หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ค่อยหาเวลาดูอีกครั้งเถิดเพคะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรู้ความจริง เสด็จป้าไม่จำเป็นต้องเอานางมาใส่ใจ คนผู้นี้ดูแล้ว ฝีมืออาจมิได้สูงส่งอันใดนัก” พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มขมขื่น “นางไม่จำเป็นต้องมีแผนการอันใด ท่านอ๋องคงเกรงว่านางจะถูกลักพาหายไป ช่างเถิด ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร อู๋สยา ลำบากเจ้าแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด เจ้าเดินทางกลับมาอย่างเร่งรีบ…”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะบ่งบอกว่าไม่เป็นไร นางเชื่อว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องไม่จำเป็นให้นางต้องสอนว่าควรจัดการกับเรือนหลังอย่างไร ก่อนหน้านี้เพียงตกใจกับนิสัยที่เปลี่ยนไปของเยี่ยนอ๋องจนทำอันใดไม่ถูกเพียงเท่านั้น
รุ่งเช้า เขาชุ่ยเวยยังคงเงียบสงบเช่นเคย เสียงเพลงฉินถูกบรรเลงขึ้นท่ามกลางหุบเขา หนานกงมั่วเดินขึ้นเขาไปเชื่องช้า ทว่าเท้าพลันหยุดลงในทางโค้งแห่งหนึ่ง เงยหน้าขึ้นไปมองก้อนหินบนเนินเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ท่านช่างอิสระเหลือเกิน”
บนก้อนหินมีคุณชายเสียนเกอนั่งอยู่ นั่งหัวเราะเสียงดังโดยมีฉินวางอยู่ที่ตัก สายตามองลงมายังคนที่เดินอยู่บนเส้นทางเล็กๆ เท้าของหนานกงมั่วกระโดดขึ้น ลอยขึ้นไปด้านบน ลอยตัวลงด้านข้างคุณชายเสียนเกอโดยไร้เสียง คุณชายเสียนเกอเชิดปลายคางขึ้น หัวเราะพลางเอ่ย “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องกลับมา”
หนานกงมั่วยิ้มเจื่อน เอ่ย “ดูเหมือนศิษย์พี่เองจะรู้เรื่องในจวนเยี่ยนอ๋องแล้วอย่างนั้นหรือ”
คุณชายเสียนเกอส่งเสียงหยัน “เยี่ยนอ๋องลุ่มหลงในตัวเด็กสาววัยสิบแปดปี ข่าวนี้ทั้งในและนอกจินหลิงใครบ้างไม่รู้เล่า”
หนานกงมั่วถอนหายใจ เดินไปนั่งไม่ไกลจากเขา เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ บนโลกใบนี้มีวิธีใดที่ทำให้นิสัยของคนเปลี่ยนไปได้มากเพียงนี้หรือไม่”
“มีสิ” คุณชายเสียนเกอวางฉินไว้ด้านข้างด้วยท่าทางเกียจคร้าน เอ่ย “ได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างไรเล่า”
“มีอีกหรือไม่” หนานกงมั่วกะพริบตาปริบ เอ่ยถามต่อ
คุณชายเสียนเกอยิ้มตาหยี เอ่ย “การได้พบกับรักแท้ เยี่ยนอ๋องเป็นวีรบุรุษ แต่เจ้าก็ต้องอนุญาตให้พระองค์ได้เจอกับรักแท้ด้วย ตี้ซินกับต๋าจี่ โจวโยวกับเปาซื่อ คนไหนบ้างที่ก่อนเจอราวกับคนไร้จิตใจ เมื่อเจอแล้วก็ฟ้าถล่มดินทลาย”
“แหะๆ” คุณหนูใหญ่หนานกงแสดงออกมาว่าไร้ซึ่งคำจะเอ่ย
คุณชายเสียนเกอไม่ได้สนใจว่าศิษย์น้องจะคิดเช่นไร เอนตัวลงไปกับพื้นด้านหลังอย่างเกียจคร้าน เอ่ย “ทำไมหรือ เจ้ากับเว่ยจวินมั่วสยบความวุ่นวาย อยู่ในสนามรบยังไม่พอ ยังจะยุ่งกับเรือนหลังของเยี่ยนอ๋องอีกอย่างนั้นหรือ มั่วเอ๋อร์ ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่ดูถูกเจ้า เรื่องก่อนหน้านี้เจ้าจะทำอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าเป็นหลานสะใภ้ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับเรือนหลังของลุงมันไม่สมควร”
หนานกงมั่วกลอกตา “ข้าไม่ได้โง่”
คุณชายเสียนเกอพยักหน้า เอ่ย “เจ้าไม่ได้โง่ เจ้ามันหลงมัวเมากับความงาม ไม่ได้ต่างอันใดกับเยี่ยนอ๋องมากนัก พวกเจ้าก็เข้าใจซึ่งกันและกันไปเถิด เจ้าเด็กเว่ยจวินมั่วนั่นรูปร่างหน้าตาไม่เลว แต่ศิษย์น้องเจ้าก็ไม่ได้แย่มิใช่หรือ”
หนานกงมั่วยื่นมือออกไป มองใครบางคนอย่างข่มขู่ แสดงออกมาว่าหากเขายังเอ่ยเหลวไหลอีก ก็อย่ามาโทษนางหากนางจะถีบเขาลงไป
วรยุทธ์สู้ไม่ได้ คุณชายเสียนเกอทำได้เพียงไหวไหล่บอกใบ้ว่าล้อเล่นและจบเพียงเท่านั้น
มองคิ้วที่ขมวดมุ่นของหนานกงมั่ว คุณชายเสียนเกอจึงถอนหายใจ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “สถานการณ์ของเยี่ยนอ๋องข้าเคยได้ยินคนพูดมาบ้าง หากเจ้าสงสัยว่าเยี่ยนอ๋องถูกควบคุมจิตใจก็พักเถิด อย่างน้อย…ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ของเยี่ยนอ๋อง ไม่ว่าข้าหรืออาจารย์ลุงก็ไม่มีใครทำได้” หนานกงมั่วพยักหน้า ศิษย์พี่และอาจารย์เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นตัวแทนของวิชาการแพทย์และยาพิษที่ดีที่สุดแล้ว แม้ไม่ใช่ไม่มีใครเทียบได้แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างแน่นอน ศิษย์พี่บอกว่าทำไม่ได้เช่นนั้นแล้วแปดถึงเก้าส่วนก็ไม่มีใครทำได้
“วิธีควบคุมคนใช่ว่าจะไม่มี แต่อย่างไรคนเหล่านั้นก็ต้องมีสิ่งผิดปกติเผยออกมาให้เห็นบ้าง อีกทั้งไม่อาจอยู่ได้นาน อย่างไรคนก็ไม่ใช่วัตถุ ไม่ได้ควบคุมได้ง่ายๆ” เสียนเกอเอ่ย
หนานกงมั่วเท้าคางพลางเอ่ยถาม “เช่นนั้น…ในยุทธภพมีวิชาชั่วร้ายคุมวิญญาณอันใดหรือไม่”
คุณชายเสียนเกอกลอกตา “เจ้าอ่านนิทานมากไปแล้ว”
คุณหนูใหญ่หนานกงมั่วเคาะจมูกเบาๆ ไม่ใช่นางอ่านนิทานมากเกินไป เพียงแต่อดีตชาติได้รับข้อมูลยุ่งเหยิงมาหลากหลายเกินไป ทว่ามีการยืนยันจากคุณชายเสียนเกอ ก็นับเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยขอบเขตการสืบข่าวก็เล็กลงมาก ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หนานกงมั่วจึงมองไปยังคุณชายเสียนเกอ เอ่ย “ศิษย์พี่ ช่วยอันใดข้าสักหน่อยเถิด”
คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้ว
หนานกงมั่วเอ่ย “ช่วยข้าตรวจชีพจรให้เยี่ยนอ๋อง” ยังคงคำพูดเดิม นางเชี่ยวชาญบาดแผลภายนอก อย่างอื่นนั้น…ความจริงธรรมดามาก
“เจ้าคิดว่าเขาจะยอมให้ข้าตรวจชีพจรหรือ” คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้ว เยี่ยนอ๋องเป็นใครกัน จะยอมให้คนไม่คุ้นเคยเข้าใกล้ได้หรือ หากเยี่ยนอ๋องมีปัญหาหรือถูกคนควบคุมจริงๆ ยิ่งไม่ยอมให้คนมาตรวจชีพจรได้ง่ายๆ หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้มบางๆ เอ่ย “เขาจะป่วย”
มองใบหน้าสวยของศิษย์น้องที่กำลังหัวเราะออกมา คุณชายเสียนเกอพลันรู้สึกหนาวขึ้นมา มาเจอกับศิษย์น้อง เยี่ยนอ๋องช่างโชคร้าย มีอาการป่วยต้องตรวจรักษา ไม่มีอาการป่วยก็สร้างอาการป่วยขึ้นมาก็ต้องตรวจรักษา ฝึกฝนอยู่บนเขาชุ่ยเวยมาสักระยะ คุณชายเสียนเกอเองก็เบื่อ จึงพยักหน้ารับ เอ่ยตอบ “ไม่มีปัญหา เมื่อไหร่เยี่ยนอ๋องจะป่วย เจ้าก็บอกข้า ไม่คิดเงิน”
“ขอบคุณศิษย์พี่มากนะเจ้าคะ” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แน่นอนว่าเยี่ยนอ๋องไม่ได้ป่วยในทันที นางวางแผนเอาไว้เช่นนั้นก็เพื่อป้องกันเท่านั้น เรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือสืบที่มาที่ไปของกงเสี่ยวเตี๋ยให้ชัดเจน นางกล้าเอาศิษย์พี่มารับรองได้ หากกงเสี่ยวเตี๋ยผู้นี้ไม่เกี่ยวข้องกับกงอวี้เฉิน นางจะยอมกินฉินที่รักของศิษย์พี่เข้าไปเลย
กงอวี้เฉิน…เจ้าช่างหาโอกาสเก่งเหลือเกิน
“พี่สะใภ้”
ในเรือนพระชายาจวนเยี่ยนอ๋อง ซุนเหยียนเอ๋อร์มองเห็นหนานกงมั่วที่เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้าจึงรีบเดินเข้าไปหา ใบหน้าสวยมีความกังวลและเหนื่อยล้า เมื่อมองเห็นสีหน้าของหนานกงมั่วพลันผ่อนคลายลง หนานกงมั่วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “ดูเจ้าสีหน้าไม่ดีนัก ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
ซุนเหยียนเอ๋อร์ส่ายศีรษะ รอยยิ้มบนใบหน้ามีความขมขื่น เอ่ย “ยามนี้ในจวน…นอกจากคนเรือนเตี๋ยผู้นั้น เกรงว่าใครก็คงไม่อาจสบายได้” ความสัมพันธ์ของเฉินซื่อและแม่สามีไม่ดีนัก ยามนี้ความสัมพันธ์พระชายาเยี่ยนอ๋องและเยี่ยนอ๋องก็ไม่ดี เฉินซื่อคิดอย่างไรไม่มีใครรู้ได้ แต่เอาแต่อยู่ในเรือนของตนไม่ยอมออกมา จูชูอวี้ถูกเยี่ยนอ๋องโบยจนต้องนอนอยู่บนเตียง ยามนี้คนที่คอยช่วยอยู่เคียงข้างพระชายาเยี่ยนอ๋องก็เหลือเพียงซุนเหยียนเอ๋อร์แล้ว แต่ยามนี้แม่สามีและอนุภรรยาของพ่อสามีกำลังมีปัญหากัน สะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้าจวนเช่นนางจะเอ่ยสิ่งใดได้ ทำได้เพียงคอยดูแลอยู่เคียงข้างพระชายาเยี่ยนอ๋อง คอยปลอบโยนนาง
หนานกงมั่วเองก็รู้ความลำบากของนาง ลูบหลังมือนางเบาๆ เอ่ยถาม “เสด็จป้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ซุนเหยียนเอ๋อร์เอ่ยเสียงเบา “เสด็จแม่ตื่นขึ้นมาตอนเช้าเวียนหัวเล็กน้อย เพิ่งหลับไปอีก ท่านมีอันใดให้ข้าเข้าไปรายงานให้หรือไม่”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ในเมื่อเสด็จป้ากำลังหลับอยู่ก็ช่างเถิด ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด ไปดูซั่นจยาจวิ้นจู่สักหน่อยเถิด” แม้ว่าความสัมพันธ์ของนางและจูชูอวี้ไม่ได้ดีนัก แต่นางถูกโบย ในเมื่อนางกลับมาแล้ว เป็นถึงพี่สะใภ้อย่างไรก็ต้องไปดูสักหน่อย หนานกงมั่วไม่มีทางยอมรับว่าตนเองอยากไปดูจูชูอวี้ที่ถูกโบยเพื่อความสนุกสนาน