เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 455 ความวุ่นวายเกิดจากห้องใต้ดิน (2)

ตอนที่ 455 ความวุ่นวายเกิดจากห้องใต้ดิน (2)

แม้ว่านางจะไม่ยอมรับเขา แต่ เขายังคงปกป้องนางด้วยชีวิต

นางเลือกติดตามหนิงเซ่าชิง จะไม่ใช่เส้นทางยากลำบากเส้นหนึ่งเสียที่ไหน

ไม่สามารถจัดการอุปสรรคกีดขวางอยู่ข้างกายนางได้ แต่ก็สามารถปกป้องนางลับๆ ได้อย่างรอบคอบ ก็ยังพอถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้บรรลุความปรารถนาที่ดีอย่างหนึ่งเช่นกัน

ซูชีโบกพัด เดินออกจากจวนว่าการแม่ทัพเก้าประตู และเดินไปตามทิศทางของจวนกั๋วกงอย่างสง่างาม

เขาไม่สนว่าเพราะเหตุใดฮ่องเต้ถึงได้มีราชโองการจัดสรรงบประมาณให้ขุนนางสร้างจวนกั๋วกงขึ้นใหม่ เขาไม่อนุญาตให้มีใครไปสร้างความวุ่นวายอีกเด็ดขาด

ท่านหญิงซูซูที่เดินตามหลังเขามาเงียบๆ ตลอด พลันเอ่ยขึ้นว่า “ความจริงแล้วท่านจะลำบากไปเพื่ออันใดกัน”

ซูชีหยุดนิ่ง ร่างกายแข็งทื่อ

ท่านหญิงซูซูที่ไม่ได้ป้องกัน ชนเข้ากับแผ่นหลังซูชี เพราะคิดไม่ถึงว่าซูชีจะหยุดเดิน จึงเจ็บจมูกขึ้นมาทันที

และคิดไม่ถึงว่า สิ่งที่ลอยเข้าโสตคือการย้อนถามกลับจากซูชี “เช่นนั้นเจ้าจะลำบากไปเพื่ออันใดกัน” นี่ทำให้นางยิ่งเจ็บปวด

ใช่แล้ว เชียนเสวี่ยไม่ต้องการเขา เขาก็ทำนู่นทำนี่เพื่อเชียนเสวี่ย ซูชีไม่ต้องการนาง นางกลับทำนู่นทำนี่เพื่อซูชี

ปกปิดความเสียใจเอาไว้ พลางเอ่ยอย่างมีเหตุผลรองรับว่า “ท่านและข้าล้วนยังไม่ได้แต่งงาน”

ซูชีแค่นเสียงหนัก เขาไม่เคยกล่าววาจาดีๆ และทำสีหน้าเป็นมิตรกับท่านหญิงซูซู

“ข้าขอเตือนว่าอย่าเสียเวลากับข้าอีกเลย กูเสี่ยวซู อย่าโทษว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า เจ้าอายุใกล้จะสิบแปดปีแล้ว หากยื้อต่อไป ก็มีเพียงแต่จะทำร้ายตัวเจ้าเอง”

ท่านหญิงซูซูฝึกฝนจนแข็งแกร่งแน่วแน่แล้ว นางเบ้ปาก “ข้าทำร้ายตนเอง ไม่ได้ทำร้ายท่าน ท่านจะทำอะไรข้าได้หรือ!”

ซูชีถูกทำให้สำลัก

แต่ไหนแต่ไรมีเพียงเขาที่ทำให้ผู้อื่นโมโห แต่ นับตั้งแต่ท่านหญิงซูซูเปลี่ยนชื่อเป็นกูเสี่ยวซูแล้วมาที่จวนว่าการแม่ทัพเก้าประตู เขาก็มักจะอึดอัดคับข้องใจ

ท่านหญิงซูซูสามารถติดตามเขาได้เช่นนี้ ไม่เพียงเพราะตำหนักจิ่งชินอ๋องเห็นด้วย กระทั่งตระกูลซูก็ยอมรับไปโดยปริยาย

สตรีนางหนึ่ง ตบตีแล้วไม่ยอมไป ด่าว่าแล้วก็ไม่ยอมไป ขับไล่แล้วก็ไม่ยอมไป เขา…ก็หมดหนทางแล้ว

……

วันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากที่เฟิงอวี้เฉินส่งกลับตระกูลเฟิงนั้นได้ผลสรุปแล้วว่าเหมาะสมกัน ทางนั้นส่งสาส์นมาแจ้งว่าเป็นสิริมงคล ให้เขารีบไปที่ตระกูลหลัน ตกลงหมั้นหมายเรื่องการแต่งงานนี้ไปก่อน

ในเมื่อการแต่งงานต้องพบหน้าค่าตา ตระกูลหลันก็ไม่ใช่คนขี้เหนียว ปล่อยเฟิงอวี้เฉินพักอยู่ในสวนแล้วให้หลันรั่วเมิ่งนำชาไปให้

รับถ้วยชามาแล้วก็ไร้วาจากันไปชั่วขณะ

หลันรั่วเมิ่งถามเรื่องจวนกั๋วกงขึ้นมาด้วยท่าทางเกรงใจ ถามถึงมั่วเชียนเสวี่ย เฟิงอวี้เฉินจึงเริ่มเอ่ยปาก

“เชียนเสวี่ยเติบโตที่ตระกูลเฟิงตั้งแต่ยังเยาว์วัย ข้าเห็นนางเป็นน้องสาวแท้ๆ บิดามารดานางลาลับไปแล้วทั้งคู่ ตอนนี้ยังเผชิญกับภัยพิบัติ ไว้วันหลังข้าจะพาเจ้าไปเยี่ยมนางดีไหม พวกเจ้าล้วนเป็นสตรี ปลอบโยนนางได้สะดวก”

เขาเป็นห่วงนางมาก อยากไปเยี่ยมที่บ้านไร่ แต่กลับไม่อยากสร้างความวุ่นวายให้นาง

ในเมื่อไม่สามารถทำสิ่งที่ปรารถนาได้ เขาก็ไม่อยากให้มั่วเชียนเสวี่ยได้รับบาดเจ็บใดๆ แม้แต่น้อย

ไม่เช่นนั้น เขาคงไปเยี่ยมที่บ้านไร่คนเดียวนานแล้ว

หลันรั่วเมิ่งรู้แต่แรกแล้วว่าเฟิงอวี้เฉินมีความรู้สึกไม่ธรรมดาต่อญาติผู้น้องคนนี้แต่แรกแล้ว ตัวนางก็ชอบมั่วเชียนเสวี่ยมาก จึงตบปากรับคำไป

ทั้งสองคนล้วนไม่ใช่คนที่ริเริ่มก่อน จึงเริ่มจากการสนทนาด้วยหัวข้อนี้ของมั่วเชียนเสวี่ย

แต่ทว่า ยิ่งคุยมากขึ้น นัยน์ตาของเฟิงอวี้เฉินก็ยิ่งมีบางสิ่งเผยออกมามากขึ้น หัวใจของหลันรั่วเมิ่งก็จมดิ่งลงทีละเล็กทีละน้อย

……

ตอนที่กลับไปถึงบ้านไร่ในช่วงเย็น หนิงเซ่าชิงไม่ได้เข้าไปด้วย

ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ภายในจวนกั๋วกงขนาดนี้ บุคคลแต่ละฝ่ายที่มีตำแหน่งล้วนติดตามความเคลื่อนไหวของมั่วเชียนเสวี่ยอย่างใกล้ชิด

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการคุกคามใดๆ แต่กลับจำเป็นต้องคำนึงถึงมั่วเชียนเสวี่ย

อีกอย่างทหารจากกองกำลังทหารม้าร้อยคนก็จับจ้องอยู่ด้วย

ตอนที่อยู่ห่างจากบ้านไร่สามสี่ลี้ หนิงเซ่าชิงก็พาเตาหนูจากไป ในไม่ช้าเหล่าองครักษ์ที่ติดตามนางไปเมืองหลวงก็ตามมาทัน

เดินทางต่อได้อีกไม่ไกล ผู้บัญชาการเหวยของกองทหารม้าก็เข้ามาต้อนรับ มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้เพิ่มความสนใจ แต่ลงจากรถม้า เดินเข้าไปในบ้านไร่ด้วยสีหน้าเหมือนดังปกติ

ผู้บัญชาการเหวยก็จนปัญญาเช่นกัน ฮ่องเต้ตรัสว่าให้เขานำทหารมาคุ้มครองบ้านไร่ ถ้าหากมั่วเชียนเสวี่ยเข้าเมือง เขาก็ต้องตามไปคุ้มกันด้วย แต่ว่า…แต่ว่า…

วันนี้โชคไม่ดีเป็นอย่างมาก ตอนที่จะออกจากที่พัก เขากับทหารหลายนายกลับท้องเสีย ดังนั้น…

เช้าวันรุ่งขึ้น ในตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยยังจมอยู่ในความฝัน คนในบ้านไร่ก็เริ่มรีบร้อนทำงานกันแล้ว

หลายวันมานี้เหนื่อยล้าเกินไป มั่วเชียนเสวี่ยที่ว่างอย่างหาได้ยากจึงนอนหลับจนตื่นขึ้นมาเอง

เดิมเมื่อวานตั้งใจจะหลับบนรถม้าตอนขากลับ คิดไม่ถึงว่าจะถูกหนิงเซ่าชิง คนชั่วร้ายนั่นทำพัง

สองคนกลิ้งไปกลิ้งมาบนรถม้า แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ทำกันจริงๆ แต่การลูบคลำ แตะจับพวกนั้นก็ครบทุกขั้นตอนแล้วเช่นกัน

คิดถึงตรงนี้ มั่วเชียนเสวี่ยที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกหวานล้ำปานน้ำผึ้ง ไหนเลยจะมีอารมณ์หงุดหงิดอีก

เพียงแค่คิดถึงหนิงเซ่าชิง หัวใจของนางก็อบอุ่น หวานละมุนไปทั้งดวง

มั่วเชียนเสวี่ยบิดขี้เกียจด้วยความพอใจแล้วลุกขึ้นมานั่ง

มองไปยังแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาจากนอกหน้าต่าง นางพลันรู้สึกว่าชีวิตช่างงดงามจริงๆ

ชูอีที่รอปรนนิบัติอยู่ข้างนอกได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวภายในห้อง ก็รีบเคาะประตู หลังจากได้รับสัญญาณอนุญาตจากมั่วเชียนเสวี่ย ก็เดินเข้ามา

รอมั่วเชียนเสวี่ยหวีผมล้างหน้าอาบน้ำ และกินอาหารเช้าเสร็จ ก็ใกล้จะเป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว

ยากที่จะอารมณ์ดีเช่นนี้ มั่วเชียนเสวี่ยเตรียมตัวไปเดินรอบบ้านไร่สักหน่อย

นางต้องไปเดินดูรอบๆ อย่างจริงจังจริงๆ สภาพทั่วไปของบ้านไร่ นางรู้แล้ว แต่มีเรื่องมากมายล้วนต้องตัดสินใจภายใต้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

ยกตัวอย่างเช่น ตอนนี้ นางไปที่ลานด้านหลังบ้านไร่

เพราะนางอยากจะเปิดโรงงานเครื่องปรุงบนพื้นที่เขตแดนทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยว คลังกักตุนเม็ดถั่วแห่งนั้นได้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า

ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวกับบ้านไร่บนภูเขาของนาง แม้ว่าแห่งหนึ่งจะอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง อีกแห่งหนึ่งอยู่ทางใต้ของเมือง แต่กลับห่างกันไม่ไกลเท่าใดนัก ทั้งยังล้วนเป็นพื้นที่ราบ ถนนก็เดินทางง่าย ถึงตอนนั้นการขนส่งก็สะดวกมาก

พื้นที่นี้ล้วนเป็นที่พื้นที่เพาะปลูกของบ้านไร่ คิดจะมารับเม็ดถั่วก็สะดวก

คิดไปคิดมา มั่วเชียนเสวี่ยก็เดินไปถึงลานด้านหลังบ้านไร่โดยไม่รู้ตัว

มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับลานด้านหลังบ้านไร่ เหตุใดหวังเทียนซงจึงไม่มารายงาน แต่ลงมือก่อสร้างที่นี่โดยไม่ผ่านการเห็นชอบจากนาง?

พวกเขาคิดจะทำอะไร

คิดแล้วก็เอ่ยถามออกไปทันที “พวกเจ้ากำลังทำอะไร”

ทุกคนที่กำลังขุดหลุมหันหน้ากลับไปตามที่มาของเสียง ก็พบว่ามั่วเชียนเสวี่ยยืนอยู่ด้านหน้า

“คุณหนูใหญ่…”

“คารวะคุณหนูใหญ่ขอรับ”

เสียงทักทายดังขึ้นต่อเนื่องกันเป็นระลอก แต่มั่วเชียนเสวี่ยไม่สนใจแม้แต่น้อย นางขมวดคิ้วก้าวไปข้างหน้าอย่างต้องการดูว่าพวกเขาจะทำอะไรกันแน่

มองจากที่ห่างไกลก็แค่คนกลุ่มหนึ่งกำลังขุดหลุม แต่จะทำสิ่งใดนั้นมองไม่ออก เมื่อเข้ามาดูแล้ว พวกเขากำลังขุดหลุมเพื่อทำ…

“ห้องใต้ดิน?”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท