เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 196 แลกเปลี่ยนเคล็ดวิชา เอาชีวิตด้วยสามเข็ม (2)

ตอนที่ 196 แลกเปลี่ยนเคล็ดวิชา เอาชีวิตด้วยสามเข็ม (2)

มั่วเชียนเสวี่ยยังคงขัดขืน หนิงเซ่าชิงจึงจับมือนางเอาไว้อย่างขุ่นเคือง “เชื่อฟังข้า”

แม้ว่าเขาจะขุ่นเคือง แต่สิ่งที่ได้ยินกลับรู้สึกว่าเป็นความหลงใหลและไม่มีทางเลือก

สุดท้ายแล้ว ข้าวต้มชามนั้นก็เป็นหนิงเซ่าชิงที่ยืนหยัดป้อนนางจนหมด

หนิงเซ่าชิงหยิบชามออกมา มั่วเชียนเสวี่ยจ้องมองไปที่แผ่นหลังในชุดสีเขียวอย่างหลงใหล นึกไม่ถึงเลยว่าคุณชายที่สง่างามและอ่อนโยนเช่นนี้จะมาคอยดูแลนางได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าพอเข้าไปในเมืองหลวงแล้ว ทั้งสองคนจะมีช่วงเวลาดีๆ เช่นนี้อีกไหม และแบบนี้จะเกิดความรู้สึกท้อแท้บ้างหรือเปล่า

ที่นั่นเป็นศูนย์กลางทางการเมือง ศูนย์กลางอำนาจ และสถานที่ที่รุ่งเรืองที่สุด แต่กลับเป็นที่ที่อยู่บนคมหอกคมดาบ มีกลอุบายลวงหลอก เป็นสถานที่ที่สกปรกที่สุด

กำลังคิดถึงเรื่องนี้อย่างเหม่อลอย ประตูก็ถูกผลักให้เปิดออกอีกครั้ง ชูอียกยาเข้ามา “คุณหนูเจ้าคะ ดื่มยานี่ในขณะที่มันกำลังอุ่นๆ อยู่เถิด”

เมื่อสติของมั่วเชียนเสวี่ยกลับมา นางก็ได้เหลือบมองไปยังยาน้ำสีดำที่ทำให้ใจนางหนาวสั่นในทันที “อาการบาดเจ็บของข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก เจ้ายกยานี่ออกไปเถิด”

“คุณหนู ท่านดื่มเสียเถิด ยานี้เป็นกูเหยียที่สั่งให้บ่าวเตรียมเอาไว้ให้ให้ท่านเป็นพิเศษตั้งแต่เช้าตรู่ มันส่งผลดีต่ออาการบาดเจ็บภายนอกมาก บ่าวรู้ว่าคุณหนูกลัวว่ามันจะขม บ่าวจึงได้เตรียมขนมลูกพลัมแห้งให้ท่านเป็นพิเศษอีกด้วย”

ชูอีพูดพลางชี้ไปที่ขนมลูกหลีแห้งลูกเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างพลาง

มั่วเชียนเสวี่ยกลับไม่ได้มองไปทางนั้น “ข้าบอกแล้วว่าไม่ดื่ม ให้เจ้ายกออกไป ตกลงใครเป็นเจ้านายของเจ้ากันแน่” หากดื่มยาถ้วยนี้ลงไป เกรงว่าจะอาเจียนน้ำดีออกมา ข้าวต้มที่ทานไปเมื่อครู่นี้ก็คงต้องสูญเปล่า

มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้นผลักชามยานั้นออกไป แล้วนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง “หวีผมให้ข้า”

ตั้งแต่ที่ชูอีและสืออู่มา หลังจากนั้นผมของนางก็ล้วนให้ชูอีหวีให้ ทว่านางก็ไม่ให้ชูอีหวีเป็นมวยผมแบบที่ดูสูงส่ง เพียงแค่ให้นางหวีเป็นมวยผมแบบที่คนทั่วไปมักจะทำกันก็เท่านั้น แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นมวยผมแบบที่ธรรมดาที่สุด แต่พอผ่านมือของชูอีแล้ว ก็ดูประณีตกว่ามวยผมที่คนทั่วไปเกล้าเสียอีก”

“เจ้านายของบ่าวย่อมจะเป็นคุณหนูอยู่แล้ว” ชูอี่อยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่นางก็ยังวางชามยาลงอยู่ดี จากนั้นก็หวีผมให้มั่วเชียนเสวี่ย

เพียงแต่หวีผมไปพลางเกลี้ยกล่อมไปพลาง “หวีผมเสร็จแล้ว คุณหนูก็ดื่มยาเถิด มันจะทำให้บาดแผลหายไวขึ้น หากท่านไม่ดื่ม เกรงว่าจะถูกกูเหยียตำหนิ…”

“ไม่ดื่ม! หากเจ้ากลัวกูเหยีย เช่นนั้นก็เทยานี่ทิ้งไปเสีย แล้วก็รีบบอกเขาไปว่าข้าดื่มแล้ว…” ในขณะที่กำลังพูด ก็มีเสียงกระแอมที่ดังชัดเจนมาจากข้างนอก “ข้าเพิ่งออกไปข้างนอกได้ไม่นาน เจ้าก็ไม่เชื่อฟังแล้วหรือ หืม?”

หนิงเซ่าชิงก้าวเข้ามาจากด้านนอก น้ำเสียงที่ฟังดูสบายๆสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความพะเน้าพะนอ คำว่าหืมที่ต่อท้ายนั้นเปล่งออกมาจากจมูก ลากเสียงยาว ได้ยินแล้วรู้เลยว่าเป็นการขู่

“เหมือนว่าจะมีกูเหยียคอยจัดการให้คุณหนูดื่มยาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้บ่าวอยู่ตรงนี้ต่อ” ชูอีพูดออกมาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเคลือบแฝงไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ถอยออกไป แล้วจึงปิดประตู

เมื่อเห็นหนิงเซ่าชิงยกยาขึ้นมา มั่วเชียนเสวี่ยก็เม้มริมฝีปากพลางถอยหลังตามสัญชาตญาณ

หนิงเซ่าชิงผลิยิ้มออกมาในทันที “หรือว่าเจ้าจะกลัวขม”

พวกเขาอยู่ด้วยกันมาก็ตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่เคยเห็นมั่วเชียนเสวี่ยวิตกกังวลและหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน

 ทั่วทั้งใต้หล้า บางคนกลัวตาย บางคนกลัวจน บางคนกลัวผี… กลัวความยากลำบากก็แค่นั้น

 มั่วเชียนเสวี่ยถอยกลับไปอยู่หลังโต๊ะอ่านตำราด้วยความรำคาญ “ไม่รบกวนสามีดีกว่า เรื่องการทานยานี่ให้ชูอีเข้ามาคอยดูแลก็พอ เมื่อครู่นี้สามีก็ป้อนข้าวข้าไปแล้ว ตอนนี้เรื่องนี่ก็ช่างมันเถิด”

คำว่าสามีที่มั่วเชียนเสวี่ยกล่าวออกมาคำแล้วคำเล่าทำให้หนิงเซ่าชิงผลิยิ้มออกมา ต้องพูดปลอบเหมือนเด็กๆ เลย “เชื่อฟังข้านะ มาดื่มยาเถิดมา”

ได้ยินเสียงที่ไพเราะดั่งเสียงเครื่องสายเหมือนต้องมนต์สะกด มั่วเชียนเสวี่ยจึงรวบรวมความกล้ามองเข้าไปในชามนั้นอีกครั้ง ยาน้ำสีดำทำให้คนตกใจกลัว นางจึงเปลี่ยนความคิดในทันที พลางเงยหน้าขึ้นอย่างน่าสงสาร

เขายังดี เพราะยาแก้พิษที่เขากินเป็นยาลูกกลอนเม็ดเล็กๆ แต่กลับบังคับให้นางทานยาต้มขมๆ นี่

คนผู้นี้ หน้าเนื้อใจเสือ ไร้หัวใจ

หนิงเซ่าชิงรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย หากเป็นเรื่องอื่น เขาไม่มีทางบังคับนางเด็ดขาด ทว่า คราบเลือดที่เหมือนดอกโบตั๋นแดงสดที่ติดอยู่บนบนชุดของนางเมื่อคืนนี้ทำให้เขาต้องใจแข็ง

หากไม่ดื่มยา ก็กลัวว่าบาดแผลของนางจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ติดเชื้อจนเป็นไข้ขึ้นมาก็ยากที่จะรับมือ ดังนั้นจึงพูดโน้มน้าวต่อไป “จะต้องทำอย่างไรเจ้าถึงเต็มใจจะดื่มยา”

มั่วเชียนเสวี่ยเห็นว่าแม้น้ำเสียงของเขาจะนุ่มนวล แต่ฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาทางนี้กลับมีความหนักแน่น พิจารณาดูคร่าวๆ แม้ว่าผู้ชายงุ่มง่ามคนนี้จะทำไปก็เพื่อนาง แต่เขาก็พูดถึงหลักการมาก ด้วยนิสัยของเขาแล้ว ถ้าวันนี้นางไม่ดื่มยาชามนี้ ก็จะสลัดเขาออกไปไม่ได้

ในเมื่อตอนนี้ยาก็พร้อมดื่มแล้ว เช่นนั้นก็ทำได้เพียงลดปริมาณการดื่มลงเท่านั้น เมื่อเห็นเขายืนถือชามอยู่ตรงนั้น แผนการก็ผุดขึ้นมาในใจโดยทันที

นางนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่หลังโต๊ะอ่านตำรา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ พลางกล่าวอย่างสำออย “ตอนนี้ตัวข้าไม่มีเรี่ยวแรงเลย หากท่านสามารถกระโดดข้ามโต๊ะนี่แล้วนำยามาให้ข้าได้ ข้าก็จะดื่ม”

 มั่วเชียนเสวี่ยได้วิเคราะห์ถ้ากระโดดจากตรงนั้นข้ามโต๊ะมาทางนี้ พื้นที่ว่างของเก้าอี้นั่นแคบมาก จำต้องเสียเวลาไปเล็กน้อย ยานั่นต้องหกออกมาบ้าง ไม่แน่พอมือเขาสั่น ยานั่นก็จะหกออกมาจนไม่เหลือ เมื่อไม่มียาแล้ว นางก็ไม่ต้องดื่มอีกต่อไป…

เมื่อได้ยินดังนั้น หนิงเซ่าชิงก็กระโดดข้ามมาโดยที่มือข้างหนึ่งก็ถือยาเอาไว้ มั่วเชียนเสวี่ยกะพริบตา เขายืนอยู่เบื้องหน้านางอย่างสง่างาม ยาน้ำที่อยู่ในชาไม่ไหวสั่นเลยสักนิด และยิ่งไม่มีทางที่จะหกออกมาแม้แต่หยดเดียวด้วย

ลืมไปเลยว่าเขามีวิทยายุทธ์ เห็นเขาแสดงฝีมือมาสองสามครั้ง ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

นี่คือ การย้ายหินมาทุบใส่เท้าตนเองสินะ

แผนการที่วางไว้ล่มไม่เป็นท่า มั่วเชียนเสวี่ยทำหน้าบูดบึ้ง รับยานั่นมาแล้วดื่มจนหมดในอึกเดียว และอวัยวะภายในทั้งหมดก็แปรปรวนไปชั่วขณะในทันที “ยังไม่รีบนำขนมมาให้ข้าอีก”

หนิงเซ่าชิงไม่เคยดูแลเรื่องการดื่มยาของผู้อื่นมาก่อน จะเอาประสบการณ์มาจากที่ไหน เขาจึงเหลือบมองไปที่ขนมลูกหลีแห้งเล็กๆ ที่อยู่ข้างๆ พลางหยิบมันมาแล้วยื่นให้นาง

เมื่อลูกหลีแห้งเข้าปากไป รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ มั่วเชียนเสวี่ยจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก และวินาทีต่อมา ทุกอย่างที่นางกินและดื่มเข้าไปล้วนต้องอาเจียนออกมา

รอจนนางรู้สึกดีขึ้น หนิงเซ่าชิงก็อุ้มนางไปวางไว้บนเตียง

ชิงไหวชิงพริบกันมาเช่นนี้มาสองวันแล้ว สุดท้าย พอมั่วเชียนเสวี่ยดื่มยาจนหมด หนิงเซ่าชิงก็ผลิยิ้มในตอนท้าย

ถึงแม้ยานั่นจะขมแต่พอใช้ร่วมกับยาทาภายนอก กลับให้ผลดีมาก และหลังจากนั้นเพียงสองวัน บาดแผลก็ตกสะเก็ด ถ้าไม่ไปแตะตรงแผลนั้น ก็จะไม่รู้สึกเจ็บเลย ร่างกายเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ

มั่วเชียนเสวี่ยกำลังเดินไปที่ลานเรือน หมอหวังก็มาแล้ว

เขายังไม่ลืมว่าครั้งที่แล้วมั่วเชียนเสวี่ยพูดถึงวิธีการปฐมพยาบาลและสูตรอาหารเสริมบำรุงร่างกาย

ทักษะการปฐมพยาบาลให้เจี่ยนเหล่าไท่จวินของนางนั้นพอนึกถึงก็รู้สึกว่ามันช่างวิเศษมาก ต่อมานางก็ได้รักษาโรคทางใจของถงจื่อจิ้งได้อย่างเก่งกาจ นี่คือโรคที่ซับซ้อนซึ่งหลายปีมานี้ตนเองไม่อาจรักษาให้หายได้

 ที่หมอหวังช่วยรักษาหนิงเซ่าชิง เดิมทีก็เพราะเห็นแก่ทักษะการรักษาระดับสูงของนาง

 มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่ได้ไร้เหตุผล และได้บอกทุกอย่างที่นางรู้อย่างตรงไปตรงมาออกมาทั้งหมด

 พูดได้ว่าหมอหวังก็คือผู้มีพระคุณของหนิงเซ่าชิง จะว่าไปแล้วสูตรเหล่านั้นเมื่ออยู่ที่นี่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อนางมากมาย แต่สำหรับหมอหวัง บางทีอาจจะเป็นประโยชย์ต่อเขาบ้าง

อันที่จริง สูตรพวกนี้ล้วนมีอยู่ในอินเตอร์เน็ตและในหนังสือ ชีวิตก่อน นางต้องทำการค้า ทำธุรกิจด้านอาหาร สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหัวข้อในการสนทนา ดังนั้นจึงต้องให้ความสนใจสักหน่อย

ตัวอย่างเช่น เมื่อรู้สึกปวดฟันก็สามารถกดลงไปที่จุด ‘เหอกู่’ เพื่อบรรเทาอาการปวดได้

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท