“บุกเข้าไปอีกครั้ง ทำลายตาข่ายนั่นเสีย กลุ่มหนึ่งไปด้านหลังภูเขา บุกลงมาจากหลังเขา”
“ขอรับ”
จากนั้น การคิดทำลายตาข่ายกลับไม่ใช่เรื่องง่าย การป้องกันพิเศษที่คุณชายเสียนเกอสร้างขึ้นมามิใช่สิ่งของไร้ประโยชน์ที่ฟันขาดในดาบเดียว เสียสละไปห้าหกคนแล้ว เช่นนั้นตาข่ายพิษที่ไม่รู้ทำมาจากสิ่งใดก็ขาดเพียงช่องเดียวเท่านั้น ส่วนทางด้านหลังภูเขา เสียงร้องโอดครวญมาจากทางด้านหลังภูเขาก็รู้แล้วว่าคงจะไม่ราบรื่นนัก
เมื่อผ่านตาข่ายที่ดักเอาไว้มาได้ เท่ากับว่าหน่วยกล้าตายนั้นได้สูญเสียพลังชีวิตไปกว่าครึ่งแล้ว สายตาของคนชุดดำที่เป็นหัวหน้าตึงขึ้น “สังหารคุณชายเสียนเกอ”
“ขอรับ” ไม่เพียงเขา สายตาของคนอื่นๆ ที่มองไปยังคนที่นั่งอยู่บนหลังคาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มองเห็นสหายของตนที่นอนตายอย่างน่าอนาถอยู่ตรงหน้า ต่อให้เป็นหน่วยกล้าตายที่เลือดเย็นก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้น คนชุดดำคนหนึ่งชักดาบออกมาพุ่งเข้าหาคุณชายเสียนเกอ คมดาบสะท้อนแสงสีเงินแผ่กระจายความเยือกเย็นภายใต้แสงจันทร์ ชายผู้เป็นหัวหน้าหัวใจกระตุกวูบ “ระวัง”
เอ่ยยังไม่ทันจบ ชายชุดดำที่บุกเข้าไปลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ร่างทั้งร่างร่วงลงบนพื้นโดยแยกเป็นสองส่วนทันใด
“ร้ายกาจ” คนชุดดำที่เป็นหัวหน้าเอ่ยเสียงเย็น “คุณชายเสียนเกอช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง เพียงแต่…เจ้าก็คงมีเพียงเท่านี้ใช่หรือไม่” ชักกระบี่ยาวออกมาพร้อมกระโดดขึ้นไป ลอยขึ้นไปกลางอากาศตวัดกระบี่โดยไว เสียงฟาดฟันดังขึ้น ชายชุดดำผ่านเส้นทางที่ใกล้ทว่าแสนอันตรายไปยังหลังคาได้สำเร็จ คมกระบี่ตรงเข้าหาคุณชายเสียนเกอ
คุณชายเสียนเกอเลิกคิ้ว เอื้อมไปหยิบกระบี่ออกมาจากฉินปัดป้องกระบี่ที่พุ่งเข้ามา “น่าสนใจ กงอวี้เฉินช่างให้ความสำคัญกับคุณชายอย่างข้า”
เมื่อโจมตีไม่สำเร็จ ชายชุดดำจึงรีบก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว คุณชายเสียนเกอมีชื่อเสียงเรื่องพิษ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าเข้าใกล้คุณชายที่ดูสุขุมดุจเทพเซียนผู้นี้
“คุณชายเสียนเกอเองก็สมคำร่ำลือ” ชายชุดดำกัดฟันเอ่ย
เหล่าหน่วยกล้าตายเห็นเช่นนั้นก็ทยอยบุกเข้ามา คุณชายเสียนเกอถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เอ่ยอย่างเสียดาย “คุณชายอย่างข้าไม่ชอบลงมือกับใคร ดังนั้น…” จากนั้น คุณชายเสียนเกอก็ทำเรื่องที่ทุกคนต้องตกใจ เขามองไปยังนอกเรือน ตะโกนเสียงดัง “อาจารย์ ช่วยด้วย”
ชายชุดดำที่ยืนอยู่บนชายคาซวนเซ เกือบจะร่วงลงไป
“ไม่ได้เรื่อง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจเป็นที่สุดดังขึ้นมา
เห็นชัดว่าคุณชายเสียนเกอเองไม่ใส่ใจ โบกมือพลางเอ่ย ลำบากอาจารย์แล้ว อยากด่าคนก็ไปด่ามั่วเอ๋อร์ ความวุ่นวายนี้นางเป็นคนนำมา” เอ่ยจบ กลุ่มคนที่ยังไม่ทันมีสติได้แต่มองสบตากัน คุณชายเสียนเกอลอยตัวถอยออกไป จากนั้นมุ่งตรงไปยังริมหน้าผาบนเขาด้านหลัง ชั่วพริบตาก็ไปถึงริมหน้าผา มองลงมาดูผู้คนด้านล่างพร้อมหัวเราะออกมา
กลิ่นไอความกดดันกระจายเข้ามา ทุกคนไม่คิดจะสนใจคุณชายเสียนเกอที่นั่งมองอยู่บนหน้าผาอีก คนในความมืดยังไม่ปรากฏตัว ทว่าความกดดันที่แผ่ออกมายังพวกเขานั้นรุนแรงอย่างไม่เคยได้รับมาก่อน แม้แต่บนตัวของเจ้าสำนักก่อนหน้าที่จะบาดเจ็บก็ไม่น่ากลัวถึงขั้นนี้ ทุกคนเริ่มระมัดระวัง สายตามองรวมกันไปยังจุดหนึ่งที่นอกเรือน
ชายวัยกลางคนอายุราวๆ สี่สิบกว่า อยู่ในชุดเสื้อผ้าธรรมดากำลังเดินเข้ามาเชื่องช้า กวาดตามองผู้คนที่อยู่บนหลังคา เอ่ยเสียงเรียบ คนของสำนักหอธาราหรือ”
คนชุดดำเอ่ยถามอย่างระแวดระวัง “ท่านคือผู้ใด”
ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม “พวกเจ้ากล้ามาลอบสังหารศิษย์ของข้า ทว่ากลับไม่รู้จักว่าข้าเป็นใครอย่างนั้นหรือ”
ราวกับเป็นการส่งเสียงหยันอย่างไม่ใส่ใจ ชายชุดดำกลับรู้สึกหายใจติดขัด ร้อง อ๊ากกก ขึ้นมาพร้อมกระอักเลือด ชายวัยกลางคนผู้นี้คืออาจารย์ของคุณชายเสียนเกออย่างนั้นหรือ ด้วยวรยุทธ์ของคุณชายเสียนเกอ…มีอาจารย์ผู้ไร้เทียมทานเช่นนี้หรือ นี่มันเรื่องลวงโลกชัดๆ อาจารย์ของคุณชายเสียนเกอไม่ใช่สุดยอดหมอเทวดาหรอกหรือ
ชายวัยกลางคนกวาดตามองคุณชายเสียนเกอที่อยู่บนหน้าผา “ต่อให้เขาจะไม่ได้เรื่อง ก็ยังเป็นลูกศิษย์ของข้า”
เมื่อได้ยินวาจาของอาจารย์ คุณชายเสียนเกอเบ้ปากไม่ใส่ใจแม้เพียงนิด เขาเพียงไม่ทันระวังไหว้อาจารย์ผิดคนเท่านั้นเอง เขาเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมนะ
ชิ้ง เสียงกระบี่ถูกดึงออกมา ชายวัยกลางคนจ่อปลายกระบี่แกว่งไปมาเบาๆ ไปยังเหล่าชายชุดดำ “พวกเจ้า เตรียมตัวตายกันแล้วหรือไม่”
ชายชุดดำสูดหายใจเข้าลึก ส่งสัญญาณมือ เอ่ย “ลงมือ” ในสถานการณ์นี้ ลงมือก็ตายไม่ลงมือก็ตาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ลงมือสักนิด เพียงแต่น่าเสียดาย…ไม่อาจทำหน้าที่ที่เจ้าสำนักมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง
“ดีมาก” ชายวัยกลางคนกระตุกยิ้มมุมปาก ดวงตากลับมีไอสังหารรุนแรงวาดผ่าน
บนหลังคาในเรือน มีคนชุดดำหลายคนยืนอยู่ นอกกำแพงเรือนมีชายวัยกลางคนในชุดธรรมดายืนหยู่หนึ่งคน ริมหน้าผาบนหุบเขาด้านหลังเรือนเล็ก กลับมีชายชุดขาวดูสง่างามดุจเทพเซียนนั่งมองอยู่ ภายใต้แสงจันทร์อันเงียบสงบ มีไอสังหารที่แผ่กระจายไปทั่ว
อาจารย์อามองคนชุดดำตรงหน้าอย่างไม่พอใจ แสยะยิ้มเย็น เอ่ย “ทหารกุ้งขุนพลปูไม่กี่คน ยังกล้ามาสังหารลูกศิษย์ของข้าอย่างนั้นหรือ”
คนชุดดำเหล่านี้ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่าชั้นยอดที่น่าสะพรึงกลัว แต่เมื่อมาอยู่ตรงหน้าเขา กลับเป็นราวกับของเล่นเด็กที่ไม่อาจเชิดหน้าชูตา เหล่านักฆ่าแม้จะไม่พอใจ แต่รู้ดีว่าชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาไม่สะดุดตาตรงหน้านี้ความจริงแล้วเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขาเคยเจอมาตลอดชีวิต สีหน้าของทุกคนจึงตึงเครียดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็มองสบตาส่งสัญญาณต่อกัน
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ามีสีหน้าเข้มขึ้นมา หยิบของบางอย่างออกมาจากหน้าอก เสียงแหลมพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ดอกไม้ไฟเปล่งประกายไปทั่วท้องฟ้า อาจารย์อาแสยะยิ้ม “รนหาที่ตาย”
“บุก สังหารคุณชายเสียนเกอก่อน”
คุณชายเสียนเกอไม่คิดว่าความมุ่งมั่นที่จะสังหารตนของอีกฝ่ายจะแน่วแน่เพียงนี้ เผชิญหน้ากับยอดฝีมือไร้เทียมทานอย่างอาจารย์ของเขาแล้วยังมีใจคิดจะสังหารเขาอีก มองชายชุดดำสองคนตรงเข้ามา รีบหยิบกระบี่จากฉินออกมาขัดขวางเอาไว้ อาจารย์เองก็คิดสั่งสอนศิษย์ไม่รักดีของตน แม้แต่มองก็ยังไม่มองชายชุดดำสองคนที่กำลังพุ่งเข้าไปหาศิษย์ของตน
“ว่าก็ว่า คุณชายอย่างข้าไปล่วงเกินกงอวี้เฉินเจ้าบ้านั้นอย่างไรกันหรือ” คุณชายเสียนเกอรับมือกับมือสังหารทั้งสอง อีกทั้งยังมีเวลาว่างไปเอ่ยถาม เอ่ยตามตรง เขาไม่คุ้นเคยกับกงอวี้เฉิน นอกเสียจากเจอกันที่วัดในจิ่นโจวแล้วเหมือนเขาแทบไม่เคยเจอกงอวี้เฉิน แต่อย่างไรก็ตามครั้งนั้นคนที่น่าโกรธแค้นที่สุดควรเป็นเว่ยจวินมั่วมิใช่หรือ หากมิใช่เพราะคนเหล่านี้รายงานตัวตั้งแต่แรก เขาก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าคนพวกนี้เป็นเว่ยจวินมั่วส่งมา
นักฆ่าสองคนแน่นอนว่าไม่มีทางตอบคำถามของเขา พวกเขาเป็นนักฆ่ารับหน้าที่คร่าชีวิต ไม่มีหน้าที่ให้ผู้ถูกสังหารนอนตายตาหลับ
คุณชายเสียนเกอเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้สิ่งใดจากปากของทั้งสองคน กลอกตาอย่างไม่สง่างามนัก หมอกสีขาวกระจายออกมาจากปลายนิ้วของเขา นักฆ่าชุดดำรีบกลั้นลมหายใจ น่าเสียดายช้าไปแล้วหนึ่งก้าว ร่างทั้งร่างร่วงลงไปบนพื้น จากนั้นคุณชายเสียนเกอจึงใช้เท้าเขี่ยลงไปโดยไร้ความปรานี