พวก​นาง​พูดคุย​กัน​สอง​สาม​ประโยค​ ​ป้า​หัง​ก็​ลุกขึ้น​กล่าว​ขอตัว​ลา​ ​สือ​อี​เหนียง​ตกรางวัล​ให้​นาง​ ​ให้​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ไป​ส่ง​นาง​ออก​ไป​ ​นาง​นั่ง​เหม่อลอย​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ให้​หู่​พั่ว​ไป​เรียก​ตง​ชิง​ ​ปินจ​วี​๋​และ​จู๋​เซียง​มา​ ​เล่าเรื่อง​ที่นาย​ท่าน​กลับมา​จาก​อวี​๋​หัง​ให้​พวก​นาง​ฟัง​

พวก​นาง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​ออกมา​ ​โดยเฉพาะ​จู๋​เซียง​ ​สายตา​ของ​นาง​เป็นประกาย​ ​“​อี๋​เหนียง​ห้า​ก็​มาด​้วย​หรือ​เจ้า​คะ​ ​แล้วยัง​จะ​กลับ​ไป​หรือไม่​เจ้าค่ะ​ ​พรุ่งนี้ฮู​หยิน​ไปหา​อี๋​เหนียง​ห้า​ต้อง​แต่งตัว​สวย​ๆ​ ​นะ​เจ้า​คะ​ ​อี๋​เหนียง​ห้า​เห็น​แล้ว​จะ​ได้​สบายใจ​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​ท่าทาง​ดีอกดีใจ

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​รู้สึก​สับสน

บางที​คนที​่​คิดถึง​อี๋​เหนียง​ห้ามาก​ที่สุด​อาจจะ​ไม่ใช่​ตัวเอง​ ​แต่​เป็น​จู๋​เซียง​กระมัง​…

“​ใช่​เจ้าค่ะ​ ​ใช่​เจ้าค่ะ​”​ ​ปินจ​วี​๋​ตอบกลับ​ซ้ำๆ​ ​จากนั้น​ก็​ลาก​จู๋​เซียง​ไป​เตรียม​เสื้อผ้า​ให้​สือ​อี​เหนียง

หู่​พั่ว​ทำ​สีหน้า​ลังเล​ ​“​ต้อง​บอก​ท่าน​โหว​หรือไม่​เจ้า​คะ​…​ท่าน​เขย​สี่​เป็น​คน​ชอบ​ไปหา​ญาติพี่น้อง​ ​ส่วน​ท่าน​เขย​ห้า​ก็​อยู่​เป็น​ ​เพรา​ฉะนั้น​เขา​คงจะ​ไป​ด้วย​…​แต่​หาก​ท่าน​โหว​มีธุระ​ ​เรา​จะ​ได้​วางแผน​ตั้งแต่​เนิ่นๆ​…​”

ความหมาย​ก็​คือ​กลัว​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ไม่​ไป​ ​ถึง​ตอนนั้น​ ​เป็น​สตรีที​่​แต่ง​ออกเรือน​ไป​แล้ว​เหมือนกัน​ ​แต่​คนอื่น​ล้วน​ไป​กัน​เป็น​คู่​ ​ส่วนตัว​เอง​กลับ​ไป​คนเดียว​ ​จะ​ทำให้​คนอื่น​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​ถูก​สกุล​สามี​รังเกียจ​ ​ไร้​ซึ่ง​อำนาจ​

แต่ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​อยาก​พา​เขา​ไป​ด้วย​

สวี​ลิ่ง​อี๋​มีตำ​แหน่ง​ที่สูง​ส่ง​ ​สกุล​หลัว​ไม่เคย​กล้า​ที่จะ​มอง​เขา​เป็น​เพียง​บุตร​เขย​ธรรมดา​ ​เขา​ไป​ที่นั่น​อาจจะ​ทำให้​บรรยากาศ​อึดอัด​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​ตอนนี้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็นโรค​ข้อเท้า​อักเสบ​ ​เขา​ควรจะ​พักผ่อน​อยู่​ที่​จวน​…

แต่​นาง​ยัง​ไม่ทัน​ได้​พูด​ ​ตง​ชิง​ก็​บอกว่า​ ​“​ท่าน​โหว​เป็น​ใคร​กัน​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​ท่าน​เขย​สี่​และ​ท่าน​เขย​ห้า​ ​แม้แต่​ท่าน​เขย​สิบ​ก็​ยัง​เทียบ​ไม่ได้​!​”

หมายความว่า​ ​การ​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​ที่นั่น​คือ​การ​ให้เกียรติ​ตระกูล​หลัว​ ​แต่​หาก​ไม่​ไป​ก็​ไม่เป็นไร

สือ​อี​เหนียง​ไม่​ชอบ​ท่าที​เช่นนี้​ของ​ตง​ชิง

บางครั้ง​ ​คนอื่น​สามารถ​ขึ้น​มา​ขี่หลัง​ของ​เจ้า​ได้​ ​ก็เพราะว่า​เจ้า​โน้มตัว​ลง​ไป​ก่อน

“​ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​ไม่​ชอบ​แค่ไหน​ ​แต่​เขา​ก็​เป็น​บุตร​เขย​ของ​สกุล​หลัว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่างสงบ​นิ่ง​ ​“​แต่ว่า​ยาม​นี้​ท่าน​โหว​เป็นโรค​ข้อเท้า​อักเสบ​ ​ไม่​ควรจะ​เดิน​บ่อยๆ​”

ตง​ชิง​สัมผัส​ได้​ถึง​ความไม่พอใจ​ใน​น้ำเสียง​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​นาง​จึง​รีบ​อธิบาย​ ​“ฮู​หยิน​ ​บ่าว​ไม่ได้​หมายความว่า​เช่นนั้น​เจ้าค่ะ​ ​บ่าว​เพียง​คิด​แค่​ว่า​ถึงแม้​ท่าน​เขย​สี่​กับ​ท่าน​เขย​ห้า​ต่าง​ก็​เป็น​คน​มีชื่อเสียง​ ​แต่​ด้วย​ฐานะ​สูงส่ง​ของ​ท่าน​โหว​ ​อาจจะ​ทำให้​ทุกคน​ไม่​เป็นตัวของตัวเอง​เจ้าค่ะ​”

เดิมที​สือ​อี​เหนียง​อยาก​จะ​ตำหนิ​ตง​ชิง​ ​แต่​ความคิด​หนึ่ง​ผุด​ขึ้น​มา​ ​ที่แท้​นาง​ก็​ถูก​สั่งสอน​มา​แบบนี้​ ​แต่​นาง​ไม่​อยาก​ให้​ตง​ชิง​งุนงง​สับสน​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้า​พูด​มีเหตุผล​”​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ ​“​ในเมื่อ​พรุ่งนี้​จะ​กลับ​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​ ​เรา​ก็​ควรจะ​ไป​บอก​ไท่ฮู​หยิน​”​ ​จากนั้น​ก็​พา​หู่​พั่ว​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​

เมื่อ​ได้ยิน​ว่านาย​ท่าน​สกุล​หลัว​กลับมา​แล้ว​ ​คุณนาย​ใหญ่​จึง​อยาก​ให้​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ไป​ทานข้าว​ที่​สกุล​เดิม​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​พูด​ซ้ำๆ​ ​ว่า​ ​“​ดี​ ​ทุกคน​ไม่ได้​กลับมา​รวมตัวกัน​ง่ายๆ​ ​เจ้า​กลับ​ไป​เถิด​”​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ป้า​ตู้​นำ​โสม​อายุ​สามสิบ​ปี​ออกมา​สอง​ชิ้น​ ​“​มอบให้​นาย​หญิง​ใหญ่​”​ ​นำ​รังนก​ออกมา​หนึ่ง​ห่อ​ ​“​มอบให้​อี๋​เหนียง​”​ ​นำ​เครื่องประดับ​ไข่มุก​หนาน​จู​ที่​เหมือนกัน​ออกมา​สี่​ชิ้น​ ​“​มอบให้​คุณหนู​และ​คุณนาย​น้อย​ที่พึ่ง​แต่ง​เข้ามา​”

สือ​อี​เหนียง​เอ่ย​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​ก็​ถาม​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​“​อยาก​ไป​กับ​ข้า​หรือไม่​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​ ​ข้า​ก็​ไป​ด้วย​หรือ​เจ้า​คะ​…​?​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​น้อง​หญิง​สิบสอง​ก็​มา​ ​นางอายุ​น้อยกว่า​เจ้า​สอง​ปี​ ​นิสัย​ดี​ ​พวก​เจ้า​อาจจะ​เล่น​ด้วยกัน​ได้​”

ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ว่า​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ลังเล​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​อยาก​ไป​ก็​ไป​เถิด​ ​ที่นั่น​ก็​เป็น​สกุล​ญาติ​ของ​เจ้า​ ​ไปเที่ยว​ด้วยกัน​เถิด​”

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​ด้วย​ความเคารพ​ ​แต่​ดวงตา​ของ​นาง​กลับเป็น​ประกาย​ราวกับ​ดวงดาว​ยาม​กลางคืน

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​อย่าง​แผ่วเบา

ไท่ฮู​หยิน​ถามถึง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​…​เดิมที​ต้อง​ไปรา​ชสำ​นัก​ ​แต่​ตอนนี้​ไม่ต้อง​ไปรา​ชสำ​นัก​แล้วก็​ไม่เห็น​แม้แต่​เงา​”

สือ​อี​เหนียง​รีบ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ไป​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​บอกว่า​มีเรื่อง​จะ​ปรึกษา​กับ​บรรดา​กุนซือ​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​อีกว่า​ ​“​ถึงแม้​ท่าน​โหว​ไม่ต้อง​ไปรา​ชสำ​นัก​ ​แต่​ใกล้​จะ​ปีใหม่​แล้ว​ ​แต่ละ​สกุล​ก็​ต้อง​สังสรรค์​กัน​ ​ไม่ได้​สบาย​ไป​กว่า​การ​ไปรา​ชสำ​นัก​เลย​เจ้าค่ะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ไม่​พูด​อะไร​อีก

สือ​อี​เหนียง​อยู่​พูดคุย​เป็นเพื่อน​นาง​ครู่หนึ่ง​ ​ก็​มี​เด็กรับใช้​ชาย​เข้ามา​รายงาน​ ​“​…​ใต้เท้า​โจว​และ​ใต้เท้า​หวัง​มา​เยี่ยม​ท่าน​โหว​ขอรับ​ ​ท่าน​โหวต​้อ​นรับ​พวกเขา​อยู่​ที่​เรือน​นอก​ ​บอกว่า​ตอนเที่ยง​จะ​ไม่​เข้ามา​แล้ว​ขอรับ​ ​ตอนเย็น​ค่อย​มาคา​รวะ​ไท่ฮู​หยิน​”

กำลัง​พูดถึง​ก็​มา​พอดี​!

สือ​อี​เหนียง​บอกว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​มี​งาน​สังสรรค์​เยอะ​ ​งาน​สังสรรค์​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​มา​พอดี​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​แล้ว​เหลือบมอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ใต้เท้า​โจว​คน​ไหน​ ​ใต้เท้า​หวัง​คน​ไหน​กัน​”

เด็กรับใช้​ชาย​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ใต้เท้า​โจว​ซื่อ​เจิง​และ​ใต้เท้า​หวัง​ลี่​ขอรับ​”

“​ที่แท้​ก็​คือ​พวกเขา​สอง​คน​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​ ​“​บอกว่า​ข้า​รู้​แล้ว​”

เด็กรับใช้​ชาย​ตอบรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

ไท่ฮู​หยิน​พูด​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​โจว​ซื่อ​เจิง​ ​คือ​บุตรชาย​คนที​่​สาม​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่ฝู​เฉิง​ ​โตมา​ด้วยกัน​กับ​คุณชาย​สี่​ ​ส่วน​หวัง​ลี่​ตอนนี้​เป็นรอง​เจ้ากรม​โยธา​ธิ​การ​”​ ​นาง​อธิบาย​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง

ดูเหมือนว่า​คน​เหล่านี้​จะ​เป็นมิตร​สหาย​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ ​แอบ​จดจำ​เอาไว้​ ​ตอนเที่ยง​ไปรับ​ใช้​ไท่ฮู​หยิน​ทานข้าว​เที่ยง​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​กับฮู​หยิน​สาม​ ​จากนั้น​ก็​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​กับ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​เลือก​เสื้อผ้า​และ​เครื่องประดับ​ที่จะ​สวมใส่​ใน​วันพรุ่งนี้​ ​แล้วยัง​แนะนำ​สถานการณ์​ของ​สกุล​หลัว​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ฟัง​ ​นาง​ไป​ถึง​แล้ว​จะ​ได้​ไม่​สับสน

นาง​กำลัง​พูดคุย​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​แล้ว

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ย่อ​คำนับ​แล้ว​ขอตัว​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ถอด​เสื้อคลุม​ให้​เขา

เขา​ได้กลิ่น​สุรา​จางๆ​ ​บน​ตัว​ของ​เขา​ ​ใช้​ผ้าเช็ดหน้า​อุ่นๆ​ ​เช็ดหน้า​ให้​เขา​ ​จากนั้น​ก็​ยก​ชามา​ให้​ ​“​จะ​ได้​สร่าง​เมา​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอน​ตัว​อยู่​บน​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​แล้ว​ดื่ม​ชา​ ​เขา​ทำ​สีหน้า​สบายใจ

“​เจ้า​กำลัง​ทำ​สิ่งใด​”​ ​เขามอ​งดู​เครื่องประดับ​ที่​กระจัดกระจาย​อยู่​บน​โต๊ะ​แล้ว​ถาม

สือ​อี​เหนียง​เล่าเรื่อง​ที่นาย​ท่าน​พา​อี๋​เหนียง​ห้ามา​เมืองหลวง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ ​“​…​บอก​ให้​ข้า​กลับ​ไป​ทานข้าว​พรุ่งนี้​เจ้าค่ะ​”

“​จะ​กลับ​สกุล​เดิม​…​”​ ​เขา​เยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​“​แล้ว​จะ​กลับมา​เมื่อใด​”​ ​เขา​ถาม​นาง​อีกครั้ง​ ​“​ไม่ได้​เชิญ​ข้า​ด้วย​หรือ​”​ ​เขา​ทำท่า​ที​สับสน

หรือว่า​ต้อง​เชิญ​ท่าน​…?

สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ​ ​แต่​นาง​นึกถึง​สกุล​สามี​และ​สกุล​เดิม​ ​จะ​ให้​พวกเขา​ห่างเหิน​กัน​ไม่ได้​ ​นาง​จึง​พูด​อย่าง​ประจบสอพลอ​ ​“​จะ​ไม่​เชิญ​ท่าน​โหว​ได้​เช่นไร​เจ้า​คะ​ ​แต่​ข้า​บอกว่า​ท่าน​เป็นโรค​ข้อเท้า​อักเสบ​ ​ช่วย​ท่าน​ตอบกลับ​ไป​แล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อย่าง​ขยันขันแข็ง​ ​“​เมื่อวาน​ตอนกลางคืน​เฉียว​อี๋​เหนียง​ดีด​พิณ​ให้ท่าน​ฟัง​ไม่ใช่​หรือ​ ​ถ้าอย่างนั้น​ ​พรุ่งนี้​ข้า​บอก​คน​ให้​ไป​จัด​โต๊ะ​สังสรรค์​ที่​เรือน​ของ​เฉียว​อี๋​เหนียง​ ​ให้​พวก​ท่าน​ร่ำ​สุรา​ ​ดีด​พิณ​…​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เบิกตา​มอง​นาง​ ​จากนั้น​ก็​ตอบ​ ​“​อืม​”​ ​แล้ว​ชี้​ไป​ที่​ถ้วย​ชา​ ​“​ไป​ชง​มา​อีก​ถ้วย​”

สือ​อี​เหนียง​ให้​สาวใช้​ไป​ชงชา

สวี​ลิ่ง​อี๋​ชี้​ไป​ที่​สาวใช้​อีก​คนที​่​อยู่​ข้างๆ​ ​ ​“​ไป​เรียก​พ่อบ้าน​ไป๋​มา​”

สาวใช้​ตอน​รับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​พึมพำ​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​ไม่ชัด​ ​นาง​จึง​เดิน​เข้าไป​ถาม​ ​“​ท่าน​โหว​มี​อะไร​หรือไม่​เจ้า​คะ​”​ ​ทันทีที่​นาง​พูด​จบ​ ​สายตา​ของ​นาง​ก็​พร่ามัว​ ​ถูก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดึง​เข้าไป​กอด​ใน​อ้อมแขน

การเปลี่ยนแปลง​อย่างกะทันหัน​ทำให้​นาง​ตกใจ​ร้อง

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​มุด​หน้า​เข้าไป​ซุก​ตัวนาง​แล้ว​ ​“​วันนี้​เจ้า​ทำ​อะไร​”​ ​ความร้อน​ที่​ผสม​กับ​กลิ่นอาย​ของ​น้ำเมา​ ​พุ่ง​พวย​เข้ามา​ที่​แก้ม​ของ​นาง​ ​บวก​กับ​น้ำเสียง​ที่​มีกลิ่น​อาย​ของ​สุรา​ที่​รุนแรง​ ​ทำให้​บรรยากาศ​คลุมเครือ​เป็นอย่างมาก

จู่ๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​หน้าแดง​ ​“​ท่าน​โหว​เมา​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​”​

“​เล็กน้อย​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​คลุมเครือ​ ​แต่กลับ​ยื่นมือ​เข้าไป​ใน​เสื้อผ้า​ฝ้าย​ของ​นาง

“​ตอนนี้​มัน​กลางวัน​นะ​เจ้า​คะ​!​”​ ​เขา​ไล่​สาวใช้​สอง​คน​นั้น​ออก​ไป​ ​แต่​ก็​ยัง​มีสาว​ใช้​อีก​สอง​คนที​่​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ ​แล้วยัง​มีสาว​ใช้​ที่​ยืน​อยู่​หน้า​ม่าน​ของ​ห้องโถง​ ​หน้า​ประตู​ใหญ่​…​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ไป​จับมือ​เขา​เอาไว้

“​กลางวันแสกๆ​ ​เจ้า​กลัว​อะไร​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​หยอกเย้า​ ​แต่​น่าเสียดาย​ที่​สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​เกินไป​ ​นาง​ฟัง​ไม่เข้าใจ​ ​“​ข้า​เวียนหัว​ ​ท่าน​นอน​เป็นเพื่อน​ข้า​สักครู่​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”

“​ท่าน​เรียก​พ่อบ้าน​ไป๋​มา​ไม่ใช่​หรือ​”​ ​รู้สึก​ว่า​กระโปรง​ของ​ตัวเอง​ถูด​ปลด​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​กระวนกระวาย​ ​นาง​ผลัก​เขา​ออก​ไป​อย่างกะทันหัน​ ​แต่​ลืม​ไป​ว่า​มีโต​๊ะ​อยู่​ข้างหลัง​ ​จากนั้น​ก็​มีเสียง​แตก​…​แล้วก็​มีเสียง​ตกใจ​ของ​สาวใช้​ที่​ไม่รู้​ว่า​จะ​ทำ​เช่นไร

พวกเขา​ก็​ตกใจ

สือ​อี​เหนียง​กลั้น​น้ำตา​เอาไว้​ไม่อยู่

ทำเกินไป​แล้ว​!

หาก​เรื่อง​นี้​แพร่กระจาย​ออก​ไป​ ​ต่อไป​นาง​จะ​เอาหน้า​ไป​ไว้​ที่ไหน​!

สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​ไป​ที่​สาวใช้​ที่​ยืน​โง่​อยู่​ตรงนั้น​ ​สีหน้า​ของ​เขา​มืดมน​ลง​อย่าง​น่ากลัว​ ​“​ยัง​ไม่​ออก​ไป​อีก​!​”

สาวใช้​รีบ​วิ่ง​ออก​ไป​ด้วย​ความตกใจ

สือ​อี​เหนียง​ปิดปาก​แล้ว​นั่ง​จัด​เสื้อผ้า​ของ​ตัวเอง

สวี​ลิ่ง​อี๋​หงุดหงิด​เป็นอย่างมาก

ใคร​จะ​รู้​ว่า​สาวใช้​ใน​ห้อง​ของ​นาง​จะ​โง่งม​ขนาด​นี้​…

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท