ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 198 ความทุกข์ยาก(ปลาย)

ตอนที่ 198 ความทุกข์ยาก(ปลาย)

ใน​ห้อง​จึง​เหลือ​เพียง​สือ​อี​เหนียง​ ​ตง​ชิง​ ​ปินจ​วี​๋​และ​เฟิ​่ง​ชิง

สีหน้า​ของ​ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​ไม่​ค่อย​เป็นธรรมชาติ​เท่าไร​นัก​ ​มี​เพียง​สือ​อี​เหนียง​เท่านั้น​ที่​สีหน้า​แววตา​แน่วแน่​ไม่​สะทกสะท้าน​ ​หันไป​สั่ง​กับ​ทั้งสอง​ว่า​ ​“​พวก​เจ้า​ไป​ช่วย​จ้าว​อิ่ง​เก็บ​ข้าวของ​เถิด​ ​ตรงนี้​มี​ข้า​คนเดียว​ก็​พอแล้ว​”

“​แต่ว่า​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​…​”​ ​ปินจ​วี​๋​หันไป​มอง​เฟิ​่ง​ชิง​ที่​ค่อยๆ​ ​หมดแรง​ลง​ ​จึง​ค่อนข้าง​รู้สึก​ลังเลใจ

“​หาก​มีเรื่อง​อะไร​ข้า​จะ​เรียก​เจ้า​เอง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เรียบ​เฉย

ตง​ชิง​และ​ปินจ​วี​๋​ได้ยิน​แล้วก็​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​พร้อมกับ​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​แล้ว​พากัน​ถอย​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​สนใจ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ขา​ทั้งสอง​ข้าง​ยังคง​หนีบ​เขา​ไว้​ ​ส่วน​มือ​ทั้งสอง​ข้าง​ของ​นาง​ก็​จับมือ​ของ​เขา​อยู่​ ​ไม่ว่า​เขา​จะ​ดิ้น​สู้​หรือ​อยู่​นิ่ง​ๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยังคง​กอดรัด​เขา​ไว้​ใน​อ้อมแขน​แน่น​…​จน​ในที่สุด​เขา​ก็​หมดแรง​ลง​ ​แล้ว​ค่อยๆ​ ​หายใจ​หอบ​ขึ้น​มา

“​ข้า​จะ​ถาม​เจ้า​เป็น​ครั้งสุดท้าย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ที่​ควบคุมสถานการณ์​ได้​อย่าง​สิ้นเชิง​ ​แต่​น้ำเสียง​ยังคง​อ่อนโยน​เหมือนเช่น​เคย​ ​เฟิ​่ง​ชิง​กลับ​รู้สึก​ว่าน​้ำ​เสียง​ที่​ได้ยิน​นั้น​เต็มไปด้วย​ความ​น่าเกรงขาม​ ​“​เจ้า​เชื่อฟัง​แล้ว​นั่ง​บน​ตัก​ของ​ข้า​ดี​ๆ​ ​ข้า​ก็​จะ​ปล่อย​เจ้า​ ​หากว่า​เจ้า​เห็นด้วย​ ​ก็​พยักหน้า​เบา​ๆ​”

เฟิ​่ง​ชิง​เม้ม​ริมฝีปาก​แน่น​ ​ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​จึง​ค่อยๆ​ ​พยักหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​ก็​ค่อยๆ​ ​คลาย​มือ​ออกจาก​ตัว​เขา

เฟิ​่ง​ชิง​ก็​เริ่ม​ขยับตัว​ทันที

สือ​อี​เหนียง​จึง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เย็นชา​ว่า​ ​“​เฟิ​่ง​ชิง​ ​เรา​คุย​กัน​เรียบร้อย​แล้ว​ ​หาก​เจ้า​ไม่​ดิ้น​ ​ข้า​ก็​จะ​ปล่อย​เจ้า​ ​มิเช่นนั้น​ ​เรา​ก็​มาทำ​ตัว​ให้​เหมือนกัน​เลย​”

เฟิ​่ง​ชิง​ลังเล​ไป​ครู่ใหญ่​ ​สุดท้าย​ก็​ไม่ได้​ดิ้น​อีก

สือ​อี​เหนียง​กอด​เขา​ไว้​ใน​อ้อมกอด​ ​“​เฟิ​่ง​ชิง​เด็กดี​ ​ข้า​ชอบ​เฟิ​่ง​ชิง​!​”​ ​พูด​จบ​ก็​ลูบ​แผ่น​หลัง​ของ​เขา​ด้วย​ความอ่อนโยน

ร่างกาย​น้อย​ๆ​ ​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ก็​ค่อยๆ​ ​ผ่อนคลาย​ลง​ ​พฤติกรรม​ค่อยๆ​ ​เปลี่ยนไป​เป็น​อีก​แบบ​ ​เขา​ซบ​ลง​บน​ไหล่​ของ​นาง​อย่าง​เชื่อฟัง

สือ​อี​เหนียง​จึง​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​หันไป​มอง​ขนม​เหล่านั้น​ที่​หล่น​อยู่​บน​เตียงนอน​และ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​เก็บ​ ​จึง​ถาม​เขา​ด้วย​เสียง​ที่​อบอุ่น​ว่า​ ​“​เฟิ​่ง​ชิง​ ​อยาก​ดื่ม​น้ำ​หรือไม่​”

เฟิ​่ง​ชิง​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ศีรษะ​ที่​ซบ​อยู่​บน​ไหล่​ของ​นาง​ก็ได้​พยักหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​ใช้​มือ​ข้าง​หนึ่ง​อุ้ม​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ส่วน​มือ​อีก​ข้าง​ก็​ริน​ชามา​ถ้วย​หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​หย่อน​ตัว​นั่งลง​บน​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​แล้วจึง​ป้อน​น้ำ​ให้​กับ​เขา

เขา​ดื่ม​น้ำเสียง​ดัง​ ​อึ​้ก​ๆ​ ​จน​หมด​ถ้วย​ใน​คราว​เดียว​ ​จากนั้น​ก็​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ตา​แป๋ว

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​อยาก​ดื่ม​อีก​ใช่​หรือไม่​”

เขา​พยักหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​จึง​ริน​ชา​อีก​ถ้วย​ให้​เขา

เขา​ยังคง​ดื่ม​หมด​ถ้วย​ใน​คราว​เดียว​เหมือนเช่น​ใน​ตอนแรก​ ​จากนั้น​ก็​ชะเง้อ​คอม​อง​ไป​ยัง​ขนม​ที่อยู่​บน​เตียง

“​อยาก​ทาน​ขนม​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มองตาม​สายตา​ของ​เขา

เขา​ส่ายหน้า​ไปมา​ ​แต่​แล้วก็​กลับ​พยักหน้า​อีกครั้ง

“​อยาก​จะ​เก็บ​ขนม​ขึ้น​มา​แล้ว​เอาไว้​ค่อย​ทาน​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ลอง​ทายใจ​เขา

เฟิ​่ง​ชิง​รีบ​พยักหน้า​ ​เขา​ยิ้ม​ขึ้น​ที่​มุม​ปาก​ ​เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​จางๆ​ ​ใบหน้า​ดู​สว่าง​ขึ้น​มา​ในทันที

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​เรียก​ตง​ชิง​เข้ามา​ ​เฟิ​่ง​ชิง​กลับมา​ตัว​แข็งทื่อ​อีกครั้ง

“​ไม่ต้อง​กลัว​ ​นาง​เป็น​คนดี​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ด้วย​ความ​เอ็นดู​ ​“​ต่อไป​นาง​จะ​คอย​ดูแล​เจ้า​”

เฟิ​่ง​ชิง​พยักหน้า​รับรู้

“ฮู​หยิน​”​ ​ตง​ชิง​เห็น​เฟิ​่ง​ชิง​ซบ​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความเชื่อ​ฟัง​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​เต็มไปด้วย​ความประหลาดใจ​ ​“​นี่​…​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​ ​จากนั้น​ก็​ชี้​ไป​ยัง​เตียง​ที่​ยุ่งเหยิง​ ​“​เก็บ​ขนม​พวก​นี้​ขึ้น​มา​”

ตง​ชิง​เก็บ​ขนม​เหล่านั้น​ใส่​ลง​ไป​ใน​กล่อง​อาหาร​ด้วย​ความ​ไม่เข้าใจ

“​ให้​ข้า​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​บอก​ตง​ชิง​ให้​นำ​กล่อง​อาหาร​นั้น​มา​ให้​นาง

ตง​ชิง​ยื่น​กล่อง​อาหาร​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความ​งงงวย

เฟิ​่ง​ชิง​รีบ​ยื่นมือ​ไปรั​บก​ล่อง​อาหาร​มาก​อด​ไว้​แน่น

“​คุณชาย​น้อย​เฟิ​่ง​ชิง​…​”​ ​ตง​ชิง​เบิกตา​กว้าง

เฟิ​่ง​ชิง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ตัดสินใจ​ยื่น​กล่อง​อาหาร​นั้น​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​ดวงตา​กลม​โตกะ​พริบ​เบา​ๆ​ ​จ้องมอง​ด้วย​ความปรารถนาดี

สือ​อี​เหนียง​ใจอ่อน​ยวบ​ไป​หมด

สำหรับ​เฟิ​่ง​ชิง​แล้ว​ ​ขอ​แค่​ทาน​อิ่ม​ ​สวม​เสื้อผ้า​อบอุ่น​ ​ถือเป็น​ความหวัง​สูงสุด​ของ​ชีวิต​แล้ว​ ​แต่​ตอนนี้​ ​เขา​ยอม​ที่จะ​มอบ​โอกาส​ทาน​อิ่ม​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​นี่​ถือเป็น​การฝาก​ฝัง​ความไว้วางใจ​ด้วย​ชีวิต

นาง​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​กล่อง​อาหาร​เฟิ​่ง​ชิง​เก็บ​เอาไว้​ ​ตอน​ข้า​อยาก​จะ​ทาน​ ​ข้า​ก็​จะ​ไป​ขอกับ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​ดี​หรือไม่​”

เฟิ​่ง​ชิง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​เผย​รอยยิ้ม​ที่​งดงาม​ออกมา

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เขา​เบา​ๆ​ ​พลาง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เรา​เปลี่ยน​ที่นั่ง​กัน​เถิด​ ​เจ้า​ทำ​เตียง​ของ​ท่าน​โหว​พัง​แล้ว​ ​จะ​ต้อง​รีบ​ซ่อมแซม​ถึง​จะ​ถูก​”

เฟิ​่ง​ชิง​พยักหน้า​รับรู้​ ​สือ​อี​เหนียง​พึ่ง​จะ​อุ้ม​เขา​ลุกขึ้น​ ​ปินจ​วี​๋​ก็​เข้ามา​พอดี​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​โหว​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

สิ้น​เสียงพูด​ของ​นาง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็ได้​สาวเท้า​เดิน​เข้ามา​ข้างใน​ด้วย​ความเร่ง​รีบ​ ​ด้านหลัง​ของ​เขา​มี​หู่​พั่ว​และ​หลิน​ปัว​เดินตาม​หลัง​มาด​้วย

เมื่อ​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​นั้น​กำลัง​อุ้ม​เฟิ​่ง​ชิง​อยู่​ ​เขา​ก็​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​เห็น​เตียง​เต็มที่​ไป​ด้วย​ความยุ่งเหยิง​ ​ดวงตา​ของ​เขา​ก็​เบิก​กว้าง​ขึ้น​ ​“​นี่​มัน​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​”

“​ไม่มี​อะไร​ ​ไม่มี​อะไร​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ไม่ทัน​ได้​ระวัง​ ​กระดาน​ของ​เตียง​ก็​เลย​หล่น​ลงมา​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​เล่า​เหตุการณ์​เมื่อครู่นี้​ให้​เขา​ฟัง​อีก​รอบ

ในเวลาเดียวกัน​ ​เฟิ​่ง​ชิง​ก็​เอาแต่​จ้อง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​ดวงตา​ที่​กลม​โต​ ​แต่​น่าเสียดาย​ ​เพราะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​ตั้งใจฟัง​สือ​อี​เหนียง​เล่า​เหตุการณ์​ ​จึง​ไม่ทัน​ได้​สังเกต​เขา​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ตอน​ได้ยิน​ว่า​เด็ก​ไป​แอบ​นอน​อยู่​บน​หลังคา​ของ​เตียง​ ​เขา​ก็ได้​เหลือบ​มาม​อง​เฟิ​่ง​ชิง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​หันกลับ​ไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​เหมือนเดิม​ ​เหมือนว่า​เขา​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่กลับ​ไม่ได้​พูด​มัน​ออกมา

ใน​ตอนแรก​เขา​รู้สึก​เป็นกังวล​ใจ​อย่างมาก​กับ​การ​ที่จะ​ต้อง​บอก​ความจริง​กับ​มารดา​ ​จากนั้นมา​ก็​หงุดหงิด​ที่​เด็ก​หายตัว​ไป​ ​จู่ๆ​ ​มางุ​นงง​ที่​ได้ยิน​ว่า​หา​เด็ก​เจอ​แล้ว​ ​อีกทั้ง​ยัง​มาป​ระ​หลาด​ใจ​กับ​เหตุการณ์​ระหว่าง​การตาม​หา​ตัว​เด็ก​…​มาต​อนนี​้​กลับ​เห็น​เฟิ​่ง​ชิง​ซบ​ไหล่​อยู่​ใน​อ้อมกอด​ของ​สือ​อี​เหนียง​อย่าง​เชื่อฟัง​ ​เวลา​สั้น​ๆ​ ​เพียงแค่​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​กลับ​เกิดเรื่อง​ราว​ขึ้น​มากมาย​ราวกับ​พลิก​ฟ้า​พลิกแผ่นดิน​ ​ทำให้​เขา​ทั้ง​รู้สึก​กังวลใจ​และ​ดีใจ​ใน​คราว​เดียวกัน​ ​จึง​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​พูด​อะไร​ดี

ส่วน​สือ​อี​เหนียง​นั้น​เป็นห่วง​ทาง​ไท่ฮู​หยิน​เสียมา​กก​ว่า

นาง​เชื้อเชิญ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​นั่ง​ที่​ห้อง​หนังสือ​ ​“​…​ให้​จ้าว​อิ่ง​ช่วย​ซ่อมแซม​เตียง​ก่อน​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​ก็​อุ้ม​เฟิ​่ง​ชิง​ยื่น​ให้​กับ​ตง​ชิง

แต่​เฟิ​่ง​ชิง​กลับ​กอด​คอ​ของ​นาง​ไว้​แน่น​ไม่ยอม​ปล่อย

สือ​อี​เหนียง​จึง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ว่า​ ​“​ข้า​กับ​ท่าน​โหว​จะ​คุย​ธุระ​กัน​ ​เจ้า​อยู่​เล่น​กับ​พี่​ตง​ชิง​ที่​ห้องโถง​ไป​ก่อน​”​ ​พูด​เกลี้ยกล่อม​เช่นนี้​อยู่​หลาย​รอบ​ ​สุดท้าย​เฟิ​่ง​ชิง​จึง​ค่อย​ยอม​คลาย​มือ​ออก

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​แล้วก็​อด​ที่จะ​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​ประหลาดใจ​เสีย​ไม่ได้

นาง​ดูเหมือน​เลี้ยงเด็ก​เก่ง​เป็นอย่างมาก​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​จุน​เกอ​ ​หรือ​แม้กระทั่ง​เฟิ​่ง​ชิง​ที่​ดุร้าย​ราวกับ​เม่น​ก็​ไม่​ปาน​ ​ใช้เวลา​สั้น​ๆ​ ​เพียง​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​นิสัย​และ​พฤติกรรม​ที่​ปฏิบัติ​ต่อ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เปลี่ยนไป​ราวกับ​คนละ​คน​อย่างไร​อย่างนั้น

เขา​ครุ่นคิด​พลาง​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​หนังสือ

ถึงแม้ว่า​สือ​อี​เหนียง​เอง​จะ​ไม่​อยาก​เสียเวลา​ ​แต่กลับ​ไม่​อยาก​ทำลาย​มิตรภาพ​ที่​ตน​ได้​สร้าง​ขึ้น​ระหว่าง​เฟิ​่ง​ชิง​ด้วย​ความยากลำบาก​เสียมา​กก​ว่า​ ​ฉะนั้น​จึง​ไม่ได้​รีบ​ตาม​ไป​ในทันที​ ​แต่​เลือก​ที่จะ​อยู่​ปลอบใจ​เฟิ​่ง​ชิง​ต่อ​อีกสักครู่​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​เขา​ค่อยๆ​ ​ทำใจ​ได้​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อย​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ชั้นใน

จ้าว​อิ่ง​ได้​เชิญ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​นั่ง​ที่​เตียง​เตา​ริม​หน้าต่าง​เรียบร้อย​แล้ว​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้ามา​ ​ก็​รีบ​ไปริน​ชา​อย่างเบามือ​เบา​เท้า​ ​จากนั้น​ก็​วางมือ​จาก​การ​เก็บ​ข้าวของ​ที่​เสร็จ​ไป​เพียง​ครึ่ง​เดียว​ ​แล้วจึง​ถอย​ออก​ไป

“​คุย​กับ​ท่าน​แม่​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​เมื่อครู่นี้​มัว​แต่​คุมเชิง​กับ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​จึง​มี​เหงื่อ​เล็กน้อย​ ​เมื่อ​ดื่ม​ชา​เข้าไป​ ​ก็​รู้สึก​สบาย​ตัว​เป็นอย่างมาก

“​คุย​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จิบ​ชา​ไป​หนึ่ง​คำ​ ​พร้อมกับ​ยิ้ม​เจื่อน​ ​“​ตอนแรก​ก็​อึ้ง​จน​พูด​อะไร​ไม่​ออก​ ​ข้า​เห็น​ว่า​ไม่​ปกติ​ ​ก็​เลย​รีบ​เข้าไป​พูด​เอาใจ​คน​เฒ่า​คนแก่​ ​แต่​ท่าน​แม่​กลับ​จับมือ​ของ​ข้า​ไว้​พร้อมกับ​ถาม​ข้า​ตรงๆ​ ​ว่า​ ​‘​ใช่​ความจริง​หรือไม่​ ​นี่​เป็นเรื่อง​จริง​หรือไม่​’​…​”​ ​จากนั้น​เขา​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​ ​“​ข้า​เอง​ก็​ไม่รู้​เสียด​้วย​ซ้ำ​ว่า​ต้อง​พูด​อะไร​ต่อ​!​”

สือ​อี​เหนียง​สามารถ​จินตนาการ​ถึง​ความรู้สึกผิด​หวัง​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ได้​ ​เหมือน​มารดา​ทั่วไป​ที่รัก​และ​ทะนุถนอม​บุตร​ของ​ตน​ ​ถึงแม้​จะ​รู้​ว่า​ตน​นั้น​ตามใจ​บุตร​จน​เกินไป​ ​แต่​ก็​มักจะ​รู้สึก​ว่า​บุตร​ของ​ตน​นั้น​ไม่​เหมือนกับ​คนอื่น​ ​เพียงแค่​ดู​ค่อนข้าง​อ่อนแอ​ไป​บ้าง​ ​ความ​ตั้งมั่น​ของ​จิตใจ​ค่อนข้าง​เปราะบาง​ไป​เสียหน่อย​ ​แต่​อย่างไร​เสีย​ก็​คงจะ​ไม่กล้า​ไป​ทำ​เรื่อง​นอกลู่นอกทาง​ ​แต่​เมื่อ​เรื่อง​มัน​เกิดขึ้น​มา​จริง​แล้ว​ ​สติ​ที่​รู้​ตื่น​ทำให้​พวกเขา​ต้อง​เจ็บปวด​ทวีคูณ​ ​บางที​อาจ​เลือก​ที่จะ​ไม่เชื่อ​ ​หรือ​บางที​ก็​ไม่​อาจจะ​หลบหนี​จาก​การ​เผชิญ​กับ​ความจริง​นี้​ได้

“​เช่นนั้น​ ​ท่าน​แม่​ว่า​อย่างไรบ้าง​เจ้า​คะ​”

“​จะ​ว่า​อย่างไร​ได้​เล่า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอน​ลมหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ ​“​ก็​เอาแต่​โทษ​ตัวเอง​ที่​ปล่อยปละละเลย​น้อง​ห้า​จน​เกินไป​”

“​ท่าน​เอง​ก็​ควรจะ​เกลี้ยกล่อม​คน​เฒ่า​คนแก่​”​ ​เรื่อง​มัน​เกิดขึ้น​มา​แล้ว​ ​เสียใจ​ไป​จะ​มีประโยชน์​อะไร​ขึ้น​มา​ ​สิ่ง​สำคัญ​ก็​คือ​สามารถ​นำมา​เป็น​บทเรียน​เพื่อ​แก้ไข​ข้อผิดพลาด​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เคร่งขรึม​ว่า​ ​“​สุภาษิต​กล่าว​ไว้​ว่า​ ​‘​มีทุกข​์​ก็​มีสุข​ได้​ ​มีสุข​ก็​มีทุกข​์​ได้​เช่นกัน​’​ ​ถึงแม้ว่า​คุณชาย​ห้า​จะ​เคย​ทำตัว​ไม่ดี​ ​แต่​นี่​ก็​ถือเป็น​บทเรียน​ครั้ง​ใหญ่​ของ​คุณชาย​ห้า​แล้ว​ ​ที่​สำคัญ​ก็​คือ​ภายภาคหน้า​จะ​ไม่​ทำผิด​ซ้ำๆ​ ​อีก​”

“​ข้า​เอง​ก็​คิด​เช่นนี้​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เห็นด้วย​ ​“​วันข้างหน้า​ข้า​ก็​มี​เวลา​อยู่​จวน​แล้ว​ ​ก็​จะ​ได้​มี​เวลา​ไปดู​แล​เขา​บ้าง​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ

สวี​ลิ่ง​อี๋​นึกถึง​ตอนที่​สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​เด็ก​อย่าง​คล่องแคล่ว​และ​กระฉับกระเฉง​ ​ความลังเลใจ​พลัน​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​แววตา​ของ​เขา

สือ​อี​เหนียง​เห็น​มัน​อย่างชัดเจน​ ​นาง​ครุ่นคิด​ใน​ใจ​ ​หรือว่า​ไท่ฮู​หยิน​พูด​อะไร​บางอย่าง​กับ​เขา​ ​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​มี​การเปลี่ยนแปลง​อย่างนั้น​หรือ​ ​ดู​จาก​นิสัยใจคอ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​มี​เพียงแค่​ตอนที่​เขา​รู้สึก​ผิด​ต่อ​ตน​เท่านั้น​จึง​จะ​แสดง​สีหน้า​เช่นนี้​ออกมา​ได้​…

เมื่อ​คิด​เช่นนี้​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ถาม​เขา​ ​“​เป็น​อะไร​ไป​หรือ​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความลังเลใจ​ว่า​ ​“​ตอน​อยู่​ที่​จวน​สกุล​เดิม​ ​เจ้า​เคย​เลี้ยง​น้อง​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​เห็น​ตอน​เจ้า​อุ้ม​เด็ก​ ​ดู​ค่อนข้าง​มี​ความชำนาญ​!​”

สือ​อี​เหนียง​เม้มปาก​ยิ้ม​ขึ้น

การฟ้องร้อง​คดี​หย่าร้าง​ ​ตราบใดที่​ไม่มี​ความขัดแย้ง​ใน​ความเป็นเจ้าของ​และ​ทรัพย์สิน​ของ​เด็ก​ ​ปกติ​แล้วก็​จะ​หย่า​ได้​ง่าย​มาก​ ​แต่​หากว่า​มี​ความเกี่ยวเนื่อง​กับ​ความเป็นเจ้าของ​และ​ทรัพย์สิน​ของ​เด็ก​ ​โดยเฉพาะ​ข้อ​หน้า​สุด​ ​ทุกอย่าง​ก็​จะ​ยืดเยื้อ​ไม่​จบ​ไม่​สิ้น​ ​ไม่ว่า​จะ​เป็น​สถานการณ์​แบบ​ไหน​ก็​ล้วน​มี​หมด​ ​การ​เป็น​ทนายความ​ ​นาง​จึง​มักจะ​ถาม​ความคิดเห็น​ของ​เด็ก​เป็นการ​ส่วนตัว​ ​จากนั้น​ก็​เสนอแนะ​ให้​กับ​คู่กรณี​ ​พยายาม​ที่จะ​เติมเต็ม​ความหวัง​ของ​เด็ก​ ​เวลา​ผ่าน​ไป​นาน​เข้า​ ​ก็​ค่อยๆ​ ​สั่งสม​เป็น​ประสบการณ์​ใน​การ​เข้าหา​และ​สื่อสาร​กับ​เด็ก

“​ข้า​เพียงแค่​ชอบ​เด็ก​มาก​ก็​เท่านั้น​”

นี่​เป็นความ​จริง

นาง​รู้สึก​ว่า​เด็ก​ทุกคน​นั้น​ล้วน​เป็น​ทูตสวรรค์

ไม่มี​จิตวิญญาณ​ไหน​จะ​บริสุทธิ์​ไป​กว่า​พวกเขา​แล้ว

อาจ​เป็น​เพราะ​สาเหตุ​นี้​ ​กลับ​ทำให้​นาง​ไม่กล้า​ที่จะ​เดิน​เข้าสู่​พิธี​วิวาห์​ตามอำเภอใจ​ ​กลัว​ว่า​ตน​นั้น​จะ​ไม่​สามารถ​เลี้ยงดู​และ​อบรมสั่งสอน​เด็ก​คน​หนึ่ง​ได้

สวี​ลิ่ง​อี๋​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​สูง​ ​แววตา​ของ​เขา​ปรากฏ​รอยยิ้ม​ที่​บางเบา​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​รู้สึก​เหงื่อ​ตก

คำตอบ​นี้​ของ​ตน​คลุมเครือ​เกินไป​หรือไม่​…

นาง​จึง​รีบ​เปลี่ยน​เรื่อง​คุย​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ล่ะ​เจ้า​คะ​ ​ท่าน​แม่​คิดเห็น​อย่างไร​”

เมื่อ​พูดถึง​เรื่อง​เฟิ​่ง​ชิง​ ​รอยยิ้ม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ค่อยๆ​ ​จางหาย​ ​“​ท่าน​แม่​เห็นด้วย​กับ​การ​ที่จะ​ให้​เซียง​อี้​เลี้ยงดู​ ​คน​ใกล้​ชาดก​็​จะ​ติด​สีแดง​ ​คน​ใกล้​หมึก​ก็​จะ​ติด​สีดำ​ ​เซียง​อี้​เป็น​คนซื่อ​สัตย์​ใจดี​และ​มีคุณ​ธรรม​ ​หาก​เขา​สามารถ​อยู่​กับ​เซียง​อี้​ได้​ ​วันข้างหน้า​ก็​จะ​เป็น​คนที​่​ซื่อสัตย์​และ​มีคุณ​ธรรม​”

นี่​คง​เป็น​ข้อเรียกร้อง​จาก​บุตร​ของ​อนุกระ​มัง

ไม่​ขอให้​เจริญ​รุ่งโรจน์​ก้าวหน้า​ ​แต่​ขอ​แค่​ซื่อสัตย์​ไม่​นอกลู่นอกทาง​ก็​พอ

“​เพียงแต่​วันนี้​ก็​เข้าสู่​วัน​ตรุษจีน​เล็ก​แล้ว​ ​ปีนี​้​หิมะ​ตกหนัก​ ​คน​เดินทาง​สัญจร​ค่อนข้าง​น้อย​ ​จู่ๆ​ ​ก็​รีบ​เดินทาง​กลับบ้าน​เกิด​ ​มัน​ดู​มีพิ​รุธ​เกินไป​ ​อีก​อย่าง​ตอนนี้​ก็​ยัง​หา​คนที​่​เหมาะสม​ที่จะ​ไป​ส่ง​เขา​ที่​บ้านเกิด​ไม่ได้​…​คง​ต้อง​รอ​วัน​ขึ้น​แปด​ค่ำ​เดือนอ้าย​แล้ว​”

หลัง​เปิดกิจการ​ ​คนที​่​ทำการค้า​จาก​ทุกๆ​ ​พื้นที่​จะ​เริ่ม​ออกเดินทาง​ ​คนดี​คนเลว​ผสม​ปนเป​ไป​หมด​ ​ไม่​ค่อย​สะดุดตา​จริงๆ​ ​เสียด​้วย

“​วัน​ขึ้น​แปด​ค่ำ​เดือนอ้าย​หรือ​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​คำนวณ​ดูแล​้ว​ยัง​อีก​หลาย​วัน​ ​“​เวลา​ออกจะ​นาน​ไป​เสียหน่อย​!​”

ช่วง​ปีใหม่​แขก​ใน​เรือน​ค่อนข้าง​เยอะ​ ​ใคร​ก็​ไม่กล้า​รับประกัน​ได้​ว่า​จะ​ไม่มี​คน​เดิน​หลง​เข้ามา​หรือ​เจตนา​บุกรุก​เข้ามา​…

“​ฉะนั้น​ข้า​ก็​เลย​ปรึกษาหารือ​กับ​ท่าน​แม่​ไป​ครึ่ง​ค่อนวัน​ ​ตัดสินใจ​ว่า​จะ​ส่ง​เขา​ไปหา​พี่สะใภ้​รอง​!​”

“​เขา​ซี​ซาน​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความจน​ใจ​ว่า​ ​“​ตอนนี้​ดูแล​้ว​ ​คงจะ​ทำได้​แค่นี้​ก่อน​!​ ​อาศัย​จังหวะ​ที่จะ​ส่ง​ของ​ให้​กับ​เขา​ซี​ซาน​ ​ก็​ส่ง​เด็ก​คน​นี้​ไป​ด้วย​”

คนรับ​ผิด​ชอบ​ไม่ใช่​ตน​ ​แน่นอน​ว่า​ต้อง​ดี​อยู่​แล้ว

อีก​อย่าง​สือ​อี​เหนียง​เอง​พอ​จะ​รู้สึก​ได้​ ​เพื่อ​จวน​สกุล​สวี​แล้ว​ ฮู​หยิน​สอง​คงจะ​ยอมรับ​เจ้า​เผือก​ร้อน​มือ​หัว​นี้​ไว้​อย่างแน่นอน

“​คงจะ​ต้อง​ลำบาก​พี่สะใภ้​รอง​เสีย​แล้ว​”​ ​นาง​พูด​ขึ้น​ ​“​ต้อง​อธิบาย​เรื่อง​นี้​กับ​พี่สะใภ้​รอง​ดี​ๆ​ ​นะ​เจ้า​คะ​”

“​อืม​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบกลับ​ ​“​เช้าตรู่​วันพรุ่งนี้​จะ​ให้​พ่อบ้าน​ไป๋​ส่ง​เขา​ไป​ที่​เขา​ซี​ซาน​ด้วยตัวเอง​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​หันมา​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ ​“​แต่ทว่า​เรื่อง​นี้​ ​เกรง​ว่า​คง​ต้อง​ลำบากใจ​เจ้า​แล้ว​!​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​ประหลาดใจ​เป็นอย่างมาก

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​จนถึง​ขนาด​นี้​ ​นาง​คง​ทำได้​เพียงแค่​เดินหน้า​ไป​ด้วย​พิจารณา​ไตร่ตรอง​ไป​ด้วย​แล้ว​กระมัง

“​มี​อะไร​ให้​ลำบากใจ​หรือไม่​ลำบากใจ​กัน​เล่า​ ​ท่าน​โหว​เพียงแค่​ออกคำสั่ง​มาก​็​พอแล้ว​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​พูด​พร้อมกับ​ยิ้ม​ขึ้น​บาง​ๆ

“​เรื่อง​ของ​เฟิ​่ง​ชิง​ ​คน​รู้​ยิ่ง​น้อย​เท่าไร​ก็​ยิ่ง​ดี​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ข้า​อยาก​จะ​ให้​ตง​ชิง​ไป​เขา​ซี​ซาน​อยู่​เป็นเพื่อน​กับ​เด็ก​คน​นี้​สัก​ช่วง​หนึ่ง​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท