ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 333 ยอมรับ(ต้น)

ตอนที่ 333 ยอมรับ(ต้น)

ไท่ฮู​หยิน​ดู​เสร็จ​ก็​ยื่น​กระดาษ​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​มอง​ไป​ที่​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ในเมื่อ​พวก​เจ้า​คิด​ไว้​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ก็​ตัดสินใจ​เอง​เถิด​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ตอบรับ​ ​“​ขอรับ​/​เจ้าค่ะ​”​ ​พูดคุย​กับ​ไท่ฮู​หยิน​สอง​สาม​ประโยค​ ​เห็น​ว่า​ดึก​แล้วจึง​ขอตัว​ลา

แสง​พระจันทร์​ข้างนอก​สว่างไสว​ ​กลิ่นหอม​ของ​ดอกไม้​อบอวล​ไป​ทั่ว​ ​พลอย​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​ผ่อนคลาย​

สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​เดิน​อยู่​บน​ทางเดิน​ใน​สวนดอกไม้​ช้าๆ​ ​ได้ยิน​เสียง​แมลง​ฤดูร้อน​ร้อง​เป็นครั้งคราว​ ​ทำให้​พวกเขา​รู้สึก​สงบ​และ​สบายใจ​ ​ถึงแม้ว่า​พวกเขา​มี​อะไร​อยาก​จะ​พูด​ตั้ง​มากมาย​ ​แต่กลับ​ไม่​อยาก​รบกวน​ความเงียบสงบ​ใน​ตอนนี้​ ​จึง​เลือก​ที่จะ​เงียบ​ไม่​ปริปาก​ ​แต่​บรรยากาศ​กลับ​ไม่​อึดอัด​ ​สงบ​มากขึ้น​ไม่น้อย​

เดิน​เข้ามา​ใน​ประตู​สวน​หลัง​จวน​ ​หาก​เดิน​ไป​ทาง​ทิศเหนือ​คือ​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​หาก​เดิน​ไป​ทาง​ทิศตะวันออก​คือ​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน

ตรง​ทางแยก​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หยุด​เดิน​ ​พวกเขา​ทำ​สีหน้า​ลังเล​อยู่​ชั่วครู่

เขา​พา​ผู้ติดตาม​แค่​สอง​สาม​คน​ควบ​ม้า​กลับมา​เยี​่​ยน​จิง​ ​เพราะว่า​เดินทาง​ทั้งวันทั้งคืน​ ​ทำให้​ม้า​หมดแรง​ไป​หลาย​ตัว​ ​แต่​ม้า​ของ​สถานี​ส่งสาร​ไม่ดี​เท่า​ม้า​ที่​เขา​พามา​ด้วย​ ​ดังนั้น​เมื่อ​เขา​เห็น​ม้า​ที่​แข็งแรง​สอง​สาม​ตัว​กำลัง​ลาก​รถม้า​ที่​หรูหรา​และ​ลาก​เกวียน​ขน​หีบ​เดิน​อยู่​บน​ถนน​ช้าๆ​ ​ราวกับ​ออก​ไป​ทัศนศึกษา​ ​เขา​จึง​อยากได้​ม้า​ที่​ลาก​รถม้า​คัน​นั้น​ ​ตอนนั้น​บอก​ให้​ผู้ติดตาม​นำ​ตั๋วเงิน​สอง​สาม​ร้อย​ไป​ซื้อ​ม้ามา​ ​แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​ฝั่ง​ตรงข้าม​ไม่ยอม​ ​ไม่เพียงแต่​พูดจา​เยาะเย้ย​ ​แล้วยัง​นำ​ถุง​ทองคำ​ออกมา​ ​บอกว่า​จะ​ซื้อ​ม้า​ของ​เขา​กลับ

เขา​ไม่เคย​กลัว​คนที​่​มา​หยิ่งยโส​ต่อหน้า​ตน

นำ​ตั๋วเงิน​ทิ้ง​แล้วก็​ทิ้ง​ม้า​ไว้

แต่​บ่าว​รับใช้​ผู้คุ้มกัน​ของ​อีก​ฝ่าย​กลับมา​ขวางทาง​เอาไว้​ ​แน่นอน​ว่า​คน​พวก​นั้น​ไม่ใช่​คู่ต่อสู้​ของ​ผู้ติดตาม​ของ​เขา​ ​ใช้​แรง​แค่​ไม่เท่าไร​ก็​จัดการ​คู่ต่อสู้​ได้​อย่าง​ราบเรียบ​ ​คน​บังคับ​ม้า​ตกใจ​จน​จะ​ควบ​ม้า​หนี​ ​แต่​เพราะว่า​ผู้ติดตาม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​แกะ​บังเหียน​ม้า​…​รถม้า​จึง​พลิกคว่ำ​ ​แล้วยัง​ทำให้​เท้า​ของ​ชี​เหนียง​พลิก​ ​รักษาตัว​อยู่​บน​รถม้า​ตั้ง​สี่​ห้าวั​นก​ว่า​จะ​หาย​

เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​ ​ก็​ไม่ยาก​ที่จะ​เข้าใจ​ว่า​ทำไม​ชี​เหนียง​ต้อง​ทำให้​เขา​ลำบากใจ​!

ดังนั้น​เขา​จึง​ไม่​ถาม​ว่าวั​นนี​้​ชี​เหนียง​จะ​นอน​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​หรือไม่

เขา​ก็​มีศักดิ์ศรี​เป็น​ของ​ตัวเอง​

ไม่​อยาก​หลบ​ไป​นอน​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​เพียง​เพราะ​ชี​เหนียง​จะ​นอน​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​ ​แต่​หาก​นาง​นอน​ที่​เรือน​ท่าเรือ​หลิว​ฟัง​ ​ตัวเอง​ก็ได้​นอน​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน

แต่​ถึงอย่างไร​เขา​ก็​ไม่​อยาก​จาก​บรรยากาศ​ที่​ทำให้​เขา​รู้สึก​สบายใจ​ราวกับ​สายลม​ฤดูใบไม้ผลิ​เช่นนี้​ไป​…

หาก​สวี​ลิ่ง​อี๋​อยาก​จะ​กลับ​ไป​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​กับ​นาง​ ​เขา​จะ​ต้อง​เดิน​ไป​กับ​นาง​ ​แต่​ตอนนี้​เขา​กลับ​หยุด​อยู่​ที่นี่​ ​แน่นอน​ว่า​เขา​อยาก​จะ​กลับ​ไป​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​?

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด

เขา​จะ​กลับ​ไป​จัดการ​เรื่อง​อะไร​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​หรือ​กังวล​ว่าวั​นนี​้​ชี​เหนียง​จะ​นอน​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​กัน​แน่​?

ให้​นาง​บอก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​คืนนี้​ชี​เหนียง​นอน​ที่​เรือน​ท่าเรือ​หลิว​ฟัง​…​เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​นาง​เชิญ​เขา​มานอน​ด้วย​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​มีชีวิต​มา​แล้ว​สอง​ชั่วอายุคน​ ​นาง​ก็​ไม่มีทาง​พูด​ออก​ไป​แน่

นาง​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​แต่​สุดท้าย​ก็​เดิน​ไป​ข้างหน้า​ ​เดิน​ไป​ยืน​อยู่​ทาง​ทิศเหนือ

“​เรื่อง​ที่​ท่าน​ไป​จัง​ชิว​เป็น​เช่นไร​บ้าง​เจ้า​คะ​”

ภายใต้​แสง​ของ​ดวงดาว​ ​สายตา​ของ​นาง​เป็นประกาย​ ​ราวกับ​ดวงดาว​บน​ท้องฟ้า​ ​แวววับ​สว่างไสว​

สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความตกใจ​ ​เขา​ค่อยๆ​ ​ผ่อนคลาย​ขึ้น

“​ไม่ได้​ซื้อ​ที่ดิน​!​”​ ​เขา​พูด​เบา​ๆ​ ​เดิน​บน​ทางเดิน​ที่​ไป​ยัง​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​“​เกิดเรื่อง​ขึ้น​ตั้ง​มากมาย​ ​จึง​ไม่รู้​ว่า​จะ​บอก​เจ้า​เช่นไร​”

สือ​อี​เหนียง​ก้มหน้า​มอง​หิน​สีฟ้า​บน​ทางเดิน​ ​“​ข้า​เห็นท่าน​โหวก​ลับ​มา​เร็ว​ขนาด​นี้​ ​จึง​เดา​ว่า​หาก​ไม่ใช่​เพราะว่า​ทุกอย่าง​ราบรื่น​ดี​เช่นนั้น​ก็เพราะว่า​มี​อุปสรรค​ ​ฟัง​จาก​น้ำเสียง​ตอนที่​ท่าน​ไป​ ​ข้า​ก็​คิด​ว่า​เรื่องราว​น่าจะ​ไม่ได้​ง่ายดาย​ขนาด​นั้น​…​”

“​ไม่ใช่​แค่​ไม่​ง่ายดาย​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ ​“​ตอนนั้น​ข้า​ก็​รู้สึก​แปลกใจ​ ​ทำไม​ปล่อยข่าว​ลือ​ว่า​จะ​ซื้อ​ที่ดิน​ ​ราคา​ที่ดิน​ก็​สูง​ขึ้น​จน​คนธรรมดา​ซื้อ​ไม่ได้​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​พวกเขา​เจตนา​โจมตี​สกุล​เรา​”

“​แล้ว​ท่าน​ยัง​จะ​ไป​?​”

“​ในเมื่อ​ถูกจับ​ตาม​อง​ ​หาก​ครั้งนี้​ข้า​ไม่​เล่น​ด้วย​ก็​ต้อง​มี​ครั้ง​ต่อไป​ ​ไม่​สู้​จัดการ​มัน​ครั้ง​เดียว​ดีกว่า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่าง​เรียบ​เฉย​ ​“​โชคดี​ที่​ข้า​ไป​ ​เดิมที​มี​คน​อยาก​จะเข้า​ไป​แทรกแซง​การค้าขาย​กับ​ต่าง​แคว้น​ ​ใช้​ที่ดิน​หลาย​ร้อย​แปลง​นี้​ใน​การหยั่ง​เชิง​ ​อยาก​จะ​ให้​ข้า​ไป​ทักทาย​ระบบ​ศุลกากร​ของ​เฉวียน​โจว​ ​ตอนนี้​ข้า​ไม่ได้​รับ​ตำแหน่ง​แล้ว​ ​ไม่​ควร​เข้า​ยุ่งเกี่ยว​กับ​เรื่อง​พวก​นี้​ ​แน่นอน​ว่าที่​ดิน​ผืน​นั้น​ข้า​จึง​ซื้อ​ไม่ได้​!​”

พวกเขา​สอง​คนพูด​คุย​กัน​แล้ว​เดิน​ไป​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น

*****

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​เสียง​เบา

“​ยาม​เหม่า​แล้ว​หรือยัง​”​ ​เสียง​ที่​คลุมเครือ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดัง​ขึ้น​มาจาก​ข้างหลัง

คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​ทำให้​เขา​ตื่น

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กลับมา​ทำท่า​ที​เหมือนเดิม​ ​รีบ​สวมใส่​เสื้อผ้า​ ​“​ท่าน​โหว​นอน​อีก​สักพัก​เถิด​!​”

เขา​อยู่​ที่​จวน​เฉยๆ​ ​ไม่ต้อง​ไปรา​ชสำ​นัก​ ​แต่​แค่​ไม่​ควร​พูด​เช่นนี้​ต่อหน้า​เขา

สวี​ลิ่ง​อี๋​ลุกขึ้น​นั่ง​ ​หยิบ​เสื้อ​สีขาว​ที่​กอง​รวม​อยู่​มุม​เตียง​ราวกับ​ผัก​ดอง​ขึ้น​มาสวม​ ​“​วันนี้​จะ​ไป​วัดฮู​่กั​๋​วกับ​คุณหนู​เจ็ด​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​เขา​นึกถึง​รถ​ที่​หรูหรา​และ​นิสัย​ของ​ชี​เหนียง​ ​“​ส่ง​คน​ไป​บอก​ผู้ดูแล​ก่อน​ ​ถึง​ตอนนั้น​ก็​ปิดประตู​วัด​เสียเถิด​”

สือ​อี​เหนียง​มองดู​เสื้อ​สีขาว​และ​ใบหน้า​ที่​แดงก่ำ​ของ​เขา​ ​“​ข้า​นำ​เสื้อ​ตัวใหม่​มา​ให้ท่าน​โหวดี​กว่า​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​เปิด​ตู้​สีดำ​ทรง​สูง​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​หา​เสื้อ​ที่​รีด​อย่างเรียบร้อย​ยื่น​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​พี่​หญิง​เจ็ด​จะ​ไป​ทาน​ไส้กรอก​ข้าว​ที่​วัดฮู​่กั​๋ว​เจ้าค่ะ​ ​ปิดประตู​วัด​ไป​เกรง​ว่า​ก็​ไม่มี​ประโยชน์​อะไร​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​พูดว่า​ ​“​ปกติ​นาง​อยู่​ที่​จวน​ก็​เป็น​เช่นนี้​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​พูด​ตอบ​อย่าง​อ้อมค้อม​ ​“​พี่​หญิง​เจ็ด​เป็น​คน​ร่าเริง​แจ่มใส​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​ไม่พูดถึง​เรื่อง​นี้​อีก​ ​จากนั้น​ก็​บอก​นาง​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​ก็​พา​ผู้คุ้มกัน​ไป​ด้วย​หลาย​คน​หน่อย​”​

สือ​อี​เหนียง​ตอบรับ​ ​เรียก​สาวใช้​เข้ามา​รับใช้​นาง​อาบน้ำ​ ​ทานข้าว​เช้า​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้วก็​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ศาลา​ริมน้ำ​ฉุย​หลุน​

ทันทีที่​ป้า​ซ่ง​เห็น​นาง​ก็​ยิ้ม​หน้าบาน

“​มู่ฝู​ ​สาวใช้​ของ​คุณหนู​เจ็ด​มาถาม​ตั้งแต่​เช้า​ว่า​เรา​จะ​ออกเดินทาง​เมื่อไร​เจ้าค่ะ​”

แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​ตอบ​ไม่​ตรง​คำถาม​ ​“​ไป​เรียก​หู่​พั่ว​มา​”

ป้า​ซ่ง​สับสน​ ​แต่​ก็​ตอบรับ​ด้วย​ความเคารพ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ดึง​เชือก​สีแดง​ออกจาก​แขน​เสื้อ​ ​บน​นั้น​มี​ป้าย​หยก​รูป​วงรี​ห้อย​อยู่

นั่น​คือ​สิ่ง​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ห้อย​ให้​นาง​เมื่อคืนนี้​ ​ตอนนั้น​นาง​เขินอาย​ ​จึง​ไม่ได้​ดู​อย่างละเอียด​ ​ตอนนี้​ถึง​ได้​รู้​ว่า​มัน​คือ​ป้าย​หยก​เถี​ยน​อวี​้​ที่​แกะสลัก​รูปแกะ

นาง​นั้น​เกิด​ปี​แกะ

สือ​อี​เหนียง​หยิบ​ป้าย​หยก​ขึ้น​มาดู​อย่างละเอียด

ของขวัญ​วันเกิด​เช่นนั้น​หรือ

แต่​ตอนที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ห้อย​ให้​นาง​เขา​ไม่​พูด​อะไร​สัก​คำ​ ​แล้วยัง​ถือโอกาส​ห้อย​ตอนที่​นาง​เหนื่อยล้า​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะว่า​ป้าย​หยก​มัน​เย็น​ ​และ​เตียง​ก็​แข็ง​ ​นาง​ไม่​ชิน​ ​นอน​ไม่​ค่อย​หลับ​ ​นาง​ก็​คงจะ​ไม่รู้

กำลัง​ครุ่นคิด​ ​หู่​พั่ว​ก็​เปิดม่าน​เข้ามา​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​มีเรื่อง​อัน​ใด​หรือ​เจ้า​คะ​”

สือ​อี​เหนียง​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ช่างมัน​เถิด​ ​เดิมที​จะ​ให้​เจ้า​ช่วย​ข้า​ถัก​เชือก​ ​แต่​ข้า​ถัก​เอง​ดีกว่า​ ​เจ้า​ไป​บอก​ให้​สาวใช้​มารับ​ใช้​ข้า​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​เถิด​”​ ​จากนั้น​ก็​ห้อย​ป้าย​หยก​ไว้​ที่​คอ​อีกครั้ง

ถัก​เชือก​จีน​เป็นความ​เชี่ยวชาญ​ของ​อาจารย์​เจี่ยน​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​รับ​วิชา​มา​เต็มๆ​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​พวก​นาง​ ​แม้แต่​บรรดา​อาจารย์​ของ​หอ​เซียน​หลิง​ที่ทำมาหากิน​จาก​สิ่ง​นี้​ ​เกรง​ว่า​ก็​คงจะ​ไม่มี​ฝีมือ​เท่า​สือ​อี​เหนียง​ ​นาง​จึง​อด​หัวเราะ​ไม่ได้​ ​“​เชือก​นี้​เรียบง่าย​เกินไป​จริงๆ​ ​ต้อง​ถัก​เชือก​ที่​สวยงาม​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อีกว่า​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​เป็น​คน​มอบให้​ท่าน​หรือ​เจ้า​คะ​ ​บ่าว​คิด​ว่าน​่า​จะ​เป็น​หยก​เหอ​เถี​ยน​ชั้นดี​ ​ไม่มี​สี​แทรก​ซ่อน​เลย​แม้แต่น้อย​ ​คงจะ​หาไม่​ได้​ง่ายๆ​”

สือ​อี​เหนียง​ตอบกลับ​อย่าง​คลุมเครือ​ ​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ก็​ไป​ที่​เรือน​ของ​ชี​เหนียง

ชี​เหนียง​แต่งตัว​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​ออกเดินทาง​ไป​วัดฮู​่กั​๋ว

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เหล่า​ผู้ติดตาม​ต่าง​ก็​พากั​นล​้​อมร​อบ​รถม้า​อย่าง​แน่นหนา​ ​ดู​เข้มงวด​กว่า​ปกติ​ ​นาง​จึง​รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​คน​จัดการ​ ​เมื่อ​ไป​จุด​ธูป​ที่​ตำหนัก​ต้าส​ยง​เป่า​เรียบร้อย​ ​นาง​และ​ชี​เหนียง​ขอ​ยันต์เ​เคล​้ว​คลาด​กลับมา​ให้​ที่​จวน​ตั้ง​มากมาย

ชี​เหนียง​ยัง​นำ​ไส้กรอก​ข้าว​กลับมา​ให้​ทุกคน​ตั้ง​หลาย​ห่อ

สือ​อี​เหนียง​กลัว​ว่า​มัน​ไม่​สะอาด​ ​ไท่ฮู​หยิน​ทาน​แล้ว​จะ​ท้องเสีย​ ​จึง​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ชิม​แค่​คำ​เดียว

และ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ชิม​แค่​คำ​เดียว​จริงๆ​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​วาง​ตะเกียบ​ลง

ชี​เหนียง​บอก​ให้​เด็ก​ๆ​ ​สอง​สาม​คน​ลอง​ชิม​ดู

สวี​ซื่อ​อวี​้​เหมือนกับ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ชิม​แค่​คำ​เดียว​แล้วก็​วาง​ตะเกียบ​ลง​ ​แต่​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับ​ทำ​สีหน้า​ลำบากใจ​ ​มอง​อยู่​ตั้ง​นาน​แต่​ก็​ไม่กล้า​ทาน​ ​มี​แค่​จุน​เกอ​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่​ทาน​อย่าง​เอร็ดอร่อย​ ​จุน​เกอ​ยัง​บอกว่า​ ​“​อันนี้​ไม่อร่อย​เท่า​อัน​ที่​อาจารย์​จ้าว​ซื้อ​มาจาก​อาราม​เมฆ​ขาว​”

“​จริง​หรือ​”​ ​หัวใจ​ที่​ถูก​ไท่ฮู​หยิน​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​โจมตี​ของ​ชี​เหนียง​ก็​กลับมา​เต้น​อีกครั้ง​ ​ได้ยิน​เช่นนี้​นาง​ก็​รีบ​พูดว่า​ ​“​อาราม​เมฆ​ขาว​มี​ไส้กรอก​ข้าว​ด้วย​หรือ​ ​เหตุใด​ข้า​ถึง​ไม่รู้​เล่า​”

ของขวัญ​ที่​ชี​เหนียง​มอบให้​สวี​ซื่อ​อวี​้​คือ​หนังสือ​ ​‘​อธิบาย​ตำรา​ทั้ง​สี่​’​ ​จาก​ราชวงศ์​ก่อน​ ​มอบ​ชุด​สมบัติ​ทั้ง​สี่​ของ​ห้อง​หนังสือ​จาก​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​ให้​จุน​เกอ​ ​มอบ​สร้อยทองคำ​ให้​เจี​้ย​เกอ​ ​แล้ว​นาง​ยัง​เป็น​คน​ร่าง​เริง​ ​พวก​เด็ก​ๆ​ ​ล้วน​ชอบ​นาง​เป็นอย่างมาก

“​ท่าน​ไม่รู้​แน่นอน​ขอรับ​”​ ​จุน​เกอ​พูด​ ​“​อาจารย์​จ้าว​บอกว่า​ ​ที่ไหน​มี​ของ​อร่อย​ ​งิ้ว​ที่นั่น​ก็​จะ​ร้อง​เพราะ​ที่สุด​ ​ที่ไหน​เหมาะสำหรับ​ตกปลา​ ​ที่นั่น​ก็​จะ​เหมาะสำหรับ​การ​ชมด​อก​เหมย​ ​เรื่อง​พวก​นี้​ ​มี​แค่​บุรุษ​เท่านั้น​ที่​รู้​ขอรับ​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​นั่ง​เงียบ​ไม่พูดไม่จา

ชี​เหนียง​ก็​กระซิบ​กับ​เขา​ ​“​เช่นนั้น​เจ้า​บอก​ข้า​ได้​หรือไม่​ว่าที่​ไหน​มี​ของ​อร่อย​ ​งิ้ว​ที่ไหน​ร้อง​เพราะ​ที่สุด​…?​”

จุน​เกอ​วาง​ตะเกียบ​ลง​ ​จากนั้น​ก็​เล่า​ให้​นาง​ฟัง​ราวกับว่า​ตัวเอง​คุ้นเคย​เป็น​อย่างดี

ชี​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​นาง​ถาม​สือ​อี​เหนียง​ ​“​เขา​คง​ไม่เคย​ไปมา​หมด​แล้ว​ใช่​หรือไม่​”

สือ​อี​เหนียง​กำลัง​เกลี้ยกล่อม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​หยุด​ทาน​ได้​แล้ว​ ​ที่​เหลือ​ต้อง​นำ​ไป​ให้ท่า​นพ​่อ​ ​ท่าน​อา​ห้า​ ​ท่าน​อา​หญิง​ห้า​ ​แล้วยัง​มี​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จึง​วาง​ตะเกียบ​ลง​ด้วย​ความอาลัย​อาวรณ์​

จุน​เกอ​จะ​รู้เรื่อง​พวก​นี้​ได้​เช่นไร​ ​แน่นอน​ว่า​ทั้งหมด​อาจารย์​จ้าว​เป็น​คนพูด

นาง​จึง​พูด​ตอบ​ไป​ว่า​ ​“​เขา​เตรียมตัว​ไป​ท่องเที่ยว​ใน​ภายภาคหน้า​”

จุน​เกอ​คิด​ว่า​คำตอบ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไว้หน้า​เขา​เป็นอย่างมาก​ ​ยิ่ง​นั่ง​อกผาย​ไหล่​ผึ่ง​ ​“​ถึง​ตอนนั้น​ข้า​จะ​นำ​ไส้กรอก​ข้าวของ​อาราม​เมฆ​ขาว​มา​ให้ท่าน​ ​ข้า​รับรอง​ว่า​อร่อย​กว่า​ที่นี่​แน่นอน​”

เมื่อ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​ว่า​มี​ของ​อร่อย​ ​ก็​กระโดดโลดเต้น​อยู่​ข้างๆ​ ​“​ข้า​ก็​จะ​เอา​ ​ข้า​ก็​จะ​เอา​”

ทำเอา​ทุกคน​ต่าง​พากัน​หัวเราะ

เว​่ย​จื่อ​เข้ามา​รายงาน​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​เยี​่​ยน​หร​งบ​อก​ว่า​ ​ท่าน​โหว​ถาม​ว่า​รองเท้า​ไม้​ที่อยู่​ใน​ถุง​หนัง​กวาง​ของ​เขา​อยู่​ที่ไหน​เจ้า​คะ​”

ฤดูร้อน​เช่นนี้​ ​สวม​รองเท้า​ไม้​ทำไม​กัน

สือ​อี​เหนียง​ออก​ไป​กับ​เว​่ย​จื่อ​ด้วย​ความ​สับสน

เยี​่​ยน​หรง​ยืน​รอ​อยู่​กลาง​ลาน​

เห็น​สือ​อี​เหนียง​เดิน​เข้ามา​ ​นาง​ก็​ย่อเข่า​คำนับ​ ​ออก​ไป​จาก​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​บอก​ให้ท่าน​ไป​ที่​ห้อง​หนังสือ​ลาน​ข้างนอก​เจ้าค่ะ​ ​บอกว่า​ท่าน​เขย​เจ็ด​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

จู​อาน​ผิง​ ​เซ​วี​ยอี​้จ​วิน​คน​นั้น​?

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​เดินผ่าน​ห้องโถง​เล็ก​ๆ​ ​หลัง​ห้องโถง​ใหญ่​จวน​สกุล​สวี​ไป​ยัง​ห้อง​หนังสือ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่นา​งมา​ที่นี่

ต่าง​จาก​ห้อง​หนังสือ​ที่​เรือน​ปั้น​เย​่ว​์​พั่น​ ​ห้อง​หนังสือ​ลาน​ข้างนอก​เหมือน​ห้องรับแขก​ขนาดเล็ก​ ​ที่​ตกแต่ง​เรียบง่าย​และ​สวยงาม​ ​ดู​สบาย​แต่​ยัง​เป็นทางการ

สวี​ลิ่ง​อี๋​แนะนำ​บุรุษ​ร่าง​สูง​ที่​สวม​เสื้อผ้า​ไหม​ลาย​ดอก​สีน้ำเงิน​ให้​สือ​อี​เหนียง​รู้จัก

“​นี่​คือ​จู​อาน​ผิง​ ​ท่าน​เขย​เจ็ด​”

เขา​เรียก​จู​อาน​ผิง​ ​เหมือน​ที่​สกุล​เดิม​ของ​ชี​เหนียง​เรียก

จู​อาน​ผิง​เลิก​คิ้ว​ ​จากนั้น​ก็​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง

สวี​ลิ่ง​อี๋​แนะนำ​สือ​อี​เหนียง​ให้​จู​อาน​ผิง​รู้จัก​ ​“​ภรรยา​ของ​ข้า​”

สือ​อี​เหนียง​ย่อเข่า​คำนับ​เขา​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอ่ย​บอก​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​เขย​เจ็ด​ไม่ได้​มาที​่​เยี​่​ยน​จิง​บ่อยๆ​ ​เจ้า​บอก​ให้​โรง​ครัว​ทำอาหาร​ให้​พวกเรา​สัก​สอง​สาม​อย่าง​ ​เรา​จะ​ดื่ม​สุรา​กัน​สักหน่อย​”

สือ​อี​เหนียง​ตอบรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แล้ว​ขอตัว​ออก​ไป​ ​ถือว่า​รู้จัก​จู​อาน​ผิง​อย่างเป็นทางการ​แล้ว

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท