ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 194 วิกฤติ (กลาง)

ตอนที่ 194 วิกฤติ (กลาง)

สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ

นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​จู่ๆ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​พูด​เรื่อง​พวก​นี้​กับ​ตน

นึก​ไป​ถึง​ตอนที่​เจอ​กับ​เขา​ครั้งแรก​ ​สีหน้า​ที่​สุขุม​เยือกเย็น​ใน​ตอนนั้น​กับ​สีหน้า​ท่าที​ของ​เขา​ใน​ตอนนี้​ ​ใบหน้า​ที่​แดงก่ำ​ ​เสียงพูด​พึมพำ​ ​รอยยิ้ม​พลัน​ปรากฏ​ขึ้น​อย่าง​ไม่รู้​ตัว

เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ภรรยา​ของ​ตน​ยิ้ม​ ​ก็​ทำตัว​ไม่​ถูก​ขึ้น​มา​ ​จึง​พูด​ขึ้นเสียง​ขรึม​ว่า​ ​“​ที่​ข้า​พูด​มาคือ​เรื่องจริง​ ​หลังจาก​เกิดเรื่อง​แล้ว​ ​ก็ได้​ถาม​เฉียว​อี๋​เหนียง​ว่า​เหตุใด​ถึง​ร้อง​ตะโกน​ ​เฉียว​อี๋​เหนียง​บอกว่า​จู่ๆ​ ​ก็​เห็น​มี​คน​แอบ​อยู่​หลังฉาก​บานพับ​…​ล้วน​เป็นการ​เข้าใจผิด​ทั้งสิ้น​”

สือ​อี​เหนียง​มองเห็น​การเปลี่ยนแปลง​ของ​เขา​ได้​อย่างชัดเจน​ ​จึง​รู้สึก​สังหรณ์ใจ​แปลก​ๆ​ ​นาง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​เป็น​ใคร​กัน​ ​ผู้​สยบ​เผ่า​หมาน​ทาง​ตอน​ใต้​ ​ผู้​ปราบปราม​แคว้น​ทาง​ตอนเหนือ​ ​ชายชาตรี​ที่​องอาจ​สง่าผ่าเผย​ ​ทำไม​จะ​ต้อง​มา​โกหก​หญิง​ที่​แต่งงาน​แล้ว​เช่น​ข้า​ด้วย​เล่า​!​”

คำยกยอ​ปอ​ปั้น​นี้​ฟัง​ดู​ค่อนข้าง​เน้นย้ำ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​รู้ดี​แก่​ใจอยู่​แล้ว​ ​แต่​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ดีใจ​ขึ้น​มา​ ​นึกย้อน​ไป​ถึง​เหตุการณ์​ตอนที่​ตน​อุ้ม​เด็ก​คน​หนึ่ง​เข้ามา​โดย​ไม่มี​ปี่​ไม่มี​ขลุ่ย​ ​ไม่ได้​อธิบาย​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​แม้แต่​คำ​เดียว​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ไม่เคย​สงสัย​ตน​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีความรู้สึก​มั่นคง​ใน​ใจ​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​คำพูด​ที่​ปราศจาก​ข้อกังขา​ใดๆ​ ​“​หากว่า​ไป​ตามเนื้อผ้า​ ​เรื่อง​นี้​เป็นความ​ผิด​ของ​น้อง​ห้า​ ​แต่​หาก​จะ​พูด​ให้​ลึกซึ้ง​ ​ข้า​เอง​ก็​มีส่วน​ผิด​ด้วย​”​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​คลุมเครือ​ไป​ด้วย​ความเศร้า​ ​“​หลาย​ปีนั​้​นข​้า​ทำสงคราม​ปราบปราม​อยู่​ข้างนอก​ ​จึง​ไม่​ค่อย​ได้​ดูแล​เรื่อง​ใน​เรือน​ ​เมื่อ​ข้า​กลับมา​ ​เขา​ก็​กลายเป็น​ผู้ลากมากดี​ที่​รู้จัก​แต่​ดื่ม​กิน​เที่ยวเล่น​เสเพล​ไป​วัน​ๆ​ ​ข้า​เห็น​แล้วก็​ไม่สบายใจ​เป็นอย่างมาก​ ​ก็​เลย​พูดจา​กับ​เขา​ไม่ดี​ไป​โดยปริยาย​ ​เขา​เอง​เมื่อ​เห็น​ข้า​ก็​หวาดกลัว​ ​จะ​มีเรื่อง​หรือไม่​มีเรื่อง​ก็​คอย​หลบหน้า​ข้า​อยู่​เสมอ​ ​เกิดเรื่อง​ขึ้น​อย่า​ว่าแต่​จะ​มาป​รึก​ษา​หารือ​กับ​ข้า​เลย​ ​สิ่ง​แรก​ที่​เขา​คิดได้​ก็​คือ​จะ​หาวิ​ธี​ปิดบัง​ข้า​อย่างไร​ดี​…​”​ ​เขา​เอนกาย​บน​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​พลาง​ถอนหายใจ​ยาว​ ​ทอด​มอง​ไป​ยัง​เพดาน​ด้วย​สายตา​ที่​เลื่อนลอย​ ​“​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​ตอน​เด็ก​ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​ประพฤติ​ตัว​เรียบร้อย​ไม่​นอกลู่นอกทาง​เช่นนี้​ ​แต่​ตอนนั้น​พี่​รอง​ทั้ง​อบอุ่น​และ​พูดจา​อ่อนโยน​ต่อ​ข้า​เสมอ​ ​คอย​มาป​รึก​ษา​หารือ​ ​เวลา​เกิดเรื่อง​อะไร​ระหว่าง​พี่น้อง​ขึ้น​มา​ ​พี่​รอง​มักจะ​พยายาม​ช่วย​อย่างสุดความสามารถ​เสมอ​ ​ส่วน​สิ่ง​ที่​ข้า​ปฏิบัติ​กับ​น้อง​ห้า​นั้น​…​ไม่​ตี​ก็​ด่า​ ​เกิดเรื่อง​อะไร​ขึ้น​มา​ ​เขา​คงจะ​ไม่​บอก​ข้า​อย่างแน่นอน​ ​เรื่อง​เกิดขึ้น​มา​จน​ขนาด​นี้​ ​จะ​โทษ​เขา​คนเดียว​ก็​ไม่ได้​ ​ข้า​…​ข้า​ดีสู​้​พี่​รอง​ไม่ได้​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​”​ ​ทิ้งท้าย​ประโยค​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​กลัดกลุ้ม

ให้​คนที​่​ตาย​ไป​แล้ว​มา​เป็น​เกณฑ์​วัด​ ​คนที​่​ยัง​มีชีวิต​อยู่​ย่อม​ยาก​ที่จะ​ดี​เทียบเท่า

สือ​อี​เหนียง​จ้องมอง​ไป​ยัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ความรู้สึก​เห็นอกเห็นใจ

“​จะ​เริ่ม​เปลี่ยนแปลง​ตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่​สาย​นี่​เจ้า​คะ​!​”​ ​น้ำเสียง​ของ​นาง​นุ่มนวล​และ​อ่อนโยน​อย่าง​ไม่​คาดคิด​ ​“​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​ปีนี​้​คุณชาย​ห้า​เพิ่งจะ​อายุ​สิบ​เก้า​ปี​ ​วันข้างหน้า​ท่าน​ว่างงาน​อยู่​บ้าน​ ​สิ่ง​ที่​ท่าน​มีมาก​ก็​คือ​เวลา​เจ้าค่ะ​”

สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จับจ้อง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง

สีหน้า​และ​รอยยิ้ม​ของ​นาง​นิ่ง​สงบ​ ​จ้องมอง​ไป​ยัง​เขา​ด้วย​แววตา​ที่จริง​ใจ​และ​โอบอ้อมอารี

อารมณ์​จิตใจ​ของ​เขา​เปลี่ยนเป็น​สงบ​ขึ้น​มา​อย่าง​ฉับพลัน​ ​รู้สึก​สบายใจ​และ​ไม่​ว้าวุ่น​อีกต่อไป

“​หวัง​ว่า​เหตุการณ์​ใน​ครั้งนี้​จะ​สามารถ​เป็น​บทเรียน​ ​สอน​ให้​เขา​คิดได้​และ​เป็นผู้ใหญ่​มากกว่า​นี้​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่

สือ​อี​เหนียง​ก็​นึกถึง​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ขึ้น​มา​ได้​ ​“​ตรวจสอบ​ได้​แล้ว​หรือยัง​เจ้า​คะ​ ​ว่า​ผู้ใด​เป็น​คน​จะ​รับ​ซื้อ​เด็ก​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ตอนนี้​ยัง​ไม่มี​อะไร​คืบหน้า​”

ขณะที่​ทั้งสอง​กำลัง​พูดคุย​กัน​อยู่​นั้น​ ​ก็​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ชาย​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ท่าน​จิ​้ว​เหยีย[1]ที่​ตรอก​กง​เสียน​มา​แล้ว​ขอรับ​!​”

สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชะงัก​ไป​เล็กน้อย​ ​เขา​สั่ง​กับ​บ่าว​รับใช้​ชาย​ไป​ว่า​ ​“​เชิญ​จิ​้ว​เหยีย​เข้ามา​!​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็​หยัด​กาย​ลุกขึ้น​แล้ว​ลง​จาก​เตียง​เตา

สือ​อี​เหนียง​เปิด​ผ้าม่าน​ส่ง​เขา​ด้วยตัวเอง​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​หู่​พั่ว​มา​ ​“​เจ้า​ไปดู​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​เสียหน่อย​ ​เขา​ยัง​เด็ก​ไม่รู้​ความ​ ​ใคร​เป็น​คน​ให้​น้ำ​ให้อาหาร​เด็ก​ก็​จะ​สนิท​กับ​คน​นั้น​ ​เจ้า​เอา​ขนม​ไป​ด้วย​สักหน่อย​ ​ให้​ตง​ชิง​เกลี้ยกล่อม​เฟิ​่ง​ชิง​กิน​อะไร​เข้าไป​บ้าง​ ​ท่าน​โหว​บอก​แล้ว​ ​อีก​สอง​สาม​วัน​ก็​จะ​ส่ง​เขา​ไป​ที่อื่น​ ​ระหว่าง​นี้​นาง​คง​ต้อง​ลำบาก​เสียหน่อย​”

หู่​พั่ว​ขานรับ​แล้วจึง​ถอย​ออก​ไป

จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​โหว​ให้ท่าน​ไป​ที่​ห้องโถง​สักประเดี๋ยว​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​เดิน​ไป​ยัง​หน้า​กระจก​ ​จัดระเบียบ​เสื้อผ้า​หน้า​ผม​ ​จากนั้น​ก็​ตรง​ไป​ยัง​ห้องโถง​ทันที

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​กำลัง​นั่ง​อยู่​คนละ​ฝั่ง​ของ​โต๊ะ​สี่เหลี่ยม​สีดำ​เงา​ ​บน​โต๊ะ​ยัง​มี​กล่อง​ไม้​ที่​มี​อักษร​ ​‘​มั่งคั่ง​’​ ​ติด​อยู่​ ​ข้าวของเครื่องใช้​ที่จะ​มอบ​เป็น​ของขวัญ​ใน​วัน​ปีใหม่​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้ามา​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​ลุกขึ้น​พร้อมกับ​ทักทาย​ว่า​ ​“​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​”

สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​เดิน​เข้าไป​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ชี้​ไป​ยัง​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ตำแหน่ง​ถัดจาก​เขา​ ​“​ไม่ใช่​คนอื่น​คน​ไกล​ ​ทุกคน​นั่งลง​คุย​กัน​เถิด​!​”

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​หย่อน​ตัว​ลงนั่ง​ ​สาวใช้​ก็ได้​ยก​น้ำชา​เข้ามา​ให้​ ​แล้วจึง​ถอย​ออก​ไป​อย่างสงบ​เสงี่ยม

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ค่อย​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจิ​้น​ซิ่ง​มาค​รั้ง​นี้​ ​ก็​เพื่อ​ช่วย​คุณชาย​จูมา​ส่งมอบ​ของขวัญ​วัน​ปีใหม่​”

คุณชาย​จู​ส่งมอบ​ของขวัญ​วัน​ปีใหม่​…​จู​อาน​ผิง​?

เมื่อ​ความคิด​นี้​แล่น​ผ่าน​ใน​หัว​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เป็น​น้องเขย​เจ็ด​สั่ง​คน​มาส​่​งม​อบ​ของขวัญ​วัน​ปีใหม่​ให้​กับ​ทุก​เรือน​โดยเฉพาะ​ ​นึกไม่ถึง​เลย​ว่าการ​เดินทาง​นั้น​ยาก​กว่า​ที่​คิด​ไว้​มาก​ ​ก็​เลย​ล่าช้า​ไป​ ​เที่ยง​นี้​เพิ่งจะ​เดินทาง​มาถึง​ ​ข้า​จึง​ถือโอกาส​นำมา​ส่ง​ให้​”

“​พี่​หญิง​เจ็ด​เกรงใจ​ไป​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​เกรงอกเกรงใจ

ล้วน​เป็น​บุตรี​ที่​แต่งงาน​ออกเรือน​ปี​แรก​เหมือนกัน​ ​ตน​กับ​อู่​เหนียง​ส่งมอบ​ของขวัญ​ให้​กับ​รุ่น​อาวุโส​กว่า​เท่านั้น​ ​แต่​ไม่ได้​มอบ​ของขวัญ​ให้​กับ​รุ่น​เดียวกัน​เลย

นาง​หันไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​พยักหน้า​ให้​นาง​ทันที​ ​เพื่อ​บอกเป็นนัย​ว่า​เขา​เอง​ได้​เตรียม​ไว้​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อย​รู้สึก​โล่งใจ

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​มี​หลายอย่าง​ที่​น้อง​หญิง​เจ็ด​ตั้งใจ​มอบให้​เจ้า​โดยเฉพาะ​ ​ข้า​ช่วย​เอา​มาด​้วย​แล้ว​”

ในเมื่อ​เข้า​เมืองหลวง​มา​เพื่อ​ส่งมอบ​ของขวัญ​วัน​ปีใหม่​ ​หาก​ให้​ป้า​รับใช้​ที่​ติดตาม​มาด​้วย​ไป​คารวะ​ทักทาย​ผู้หลักผู้ใหญ่​ ​ทั้ง​เหมาะสม​และ​ยัง​มีเกียรติ​ ​ไม่ได้​ทำให้​เสีย​เรื่อง​เสียเวลา​แต่อย่างใด​ ​แต่​ทำไม​จึง​นึกไม่ถึง​เรื่อง​นี้​เลย​ ​กลับ​ให้​ชายชาตรี​อย่าง​พี่ใหญ่​มาส​่​งม​อบ​ของขวัญ​แทน​…

ใน​ใจ​ก็​แอบ​บ่นพึมพำ​ว่า​จู​อาน​ผิง​นั้น​ทำงาน​หยาบกระด้าง​ ​แต่​นาง​กลับ​แสดงออก​ด้วย​รอยยิ้ม​พลาง​ลุกขึ้น​ทำความเคารพ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​“​รบกวน​พี่ใหญ่​แล้ว​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เรื่องเล็ก​น้อย​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​ดัน​กล่อง​ไม้​บน​โต๊ะ​ไป​ข้างหน้า​ ​“​ข้า​เอง​ตั้งใจ​ว่า​จะ​ให้​ป้า​รับใช้​ที่​ติดตาม​พวกเขา​ตาม​เข้ามา​คารวะ​พวก​เจ้า​ด้วย​ ​เจ้า​เอง​ก็​จะ​ได้​ถือโอกาส​นี้​ถามไถ่​สารทุกข์สุกดิบ​ของ​น้อง​หญิง​เจ็ด​ ​พวก​เจ้า​เอง​จะ​ได้​ฝาก​หรือ​รับฟัง​เรื่องส่วนตัว​ของ​กันและกัน​ ​เพียงแต่ว่า​ป้า​รับใช้​สอง​คน​นั้น​กลัว​ว่า​จะ​เสียมารยาท​ ​ไม่ว่า​ข้า​จะ​พูด​อย่างไร​ก็​ไม่กล้า​เข้ามา​ ​จึง​ต้อง​ฝาก​ข้า​เข้ามา​แทน​”

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​อับอาย​จน​เหงื่อ​ตก

ที่แท้​แล้ว​ไม่ใช่​เพราะ​เขา​ทำงาน​หยาบกระด้าง​ ​แต่​เพราะ​เกรงกลัว​ฐานะ​ที่สูง​ส่ง​ของ​นาง​ก็​เลย​ไม่กล้า​ที่จะ​เข้ามา​…​ใน​ใจ​สือ​อี​เหนียง​จึง​เกิด​ความรู้สึกผิด​ขึ้น​มา​ลึก​ๆ​ ​หากว่า​ได้​เจอ​หน้า​กัน​ ​ได้​ถามไถ่​สารทุกข์สุกดิบ​ของ​ชี​เหนียง​ก็​คงจะ​ดี​ไม่น้อย​!

นาง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​ก็​ให้ท่าน​ป้า​ทั้งสอง​เข้ามา​ให้​ข้า​ได้​เห็น​หน่อย​เถิด​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้าว​่า​ช่างเถิด​!​ ​จะ​ทำ​คนอื่น​เขา​ตกใจ​เอา​ได้​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ไม่ได้​ฝืน​ต่อ​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋​นที​่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​ก็​เข้าไป​เก็บ​กล่อง​ไม้​ใบ​นั้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ได้​ถามไถ่​ถึง​นายท่าน​ใหญ่​และ​นาย​หญิง​ใหญ่​ขึ้น​มา​ ​“​…​สุขภาพ​ร่างกาย​ของ​ทั้งสอง​ท่าน​ยังดี​อยู่​หรือไม่​”

“​ยังดี​ขอรับ​”​ ​สุขภาพ​ร่างกาย​ของ​นาย​หญิง​ใหญ่​ไม่ได้​เพิ่งจะ​มาป​่วย​วัน​สอง​วันนี้​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ตอบกลับ​ด้วย​ความเกรงใจ

“​หาก​มีเรื่อง​อะไร​ที่​ต้อง​ให้​ข้า​ออกหน้า​เอง​ก็​พูด​ออกมา​ให้​เต็มที่​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​ ​“​สอง​วันก่อน​ข้า​เพิ่งจะ​ได้​โสม​อายุ​ห้าสิบ​ปี​มาส​อง​หัว​ ​ตอน​เจ้า​กลับ​ก็​นำ​กลับ​ไป​ด้วย​ ​จะ​ได้​บำรุง​ร่างกาย​ของ​ท่าน​ทั้งสอง​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​รีบ​ปฏิเสธ​ทันควัน​ ​“​ร่างกาย​ของ​ท่าน​โหว​เอง​ก็​ไม่ดี​เท่าไร​นัก​ ​เป็นเวลา​ที่​เหมาะกับ​การ​ใช้​ยาที​่​สุด​ ​จะ​กล้า​รับ​โสม​ของ​ท่าน​ได้​อย่างไร​กัน​”

“​คนบ้านเดียวกัน​ ​ไม่​พูดจา​แบ่ง​เป็น​สอง​บ้าน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​เรียก​บ่าว​รับใช้​ให้​ไป​เอา​โสม​กับ​พ่อบ้าน​ไป๋​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ต่อว่า​ ​“​พ่อตา​คิด​วางแผน​ไว้​อย่างไรบ้าง​”

สีหน้า​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เก้อเขิน​เล็กน้อย​ ​เพราะ​นึก​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถามถึง​สีหน้า​ตอน​นายท่าน​ใหญ่​ที่​ได้ยิน​คำพูด​ที่​เขา​ฝาก​ไป​เมื่อ​ครั้งก่อน​ว่า​เป็น​อย่างไรบ้าง

“​ท่าน​พ่อ​มีนิ​สัย​ใจคอ​ปัญญาชน​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ต้อง​ใช้เวลา​สักหน่อย​จึง​จะ​สามารถ​รับรู้​และ​เข้าใจ​ถึง​พระ​ประสงค์​ที่แท้​จริง​ของ​การอภัยโทษ​ทั่ว​ใต้​หล้า​ตาม​เจตนารมณ์​ของ​ฝ่า​บาท​ได้​”

ใบหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปรากฏ​สีหน้า​ที่​จนใจ​ ​เขา​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พ่อตา​เป็น​คนที​่​รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ที่ใด​ ​ก็​มักจะ​สร้าง​ผลประโยชน์​ให้​กับ​ราษฎร​ที่นั่น​ ​หากว่าง​เว้น​จาก​งาน​อยู่​แต่​จวน​เช่นนี้​ ​ก็​น่าเสียดาย​ไม่น้อย​ ​แต่​ตอนนี้​ฝ่า​บาท​ทรง​กำลัง​อยู่​ใน​วัย​หนุ่ม​ ​และ​ทรง​ประสงค์​ที่จะ​เรียนรู้​ผลงาน​ทาง​ด้านวัฒนธรรม​ ​การศึกษา​และ​วรยุทธ์​ของ​ฮ่องเต้​ไท่​จง​ ​เพื่อที่จะ​เป็นยอด​จักรพรรดิ​ของ​ราช​สมัย​ ​ต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีหน้า​จะ​เริ่ม​การ​สอบ​ใหญ่​ ​ตำแหน่ง​ที่จะ​ขยับ​เคลื่อนไหว​นั้น​ค่อนข้าง​มีมาก​ ​หลิ่ว​เก๋อ​เหล่า​ลาออก​จาก​ราชสำนัก​ก็​ราว​สอง​ปี​แล้ว​ ​เจิ​้น​ซิ่ง​ควรจะ​เกลี้ยกล่อม​พ่อตา​ดี​ๆ​ ​หาก​ได้การ​ตัดสินใจ​ที่​ชัดเจน​แล้ว​ ​ข้า​จะ​ได้​วางแผน​จัดการ​ได้​ง่าย​ขึ้น​”

เขา​บอกเป็นนัย​ว่า​หาก​สามารถ​ทำให้​งาน​ของ​นายท่าน​ใหญ่​ลุล่วง​ได้​ ​ให้​เขา​ติดตาม​ฝ่า​บาท​ด้วย​จิตใจ​ที่​มุ่งมั่น​ ​ฤดูใบไม้ผลิ​ของ​ปีหน้า​ ​เขา​สามารถ​หา​ตำแหน่ง​ที่ว่าง​เว้น​ให้​ได้

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ได้ยิน​แล้ว​กลับ​ไม่ได้​แสดง​สีหน้า​ที่​ควรจะ​ดีใจ​ออกมา​ ​แต่​เขา​กลับ​ลังเล​ไป​ครู่ใหญ่​ ​จากนั้น​ก็ได้​หันไป​หา​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลาง​ตอบกลับ​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​หนักแน่น​ว่า​ ​“​น้ำใจ​ของ​ท่าน​โหว​ข้า​รับ​ด้วยใจ​แล้ว​ ​เพียงแต่ว่า​ปีนี​้​ท่าน​พ่อ​ชรา​มาก​แล้ว​ ​ร่างกาย​ไม่ได้​เป็น​เหมือนเช่น​เมื่อก่อน​ ​แทนที่จะ​ไปรับ​ตำแหน่ง​สูง​ๆ​ ​แล้ว​ให้​คนที​่​จวน​เป็นห่วง​กังวลใจ​ ​สู้​อยู่​บ้าน​เลี้ยงลูก​ดูแล​หลาน​หรือ​ปลูก​ต้นไม้​เลี้ยง​ปลา​จะ​สบายใจ​กว่า​”

สุดท้าย​ก็ได้​ปฏิเสธ​ความตั้งใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​ค่อนข้าง​รู้สึก​ประหลาดใจ​ ​เขา​พูด​ขึ้น​อย่าง​ลังเล​ว่า​ ​“​เจ้า​จะ​กลับ​ไป​ปรึกษาหารือ​กับ​พ่อตา​ก่อน​หรือไม่​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​หันไป​มอง​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความแปลกใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ไม่​ปรึกษาหารือ​คงจะ​ดีกว่า​ ​เฉกเช่น​ทุกวันนี้​ ​ราชสำนัก​แปรปรวน​มิ​อาจ​คาดเดา​ได้​ ​แทนที่จะ​เข้าไป​ผสมโรง​ท่ามกลาง​วุ่นวาย​ในเวลานี้​ ​สู้​อยู่​บ้าน​ใช้ชีวิต​อย่างมั่นคง​ปลอดภัย​เสีย​ยังดี​กว่า​”​ ​พูด​จบ​ก็ได้​ลุกขึ้น​ยืน​ ​พร้อมกับ​โค้ง​ตัว​คารวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ขอ​ท่าน​โหว​เห็นแก่​ความตั้งใจ​ของ​ข้า​ ​ให้​ความกตัญญู​ของ​เจิ​้น​ซิ่ง​นี้​สม​ดังที่​หวัง​ด้วย​เถิด​”

สือ​อี​เหนียง​แอบ​พยักหน้า​เบา​ๆ

ถึงแม้ว่า​การตัดสินใจ​เช่นนี้​จะ​เป็นการ​ขัดขวาง​อนาคต​ของ​นายท่าน​ใหญ่​ ​ถือเป็น​การ​อกตัญญู​ ​แต่​หาก​เปรียบเทียบ​กับ​ความทะเยอทะยาน​ของ​นายท่าน​ใหญ่​แล้ว​ ​สู้​ให้​เขา​ว่างเว้น​อยู่​บ้าน​เสีย​ยังดี​กว่า​ ​อย่างน้อย​ๆ​ ​ก็​ไม่ต้อง​ไป​พัวพัน​กับ​เรื่อง​วุ่นวาย​เหล่านั้น​ ​อีก​อย่าง​ปีหน้า​ที่จะ​ใกล้​ถึง​นี้​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​คงจะ​ได้รับ​ตำแหน่ง​แล้ว​ ​แทนที่จะ​ช่วย​ให้​นายท่าน​ใหญ่​หวนคืน​ตำแหน่ง​ใน​ราชสำนัก​ ​สู้​คิด​หาวิ​ธี​หา​ตำแหน่ง​ที่​ดี​ให้​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เสีย​ยังดี​กว่า

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​ยัง​ตัดสินใจ​ไม่ได้

เขา​ไม่ได้​จะ​ต่อต้าน​ความคิด​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​แต่อย่างใด​ ​ตรงกันข้าม​ ​เขา​เห็นด้วย​กับ​ความคิด​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เป็นอย่างมาก​ ​ยัง​รู้สึก​ซาบซึ้ง​ใน​การกระทำ​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​แต่​ฐานะ​ของ​เขา​นั้น​คือ​บุตร​เขย​…​มี​ใคร​บ้าง​ที่จะ​ไม่​อยาก​ให้​สกุล​เดิม​เจริญ​รุ่งโรจน์​ ​อีกทั้ง​ยัง​สามารถ​กลับมา​หนุน​นำ​ตน​ให้​ยืนหยัด​ใน​บ้าน​สกุล​สามี​ได้​อย่างมั่นคง​ได้​อีกด้วย​ ​และ​ใช่​ว่า​เขา​จะ​ไม่มี​กำลัง​ความสามารถ​ที่จะ​ช่วยเหลือ​นายท่าน​ใหญ่​ไม่ได้​เสียหน่อย

เมื่อ​นึกถึง​สิ่ง​เหล่านี้​ ​เขา​ก็ได้​หันมา​มอง​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​เอง​เมื่อ​เห็น​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา​ ​จึง​ได้​หันไป​มอง​เขา​ ​ทั้งสอง​หันมา​สบตา​กัน​อย่าง​ไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อม​อง​เห็น​สีหน้า​ที่​ลังเลใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​จึง​รีบ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​ให้​กับ​เขา​ ​เพื่อ​บอกเป็นนัย​ว่า​เห็นด้วย​กับ​ความคิด​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง

สีหน้า​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ประหลาดใจ​เล็กน้อย

สือ​อี​เหนียง​จึง​ถือโอกาส​นี้​หันไป​ถาม​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​ปีหน้า​พี่ใหญ่​ก็​จะ​ต้อง​เข้า​รับ​ตำแหน่ง​แล้ว​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ได้​เข้าใจ​ ​ทิ้ง​การ​ซักไซ้​ไถ่ถาม​เรื่อง​ของ​นายท่าน​ใหญ่​ไป​ ​พลาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​หันมา​ถาม​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​เจิ​้น​ซิ่ง​คิด​วางแผน​ไว้​อย่างไรบ้าง​ ​ข้าว​่า​กระทรวง​ขุนนาง​ก็​ไม่เลว​ทีเดียว​ ​เจ้า​มี​ความตั้งใจ​จะ​ไป​ฝึกฝน​เก็บเกี่ยว​ประสบการณ์​ที่​กระทรวง​ขุนนาง​หรือไม่​”

อยู่​เป็น​ขุนนาง​ใน​ราชสำนัก​ที่​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​ ​แล้ว​เริ่มต้น​จาก​หก​กรม​ของ​ราชสำนัก​ก่อน​ ​นี่​ถือเป็น​การ​เริ่มต้น​ที่​ค่อนข้าง​สูง​มาก​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​คนอื่น​อยาก​จะ​วิงวอน​ร้องขอ​ก็​ยัง​ทำไม​่​ได้

สือ​อี​เหนียง​หันไป​ยิ้ม​ให้​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​ยังคง​ปฏิเสธ​อย่าง​สุภาพ​ ​“​…​เรียนหนังสือ​ตำรา​มานา​นนับ​หลาย​ปี​ ​ล้วนแล้วแต่​เป็น​ทฤษฎี​การทหาร​บน​กระดาษ​เท่านั้น​ ​อยาก​จะ​เป็น​ขุนนาง​ที่​มี​ความสามารถ​อย่างแท้จริง​ ​ควร​เริ่มต้น​จาก​การ​เป็น​นายอำเภอ​ก่อน​จะ​ดีกว่า​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​พลาง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ถึงแม้​จะ​มีคำ​พูด​ที่ว่าการ​จะ​เป็น​ขุนนาง​ที่​ดี​ควร​เริ่ม​จาก​การ​เป็น​นายอำเภอ​ก่อน​ ​แต่ทว่า​ ​หาก​เจ้า​เริ่ม​จาก​การ​เป็น​ขุนนาง​ใน​ราชสำนัก​ของ​เมือง​เยี​่​ยน​จิง​สัก​หลาย​ปีก่อน​ ​คบค้าสมาคม​กับ​สหาย​ผอง​เพื่อน​บ้าง​ ​ภายภาคหน้า​จะ​มีประโยชน์​ต่อ​การงาน​ตอน​อยู่​ข้างนอก​ของ​เจ้า​เป็นอย่างมาก​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ออกมา​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​พูด​ก่อน​ว่า​ ​“​อย่างไร​เสีย​ก็​ยัง​พอ​มี​เวลา​เหลือ​ ​เรื่อง​นี้​เจ้า​กลับ​ไป​คิดทบทวน​ดี​ๆ​ ​เถิด​ ​ฟัง​เจตนารมณ์​ของ​พ่อตา​แล้ว​ค่อย​ทำการ​ตัดสินใจ​ก็​ไม่เสียหาย​”

เจตนา​และ​ท่าที​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชัดเจน​เป็นอย่างมาก​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​จึง​ไม่​อาจ​พูด​อะไร​ต่อ​ได้​ ​ทั้งสอง​จึง​ได้​พูดคุย​กัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ว่า​จะ​ต้อง​ไป​ส่ง​ของขวัญ​วัน​ปีใหม่​ให้​กับ​ซื่อ​เหนียง​ต่อ​ ​จึง​ได้​ลุกขึ้น​พร้อมกับ​ขอตัว​ลา

สอง​สามีภรรยา​จึง​เดิน​ไป​ส่ง​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ ​จากนั้น​ก็ได้​เดิน​ไป​ส่ง​เขา​ที่​ประตู​ฉุยฮ​วา

พ่อบ้าน​ไป๋​ได้​จัดเตรียม​ของขวัญ​ตอบแทน​น้ำใจ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​บ่าว​รับใช้​จำนวน​หนึ่ง​กำลัง​ช่วยกัน​ขนของ​ขึ้นรถ​ม้า​เพื่อที่จะ​ส่ง​ไป​ยัง​จวน​สกุล​จู​ ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​จวน​สกุล​สวี​มอบ​ของขวัญ​ตอบกลับ​จวน​สกุล​จู​เต็ม​รถม้า​หนึ่ง​คัน​เห็นจะ​ได้​ ​จึง​ตกใจ​เป็นอย่างมาก

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ยิ้ม​เจื่อน​ ​“​ของขวัญ​จวน​สกุล​จู​ค่อนข้าง​มาก​ ​เรา​ทุกคน​ได้มา​เรือน​ละ​หนึ่ง​คัน​รถม้า​เห็นจะ​ได้​”

สือ​อี​เหนียง​เผลอ​ยิ้ม​ออกมา​ ​อด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​ขึ้น​ด้วย​เสียงทุ้ม​ต่ำ​ว่า​ ​“​พี่​หญิง​เจ็ด​แต่ง​กับ​คน​ร่ำรวย​จริงๆ​ ​เสียด​้วย​”

จวน​สกุล​สวี​ส่งมอบ​ของขวัญ​วัน​ปีใหม่​ใช้​ค่าใช้จ่าย​ไม่​เกิน​แปดสิบ​ตำลึง​เงิน​ ​ข้าวของ​เพียง​สิบ​ยก​เท่านั้น​ ​แต่​จวน​สกุล​จู​กลับ​ส่งมอบ​ของขวัญ​เป็น​ลำ​รถ​เชียว

—————-

[1]จิ​้ว​เหยีย ​พี่ชาย​คนโต​ของ​ภรรยา

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท