ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 343 หมั้นหมาย(กลาง)

ตอนที่ 343 หมั้นหมาย(กลาง)

ฮู​หยิน​ห้า​พยายาม​จะ​ทำ​เรื่องใหญ่​ให้​กลายเป็น​เรื่องเล็ก​

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไหน​เลย​จะ​มอง​ไม่​ออก

เขา​ตบ​ไหล่​สวี​ลิ่ง​ควน​แล้ว​พูด​กับฮู​หยิน​ห้าว​่า​ ​“​ต่อไป​อย่า​ตัดสินใจ​บุ่มบ่าม​เช่นนี้​อีก​!​”

สวี​ลิ่ง​ควน​รีบ​พยักหน้า​ ​“​ไม่​ทำ​แล้ว​ ​ไม่​ทำ​แล้ว​”

ฮู​หยิน​ห้า​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​ก่อนที่จะ​ค่อยๆ​ ​เผย​รอยยิ้ม​ออกมา

ฮู​หยิน​สอง​ลุกขึ้น​ยืน​ ​“​ทุกคน​แยกย้าย​กัน​ไป​เถิด​ ​ให้​จุน​เกอ​ได้​นอน​พักผ่อน​ให้​สบาย​ ​ดื่ม​น้ำแกง​สงบ​จิต​สัก​สอง​เวลา​ก็​พอแล้ว​”

สาวใช้​และ​หญิง​รับใช้​สูงวัย​ของ​แต่ละคน​เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ถอย​ออก​ไป​ ​แต่​ไท่ฮู​หยิน​กลับ​นั่งลง​บน​เก้าอี้​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​ ฮู​หยิน​ห้า​และ​คนอื่นๆ​ ​จึง​อยู่​ต่อ​ด้วย​ ​มอง​ไท่ฮู​หยิน​จับมือ​เล็ก​ๆ​ ​ของ​จุน​เกอ​พลาง​เอ่ย​ถาม​เขา​เสียง​เบา​ว่า​ ​“​เจ้า​อยาก​ทาน​อะไร​หรือไม่​ ​ให้​ป้า​ตู้​ต้ม​น้ำแกง​เนื้อ​ลำไย​ใส่​เม็ด​บัว​ให้​เจ้า​ดี​หรือไม่​”​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความกังวล

“​ข้า​ไม่เป็นอะไร​ขอรับ​”​ ​จุน​เกอ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​แค่​อยาก​นอน​พักผ่อน​สักหน่อย​”​ ​สีหน้า​เต็มไปด้วย​ความเหนื่อย​ล้า

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​รีบ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​ดี​ ​ดี​ ​ดี​ ​ข้า​ไม่​รบกวน​เจ้า​แล้ว​ ​นอน​พักผ่อน​เถิด​”

จุน​เกอ​หลับตา​ลง

สือ​อี​เหนียง​ยก​ถ้วย​ชาเขียว​มา​ ​“​จุน​เกอ​ ​บ้วนปาก​ก่อน​แล้ว​ค่อย​นอน​ ​”

จุน​เกอ​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ลืมตา​ขึ้น​มา​อีก​ ​ให้​สือ​อี​เหนียง​พยุง​ตัว​ขึ้น​มาบ​้​วน​ปาก​แล้ว​ค่อย​นอนลง​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​ช่วย​จุน​เกอ​จัด​ผ้าห่ม​แล้ว​เกลี้ยกล่อม​ไท่ฮู​หยิน​ ​“​ท่าน​เอง​ก็​ไป​พักผ่อน​ก่อน​เถิด​เจ้าค่ะ​ ​ที่นี่​มี​ข้า​คอย​ดูแล​อยู่​”

ไท่ฮู​หยิน​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พยักหน้า​ ​“​เช่นนั้น​ก็ดี​ ​ข้า​จะ​กลับ​ก่อน​ ​หาก​มี​อะไร​เกิดขึ้น​เจ้า​ก็​ส่ง​คน​มาเรียก​ข้า​”

สือ​อี​เหนียง​ตกปากรับคำ​ ​ไท่ฮู​หยิน​พาฮู​หยิน​สอง​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​ ​และฮู​หยิน​ห้า​กลับ​เรือน​ใน

ภายใน​ห้อง​เหลือ​เพียง​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​ภรรยา​เท่านั้น

จู่ๆ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​เจ้า​ว่านี​่​นับว่า​เป็นการ​ฟาดเคราะห์​หรือไม่​”​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​แฝง​ไว้​ด้วย​ความหวัง

แม้​จะ​ไม่​ศรัทธา​ใน​ศาสนาพุทธ​หรือ​ลัทธิ​เต๋า​ ​แต่​ใน​ใจคง​รู้สึก​เป็นกังวล​อยู่​กระมัง

สือ​อี​เหนียง​พูด​อย่าง​คลุมเครือ​ว่า​ ​“​ลางร้าย​จะ​กลายเป็น​ดี​ ​จุน​เกอ​ต้อง​ไม่เป็นอะไร​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า

หมอ​หลวง​รีบ​วิ่ง​เข้ามา​ท่าทาง​เหนื่อยหอบ

หลังจาก​ตรวจ​ชีพจร​แล้วก็​เหมือนกับ​ที่ฮู​หยิน​สอง​พูด​ ​เพียงแค่​ตกใจ​เล็กน้อย​ ​จึง​สั่ง​ยาต้ม​สอง​อย่าง​เพื่อ​ผ่อนคลาย​จิตใจ​ ​สือ​อี​เหนียง​กำชับ​ให้​หู่​พั่ว​ไป​ต้ม​ยา​โดย​ไม่ต้อง​ให้​ใคร​บอก​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เลือก​วันที่​ยี่สิบ​หก​เดือน​ห้า​เพื่อ​จัดงาน​เลี้ยง​ฉลอง​การ​แต่งตั้ง​จุน​เกอ​เป็น​ซื่อ​จื่อ

เหล่า​ผู้ดูแล​ของ​สกุล​สวี​เริ่ม​ยุ่ง​วุ่นวาย​มากขึ้น​ ​สือ​อี​เหนียง​ไปหา​สวี​ซื่อ​อวี​้

เรือน​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน​ ​ต้น​ชบา​จีน​ ​ต้น​ทับทิม​ ​ต้น​ยี่เข่ง​…​ต่าง​เบ่งบาน​ตระการตา​ ​เหวิน​จู๋​ที่​กำลัง​กำชับ​สาวใช้​น้อย​ทำความสะอาด​ที่​ลาน​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ก็​ตกใจ​ ​รีบ​กระซิบ​สั่ง​สาวใช้​น้อย​ให้​ไปรา​ยงาน​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​ส่วนตัว​เอง​ก็​รีบ​เดิน​เข้าไป​ต้อนรับ

“​คุณชาย​น้อย​สอง​อยู่​ที่ไหน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​นาง​ด้วย​รอยยิ้ม

“​คุณชาย​น้อย​สอง​ตื่น​ตั้งแต่​ยาม​เหม่า​ ​หลังจาก​ทานอาหาร​เช้า​ก็​เริ่ม​ฝึก​เขียน​ตัวอักษร​จนถึง​ตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่​หยุดพัก​เจ้าค่ะ​”​ ​ท่าทาง​เหมือน​กลัว​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ตำหนิ​เขา

แม้ว่า​เหวิน​จู๋​และ​คนอื่นๆ​ ​จะ​เป็น​คนที​่​นาง​เลือก​ ​แต่​คนที​่​อยู่​ด้วยกัน​ทั้งวันทั้งคืน​กลับเป็น​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​หาก​เขา​ไม่​สามารถ​แม้แต่​จะ​ทำให้​คน​รอบข้าง​อยู่​ใต้​อำนาจ​เขา​ได้​ ​ก็​ไม่ต้อง​พูดถึง​ว่า​เขา​จะ​พึ่งพา​ตัวเอง​ได้​อย่างไร

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​เห็น​ชิ่น​เซียง​เดิน​มากั​บส​วี​ซื่อ​อวี​้​อย่าง​ไม่รีบร้อน

“​ท่าน​แม่​!​”​ ​ท่าทาง​ของ​เขา​ดู​เคร่งขรึม​ ​แม้ว่า​กฎ​ใน​เรือน​จะ​ผ่อนผัน​ลง​ ​แต่​ก็​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​นั้น​ระแวดระวัง​ตัว​อยู่​ไม่น้อย

“​ข้า​ตั้งใจ​มา​เยี่ยม​เจ้า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​ได้ยิน​ว่า​เจ้า​ตื่น​แต่เช้า​มา​ฝึก​คัด​อักษร​ ​ข้า​คง​ไม่ได้​รบกวน​เจ้า​ใช่​หรือไม่​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้​ฟัง​ก็​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​ก้มตัว​ลง​เล็กน้อย​กำลังจะ​ตอบคำถาม​อย่างนอบน้อม​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​เดินผ่าน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ของ​เขา​แล้ว

เขา​ทำได้​เพียง​เดินตาม​ไป​พลาง​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ข้า​ฝึก​จน​เหนื่อย​พอดี​จึง​อยาก​จะ​พัก​สักหน่อย​ขอรับ​”

“​เช่นนั้น​ก็ดี​แล้ว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​พร้อมกับ​เขา

ข้างใน​มีสา​มห​้​อง​ ​ทาง​ฝั่ง​ตะวันออก​เป็น​ห้องนอน​ ​ทาง​ฝั่ง​ตะวันตก​เป็น​ห้อง​หนังสือ

พวกเขา​ไป​ที่​ห้อง​หนังสือ

บน​โต๊ะ​หนังสือ​ตัว​ใหญ่​มี​กระดาษ​เสวียน​จื่อ​วาง​อยู่​ครึ่ง​โต๊ะ​ ​พู่กัน​แขวน​ห้อย​อยู่​บน​ชั้น​วาง​พู่กัน​ ​มี​หมึก​หยด​ลงมา​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เพิ่งจะ​เขียนจดหมาย​บาง​ฉบับ​ขึ้น​มา

สือ​อี​เหนียง​ทำเป็น​ไม่รู้ไม่ชี้​ ​เดิน​ไป​ที่​โต๊ะ​แล้ว​เอ่ย​ชม​การเขียน​อักษร​ของ​เขา​

“​ยัง​เขียน​ได้​ไม่ดี​เท่าไร​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​รู้สึก​อาย​เล็กน้อย

“​ไม่​หรอก​”​ ​ตัวหนังสือ​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​นั้น​งดงาม​มาก​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดตาม​ความจริง​ว่า​ ​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​ลายเส้น​ของ​เจ้า​ประณีต​ ​ปลาย​พู่กัน​โค้ง​มน​แฝง​ไว้​ด้วย​กลิ่นอาย​ของ​ความสง่างาม​ ​เพียงแต่ว่า​ขาด​ความมั่นคง​ไป​เล็กน้อย​ ​หาก​เขียน​เช่นนี้​ต่อไป​จะ​ทำให้​เคยชิน​ได้​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ตา​เป็นประกาย​ ​“​เช่นนั้น​ตาม​ความหมาย​ของ​ท่าน​แม่​แล้ว​ ​ต้อง​เขียน​อย่างไร​ถึง​จะ​ดู​มั่นคง​?​”

“​เจ้า​จับ​พู่กัน​ได้​ลื่นไหล​เหมือน​ก้อน​เมฆ​และ​สายน้ำ​ ​ช่าง​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ ​แต่​เวลา​เขียน​พู่กัน​กลับ​ไร้​เรี่ยวแรง​ ​กระทั่ง​แสดง​ความลังเล​ออกมา​ให้​เห็น​หลาย​ส่วน​…​”

สือ​อี​เหนียง​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​คุย​กัน​เรื่อง​การเขียน​ตัวอักษร​นาน​กว่า​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ​จากนั้น​ก็​ไปหา​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​อยู่​ที่นั่น​พัก​หนึ่ง​ก่อน​จะ​กลับ​เรือน​ตัวเอง

วัน​ต่อมา​นาง​ไปหา​สวี​ซื่อ​อวี​้​อีกครั้ง

สวี​ซื่อ​อวี​้​มอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความประหลาดใจ

สือ​อี​เหนียง​เพียงแค่​สนทนา​กับ​เขา​เรื่อง​การเขียน​ตัวอักษร

ตอนแรก​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยัง​ใจลอย​อยู่​บ้าง​ ​ต่อมา​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​พูด​ได้​น่าสนใจ​เขา​จึง​ค่อยๆ​ ​คล้อยตาม​ ​แล้ว​เริ่ม​สนทนา​เรื่อง​ตัวอักษร​ใน​ภาพวาด​กับ​สือ​อี​เหนียง

วันที่​สาม​สือ​อี​เหนียง​ก็​ไป​อีกครั้ง​…​สวี​ซื่อ​อวี​้​หยิบ​ผลงาน​เก่าๆ​ ​ออกมา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ดู​ ​ทั้งสอง​คน​ช่วยกัน​วิจารณ์​อีก​รอบ​ ​จนกระทั่ง​ทานข้าว​เสร็จ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ได้​ขอตัว​ลา

สวี​ซื่อ​อวี​้​ไป​ส่ง​สือ​อี​เหนียง​ที่​หน้า​ประตู​ ​เงยหน้า​มอง​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​…​ข้า​จะ​ตั้งใจ​ฝึก​เขียน​ตัวอักษร​ให้​มาก​ขอรับ​”​ ​เหมือน​กำลัง​แสดงให้เห็น​อะไร​บางอย่าง​ ​แล้วก็​เหมือนกับ​กำลัง​อธิบาย​อะไร​บางอย่าง

ความเฉลียวฉลาด​เช่นนี้​…

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พยักหน้า​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​จะ​ไม่​รบกวน​เจ้า​แล้ว​ ​พรุ่งนี้​ใน​จวนจะ​เชิญ​เหล่า​ญาติสนิท​มิตรสหาย​มาร​่ว​มงาน​เลี้ยง​แต่งตั้ง​น้อง​สี่​ของ​เจ้า​เป็น​ซื่อ​จื่อ​”​

สวี​ซื่อ​อวี​้​ยกมือ​ขึ้น​คารวะ​ ​มอง​สือ​อี​เหนียง​เดิน​จากไป

พึ่ง​จะ​หันกลับ​มาก​็​มีสาว​ใช้​ที่​สวม​เสื้อกั๊ก​ยาว​สีแดง​เข้ม​วิ่ง​ออกมา​จาก​ทาง​เล็ก​ๆ​ ​ด้าน​ข้าง​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​อี๋​เหนียง​ให้​บ่าว​มา​เยี่ยม​ท่าน​เจ้าค่ะ​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ตัว​แข็งทื่อ​โดยทันที​ ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​อืม​”

สาวใช้​ผู้​นั้น​ยิ้ม​กว้าง​พลาง​เดิน​เข้าไป​คำนับ​สวี​ซื่อ​อวี​้

******

หลังจาก​งานเลี้ยง​ผ่าน​ไป​ ​สกุล​สวี​และ​สกุล​เจียง​ก็ได้​เริ่ม​เจรจา​เรื่อง​การ​หมั้น​หมาย

สกุล​สวี​เชิญ​ซุ่น​อ๋อง​มา​เป็น​พ่อสื่อ​ ​และ​แลกเปลี่ยน​วัน​เดือน​ปีเกิด​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ก็​ทำ​สร้อยคอ​จี้​ทองคำ​แดง​ ​แหวน​คู่​ลาย​ดอกบัว​สีแดง​ ​ต่างหู​ที่​ทำ​จาก​ไข่มุก​ของ​ทางใต้​ขนาด​เท่า​เม็ด​บัว​หนึ่ง​คู่​ที่​มีอยู่​ใน​กล่อง​เครื่องประดับ​ของ​ตน​ ​แล้วยัง​มีต​่าง​หู​ประดับ​ทับทิมทอง​แดง​หนึ่ง​คู่​ ​กำไล​ข้อมือ​ทองชุบ​สี​หนึ่ง​คู่​ ​กำไลทอง​แดง​สลักลาย​หนึ่ง​คู่​ ​กำไล​เส้นด้าย​สีแดง​หนึ่ง​คู่​ ​แหวน​สลักลาย​ลูก​ท้อ​หนึ่ง​วง​ ​แหวน​สลักลาย​ดอก​ทับทิม​หนึ่ง​วง​ ​แหวน​ฝัง​หยก​ลายน้ำ​เต้า​หนึ่ง​วง​ ​แหวนทอง​แดงประดับ​หยก​อีก​หนึ่ง​วง​ ​กล่อง​ใบชา​หนึ่ง​กล่อง​ ​และ​กล่อง​สุรา​หนึ่ง​กล่อง​ส่ง​ไป​ที่​สกุล​เจียง​เพื่อ​เป็น​ของหมั้น​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​ทั้งสอง​ตระกูล​ปรึกษาหารือ​กัน​ว่า​จะ​กำหนด​วัน​แต่งงาน​ให้​เป็น​วันที่​หลังจาก​คุณหนู​เก้า​สกุล​เจียง​ทำพิธี​ปักปิ่น​แล้ว

ความคืบหน้า​ของ​เรื่อง​นี้​ทำให้​ทั้งสอง​ตระกูล​นั้น​พอใจ​เป็นอย่างมาก​ ​โดยเฉพาะ​เรื่อง​ที่​สวี​ซื่อ​จุน​ถูก​แต่งตั้ง​เป็น​ซื่อ​จื่อ​ ​ใต้เท้า​เจียง​เป็น​ฝ่าย​เริ่ม​เอ่ยถึง​เรื่อง​ที่​สวี​ซื่อ​อวี​้​จะ​ไป​เล่าเรียน​ที่​สำนัก​ศึกษา​จิ​่น​สี

“​…​แม้ว่า​การ​เดินทาง​ใน​ฤดูร้อน​จะ​ทำให้​อ่อนเพลีย​เป็นพิเศษ​ ​แต่ว่า​เวลา​นั้น​เป็น​สิ่ง​มีค่า​ ​หาก​เดินทาง​ใน​ตอนนี้​ ​ปลายเดือน​หก​จะ​ไป​ถึง​เล่อ​อาน​ ​หาก​ทุกอย่าง​เป็นไป​ด้วยดี​ ​คุณชาย​สอง​ก็​จะ​ไป​ทันการ​สอบ​ของ​รุ่น​เด็ก​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีหน้า​ได้​”

แต่เดิม​สวี​ซื่อ​อวี​้​ปลายปี​จะ​กลับ​เยี​่​ยน​จิง​ ​แต่​หาก​จะเข้า​ร่วม​การ​สอบ​ของ​รุ่น​เด็ก​ ​ปลายปี​ก็​ต้อง​ไม่​กลับ​เยี​่​ยน​จิง​ ​นอกจาก​เวลา​ใน​การ​เดินทาง​ไป​กลับ​แล้ว​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ยัง​เหลือ​เวลา​ใน​การเรียน​อีก​ห้า​เดือน​ ​และ​อีก​อย่าง​เจียง​ซง​ก็​ไม่เคย​ได้​พบ​สวี​ซื่อ​อวี​้​มาก​่อน

สือ​อี​เหนียง​สูด​หายใจเข้า

สกุล​เจียง​รีบร้อน​เกินไป​ ​หรือว่า​ใต้เท้า​เจียง​กระตือรือร้น​เกินไป​?​ ​หรือว่า​สกุล​เจียง​นั้น​มี​ความตั้งใจ​มุ่งมั่น​ใน​เรื่อง​นี้​?

“​…​แม้​อวี​้​เกอ​จะ​ร่ำเรียน​หนังสือ​กับ​อาจารย์​ใน​ตระกูล​มา​หลาย​ปี​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เอ่ย​อย่าง​ยินดี​ปรีดา​ ​“​แต่​หาก​มี​อาจารย์​ที่​มีชื่อเสียง​คอย​ชี้แนะ​เพิ่มเติม​ ​การ​ขยายเวลา​เล่าเรียน​ศึกษา​ก็​เป็นเรื่อง​เหมาะสม​อย่างยิ่ง​”

ขยายเวลา​ออก​ไป​ตาม​คำพูด​ของ​เจียง​ไป่

หลังจาก​ทำการ​ตัดสินใจ​คร่าวๆ​ ​แล้ว​ ​ทั้งสอง​คน​ต่าง​ก็​เห​้​นพ​้​อง​ต้องกัน

เช่นนั้น​ก็ดี​ ​เมื่อ​ไป​เล่อ​อาน​แล้ว​ ​บาง​เรื่อง​ที่​วาง​ไม่​ลง​ก็​คง​ต้อง​วาง​ลง​แล้ว​!

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​คำ​ที่​หู่​พั่ว​พูด​กับ​นาง​ ​“​…​หลังจากที่​ท่าน​ไป​ ​เสี่ยว​อวี​้​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​ข้าง​กาย​ฉิน​อี๋​เหนียง​ก็​ไป​พบ​คุณชาย​น้อย​สอง​หลังจากนั้น​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​ให้​บ่าว​รับใช้​ของ​ตัวเอง​ออก​ไป​ ​พูด​อะไร​บ้าง​ก็​ไม่​อาจ​รู้​ได้​ ​แต่​พอต​กก​ลาง​คืน​ก็​พลิกตัว​ไปมา​ทั้งคืน​ไม่ยอม​หลับ​ ​วันรุ่งขึ้น​ตาของ​เขา​ช้ำ​เป็น​สีเขียว​ ​เหวิน​จู๋​ตกใจ​รีบ​วิ่ง​ไป​ที่​ท่าน้ำ​หลิว​ฟัง​เพื่อ​ตัก​น้ำแร่​มาป​ระ​คบ​ตา​ให้​คุณชาย​น้อย​สอง​”​ ​นาง​พูด​แล้ว​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​พูด​ต่อว่า​ ​“​ท่าน​ว่า​เรา​เปลี่ยนคน​ที่​ติดตาม​คุณชาย​น้อย​สอง​ไป​เล่อ​อาน​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​!​”

“​ไม่ต้อง​หรอก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​มี​ใคร​บ้าง​ที่​ข้าง​กาย​ไม่มี​คนสนิท​ ​มี​ใคร​บ้าง​ที่​ข้าง​กาย​ไม่มี​คนที​่​ทำให้​ไม่สบายใจ​ ​แม้​จัดการ​ตรงนี้​ไป​ก็​จะ​มีเรื่อง​แบบนี้​ผุด​ขึ้น​มา​ใหม่​อยู่ดี​ ​ไม่​สู้​เลือก​เหวิน​จู๋​ไป​เลย​ ​อย่างไร​เสียนา​งก​็​เป็น​คนที​่​พวกเรา​เลือก​ ​ในเมื่อ​นาง​เห็นแก่​ความดี​ของ​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​ก็​ต้อง​เห็นแก่​ความดี​ของ​ข้า​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​พวกเรา​ก็​ไม่ได้​ต้องการ​จะ​ทำร้าย​คุณชาย​น้อย​สอง​”

เมื่อ​คิดได้​เช่นนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​เช่นนั้น​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​ช่วย​อวี​้​เกอ​เก็บ​สัมภาระ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พานาง​ไปดู​เรือน​หลัก​ที่​ซ่อมแซม​แล้ว​ ​“​…​พึ่ง​ทาสี​น้ำมัน​ ​กลัว​ว่า​เจ้า​จะ​ทนไม่ไหว​ ​ทิ้ง​ไว้​ก่อน​สัก​ครึ่ง​เดือน​ก็​ย้าย​เข้า​อยู่อาศัย​ได้​แล้ว​”

ประตู​หน้า​ลาน​สีดำ​ขลับ​ ​มี​ระเบียง​ทางเดิน​ที่​มี​ราว​จับ​ ​เสา​สูง​ตั้งแต่​หลังคา​จรด​พื้น​ ​และ​หน้าต่าง​ไม้​แกะสลัก​ ​ต่าง​ก็​ทาสี​ใหม่​ทั้งหมด​ ​ประตู​ทางเข้า​มี​กำแพง​แกะสลัก​ขนาดใหญ่​ ​มุม​ประตู​ทาง​ไป​เรือน​ของ​อี๋​เหนียง​ด้าน​ตะวันออก​กลายเป็น​กำแพง​สีเทา​ขาว

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​มาก​ ​เมื่อ​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​เดินผ่าน​กำแพง​แกะสลัก​ไป​แล้ว​ ​นาง​จึง​ระงับ​ความ​สับสน​ภายในใจ​แล้ว​ก้าว​เท้า​เดินตาม​ไป

ห้อง​ปีก​สาม​ห้อง​ทาง​ด้าน​ซ้าย​และ​ด้าน​ขวา​ของ​กำแพง​แกะสลัก​ก็​เพิ่ม​เข้ามา​ใหม่​เหมือนกัน​ ​ทางเดิน​สู่​ห้องโถง​สาม​ห้อง​เมื่อก่อน​ ​ถูก​เปลี่ยนเป็น​ห้องโถง​ใหญ่​ ​แล้วยัง​มี​ห้อง​ย่อย​ซ้าย​และ​ขวา​เพิ่ม​มา​อีก​อย่าง​ละ​หนึ่ง​ห้อง​ ​ด้านหลัง​ห้องโถง​ใหญ่​เป็น​ห้อง​หลัก​ ​แล้วยัง​มี​ห้อง​ย่อย​ซ้าย​และ​ขวา​เพิ่ม​มา​อีก​อย่าง​ละ​หนึ่ง​ห้อง​ ​ส่วน​ห้องแถว​เจ็ด​ห้อง​ด้านหลัง​ได้​สร้าง​ห้อง​ปีก​เพิ่ม​มา​อีก​สาม​ห้อง​ทาง​ทิศตะวันตก​ ​ส่วน​ทาง​ด้าน​ทิศตะวันออก​ได้​สร้าง​ทางเดิน​เชื่อม​แต่ละ​ห้อง

ขนาดใหญ่​เกิน​กว่า​ที่​สือ​อี​เหนียง​จินตนาการ​ไว้​ ​ส่วน​ทางเดิน​เชื่อม​แต่ละ​ห้อง​นั้น​…

“​นี่​คือ​?​”

“​คง​ยืม​ห้องโถง​บุปผา​ของ​ท่าน​แม่​ตลอดไป​ไม่ได้​หรอก​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​ต่อไปนี้​ก็​จัดการ​เรื่อง​ใน​เรือน​ที่​ห้องโถง​ด้านหน้า​เถิด​!​”

สือ​อี​เหนียง​เดินผ่าน​ทางเดิน​เชื่อม​ระหว่าง​ห้อง​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​มอง​ตรอก​ยาว​ระหว่าง​เรือน​เล็ก​ทาง​ทิศตะวันออก​กับ​เรือน​หลัก

ห้อง​ด้านหลัง​เป็น​ที่พำนัก​ของ​สาวใช้​ ​ประตู​เดิมที​่​บรรดา​อี๋​เหนียง​เคย​ใช้​เข้าออก​ที่อยู่​ข้าง​ประตู​ใหญ่​ ​ตอนนี้​กลับ​ถูก​สร้าง​ไว้​ที่​ข้าง​ห้อง​หลัง​จวน​…

******

สือ​อี​เหนียง​รีบ​ช่วย​สวี​ซื่อ​อวี​้​เก็บ​สัมภาระ​ให้​เรียบร้อย​ ​นาง​ไม่รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​บอกอะ​ไร​กับ​เขา​ไว้​บ้าง​ ​นาง​แอบ​ให้​ถุงเงิน​สวี​ซื่อ​อวี​้​เป็นการ​ส่วนตัว​ ​ใน​นั้น​มีตั​๋ว​เงิน​ยี่สิบ​ตำลึง​ห้า​ใบ​ ​“​…​เอาไว้​ใช้​ใน​ยามฉุกเฉิน​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ชะงัก​ไป​ครู่ใหญ่​ก่อน​จะ​เรียก​สติก​ลับ​มา​ ​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​เหวิน​จู๋​ก็​รายงาน​ผ่าน​ผ้าม่าน​เข้ามา​ว่า​ ​“​ฉิน​อี๋​เหนียง​มา​เจ้าค่ะ​”

เขา​ชะงัก​ไป​อีกครั้ง

“​เจ้า​จะ​ไป​แล้ว​ ​ข้า​เลย​ให้​ฉิน​อี๋​เหนียง​มาช​่วย​เจ้า​เก็บ​ข้าวของ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ ​ส่วน​หู่​พั่ว​ก็ได้​เปิด​ผ้าม่าน​ขึ้น

เพียงแต่ว่า​ไม่ได้​เจอ​หน้า​กัน​มา​เดือน​กว่า​แล้ว​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ก็​เหมือนกับ​ดอกไม้​ที่​ไม่ได้​ถูก​แสงมานาน​เช่นเคย​ ​แม้ว่า​ใบหน้า​จะ​ขาว​เนียน​อวบ​อิ่ม​ ​แต่กลับ​ไร้​ซึ่ง​ความสด​ใส

นาง​ย่อเข่า​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​แล้ว​เอ่ย​เรียก​ ​“ฮู​หยิน​”​ ​เบา​ๆ​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​สะอึกสะอื้น

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​รีบ​พาสาว​ใช้​ข้าง​กาย​ออกจาก​เรือน​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน

นาย​หญิง​เจียง​พาบุ​ตร​สาวอ​อก​จาก​เยี​่​ยน​จิง​เมื่อ​วันที่​สี่​เดือน​หก​ ​ผู้ติดตาม​ไป​ด้วย​คือ​สวี​ซื่อ​อวี​้​และ​บ่าว​รับใช้

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท