ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 321 ชื่นมื่น (ต้น)

ตอนที่ 321 ชื่นมื่น (ต้น)

เมื่อ​ปินจ​วี​๋​รับปาก​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​ ​แจ้ง​เรื่อง​ที่​ปินจ​วี​๋​จะ​มา​เป็น​ผู้ชี้แนะ​ให้​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กับ​ไท่ฮู​หยิน

“​ฝีมือ​การ​เย็บปักถักร้อย​ของ​ปินจ​วี​๋​เป็น​อย่างไร​ ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​เรียน​ไป​ถึง​ไหน​แล้ว​ ​ไม่มีใคร​ชัดเจน​กว่า​เจ้า​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ ​“​เจ้า​ตัดสินใจ​เอง​ก็​พอแล้ว​”

เรื่อง​ที่​ปินจ​วี​๋​จะเข้า​จวน​จึง​ถูก​กำหนด​เป็น​ที่​เรียบร้อย

เมื่อ​กลับ​ถึง​เรือน​ ​ป้า​ซ่ง​ก็​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“​โจวฮู​หยิน​บอกว่า​พรุ่งนี้​จะ​ไป​จุด​ธูปบูชา​ที่​วัด​ฉือ​หยวน​เจ้าค่ะ​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ลุกขึ้น​และ​ไป​ยัง​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​อีกครั้ง

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​พรุ่งนี้​ก็​ให้​คน​ติดตาม​เจ้า​ไป​ด้วย​หลาย​ๆ​ ​คน​หน่อย​”

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ป้า​ซ่ง​จัดเตรียม​ข้าวของ​เพื่อ​เตรียมตัว​เดินทาง​ใน​วันพรุ่งนี้

จุน​เกอ​เลิกเรียน​แล้ว​ ​ใน​มือ​ของ​เขา​ถือ​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​สีเขียว​ไว้​หนึ่ง​เลา

“​ท่าน​ย่า​!​ ​ท่าน​แม่​!​”​ ​เขา​เดิน​เข้ามา​ทำความเคารพ​ ​จากนั้น​ก็​นำ​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​ที่อยู่​ใน​มือ​มา​ให้​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง​ดู​ ​“​อาจารย์​จ้าว​ทำให้​ข้า​ขอรับ​”

ไท่ฮู​หยิน​มองผ่าน​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​หัวเราะ​เสียง​เบา​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ฝีมือดี​ไม่น้อย​!​”​ ​เพื่อ​ไม่​ให้​จุน​เกอ​เสียน้ำใจ

จุน​เกอ​ได้ยิน​แล้วก็​ดีใจ​เป็นอย่างมาก​ ​จากนั้น​เขา​ก็​เอียง​ขลุ่ย​ไม้​ไผ่​มา​เป่า​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​“​ท่าน​ย่า​ ​ไพเราะ​หรือไม่​ขอรับ​!​”

ไท่ฮู​หยิน​รีบ​พยักหน้า​พร้อม​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ไพเราะ​ ​ไพเราะ​!​”

จุน​เกอ​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ่ง​ดีใจ​เข้าไป​ใหญ่​ ​“​อาจารย์​จ้าว​บอกว่า​ ​ฝึก​วัน​ละ​นิด​วัน​ละ​หน่อย​ทุกๆ​ ​วัน​ ​ขยันหมั่นเพียร​และ​อดทน​ ​ก็​จะ​สามารถ​เป่า​เป็น​บทเพลง​ที่​ไพเราะ​ได้​”

“​มีเหตุผล​ ​มีเหตุผล​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​เห็นด้วย​ ​“​ถึง​เวลา​นั้น​พวกเรา​จะ​รอ​จุน​เกอ​เอ๋อร​์​เป่า​บทเพลง​ที่​ไพเราะ​ให้​ฟัง​!​”

จุน​เกอ​รีบ​พยักหน้า​ทันที​ ​“​อาจารย์​จ้าว​บอกว่า​ข้า​เรียนรู้​เร็ว​มาก​ ​ผ่าน​ไป​อีก​สัก​สอง​สาม​วัน​ก็​คงจะ​สามารถ​เป่า​เป็น​บทเพลง​ให้ท่าน​ย่า​และ​ท่าน​แม่​ฟังได้​แล้ว​ขอรับ​”

ฟัง​จาก​น้ำเสียง​ที่​เขา​พูดถึง​อาจารย์​จ้าว​แล้ว​ ​ดูออก​ว่า​เขา​ชื่นชอบ​อาจารย์​จ้าว​เป็นอย่างมาก

ไท่ฮู​หยิน​มองเห็น​หมด​ทุกอย่าง​ ​ค่อยๆ​ ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​รอ​จุน​เกอ​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​แล้ว​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​หันมา​กุมมือ​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกับ​ทอดถอนใจ​ว่า​ ​“​ยังดี​ที่​มี​จิ​้ว​เหยีย​ ​มิฉะนั้น​จะ​ไปหา​อาจารย์​เช่นนี้​ได้​จาก​ที่ไหน​กัน​”

ขณะที่​กำลัง​พูด​อยู่​นั้น​ ​ก็​มีสาว​ใช้​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ที่​ตรอก​กง​เสียน​มา​เจ้าค่ะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​รีบ​เชิญ​เข้ามา​ ​รีบ​เชิญ​เข้ามา​!​”

สือ​อี​เหนียง​เดิน​ออก​ไปรับ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​เข้ามา

“​…​มาม​อบ​พัด​กลม​และ​เสื่อ​ไม้​ไผ่​สาน​ให้​คุณหนู​สิบเอ็ด​ของ​เรา​เจ้าค่ะ​”

หาก​หญิง​สตรี​ใน​จวน​แต่งงาน​ออกเรือน​ใน​ปี​แรก​ ​ตาม​ประเพณี​ของ​ทาง​ตอน​ใต้​ ​จะ​ต้อง​มอบ​พัด​กลม​และ​เสื่อ​ไม้​ไผ่​สาน​ ​จวน​สกุล​สวี​มี​ครบ​หมด​ทุกอย่าง​ไม่ได้​ขาดเหลือ​อะไร​ ​จวน​สกุล​หลัว​จึง​มอบ​พัด​กลม​ห้า​อัน​และ​เสื่อ​ไม้​ไผ่​สาน​ห้า​ผืน

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​รีบ​สั่ง​ให้​ป้า​ตู้​ไปรับ​ของ​มา​ ​จากนั้น​ก็​เชื้อเชิญ​ให้​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​อยู่​ทานข้าว​ด้วย​ ​แล้วจึง​ให้​เว​่ย​จื่อ​ไป​เชิญ​อวี​้​เกอ​มาก​ล่า​วทัก​ทาย​ป้า​สะใภ้​ ​บรรยากาศ​จึง​ดู​มีชีวิตชีวา​เป็นอย่างมาก

คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ก็​ถือโอกาส​นี้​บอกข่าว​คราว​ให้​แก่​สือ​อี​เหนียง​ ​“​พี่สะใภ้​สี่​ของ​เจ้า​มี​ข่าวดี​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้ว​ใบหน้า​ก็​เต็มไปด้วย​ความยินดี​ ​“​ดี​แล้ว​ ​ดี​แล้ว​!​ ​จะ​ต้อง​เป็น​เด็ก​ที่​ฉลาด​ว่านอนสอนง่าย​อย่างแน่นอน​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ค่อนข้าง​มีความรู้สึก​ที่​ดี​ต่อ​คุณนาย​สี่​เป็นอย่างมาก

แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​นึกถึง​ตี้​จิ​่​นขึ​้​นมา​…​แต่​แล้ว​นาง​ก็​รีบ​สลัด​ความคิด​นี้​ทิ้ง​ไป​ ​ไถ่ถาม​สถานการณ์​ของ​คุณนาย​สี่​ขึ้น​มา

“​ก็​ปกติ​ดี​”​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ตอบกลับ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​จากนั้น​ทุกคน​ก็​พากัน​ไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก

หลังจากที่​ทานอาหาร​เที่ยง​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ไป​พักผ่อน​ ​ส่วน​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ก็ได้​ไปหา​สือ​อี​เหนียง​ต่อ

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของฮู​หยิน​สอง​แล้ว​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​และ​หู่​พั่ว​ยังคง​ตรวจทาน​บัญชี​อยู่

คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​เห็น​แล้วก็​ชะงัก​ไป​ทันที

สือ​อี​เหนียง​จึง​หันไป​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​งาน​ทุกๆ​ ​อย่าง​ไม่​สามารถ​เสร็จ​ได้​ใน​วัน​เดียว​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ไป​ทานอาหาร​เที่ยง​ก่อน​ ​นอน​พัก​ตอนบ่าย​เสียหน่อย​ ​ตื่น​แล้ว​ค่อย​มาตร​วจ​ต่อ​ก็​ยัง​ไม่​สาย​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​แนะนำ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ให้​กับ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​อย่างเป็นทางการ

ใน​ตอนแรก​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ตั้งใจ​จะ​ทำ​ตั้งแต่​ต้น​จน​จบ​ให้​เสร็จ​ใน​คราว​เดียว​ ​แต่​พอ​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​มี​แขก​ ​จึง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​ให้​กับ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​แล้วจึง​ถอย​ออก​ไป

คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ก็ได้​ถาม​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​นี่​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

“​ไม่มี​อะไร​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ตอบกลับ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ข้า​แค่​ให้​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​มาช​่วย​ตรวจ​บัญชี​”

“​เจ้า​อย่า​ได้​เลอะเลือน​เป็นอันขาด​เชียว​”​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ไม่ได้​คิด​เช่นนั้น​ ​“​ค่าใช้จ่าย​ใน​จวนจะ​ให้​นาง​รู้เรื่อง​ได้​อย่างไร​กัน​”

“​ไม่เป็นไร​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ ​“​งาน​ด้าน​นี้​เป็น​งาน​ถนัด​ของ​นาง​ ​แบ่งงาน​ให้​นาง​ทำ​บ้าง​ ​ข้า​เอง​ก็​จะ​ได้​สบาย​ขึ้น​และ​นาง​เอง​ก็​ชอบ​ด้วย​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​จะ​พูด​เรื่อง​นี้​ต่อ​ ​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​เปลี่ยน​เรื่อง​สนทนา​ ​“​ช่วงนี้​อี๋​เหนียง​ห้า​เป็น​อย่างไรบ้าง​ ​ตอน​ไป​ส่งมอบ​ของขวัญ​ครั้ง​ที่แล้ว​ข้า​เอง​ก็ได้​ให้​ป้า​ซ่ง​ส่ง​ไป​กล่าว​ทักทาย​อี๋​เหนียง​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​ท้อง​โต​แล้ว​ ​ใน​จวน​มี​คน​ท้อง​ถึง​สอง​คน​ ​ลำบาก​พี่สะใภ้​ใหญ่​แล้ว​!​”

“​ลำบาก​อะไร​กัน​เล่า​!​”​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ทาง​ฝั่ง​อี๋​เหนียง​มี​อี๋​เหนียง​หก​คอย​ดูแล​อยู่​แล้ว​ ​ส่วน​ทาง​พี่สะใภ้​สี่​ของ​เจ้า​ก็​มีมา​รดา​ ​สาวใช้​และ​ป้า​รับใช้​คอย​ดูแล​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ข้ามา​หา​เจ้า​ครั้งนี้​ ​ก็​เพราะ​มีเรื่อง​จะ​คุย​กับ​เจ้า​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ใบหน้า​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ ​จึง​เชิญ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ไป​นั่ง​ที่​ห้อง​ชั้นใน

“​ความคิด​ของ​ท่าน​พ่อ​ก็​คือ​หลังจาก​ผ่าน​ช่วง​ฤดูร้อน​นี้​ไป​แล้ว​ ​จะ​เตรียมตัว​ย้าย​กลับ​ไป​ที่​อวี​๋​หัง​”​ ​นาง​พูด​ขึ้น​ ​“​ถึง​เวลา​นั้น​นอกจาก​ข้า​และ​ซิว​เกอ​ ​คนอื่นๆ​ ​จะ​ย้าย​กลับ​ไป​ที่​อวี​๋​หัง​จน​หมด​”

ถึงแม้ว่า​จะ​เตรียมใจ​ไว้​ตั้งแต่​เนิ่นๆ​ ​แต่​พอ​มา​ได้ยิน​ข่าวคราว​สือ​อี​เหนียง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​แปลกใจ​ ​“​ท่าน​แม่​ยัง​ป่วย​ล้ม​หมอน​นอน​เตียง​ ​อี๋​เหนียง​และ​พี่สะใภ้​สี่​ก็​กำลัง​ตั้งท้อง​อยู่​ ​ทำไม​ท่าน​พ่อ​ถึง​…​”

คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​อย่างสงบ​ว่า​ ​“​เมื่อก่อน​ตอนที่​ท่าน​พ่อ​ยัง​รับ​ตำแหน่ง​อยู่​ ​เขา​มี​จิตใจ​ที่​กว้างขวาง​ไม่เคย​เพิกเฉย​ต่อ​ความทุกข์ยาก​ของ​ชาวบ้าน​ ​ทำมาค้าขาย​ก็​รุ่งเรือง​ ​แต่​หลาย​ปี​มานี​้​ ​รายรับ​กลับมา​กก​ว่า​รายจ่าย​ ​ครอบครัว​ใหญ่​ทั้ง​ครอบครัว​มา​พักอาศัย​อยู่​กลางเมือง​เยี​่​ยน​จิง​เช่นนี้​ ​ค่าใช้จ่าย​มัน​มาก​จน​เกินไป​ ​อีก​อย่าง​ท่าน​พ่อ​ก็​ทำใจ​ได้​แล้ว​ ​ตอนที่​หลิ่ว​เก๋อ​เหล่า​ยัง​เป็น​ขุนนาง​ฝ่ายใน​ ​เคย​ขัดแย้ง​และ​ต่อต้าน​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​กับ​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ ​หาก​คิด​อยาก​กลับ​เข้าสู่​ราชสำนัก​อีกครั้ง​ ​ก็​ต้อง​รอ​ให้​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​และ​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ลาออก​จาก​ราชสำนัก​ไป​เท่านั้น​ ​ปีนี​้​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​อายุ​ยัง​ไม่​ถึง​ห้าสิบ​ ​และ​เหลียง​เก๋อ​เหล่า​ก็​อายุ​มากกว่า​เฉิน​เก๋อ​เหล่า​เพียง​ไม่​กี่​ปี​ ​ไม่รู้​ว่า​จะ​ต้อง​รอ​จน​ไป​ถึง​เมื่อไร​ ​ดังนั้น​จึง​ตัดสินใจ​จะ​กลับบ้าน​เกิด​”

เรื่อง​นี้​สือ​อี​เหนียง​ไม่​ค่อย​รู้เรื่อง​เท่าไร​นัก​ ​จึง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ครุ่นคิด​ว่า​ ​“​รอท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​ค่อย​ปรึกษาหารือ​ดี​หรือไม่​”

“​ไม่ต้อง​แล้ว​!​”​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​พูด​ขึ้น​ ​“​ท่าน​พ่อ​ให้​ข้ามา​บอก​เจ้า​ ​ก็​เพราะ​กลัว​ว่า​เจ้า​จะ​ให้ท่าน​โหว​ออกหน้า​”​ ​พูด​จบ​นาง​ก็​แสดง​สีหน้า​ที่​เก้อเขิน​ออกมา​ ​“​ท่าน​พ่อ​บอกว่า​หาก​เจ้า​เป็นกังวล​ใจ​ ​สู้​ให้ท่าน​โหว​หา​ตำแหน่ง​ดี​ๆ​ ​สัก​ตำแหน่ง​ให้​พี่ใหญ่​ของ​เจ้า​ ​วันข้างหน้า​เจ้า​และ​จุน​เกอ​ก็​จะ​ได้​มีที​่​พึ่งพิง​ด้วย​”

นายท่าน​ใหญ่​สกุล​หลัว​คง​คิด​จะ​เสียสละ​ตัวเอง​เพื่อ​ประโยชน์ส่วนรวม​ ​อีก​อย่าง​หาก​นายท่าน​ใหญ่​สกุล​หลัว​ยัง​คิด​ที่จะ​เป็น​ขุนนาง​ใน​ราชสำนัก​ต่อ​ ​ไม่แน่​อาจจะ​ส่งผล​กระทบ​ต่อ​การ​เลื่อนขั้น​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​เป็นได้

สือ​อี​เหนียง​จึง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พี่สะใภ้​วางใจ​ได้​ ​ข้า​จะ​ต้อง​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​ท่าน​โหว​อย่างแน่นอน​”

สิ่ง​ที่​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ควรจะ​พูด​ก็ได้​พูด​ออกจาก​ปาก​ไป​แล้ว​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ยก​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​พูดคุย​กับ​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก็​ขอตัว​ลาก​ลับ

ตกบ่าย​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​มาถึง​ตรงเวลา​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ถาม​นาง​ว่า​ ​“​เจ้า​กับ​หู่​พั่ว​ทำ​ทัน​หรือเปล่า​ ​เรียก​สาวใช้​ให้​มาช​่ว​ยสั​กคน​หรือไม่​”

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​หาก​สามารถ​ให้​สาวใช้​มาช​่ว​ยสั​กค​นก​็​จะ​ดีมาก​ ​แต่​หากว่า​หา​คนที​่​เหมาะสม​มา​ไม่ได้​ ​กว่า​จะ​เสร็จ​ก็​คงจะ​ใช้เวลา​ราว​สอง​วัน​ ​เพียงแต่​ไม่รู้​ว่าฮู​หยิน​รีบ​หรือไม่​ ​หากว่า​รีบ​ ​ก็​ขอให้​แม่นาง​หู่​พั่ว​ลำบาก​หน่อย​ ​กลางคืน​มาตร​วจ​หนังสือ​บัญชี​กับ​ข้า​อีก​สัก​รอบ​ ​ก็​คงจะ​สามารถ​ตามทัน​ค่าใช้จ่าย​ใน​ช่วงนี้​ได้​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​ชอบ​ความคิด​และ​ทัศนคติ​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​เป็นอย่างมาก​ ​จึง​พูดล้อ​เล่น​แกม​จริงจัง​ว่า​ ​“​สาวใช้​ใน​เรือน​ของ​ข้าเจ้า​เลือก​ได้​ตามใจชอบ​ ​ถึง​เวลา​จะ​ได้​ไม่​บ่น​ข้าว​่า​ไม่มี​คน​ช่วย​!​”

แววตา​ประหลาดใจ​ปรากฏ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็ได้​เรียก​จู๋​เซียง​เข้ามา​ ​“​เป็นเพื่อน​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ไป​เลือก​สาวใช้​สักหน่อย​!​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​เข้าไป​นอน​พักผ่อน​ใน​ห้อง​ชั้นใน

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​จ้องมอง​เงา​แผ่น​หลัง​ของ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ครุ่นคิด

หลังจากที่​สือ​อี​เหนียง​นอน​ตื่น​ ​ก็​ปา​เข้าไป​ยาม​เซิน​แล้ว​ ​เมื่อ​รู้​ว่า​ตอนนี้​ปินจ​วี​๋​กำลัง​สอน​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ปัก​ผ้า​อยู่​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ ​ส่วน​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​นั้น​ได้​ซิ่ว​หลาน​ไป​เป็น​คน​ช่วย​งาน​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​เลือก​ชุด​ที่จะ​ใส่​ไป​วัด​ฉือ​หยวน​ใน​วันพรุ่งนี้​กับ​จู๋​เซียง

เช้าตรู่​ของ​วันรุ่งขึ้น​ ​สือ​อี​เหนียง​มวยผม​ทรง​สูง​ ​คาด​ด้วย​ที่​คาด​ผม​ประดับ​มุก​ ​สวม​เสื้อผ้า​แพร​หังโฉว​สีเขียว​ ​กระโปรง​ลาก​พื้น​ผ้าแพร​หังโฉว​สีขาว​ยาว​หนึ่ง​ฉื่อ​ปัก​ด้วย​ลาย​แมลง​สีทอง​ ​ที่​ข้อมือ​สวม​ด้วย​สร้อยข้อมือ​ไข่มุก​ที่​ไท่ฮู​หยิน​เคย​มอบให้​ก่อนหน้านี้​ ​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็ได้​พา​หู่​พั่ว​ ​ลี่ว​์​อวิ​๋น​ ​สาวใช้​น้อย​และ​แม่เฒ่า​ราว​เจ็ด​แปด​คน​ ​เดินทาง​ไป​ยัง​วัด​ฉือ​หยวน

จวน​สกุล​โจว​ได้​ปิดประตู​หลัง​ตำหนัก​ต้าส​ยง​เป่า​ตั้งแต่แรก​แล้ว​ ​เมื่อ​เห็น​รถม้า​ของ​จวน​สกุล​สวี​มา​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ไม่​สะดุดตา​เท่าไร​นัก​ ​แต่​คนที​่​บังคับ​รถม้า​และ​แม่เฒ่า​ที่​ติดตาม​มาด​้วย​ต่าง​นั่ง​อย่าง​อกผาย​ไหล่​ผึ่ง​ ​ไม่​เหมือน​ชาวบ้าน​ปกติ​ทั่วไป​ ​จึง​รีบ​เข้าไป​สอบถาม​โดยทันที​ ​เมื่อ​รู้​ว่า​เป็น​รถม้า​จาก​จวน​สกุล​สวี​ ​ก็​มี​คนที​่​แต่งตัว​ค่อนข้าง​ดี​มา​เชื้อเชิญ​ทุกคน​ไป​ยัง​ลาน​ที่​มีเรือน​เล็ก​ๆ​ ​หลัง​เขา

ใน​ลาน​เต็มไปด้วย​ดอกมะลิ​ ​แต่​เพราะ​ยัง​ไม่ใช่​เวลา​บาน​ ​จึง​เห็น​เป็น​สวน​พุ่มไม้​ที่​เขียวขจี​ ​พลอย​ทำให้​ผู้คน​ชื่นชอบ​เป็นอย่างมาก

โจวฮู​หยิน​ได้​เตรียม​สุรา​น้ำค้าง​กิ่งทอง​เอาไว้​ ​จากนั้น​ก็​เชื้อเชิญ​สือ​อี​เหนียง​ไป​นั่ง​ที่​เบาะ​รอง​นั่ง​สีแดง​สด​ที่​นำมา​เอง​บน​เตียง​หลัว​ฮั่น​สีดำ​เงา

“​เกรง​ว่า​กว่า​พวกเขา​จะ​มาถึง​ก็​คงจะ​เป็นช่วง​บ่าย​แล้ว​ ​นานๆ​ ​ที​เรา​จะ​มี​เวลาว่าง​เช่นนี้​ ​เรา​ก็​ใช้เวลา​ว่าง​พักผ่อน​ให้​เต็มที่​ดีกว่า​”​ ​บน​โต๊ะ​เล็ก​มี​ถาด​ไม้​สีแดง​สด​ลายเส้น​สีทอง​ ​ใน​ถาด​จัดวาง​ไป​ด้วย​ตีน​ห่าน​ตุ๋น​ ​ปลา​เงิน​ทอด​ ​อก​เป็ด​รมควัน​ ​ข้อศอก​หมู​ตุ๋น​ซีอิ๊ว​และ​กับแกล้ม​อื่นๆ​ ​อีกทั้ง​ยัง​เตรียม​ตะเกียบ​ไม้​มะ​เกลือ​สอง​คู่​ ​และ​ถ้วย​ทรง​ระฆัง​ลาย​ดอกบัว​สีทอง​อีก​สอง​ใบ

นาง​ริน​สุรา​ถ้วย​หนึ่ง​ให้​สือ​อี​เหนียง​ด้วยตัวเอง

สือ​อี​เหนียง​กล่าว​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​ดื่ม​สุรา​ไม่​ค่อย​เก่ง​ ​ประเดี๋ยว​ยัง​ต้อง​เจอ​แขก​อีกด้วย​ ​จึง​ไม่กล้า​ดื่ม​เยอะ​”

โจวฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​สุรา​นี้​ไม่​ค่อย​แรง​เท่าไร​นัก​ ​ยัง​ไม่​สู้​สุรา​จิน​หวา​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​มิเช่นนั้น​ข้า​จะ​นำมา​ต้อนรับ​เจ้า​ได้​อย่างไร​กัน​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ยก​ถ้วย​สุรา​ขึ้น​มาดื​่​มรวด​เดียว​จน​หมด

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​พลาง​ยกขึ้น​มา​จิบ​ไป​หนึ่ง​คำ

โจวฮู​หยิน​เอง​ก็​ไม่​อยาก​จะ​บังคับ​ ​ทั้งคู่​จึง​พากั​นพูด​คุย​ถึง​เรื่อง​ของ​จวน​สกุล​หวัง​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​จึง​พึ่ง​จะ​รู้​ว่า​ตอนนี้​จวน​สกุล​หวังมี​ทั้งหมด​หก​เรือน​ใหญ่​ ​ผู้คน​ใน​ครอบครัว​จำนวน​สอง​ร้อย​กว่า​คน​อาศัย​อยู่ร่วม​กัน​ ​มารดา​ของ​โจวฮู​หยิน​ได้เสีย​ชีวิต​ไป​แล้ว​ ​พี่สะใภ้​ใหญ่​ก็​สุขภาพ​ร่างกาย​ไม่​ค่อย​ดี​ ​เอาแต่​ป่วย​ล้มหมอนนอนเสื่อ​ตลอดทั้ง​ปี​ ​ญาติพี่น้อง​ที่​ยัง​ไปมาหาสู่​ก็​มี​แค่​พี่ชาย​ของ​โจวฮู​หยิน​ ​ทายาท​ของ​เจิ​้น​หนาน​โหว​เท่านั้น

มิน่าเล่า​ถึง​ได้​ไม่เคย​เห็น​เหล่า​บรรดา​หญิง​สตรี​ใน​ครอบครัว​ตระกูล​เจิ​้น​หนาน​โหว​เลย

ทั้งสอง​คุย​กัน​อยู่​ครึ่ง​ค่อนวัน​เห็นจะ​ได้​ ​โจวฮู​หยิน​ดื่ม​สุรา​ไปราว​เจ็ด​แปด​ถ้วย​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ยัง​เหลือ​สุรา​อีก​เจ็ด​แปด​ส่วน​ของ​ถ้วย​ ​โจวฮู​หยิน​กำลัง​หัวเราะ​ที่​สือ​อี​เหนียง​ระมัดระวัง​ตัว​จน​เกินไป​ ​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​คุณชาย​สิบ​หก​กับ​คุณชาย​สิบ​เก้า​มา​จุด​ธูป​ไหว้พระ​ที่​วัด​ฉือ​หยวน​ ​ได้ยิน​มา​ว่าฮู​หยิน​อยู่​ที่นี่​ด้วย​ ​จึง​อยาก​จะ​มาคา​รวะฮู​หยิน​สักหน่อย​เจ้าค่ะ​”

“​ให้​พวกเขา​เข้ามา​เถิด​!​”​ ​โจวฮู​หยิน​หันไป​สั่ง​ให้​สาว​รับใช้​คนสนิท​ให้​เก็บ​โต๊ะ​พลาง​หันไป​บ่น​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​ทำไม​ถึง​มา​เร็ว​ขนาด​นี้​นะ​!​”

สาวใช้​คนสนิท​ของ​โจวฮู​หยิน​เป็น​คนที​่​ฉลาด​และ​หัวไว​เป็นอย่างมาก​ ​เมื่อ​ได้ยิน​แล้ว​นาง​ก็​ยิ้ม​พร้อม​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​คง​เพราะ​ใจร้อน​กระมัง​เจ้า​คะ​”

โจวฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​เสียงดัง​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​ก็​ถอย​ไป​ยัง​หลังฉาก​บานพับ​ที่ตั้ง​อยู่​หลัง​เตียง​หลัว​ฮั่น

ไม่นาน​ ​ด้านนอก​ก็​มีเสียง​ของ​ชายหนุ่ม​สอง​คนดัง​ขึ้น​ ​“​หลาน​หวัง​หยวน​ ​หลาน​หวัง​เจ๋อ​ ​ขอ​เข้าพบ​ท่าน​อา​หญิง​ขอรับ​”

“​เข้ามา​เถิด​!​”​ ​โจวฮู​หยิน​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน

สือ​อี​เหนียง​แอบมอง​ผ่าน​ช่องว่าง​ของ​ฉาก​บานพับ

ชาย​สอง​คนที​่​เข้ามา​ทำความเคารพ​โจวฮู​หยิน​ ​คน​หนึ่ง​สวม​ชุดจื​๋อ​ตัว​ผ้าแพร​หังโฉว​สีเหลือง​นวล​ ​อายุ​ประมาณ​สิบ​เจ็ด​ ​สิบ​แปด​ปี​ ​ส่วน​อีก​คน​สวม​ชุดจื​๋อ​ตัว​ผ้าแพร​หังโฉว​สีน้ำเงิน​สด​ ​อายุ​ประมาณ​สิบห้า​ ​สิบ​หก​ปี​ ​รูปร่าง​ปานกลาง​ ​ใบหน้า​หล่อเหลา​คมคาย​ ​เค้าโครง​ใบหน้า​มี​ความคล้าย​กับ​โจวฮู​หยิน​เล็กน้อย​ ​กิริยา​อ่อนโยน​และสง่า​งาม​ ​ท่าที​สงบ​และ​สำรวม

ถึงแม้ว่า​จะ​นัดแนะ​กัน​แล้ว​ ​แต่​ก็​ยัง​ต้อง​พูด​ไป​ตาม​สถานการณ์

โจวฮู​หยิน​จึง​ได้​ถามถึง​เรื่อง​เกี่ยวกับ​ที่​บ้าน​ขึ้น​มา

คนที​่​อายุ​น้อยกว่า​พูดจา​ค่อนข้าง​น้อย​คำ​ ​หวง​คำพูด​ประดุจ​ทองคำ​ ​คนที​่​อายุ​มากกว่า​กลับ​อ่อนโยน​และ​มีมา​รยาท​ ​โต้ตอบ​ฉะฉาน​ชัดเจน​ ​ไม่​เพียง​เท่านั้น​ ​ในขณะที่​คน​อายุ​น้อยกว่า​ไม่รู้​จะ​พูด​อะไร​ ​เขา​ก็​จะ​ชวน​โจวฮู​หยิน​คุย​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​ท่าที​กระฉับกระเฉง​มีชีวิตชีวา​ ​จึง​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​ประทับใจ

รอ​ให้​ทั้งสอง​ขอตัว​ลาก​ลับ​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​คน​ไหน​หวัง​หยวน​ ​คน​ไหน​หวัง​เจ๋อ​หรือ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท