เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 296 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยื่นมือเข้ามาช่วยในยามคับขัน (2)

ตอนที่ 296 พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ยื่นมือเข้ามาช่วยในยามคับขัน (2)

เสียงอื้ออึงดังขึ้น นางเองก็ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา จิบน้ำชา เรื่องพิสูจน์ความบริสุทธิ์นั้นไม่รีบร้อน ต้องให้ขุนนางในราชสำนักมีเวลาได้ผ่อนคลาย ให้ฮ่องเต้รอครู่หนึ่ง รอจนหงุดหงิด ยามที่ความพิโรธมากขึ้นค่อยส่งนางไปน้อมรับความตาย…

ฮูหยินอีกคนหนึ่งผู้สวมเสื้อปี่จย่าสีน้ำเงินเข้มปักลายพรหมื่นประการที่นั่งอยู่ทางขวาสุด จย่าฮูหยินที่อายุมากเล็กน้อยก็หันมามองมั่วเชียนเสวี่ยเช่นเดียวกัน จย่าฮูหยินไม่ได้นึกถึงเรื่องราวซับซ้อนในราชสำนัก แค่เพียงอยากจะถามในฐานะสตรีคนหนึ่งเท่านั้น

สำหรับนาง เห็นชัดว่าเรื่องนี้เป็นแผนการ แผนการที่คิดอยากจะให้บุตรีท่านกั๋วกงขายหน้า

ตั้งแต่โบราณสตรีออกเรือนติดตามสามี นางเป็นถึงบุตรีจวนกั๋วกง ทั้งยังสามารถสืบทอดตำแหน่ง สตรีคนใดในราชวงศ์เทียนฉีที่จะสามารถอยู่เหนือกว่านางได้ หากนางแต่งงานกับบุรุษคนนั้นแล้วจริงๆ แม้ชาติกำเนิดของบุรุษคนนั้นจะไม่ดี แต่นางก็สามารถทูลขอฮ่องเต้ให้บุรุษแต่งเข้าตระกูลได้ ไม่จำเป็นต้องทอดทิ้งบุรุษคนนั้น แล้วเดินทางกลับเมืองหลวงตามลำพัง

อยู่เรือนหลังมานานหลายสิบปี สามีของตนไม่สนใจสตรีอื่น มีนางเป็นภรรยาและมีอนุภรรยาอีกสองคนเท่านั้น ท่านพี่เกิดในตระกูลชั้นสูงที่มีมานานกว่าร้อยปี กฎระเบียบของตระกูลเคร่งครัดและเข้มงวดกับการสานสัมพันธ์กับผู้คน อนุภรรยาทั้งสองก็เป็นหญิงที่สุภาพอ่อนโยนเช่นเดียวกัน

จวนของนางเงียบสงบ แต่นางก็เคยเห็นความแผนการโสมมไม่น้อย

นางไม่เข้าใจ คำพูดของปัญญาชนคนนั้นเต็มไปด้วยช่องโหว่ แต่องค์หญิงอวี้เหอกลับเชื่อ ทั้งยังทำให้เรื่องนี้ใหญ่โตถึงขั้นต้องตัดสินในท้องพระโรง แล้วยังมีพยานบุคคล สุดท้ายยังรบกวนถึงฮ่องเต้…

เมื่อวานหลังจากฟังเรื่องที่สามีเล่า จย่าฮูหยินให้คนไปสืบเรื่องของมั่วเชียนเสวี่ย รายงานที่บ่าวรับใช้บอกกับตนแม้ไม่ละเอียดเท่าสามี แต่ก็ทำให้คนปวดใจ

ชาวบ้านในเมืองหลวงโดยมากล้วนรู้จักเจิ้นกั๋วกง ซาบซึ้งที่ท่านกั๋วกงกล้าหาญยอมตายเพื่อแคว้น ซาบซึ้งที่ฮูหยินท่านกั๋วกงยอมตายเพื่อความรัก จึงสงสารมั่วเชียนเสวี่ยมากยิ่งขึ้น

ทายาทของผู้มีความจงรักภักดีเช่นนี้ บุตรีของผู้มีจิตใจเมตตาและฉลาดหลักแหลม เดิมทีควรเป็นบุตรีที่บิดามารดาทะนุถนอมราวกับไข่ในหิน เวลานี้สูญเสียบิดามารดา ท่ามกลางบ้านเมืองที่สงบสุข แต่กลับมีคนใส่ร้ายป้ายสีนาง โลกใบนี้ช่างทำให้คนปวดใจเหลือเกิน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ แววตาของจย่าฮูหยินเปี่ยมไปด้วยความสงสาร ภายในใจของนางก็เริ่มคิดเล็กคิดน้อย

มั่วเชียนเสวี่ยสัมผัสถึงสายตาของจย่าฮูหยิน มองตอบ ส่งยิ้มเป็นมิตรให้นาง จย่าฮูหยินพยักหน้าเล็กน้อย เหยียดกายลุกขึ้นยืนด้วยความใบหน้าเปื้อนยิ้ม

มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้เลยว่า รอยยิ้มของนางทำให้จย่าฮูหยินสงสารนางมากยิ่งขึ้น

จย่าฮูหยินโบกมือให้นาง “เด็กน้อย มาให้ข้าดูหน่อย” ชีวิตนี้นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว อยากมีบุตรีบุญธรรมมาโดยตลอด แต่ไม่มีสตรีใดที่นางเอ็นดูมาก่อน วันนี้นางรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้ยิ่งนัก

เมื่อมนุษย์ตกยาก ภายในใจมักจะโหยหาการปลอบประโลม แค่เพียงคำเรียกนี้ คำพูดที่อ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความทะนุถนอม ทำให้หัวใจที่แข็งแกร่งของมั่วเชียนเสวี่ยปวดร้าว ขอบตาของนางร้อนผ่าวขึ้นมากะทันหัน จู่ๆ นึกถึงมารดาในยุคปัจจุบันของตนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

มั่วเชียนเสวี่ยเดินไปหาจย่าฮูหยินอย่างไม่อาจหักห้ามใจ จย่าฮูหยินเห็นนางน้ำตาคลอ หัวใจบีบรัด ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว หลังจากนั้นยื่นมือไปจับมือของนาง พูดปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เด็กน้อย ไม่ต้องกลัว! ทุกอย่างแม่บุญธรรมจะจัดการให้เจ้าเอง”

ในเมื่อมีวาสนาต่อกัน เช่นนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามฟ้าลิขิต!

คำว่าแม่บุญธรรมนี้ ทำให้ทุกคนในตำหนักตกใจ ทว่าเพียงพริบตาทำให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านในหัวใจของมั่วเชียนเสวี่ย

ร่างกายที่อ่อนล้าในตอนแรกภายใต้การกระตุ้นของความอบอุ่นนี้ นางกลับมามีเรี่ยวแรงอีกครั้งทันที เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา หัวใจที่เยือกเย็นก็กลับมาอบอุ่นในชั่วพริบตา

หากว่าเวลานี้นางอยู่ในตำแหน่งที่สูงใหญ่ หากว่าเวลานี้นางกำลังโดดเด่น หากว่าเวลานี้ความบริสุทธิ์ของนางได้รับการพิสูจน์แล้ว หากว่า…

ช่วงชีวิตรุ่งโรจน์ในยามที่เหมาะ คำว่าแม่บุญธรรม บางทีอาจจะไม่ทำให้นางตื้นตันใจเช่นนี้ บางทีอาจจะทำให้นางดูแคลน นางอาจจะปฏิเสธ ทั้งยังจะหัวเราะในใจ

โบราณว่าเอาไว้ เป็นการง่ายที่จะเสริมสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้น แต่เป็นการยากที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยในยามคับขัน!

ตอนนี้เวลานี้ แม้นางจะไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว แต่ในสายตาของผู้อื่น นางคือเนื้อบนเขียง คือหญิงโสมมด่างพร้อย เป็นหงส์ตกยากไร้ค่ายิ่งกว่าไก่…

นางอยู่ในโคลนสกปรก ถูกคนใส่ร้าย มีศัตรูรุมทำร้ายทั้งหน้าและหลัง ฮูหยินท่านนี้ไม่เพียงไม่กลัว ไม่เพียงไม่รังเกียจ ทั้งยังละทิ้งจริยธรรม ยืนอยู่ข้างนางอย่างเปิดเผย ยื่นมือเข้ามาช่วยนาง แล้วจะไม่ให้นางขอบตาร้อนผ่าวได้อย่างไร!

ไม่ว่าฮูหยินท่านนี้จะเป็นผู้ใด มีฐานันดรศักดิ์เช่นไร

แม่บุญธรรมคนนี้ นางยอมรับ!

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางเปื้อนรอยยิ้มจางๆ คุกเข่าน้อมทำความเคารพอย่างถูกต้อง “เชียนเสวี่ยน้อมทำความเคารพแม่บุญธรรมเจ้าค่ะ!”

หลังจากน้อมคำนับแล้วเงยหน้าขึ้น แววตาของนางทอประกายมีน้ำตารินไหลลงมา

ขณะมั่วเชียนเสวี่ยทำความเคารพ ท่ามกลางฮูหยินทั้งหมดเซี่ยฮูหยินดึงสติกลับมาจากความฉงนเป็นคนแรก พูดเย้ยหยัน “จย่าฮูหยินช่างวาสนาดียิ่งนัก ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย อยู่ในวังหลวงก็สามารถรับบุตรีบุญธรรมที่เชื่อฟังเช่นนี้ได้

จย่าฮูหยิน ชื่อที่เซี่ยฮูหยินร้องเรียก ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเดาได้แล้ว คนตรงหน้าที่สง่างามนี้ ฮูหยินที่จิตใจเมตตาและเป็นกันเองคนนี้ต้องเป็นฮูหยินของบัณฑิตจย่าในท้องพระโรงอย่างแน่นอน

จย่าฮูหยินคล้ายไม่ได้ยินคำพูดเย้ยหยันของเซี่ยฮูหยิน โน้มตัวลงพยุงมั่วเชียนเสวี่ยขึ้น “ลูกรัก ลุกขึ้นเถอะ” เห็นความจริงใจของมั่วเชียนเสวี่ยที่แผ่ซ่านออกมา นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่นางต้องพบเจอ จย่าฮูหยินก็น้ำตาคลอเล็กน้อย ลอบตัดสินใจในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันยอมให้คนเหล่านี้รังแกบุตรีบุญธรรมที่ตนเพิ่งรับมาอย่างแน่นอน

สบตากันครู่หนึ่ง นางถอดสร้อยคอไข่มุกออกมาจากคอ แล้วสวมให้มั่วเชียนเสวี่ยด้วยตนเอง “นับญาติกันกะทันหัน แม่บุญธรรมไม่ได้นำสิ่งใดมา สร้อยคอไข่มุกนี้ถือเป็นของขวัญแรกพบที่แม่บุญธรรมมอบให้เจ้า”

บางสิ่งบางอย่างไม่จำเป็นต้องพูดให้มากมาย ความรักเอ่อล้นอยู่ในดวงตา คิดไม่ถึงว่าในโลกประหลาดนี้ นางจะมีมารดาที่คอยรักและเอ็นดูแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยลูบสร้อยคอไข่มุกที่อยู่บนคอ ไข่มุกบนสร้อยคอนี้ แต่ละเม็ดราวกับดวงตามังกร มีขนาดเท่ากัน เงางามและแวววาว แค่มองก็รู้ว่าเป็นของล้ำค่า แต่จย่าฮูหยินกลับสวมให้นางโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา เรื่องดีงามเกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยยืนตะลึงงัน

พระชายาจิ่งชินอ๋องกระแอมไอเบาๆ เหยียดกายลุกขึ้น “ยินดีกับคุณหนูมั่วและจย่าฮูหยินที่ได้เป็นแม่ลูกบุญธรรมกัน ข้ามีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มอบให้” ขณะพูดพระชายาจิ่งชินอ๋องถอดกำไลหยกคู่หนึ่งออกมาจากข้อมือ แล้วดึงมือมั่วเชียนเสวี่ยจากด้านข้างเข้าไปใกล้ ขณะที่มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่ทันตั้งตัว กำไลก็อยู่บนข้อมือของนางแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยขยับตัว หันหน้าไปหาพระชายาจิ่งชินอ๋อง หลังจากทำความเคารพตามพิธีของราชวงศ์ เชิดคางขึ้นเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้า ทว่าดวงหน้ากลับเปื้อนยิ้ม “ขอบคุณพระชายาจิ่งชินอ๋องสำหรับของขวัญเพคะ”

พระชายาจิ่งชินอ๋องยิ้ม ยกมือแล้วบอกให้มั่วเชียนเสวี่ยลุกขึ้น “เจ้าเป็นสหายของซูซู ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”

จย่าฮูหยินเก็บความดีใจของตน อมยิ้มแล้วพูดขึ้น “เมื่อครู่เชียนเสวี่ยมัวแต่พูดคุยกับพระชายาจิ่งชินอ๋อง ยังไม่รู้กระมังว่าฮูหยินซันกงคือท่านใดบ้าง แม่บุญธรรมจะแนะนำให้เจ้ารู้จักเอง…”

มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย “ขอบคุณเจ้าค่ะ แม่บุญธรรม”

นางไม่ใช่คนใจกว้าง ฐานะของศัตรู นางต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างชัด

จย่าฮูหยินจับมือนาง มองไปที่พระชายาจิ่งชินอ๋องแล้วยิ้ม แบฝ่ามือแล้วยื่นไปด้านหน้า “ท่านนี้คือพระชายาจิ่งชินอ๋องคาดว่าไม่ต้องแนะนำแล้ว”

พระชายาจิ่งชินอ๋องพยักหน้าแล้วยิ้ม หันหลังกลับไปนั่งบนที่นั่งหลัก

จย่าฮูหยินชี้ไปยังฮูหยินที่นั่งข้างๆ นางแล้วพูดแนะนำ “ท่านนี้คือหนึ่งในฮูหยินของซันกงฉังฮูหยินภรรยาของมหาราชครู”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท