ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 398 ไว้ทุกข์ (กลาง)

ตอนที่ 398 ไว้ทุกข์ (กลาง)

เช้า​วัน​ต่อมา​ ​สือ​อี​เหนียง​เดินทาง​ไป​ที่​วัด​ฉือ​หยวน

ไต้​ซือ​จี้​หนิง​มารอ​ต้อนรับ​ที่​หน้า​ประตู​ด้วยตัวเอง​ ​กราบไหว้​พระโพธิสัตว์​เสร็จ​แล้วก็​ไป​ดื่ม​ชา​ที่​ห้อง​ปีก​ ​อู่​เหนียง​ก็​มา​พอดี

ตั้งแต่​นาง​ตั้งครรภ์​ซิน​เกอ​ก็​อวบ​อิ่ม​ขึ้น​ไม่น้อย​ ​แล้ว​ไม่​กลับ​ไป​ผอม​เพรียว​เหมือน​เมื่อก่อน​อีกแล้ว​ ​วันนี้​นาง​สวม​เสื้อ​สีฟ้า​ ​ม้วน​ผม​เป็น​มวย​ ​ประดับ​ปิ่นปักผม​ดอกไม้สด​ใส​ ​ดูแล​้ว​สวยงาม​ราวกับ​หยก​ใส

“​กว่า​จะ​เกลี้ยกล่อม​ซิน​เกอ​ได้​”​ ​นาง​ยิ้ม​ ​“​ไม่เช่นนั้น​ตอนนี้​คง​ยัง​มา​ไม่​ถึง​”

คนที​่​มีบุ​ตร​แล้ว​ ​มักจะ​ทำ​อะไร​ตามใจ​ตัวเอง​ไม่ได้

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ถามถึง​อาการไอ​ของ​ซิน​เกอ

“​ยาแก้ไอ​ของ​เจ้า​ดีมาก​เลย​”​ ​อู่​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​พอใจ​ ​“​ตอนนี้​เขา​ไม่​ไอ​แล้ว​”

“​เช่นนั้น​ก็ดี​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูดคุย​กับ​นาง​สอง​สาม​ประโยค​ ​หลังจากนั้น​ก็​พากัน​ไป​ที่​ห้องโถง​ใหญ่

เมื่อถึง​ยาม​เที่ยง​ ​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​ก็​ให้​พวก​นาง​พักผ่อน​ที่​ห้อง​ปีก

สือ​อี​เหนียง​ถามถึง​เฉียน​หมิง​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่า​พี่เขย​ห้า​ไปหา​นายพล​ฟั่น​ที่​เซ​วี​ยนถง​หรือ​”

อู่​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ท่าทาง​ลุกลี้ลุกลน​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​ครั้งก่อน​ได้รับ​ความช่วยเหลือ​จาก​นายพล​ฟั่น​ ​ทำให้​พี่เขย​ของ​เจ้า​หาเงิน​ได้​ไม่น้อย​ ​ครั้งนี้​พี่เขย​ของ​เจ้า​สอบ​ไม่​ผ่าน​ ​เดิมที​คิด​จะ​ปิดประตู​อ่านหนังสือ​ที่​จวน​ ​แต่ว่า​เรา​พึ่ง​จะ​ซื้อ​เรือน​ได้​ไม่นาน​ ​พี่เขย​ของ​เจ้า​เอง​ก็​ไม่มี​เงิน​ ​ลูก​ก็​ยัง​เล็ก​นัก​ ​เขา​จึง​ต้อง​ไปหา​เงิน​มาจาก​ทุกที่​ถึง​ได้​ตัดสินใจ​เดินทาง​ไป​ยัง​เซ​วี​ยนถง​ ​หาก​ทำ​กิจการ​ครั้งนี้​สำเร็จ​ ​คง​ยัง​พอ​มีเงิน​เหลืออยู่​ใน​มือ​บ้าง​ ​เขา​จะ​ได้​อ่านหนังสือ​อย่างสบายใจ​สักที​”​ ​ทันทีที่​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​รีบ​แก้ตัว​ ​“​เรา​ไม่ได้​ใช้​ชื่อเสียง​ของ​ท่าน​โหว​ทำ​กิจการ​ ​พี่เขย​ของ​เจ้า​รู้จัก​กับ​นายพล​ฟั่น​ ​แล้วยัง​เคย​ดื่ม​สุรา​ด้วยกัน​”

สือ​อี​เหนียง​พูด​อะไร​ไม่​ออก​อยู่นาน

เพราะว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ใช่​หรือ​ ​นายพล​ฟั่น​ถึง​ได้​รู้จัก​เฉียน​หมิง​ ​ถึง​ได้​ดื่ม​สุรา​กับ​เฉียน​หมิง

เรื่อง​นี้​คง​ต้อง​เล่า​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ ​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เกลี้ยกล่อม​เฉียน​หมิง​ให้​ได้​!

สือ​อี​เหนียง​ไม่​พูด​อะไร​กับ​อู่​เหนียง​อีก​ ​กลับมา​ที่​เรือน​ตอนเย็น​ก็​เล่าเรื่อง​นี้​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง

“​ไม่เป็นอะไร​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​ ​“​นายพล​ฟั่น​เดิมที​เป็น​องครักษ์​ประจำตัว​ของ​ฮ่องเต้​ ​เป็น​คน​สุขุม​และ​หนักแน่น​ ​เขา​ทำ​อะไร​มีเหตุผล​เสมอ​ ​ในเมื่อ​เขา​คิด​ว่า​กิจการ​นี้​สามารถ​ทำได้​ ​ก็​แสดงว่า​ทำได้​จริงๆ​”

เรื่อง​จำพวก​นี้​สือ​อี​เหนียง​คิด​ว่า​สตรีที​่​เอาแต่​อยู่​ใน​จวน​อย่าง​นาง​คงจะ​ไม่รู้​เรื่อง​ ​แต่​ในเมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้​แล้ว​ ​นาง​ก็​เชื่อ​ว่า​เขา​นั้น​สามารถ​ควบคุมสถานการณ์​ให้​อยู่​ใน​ขอบเขต​ที่​ควรจะเป็น​ได้​ ​วันนี้​นาง​ฟัง​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​ท่อง​พระ​คัมภีร์​มาทั​้ง​วัน​จน​เหนื่อย​ ​จึง​เล่า​เหตุการณ์​อื่นๆ​ ​ใน​วัด​ฉือ​หยวน​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​อย่าง​กระชับ​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​เดิน​ไป​ยัง​ห้อง​ชำระ

สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​แผ่น​หลัง​ภรรยา​ของ​ตัวเอง​หาย​เข้าไป​ใน​ห้อง​ชำระ​ ​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​ค่อยๆ​ ​จางหาย​ไป

เขา​รู้​ว่า​เฉียน​หมิง​เป็น​คน​หุนหันพลันแล่น​ ​แต่​ตอนนี้​ดูเหมือนว่า​จะ​ยัง​เป็น​คน​เหลาะแหละ​อีกด้วย

เรื่อง​บาง​เรื่อง​สือ​อี​เหนียง​ไม่รู้​ชัดเจน​แต่​เขา​นั้น​รู้ดี​ ​ครั้งนั้น​ถึงแม้ว่า​เฉียน​หมิง​จะ​ได้เงิน​ไม่​ถึง​หนึ่ง​แสน​ตำลึง​เงิน​ ​แต่​อย่างน้อย​ก็ได้​เจ็ด​แปด​หมื่น​ตำลึง​เงิน​ ​แต่​ใน​เวลา​สั้น​ๆ​ ​แค่​ปี​เดียว​ ​เขา​กลับ​…

สวี​ลิ่ง​อี๋​ครุ่นคิด​ ​วัน​ต่อมา​เขา​ก็​จับ​พู่กัน​เขียนจดหมาย​ถึง​ฟั่น​เหวย​กัง​หนึ่ง​ฉบับ​ ​บอก​ฟั่น​เหวย​กัง​อ้อม​ๆ​ ​ว่า​ ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ก็​ควรระวัง​ไม่​สามารถ​ทำ​แบบ​เดิม​ได้​ ​หาก​เฉียน​หมิง​ขาดแคลน​เงิน​ ​ตัวเอง​สามารถ​ช่วย​เขา​ได้​ ​แต่​จะ​ให้​เขา​มัว​แต่​คิด​คาดหวัง​กับ​การค้าขาย​ที่​ไม่ต้อง​มีเงิน​ลงทุน​ไม่ได้​ ​มัน​จะ​ทำให้​สิ้นเปลือง​เวลา

ฟั่น​เหวย​กัง​ตอบกลับ​จดหมาย​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่างรวดเร็ว​ ​บอกว่า​จะ​ทำตาม​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​แนะนำ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยังคง​ไม่​วางใจ​ ​เขา​นับวัน​แล้ว​ส่ง​คน​ไป​เชิญ​เฉียน​หมิง​ที่​ตรอก​ซื่อ​เซี่ยง​ ​มาทา​นข​้า​วที​่​จวน

เฉียน​หมิง​พึ่ง​กลับมา​จาก​เซ​วี​ยนถง​ ​ท่าทาง​เหี่ยวเฉา​ราวกับ​มะเขือ​ม่วง​ก็​ไม่​ปาน​ ​แต่กลับ​ฝืนยิ้ม​ต่อหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่​พูด​อะไร​ที่​ทำให้​เขา​นั้น​ขายหน้า​ ​เพียง​บอก​แค่​ว่า​จะ​ช่วย​เฉียน​หมิง​ลงทุน​ปี​ละ​ห้า​ร้อย​ตำลึง​เงิน​ทุกปี​ ​ให้​เขา​ตั้งใจ​อ่านหนังสือ​อยู่​ที่​จวน​ ​ตั้งใจ​สอบ​ครั้ง​ต่อไป​ให้​ผ่าน​ก็​พอ

เฉียน​หมิง​คิดไม่ถึง​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ใจกว้าง​ขนาด​นี้​ ​พูด​ขอบคุณ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ซ้ำๆ​ ​จากนั้น​ก็​ดื่ม​สุรา​ด้วยกัน​อย่าง​มีความสุข​ ​ผ่าน​ไป​สักพัก​เขา​ก็​ถอนหายใจ​ ​เปิดปาก​พูด​ความในใจ​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เริ่ม​นับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​สหาย​ที่​รู้ใจ​ของ​ตัวเอง

สวี​ลิ่ง​อี๋​พลัน​เข้าใจ​อะไร​บางอย่าง

เฉียน​หมิง​ชอบ​คบค้าสมาคม​ ​ค่าใช้จ่าย​จึง​มากมาย​ ​หลังจาก​แต่งงาน​กับ​อู่​เหนียง​ ​คนที​่​ไปมาหาสู่​กับ​เขา​ก็​มี​แต่​คน​ร่ำรวย​ต่าง​จาก​เมื่อก่อน​ ​แล้ว​เขา​ยัง​เป็น​คนรัก​ใน​ศักดิ์ศรี​ ​ไม่ยอม​เสียหน้า​ ​ค่าใช้จ่าย​จึง​เพิ่มพูน​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ​รายจ่าย​ของ​เขา​จึง​มีมาก​กว่า​รายได้​ ​เงิน​ที่นาย​หญิง​ใหญ่​ให้​เขา​ ​ก็​ถูก​ใช้​หมด​ไป​กับ​การรักษา​หน้าตา​ศักดิ์ศรี​ของ​ตัวเอง​ ​บางครั้ง​เงิน​ใน​มือ​ไม่พอ​ก็​ต้อง​ใช้​ของ​อู่​เหนียง​ ​ตอนแรก​อู่​เหนียง​ยัง​สนับสนุน​ ​ต่อมา​ทำ​กิจการ​กี่​ครั้ง​ก็​ไม่สำเร็จ​ ​แล้วยัง​เสียเงิน​ไป​ไม่น้อย​ ​มี​แต่​รายจ่าย​ไม่มี​รายได้​ ​สีหน้า​ของ​อู่​เหนียง​จึง​แย่​ลง​เรื่อยๆ​ ​หาก​เขา​ไม่​พูด​อธิบาย​เหตุผล​ของ​การหยิบยืม​เงิน​ ​ก็​อย่า​หวัง​ว่า​จะ​ได้เงิน​จาก​อู่​เหนียง​แม้แต่​สลึง​เดียว​ ​บุตร​ที่​คลอด​ก่อนกำหนด​นั้น​ก็​ต้อง​ใช้​เงิน​มาก​เหมือนกัน​ ​เขา​ไม่มีทาง​เลือก​ถึง​ได้​กัดฟัน​เดินทาง​ไป​ที่​เซ​วี​ยนถง

ใคร​จะ​รู้​ว่า​ฟั่น​เหวย​กัง​ไว้หน้า​เขา​เป็นอย่างมาก​ ​ไม่เพียงแต่​เลี้ยง​สุรา​เลี้ยงข้าว​ ​พา​เขา​ไปเที่ยว​ ​แล้วยัง​มอบ​หนังสือ​อนุญาต​จำหน่าย​เกลือ​ให้​เขา​ ​ทำให้​เขา​ได้เงิน​ก้อน​โต​เช่นนี้

เขา​รู้​ว่า​เพราะ​ชื่อเสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​จึง​ย้ำ​เตือน​ตัวเอง​ใน​ใจ​ ​ว่า​ตั้งแต่​นี้​เป็นต้นไป​เขา​จะ​ไม่​ทำ​กิจการ​เช่นนั้น​อีก

ใคร​จะ​รู้​ว่า​พอได้​ตั๋วเงิน​มา​ ​อู่​เหนียง​ก็​เอะอะโวยวาย​จะ​ซื้อ​เรือน​ขึ้น​มา​ ​ไม่เพียงแต่​พูดว่า​พี่น้อง​ของ​ตัวเอง​เป็น​เช่นไร​ ​แล้วยัง​จะ​คิดบัญชี​กับ​เขา​ ​บอกว่า​เขา​ใช้​เงิน​นาง​ไป​ตั้ง​เท่าไร

เฉียน​หมิง​ทน​นาง​รบเร้า​ไม่ไหว​ ​ตัวเอง​ก็​คิด​ว่าการ​เช่า​เรือน​อยู่​เช่นนี้​ไม่ใช่​การแก้ปัญหา​ระยะยาว​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ตอนนี้​มีเงิน​แล้ว​ ​ซื้อ​อสังหาริมทรัพย์​บางอย่าง​ไม่​นับว่า​เป็นเรื่อง​ใหญ่​อะไร​ ​เขา​เลย​ใช้​เงินก้อน​ใหญ่​ซื้อ​เรือน​ที่​ตรอก​ซื่อ​เซี่ยง​ ​ ​อู่​เหนียง​ตกแต่ง​เรือน​ตาม​ความชอบ​ของ​ตัวเอง​ ​เฉียน​หมิง​เอง​ก็​ใช้​เงิน​มือเติบ​กับ​เหล่า​สหาย​ ​เงิน​จึง​หาย​ไปรา​วกั​บนา​ฬิ​กา​ทราย​ ​อีกทั้ง​ยัง​สอบ​ไม่​ผ่าน​ ​ประจวบ​กับ​คน​สกุล​เหวิ​นก​็​มาหา​ถึง​บ้าน​…

สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​แล้วก็​นึกถึง​หยวน​เหนียง​ที่​ทำ​กิจการ​กับ​สกุล​เหวิน​ ​แล้วก็​นึกถึง​สือ​อี​เหนียง​ที่​นำ​สินเดิม​ของ​หยวน​เหนียง​ไป​ให้​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​เป็น​คนดู​แล​…​เขา​ยก​สุรา​ขึ้น​ดื่ม​อีก​สอง​สาม​จอก​ ​จากนั้น​ก็​กลับ​ไป​กวน​สือ​อี​เหนียง​ทั้งคืน​อย่าง​สำราญใจ

สือ​อี​เหนียง​ทั้ง​โมโห​ทั้ง​เขินอาย​ ​เช้า​วัน​ต่อมา​ ​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทำ​หน้า​กลั้น​ยิ้ม​ ​นาง​ก็​อยาก​จะ​เอาหน้า​มุด​ดิน​ ​รีบ​ไป​จัดเตรียม​ของขวัญ​ส่ง​ไป​ที่​หนาน​จิง​ ​ไล่​บรรดา​ท่าน​ป้า​ที่​ยืน​รอ​รายงาน​อยู่​ที่​ห้องโถง​ให้​แยกย้าย​กัน​ไป​ทำงาน​ ​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ที่​จวน​ของ​กาน​ไท่ฮู​หยิน

กาน​ไท่ฮู​หยิน​คิด​ว่านา​งมา​ถามข่าว​คราว​อะไร​ ​จึง​ลาก​สือ​อี​เหนียง​เข้าไป​คุย​ข้างใน​

“​…​เรื่อง​ที่จะ​ทำ​กิจการ​กับ​สกุล​กง​ ​ข้า​บอก​พี่ใหญ่​ของ​ข้า​ ​ให้​พี่ใหญ่​ไป​พูด​กับ​ท่านปั​๋ว​แล้ว​”​ ​นาง​ขมวดคิ้ว​ ​“​แต่​ข้า​เห็นท่า​ที​ของ​ท่านปั​๋ว​ ​เขา​ดูเหมือน​ไม่ได้​สนใจ​ฟัง​มาก​นัก​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ทำให้​ความหวังดี​ของ​เจ้า​สูญเปล่า​เสีย​แล้ว​”

แน่นอน​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่มีทาง​เล่าเรื่อง​ส่วนตัว​ของ​คู่​ตัวเอง​ให้​คนอื่น​ฟัง​ ​แค่​คิด​ก็​ไม่​ถูกต้อง​แล้ว​ ​นาง​จึง​ช่วย​กาน​ไท่ฮู​หยิน​ออก​ความคิดเห็น​ ​“​หรือว่า​ ​ลอง​เล่า​ให้​กานฮู​หยิน​ฟัง​ ​ให้​นาง​ช่วย​เกลี้ยกล่อม​ดี​หรือไม่​เจ้า​คะ​ ​คงจะ​ดีกว่า​คำพูด​ของ​คนอื่น​”

“​ไม่มี​ประโยชน์​”​ ​กาน​ไท่ฮู​หยิน​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น​ ​“​ท่านปั​๋​วกำ​ลัง​หลงใหล​อนุภรรยา​ที่พึ่ง​จะ​แต่ง​เข้ามา​เมื่อ​สอง​วันก่อน​ ​ไม่มีใคร​กล้า​ไปร​บก​วน​เขา​ ​กานฮู​หยิน​เอง​ก็​อาจจะ​ไม่ได้​เจอ​เขา​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ​ ​“​แต่​ช่วงนี้​เป็นช่วง​ไว้ทุกข์​ของ​แคว้น​…​”

“​ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น​”​ ​กาน​ไท่ฮู​หยิน​เอือมระอา​ ​“​เขา​เอง​ก็​เลียนแบบ​คนอื่น​มา​”

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ความ​เจ้าชู้​ของ​ท่านปั​๋ว​คน​ก่อน​ ​แล้วก็​นึกถึง​สกุล​ขุนนาง​สกุล​อื่น​ที่​ดื่ม​สุรา​สังสรรค์​ ​ทำตัว​สนุกสนาน​กัน​ใน​ช่วง​ไว้ทุกข์​ของ​แว่นแคว้น​ ​นาง​จึง​ไม่​พูด​อะไร​อีก​

กาน​ไท่ฮู​หยิน​ไม่​อยาก​ให้​เรื่อง​นี้​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​ไม่สบายใจ​ ​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เจ้า​ไม่ต้อง​เป็นห่วง​ ​ข้า​เล่าเรื่อง​นี้​ให้​พ่อบ้าน​ใหญ่​ที่​จวน​แล้ว​ ​เขา​เป็น​คน​ของ​ท่านปั​๋ว​คน​ก่อน​ ​เห็นท่านปั​๋ว​มาตั​้ง​แต่​เด็ก​ ​อีกทั้ง​ยัง​ดูแล​กิจการ​ให้​สกุล​กาน​มาตั​้ง​หลาย​ปี​ ​ท่านปั​๋ว​ยัง​เคย​ได้รับ​ความช่วยเหลือ​จาก​เขา​ ​คำพูด​ของ​เขา​ ​ไม่ว่า​เช่นไร​ท่านปั​๋​วก​็​ต้อง​ยอม​ฟัง​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​ข้า​ก็​ยัง​ต้อง​ได้​ทานข้าว​สาม​มื้อ​ ​นอน​เตียง​ที่​กว้าง​ไม้น้อย​กว่า​สาม​ฉื่อ​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ยอม​เสีย​ผลประโยชน์​ของ​ตัวเอง​”

จะ​บังคับ​จง​ฉินปั​๋ว​ได้​เช่นไร​ ​บางที​เขา​อาจจะ​คิด​ว่า​กำลัง​ขัดขวาง​เส้นทาง​ร่ำรวย​ของ​เขา

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ไม่​พูด​เรื่อง​นี้​อีก​ ​หลังจาก​ทานข้าว​เที่ยง​เสร็จ​แล้วก็​นอน​กลางวัน​ที่​เรือน​ของ​กาน​ไท่ฮู​หยิน​ ​ถามไถ่​ถึง​หลาน​ถิง​ ​แล้วก็​ไป​นั่งเล่น​ที่​เรือน​ของ​เฉา​เอ๋อร​์​ ​จากนั้น​ถึง​ได้​กลับ​ไป​เหอฮ​วาห​ลี่​ยาม​พลบค่ำ​

ใคร​จะ​รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​อยู่​ที่​เรือน

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​อยู่​ครู่หนึ่ง

หู่​พั่ว​ช่วย​นาง​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​พลาง​ลอบ​สังเกต​สีหน้า​ของ​นาง​อย่างระมัดระวัง​ ​“​ตอนที่​ท่าน​สั่งงาน​กับ​บรรดา​ท่าน​ป้า​ผู้ดูแล​ที่​ห้องโถง​ ​ท่าน​โหวก​็​ออก​ไป​แล้ว​เจ้าค่ะ​ ​ถึง​ตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่​กลับมา​!​”

หมายความว่า​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​อยู่​ที่​จวน​ทั้งวัน

สือ​อี​เหนียง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​เจ้า​รู้​หรือไม่​ว่า​เขา​ไป​ทำ​อะไร​”

หู่​พั่ว​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ ​กลับมา​ฟัง​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เป่าขลุ่ย​ ​ท่องหนังสือ​ ​กล่อม​เขา​นอน​แล้วก็​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​ ​ถึงกระนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ยัง​ไม่​กลับมา​

นาง​ตบ​หมอน​ใบ​ใหญ่​ด้วย​ความโมโห​ ​จากนั้น​ก็​เป่า​ตะเกียง​แล้ว​หลับ​ไป

กลางดึก​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถึง​ได้​กลับมา​เสียที

“​วันนี้​หวัง​จิ​่ว​เป่า​เชิญ​พวก​ข้า​ไป​ทานข้าว​ที่​หอ​ชุน​ซี​”​ ​เขา​อธิบาย​เสียง​เบา

ทาน​ตั้งแต่​เช้า​จนถึง​ตอนนี้​?

สือ​อี​เหนียง​ตอบ​เพียง​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ขยับตัว​เหลือ​พื้นที่​เตียง​ครึ่งหนึ่ง​ให้​เขา​

“​ท่าน​โหว​รีบ​พักผ่อน​เถิด​!​”​ ​นาง​พูด​อย่าง​สะลึมสะลือ​ด้วย​ท่าที​ที่​ง่วงงุน​ ​พลิกตัว​เบา​ๆ​ ​หันหลัง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​หลับ​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​ร่าง​ที่​ขดตัว​อยู่​ใต้​ผ้าห่ม​ ​นึกถึง​ท่าทาง​หงุดหงิด​ของ​นางใน​ตอนเช้า​ ​เขา​ก็​อมยิ้ม​แล้ว​เป่า​ตะเกียง​ ​จากนั้น​ก็​รวบตัว​นาง​มาก​อด​ไว้​ใน​อ้อมแขน​…

“​ท่าน​โหว​!​”​ ​เสียง​ที่​ราวกับ​โมโห​ของ​สือ​อี​เหนียง​ดัง​ขึ้น​มา​ใน​ความมืด​มิด

สวี​ลิ่ง​อี๋​กระซิบ​ที่​ข้าง​หู​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​พรุ่งนี้​วันเกิด​ข้า​!​”

นาง​ชะงัก​ไป​ ​จากนั้น​ตัว​ก็​อ่อน​ลง​ราวกับ​กิ่ง​ต้น​หลิว​ที่​กำลัง​พลิ้วไหว​โอนอ่อน​ไป​ตาม​สายลม

ไม่นาน​ ​ก็​มีเสียง​ร้อง​ที่​แผ่วเบา​ดัง​ขึ้น​ใน​ห้อง​ที่​เงียบสงัด​!

*****

หลังจาก​ผ่าน​วันเกิด​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ก็​ถึง​ปลายเดือน​เก้า​ราวกับ​ชั่วพริบตา​เดียว​ ​คน​ของ​ห้อง​เย็บปักถักร้อย​ใน​จวน​เริ่ม​เย็บ​เสื้อผ้า​สำหรับ​ปีใหม่​ให้​บรรดา​บ่าว​รับใช้​ใน​จวน​แล้ว​ ​วันนี้​คน​นี้​ไป​วัด​ตัว​ ​พรุ่งนี้​คน​นั้น​ไปดู​เนื้อผ้า​ ​ใบหน้า​ของ​ทุกคน​แต่ง​แต้ม​ไป​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​บรรยากาศ​ใน​จวน​ดี​ไม่น้อย​ ​หลังจาก​ได้รับ​ปฏิทิน​ที่​แจกจ่าย​มา​ใน​เดือน​สิบ​ ​คน​ของ​ห้อง​เย็บปักถักร้อย​ก็​ใกล้​จะ​ทำ​เสื้อผ้า​เสร็จ​หมด​แล้ว​ ​แต่ละ​ครอบครัว​เริ่ม​ทยอย​มารับ​เสื้อผ้า​ฤดูหนาว​ ​ปินจ​วี​๋​พาบุ​ตร​ชาย​มาคา​รวะ​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง

“​…​ขอบพระคุณ​ที่​ท่าน​จำได้​เจ้าค่ะ​ ​พิธี​สรง​สาม​ ​พิธี​ครบ​เดือน​ก็​ล้วนแต่​ส่ง​ของขวัญ​มา​ให้​”​ ​ปินจ​วี​๋​ที่พึ่ง​จะ​คลอดลูก​รูปร่าง​อวบอ้วน​ ​ยืน​อยู่​หน้า​ไท่ฮู​หยิน​ด้วย​ท่าทาง​นอบน้อม​ ​จากนั้น​ป้า​ตู้​ก็​อุ้ม​บุตร​ของ​ปินจ​วี​๋​ไป​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ดู

เด็กน้อย​หน้าตา​อวบ​อิ่ม​ ​ทั้ง​อ้วน​ทั้ง​ขาว​ ​ท่าทาง​เลี้ยง​ง่าย​ ​อุ้ม​อย่างไร​ก็​ไม่​ตื่น

ไท่ฮู​หยิน​หัวเราะ​ ​“​เจ้า​ช่าง​มี​วาสนา​เสีย​จริง​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ถือโอกาส​นี้​ขอให้​ไท่ฮู​หยิน​ช่วย​ตั้งชื่อ​ให้​กับ​บุตร​ของ​ปินจ​วี​๋

ไท่ฮู​หยิน​ถือเป็น​สตรีที​่​มี​วาสนา​ดี​ ​มี​คน​เช่นนี้​ตั้งชื่อ​ให้​ ​บุตร​ของ​ปินจ​วี​๋​ก็​จะ​ได้​มี​วาสนา​เช่นกัน

ไท่ฮู​หยิน​ครุ่นคิด​อยู่​สักพัก​ ​หลังจากนั้น​ก็​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​เป็น​เด็ก​ที่​เลี้ยง​ง่าย​ ​แล้วยัง​เป็น​บุตรชายคนโต​ ​ถ้าอย่างนั้น​ก็​เรียก​เขา​ว่า​ฉั​งอาน​เถิด​”

“​เป็น​ชื่อ​ที่​ดีเจ​้า​ค่ะ​!​”​ ​ป้า​ตู้​ยิ้ม​แล้ว​ส่ง​เด็กน้อย​คืนให้​ปินจ​วี​๋

ทุกคน​ยิ้ม​แล้ว​เรียก​เด็กน้อย​ว่า​ฉั​งอาน

ปินจ​วี​๋​รีบ​คุกเข่า​ก้มหัว​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ ​พูดคุย​อีก​สอง​สาม​คำ​ ​จากนั้น​ก็​ขอตัว​ลา​ไท่ฮู​หยิน​ออก​ไป​กับ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ให้​ปินจ​วี​๋​อยู่​ทานข้าว​เย็น​ด้วยกัน

“​เจ้า​มีแผน​เช่นไร​ต่อไป​”

ปินจ​วี​๋​พูด​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ ​“​เกรง​ว่า​คงจะ​ไป​ที่​ร้าน​มงคลสมรส​ไม่ได้​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

เมื่อมี​ลูก​แล้ว​ ​แน่นอน​ว่า​ลูก​ต้อง​สำคัญ​ที่สุด

สือ​อี​เหนียง​ถาม​นาง​เบา​ๆ​ ​“​เงิน​ของ​ว่าน​ต้า​เสี่ยน​ยัง​พอใช้​หรือไม่​!​”

“​พอใช้​เจ้าค่ะ​”​ ​ปินจ​วี​๋​ยิ้ม​ ​“​ตอนนี้​แม้แต่​รถลาก​เขา​ก็​ไม่​นั่ง​ ​บอกว่า​ใช้​เงิน​ตั้ง​ยี่สิบ​ทองแดง​”

สามีภรรยา​เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน​ ​ถึงแม้​ชีวิต​จะ​ลำบาก​แต่​ก็​เต็มไปด้วย​ความสุข

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ลูบ​หัว​ฉั​งอาน​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​บอก​ให้​คน​นำ​รถม้า​ไป​ส่ง​ปินจ​วี​๋​และ​เด็กน้อย​กลับ​ไป

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท