ลู่เจียวถูกเขาหยอกจนใจเต้นแรง หันหน้าหลบสายตาร้อนแรงของเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่จ้องมองนาง
แม้ลู่เจียวเป็นหมอทหารและเป็นคนเปิดเผย แต่ความจริงไม่เคยมีประสบการณ์ใกล้ชิดกับผู้ชาย เห็นแววตาเซี่ยอวิ๋นจิ่นร้อนแรงจ้องมองนาง นางก็ไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ที่ไหน เป็นนานกว่าจะกล่าวเบาๆ ขึ้นว่า “ได้ งั้นวันหน้าข้าเรียกเจ้าว่าอวิ๋นจิ่น”
“อืม”
ทั้งสองคนเดินไปตามทางลับเลี้ยวไปเจ็ดแปดเลี้ยว ก็พบทางแยกอีกครั้ง
หลังเซี่ยอวิ๋นจิ่นสำรวจแล้วก็แยกแยะได้อีกครั้งว่า มีหนึ่งในนั้นเป็นเส้นทางปกติ ไม่ใช่เส้นทางมีค่ายกล
กล่าวตามจริง การที่ทั้งสองคนสามารถเดินผ่านช่องทางลับมาได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรคนั้นก็ควรต้องขอบคุณโจรภูเขาในตอนนั้น เพราะโจรขุดช่องทางจับไว้ลวกๆ ไม่ได้บรรจงตกแต่งอะไรมาก คนที่ละเอียดหน่อยก็หาเส้นทางที่ถูกต้องได้อย่างสบาย
ลู่เจียวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินอยู่ในช่องทางลับได้ครึ่งวัน สุดท้ายถึงกับไปโผล่ที่โกดังขนาดใหญ่ นั้นมีเกลือสะสมไว้อยู่ไม่น้อย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นเกลือก็อดมีสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้ “คิดไม่ถึงว่าอำเภอชิงเหอเล็กๆ จะมีคนค้าเกลือเถื่อน หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็นเกลือเถื่อนที่พวกสี่ตระกูลใหญ่เก็บซ่อนไว้ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาล้วนมีส่วนหรือแค่ตระกูลเดียวที่ทำเรื่องนี้”
ลู่เจียวมองกองเกลือเถื่อนตรงหน้า กล่าวว่า “มิน่าเกลืออำเภอชิงเหอเราแพงมาก ดูท่าถูกการค้าพวกเขาควบคุมไว้หมดแล้ว”
แม้ว่าอำเภอชิงเหอเป็นอำเภอเล็กๆ ยากจน แต่ก่อนหน้านี้ลู่เจียวไปตลาดซื้อของ พบว่าเกลือน้ำมันซีอิ๊วซอสเปรี้ยวอะไรพวกนี้แพงเป็นพิเศษ
เดิมนางยังคิดว่าของพวกนี้ก็ควรแพงเช่นนี้ ตอนนี้ดูท่าไม่แน่ถูกพ่อค้าอำเภอชิงเหอควบคุม ดังนั้นของพวกนี้จึงได้แพงเช่นนี้ และพ่อค้าอำเภอชิงเหอเองจึงได้มีเงินทองมากมายเช่นนั้น
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นดำทะมึน “ไว้จับรองนายอำเภอหยางกับเผิงจู่ปู้ได้ ก็คงกระทบกระเทือนพ่อค้าเถื่อนไม่น้อย เรื่องราคาของที่สูงกระหน่ำในตอนนี้และสภาพไร้กฎหมายในอำเภอชิงเหอก็ย่อมจะค่อยๆ เบาบางลงไปเอง”
ลู่เจียวพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองคนพูดไปก็เดินไปตามเส้นทาง พวกเขารู้สึกว่าช่องทางลับนี้ย่อมต้องมีทางออก ไม่มีทางที่จะไม่มีทางออก และเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวผ่านเส้นทางใดก็จะทำเครื่องหมายไว้หมด เช่นนี้พวกเขาก็จะไม่เดินย้อนกลับ
ทั้งสองคนอดทนทรมานเดินมาเกือบค่ำ ในที่สุดก็ออกจากช่องทางลับมาได้
ปากทางเป็นโอ่งน้ำในห้องครัวของรังโจร ลู่เจียวเคลื่อนโอ่งน้ำออก ออกจากเส้นทางลับมาอย่างราบรื่น จากนั้นก็นางก็ดึงเซี่ยอวิ๋นจิ่นขึ้นมาจากเส้นทางลับ
ทั้งสองคนยามนี้หิวและเหนื่อยมาก ความจริงลู่เจียวอยากจะหยิบของกินออกมาจากห้วงอากาศมาก แต่คิดถึงว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนยังไม่ได้อยู่ด้วยกันจริงๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเปิดเผยเรื่องห้วงอากาศ ดังนั้นนางได้แต่อดทนไว้
ดีที่ตอนนี้ทั้งสองคนออกมาจากช่องทางลับแล้ว
“ออกมาได้เสียที”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบก็ได้ยินเสียงฝีเท้านอกห้องครัว มีคนเปิดประตูเข้ามา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวรีบหันไปมอง พบว่าคนที่พุ่งมาถึงกับเป็นจ้าวหลิงเฟิงกับผู้คุ้มกันที่จ้าวหลิงเฟิงพามาด้วย
หลายคนพอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็ร้องเรียกอย่างตื่นเต้น “พวกเจ้าไม่เป็นอะไรหรือ”
จ้าวหลิงเฟิงกล่าวจบก็ไม่สนใจเซี่ยอวิ๋นจิ่น พุ่งไปตรงหน้าลู่เจียว กล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ลู่เหนียงจื่อ เจ้าไม่เป็นไรแล้ว ดีมากๆ เจ้ารู้ไหม ข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย”
ลู่เจียวไม่ค่อยได้ซาบซึ้งอะไรเช่นนี้ ผู้ใดจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่กลับกล่าวตามมาติดๆ ว่า “หากเจ้าเกิดเรื่องอะไร สามโรงผลิตที่พวกเราร่วมมือกันจะทำอย่างไร เช่นนั้นข้าก็คงได้ขาดทุนตาย”
ใบหน้าลู่เจียวราวกับมีแสงสีดำพาดผ่าน นางมองหน้าจ้าวหลิงเฟิง ดังนั้นที่เป็นห่วงนางก็เพราะเป็นห่วงสามโรงผลิตขาดทุน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินเข้ามายื่นมือไปดึงมือลู่เจียว
ตอนนี้ลู่เจียวถือว่าเป็นภรรยาเป็นทางการของเขาแล้ว เขามีสิทธิ์แสดงความเป็นเจ้าของ
น่าเสียดายยามนี้ท่านจ้าวเอาแต่ตื่นเต้น ไม่ได้สนใจท่าทางของเซี่ยอวิ๋นจิ่นแม้สักนิด
เขาดีใจเสร็จ ก็หันไปสั่งผู้คุ้มกันข้างกายว่า “รีบไปแจ้งพวกนายอำเภอหูกับสวี่เซี่ยนเว่ย บอกว่าหาเซี่ยซิ่วไฉกับลู่เหนียงจื่อเจอแล้ว พวกเขาไม่เป็นอะไรแล้ว”
ผู้คุ้มกันตระกูลจ้าวรีบไปแจ้งทันที ไม่นานนายอำเภอหู สวี่เซี่ยนเว่ย มือปราบจ้าวและพวกหันถงก็ได้รับข่าว ทุกคนพากันเร่งมาถึง
พวกตระกูลเซี่ยก็มาถึงกันแล้ว
พอเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นพวกเขาก็ถามพวกเขาถึงเรื่องเอ้อร์เป่าอย่างห่วงใย
“เอ้อร์เป่ากับหันหนานเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง”
หร่วนไครายงานทันที “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยได้พาพวกเขาไปส่งให้พ่อบ้านลู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยแล้ว วางใจได้ ตอนนี้พวกเขาน่าจะไม่เป็นไรแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่อาจวางใจได้ เอ้อร์เป่ากลับไปย่อมต้องบอกอีกสามคนเรื่องที่พวกเขาหายตัวไป ตอนนี้เจ้าหนูน้อยพวกนั้นไม่แน่อาจเสียใจกันไปขนาดไหนแล้ว ดังนั้นพวกเขาต้องรีบกลับไป
“พวกเรากลับอำเภอชิงเหอก่อน มีอะไรค่อยคุยกัน”
พวกนายอำเภอหูต่างเห็นด้วย ทุกคนลงเขา บ้างนั่งรถม้า บ้างขี่ม้า ต่างมุ่งกลับบ้านตระกูลเซี่ยในอำเภอชิงเหอ
ยามนี้ตระกูลเซี่ยกำลังวุ่นวายกันไปหมด พอต้าเป่า ซานเป่า ซื่อเป่ารู้ว่าท่านพ่อท่านแม่หายตัวไป ก็ร้อนใจจนทนไม่ไหว เอาแต่งอแงจะออกไปตามหาท่านพ่อท่านแม่
ลู่กุ้ยพาบ่าวรับใช้ในจวนมาขวางพวกเขาไว้ แต่เจ้าหนูทั้งนี้แม้อายุน้อย แต่ก็บ้าคลั่งมาก เอาแต่โวยวายใส่พวกเขา ทำเอาพวกลู่กุ้ยและเฝิงจือหน้ามืดจนแทบจะเป็นลม
หลูเหนียงจื่อกับท่านปู่หลิวท่านย่าหลิวข้างบ้านก็มาช่วยปลอบใจหนูน้อยทั้งสี่ แต่ก็ไร้ประโยชน์
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่กินไม่ดื่ม ยืนยันจะออกไปตามหาท่านพ่อท่านแม่ตนให้ได้
สุดท้ายลู่กุ้ยก็ยอมแพ้ ตัดสินใจพาพวกเขาไปภูเขาเฮยเฟิงตามหาเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
อย่าว่าแต่เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ แม้แต่เขาเองก็คิดถึงพี่สาวว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เขาเองก็เสียใจมากเหมือนกันไหม
คิดถึงว่ามารดาตนเองที่บ้านที่รักพี่สาวมาก หากมารดาตนเองรู้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ลู่กุ้ยทั้งปวดใจทั้งเสียใจ แทบจะอยากไปรับเคราะห์นี้แทนพี่สาวตน
“น้าเล็ก พาพวกเราไปหาท่านพ่อท่านแม่ด้วยกันนะ ท่านพ่อกับท่านแม่ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องอะไร อย่างแน่นอน พวกเขาย่อมต้องสบายดี พวกเราไปตามพวกเขากลับมากันนะ”
“ใช่ พวกเขาไม่เป็นไรอย่างแน่นอน ท่านพ่อกับท่านแม่ข้าเป็นคนเก่งกาจที่สุด พวกเขาไม่มีทางถูกคนทำร้าย”
ลู่กุ้ยเห็นท่าทางน่าสงสารของเด็กๆ ในใจก็เศร้าใจอย่างมาก สวรรค์ หากพี่สาวพี่เขยข้าเกิดเรื่องอะไร เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นี่จะทำอย่างไร
ขณะลู่กุ้ยกำลังคิดปวดใจอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงตาเฒ่าเหวินดังมาว่า “พวกเจ้าอย่าเอะอะโวยวาย คุณชายกับเหนียงจื่อกลับมาแล้ว พวกเขากลับมาแล้ว”
ลู่กุ้ยและเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยังอยู่ในลานด้านหน้า หลูเหนียงจื่อ ท่านปู่หลิวและท่านย่าหลิวหันหน้าไปมองก็เห็นนอกประตูบ้านตระกูลเซี่ยมีกลุ่มคนเดินกันเข้ามากลุ่มใหญ่ คนที่เดินนำมาก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
แม้ว่าทั้งสองคนสีหน้าดูแล้วไม่ดีนัก แต่เห็นได้ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่
ทุกคนต่างดีใจกันอย่างมาก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่วิ่งหยุดข้างเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว
สองคนกอดกันแผดเสียงร้องไห้ดังลั่น
จนถึงตอนนี้ พวกเขาเพิ่งจะได้ร้องไห้เสียงดัง ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เป็นไรแล้ว ดีจริงๆ พวกเขาไม่เป็นไร
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวย่อตัวลงกอดลูกสองคน ปลอบใจพวกเขาว่า “ไม่ต้องเสียใจไป พ่อกับแม่กลับมาแล้วไม่ใช่หรือ พวกเราไม่เป็นไร”
“ใช่ พวกเราไม่เป็นไรหรอก พวกเราร้ายกาจอย่างนี้ ใครจะทำร้ายพวกเราได้”