เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 460 มึนงง จื่อจิ้งเข้าเมืองหลวง (4)

ตอนที่ 460 มึนงง จื่อจิ้งเข้าเมืองหลวง (4)

“คุณหนู อย่าเศร้าไปเลยเจ้าค่ะ กูเหยียมีภารกิจเยอะเกินไป ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนท่าน แต่รอในภายหน้าเมื่อพวกท่านแต่งงานกัน โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันย่อมมีมากขึ้น”

ที่แท้สาวน้อยนางนี้นึกว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลัดกลุ้มใจ เพราะทำใจไม่ได้ที่หนิงเซ่าชิงจากไปแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยมุมปากกระตุก ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน นางคงอธิบายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้นางไม่มีอารมณ์จะทำเช่นนั้นสักนิดเดียวจริงๆ

เงยหน้ามองชูอีด้วยความคับแค้นใจแวบหนึ่ง ทำให้ชูอีขนลุก

คุณหนูคิดถึงกูเหยียเกินไปอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ ดูสิ กระทั่งแววตาคับแค้นใจของสตรีในห้องหอก็ยังสาดออกมาแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยจะฟังไม่ออก มองไม่ออกถึงน้ำเสียงและสายตายั่วเย้าของชูอีได้เช่นไร

แต่กลับไม่สะดวกจะอธิบายไปชั่วขณะ บางเรื่องราวยิ่งอธิบายก็ยิ่งแย่ จึงถอนสายตากลับมา มั่วเชียนเสวี่ยอยากเอาหัวโหม่งกำแพงจริงๆ!

นางเอ่ยเมื่อใดกันว่านางคิดถึงหนิงเซ่าชิง?

นางก็แค่กลุ้มใจเท่านั้นเอง เห็นบ่อเงินบ่อทองอยู่ตรงหน้าชัดๆ แต่หาวิธีที่เหมาะสมไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ร้อนใจเสียเปล่า นางก็ไม่มีหนทางแล้วเช่นกัน…

ใครจะรู้ถึงความกลัดกลุ้มในใจนางกัน…

“คุณหนู นี่คือขนมที่ทางห้องครัวทำ อร่อยมาก ท่านลองชิมดูสิเจ้าคะ”

เห็นคุณหนูอารมณ์ไม่ดีขนาดนี้ ชูอีก็รีบยกขนมในมือวางลงบนโต๊ะ หวังว่าจะสามารถเบนความสนใจนาง ไม่ให้คิดถึงกูเหยียขนาดนั้น

เฮ้อ… มั่วเชียนเสวี่ยจนปัญญาอย่างมาก

มีเรื่องในใจที่มิอาจทำได้ ความรู้สึกนี้มันน่าหงุดหงิดมาก ใครก็อธิบายไม่ได้

แม้ว่าตรงหน้านางจะมีอาหารชั้นเลิศเต็มโต๊ะตอนนี้ นางก็ไม่มีความอยากอาหารที่จะกินเข้าไป

เหลือบตาขึ้นมองเห็นแววตาเฝ้ารอที่เป็นประกายของชูอี มั่วเชียนเสวี่ยก็ถูกทำให้ยอมแพ้ในที่สุด หากไม่กินสักนิด เกรงว่าดรุณีนางนี้จะนึกว่าตนเองคิดถึงหนิงเซ่าชิงจนถึงขั้นไม่มีอารมณ์ดื่มชากินข้าวอีก

ขณะที่จนปัญญา ก็ยื่นมือไปหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่เข้าปาก

“คุณหนู อร่อยไหมเจ้าคะ อาซ้อชุนเยี่ยนเป็นคนทำขนมนี้ เมื่อวานผสมไส้เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ในอ่างคืนหนึ่ง ยามเช้าก็ผสมใหม่อีกรอบ เพิ่งจะทำเสร็จเจ้าค่ะ”

นางอธิบายละเอียดขนาดนี้ ไม่ได้อยากจะผู้เป็นนายจดจำความดีหรืออะไรของอาซ้อชุนเยี่ยน แต่แค่หวังว่าจะสามารถเบนความคิดของคุณหนูไปที่เรื่องอื่นเท่านั้นเอง

อย่างไรเสีย เมื่อคุณหนูอารมณ์ไม่ดี นางที่เป็นสาวใช้ ก็รู้สึกทุกข์ใจเช่นกัน

แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะถูกเข้าใจผิด แต่จะไม่รู้ถึงความหวังดีของชูอีได้อย่างไร

จึงพยักหน้า “กรอบและหอมหวานดี”

“ถ้าคุณหนูชอบ ก็กินเยอะหน่อยเจ้าค่ะ!” ชูอีรีบแนะนำให้มั่วเชียนเสวี่ยกินเยอะหน่อยสุดความสามารถ

มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีอารมณ์ กินชิ้นหนึ่งเพราะเห็นสายตาคาดหวังของชูอี ถึงได้กิน

“ไม่ล่ะ ชูอี ข้าถามเจ้าเรื่องหนึ่งสิ”

“เชิญคุณหนูกล่าว”

ความจริงแล้วมั่วเชียนเสวี่ยก็อับจนหนทางแล้ว เรื่องที่กระทั่งหนิงเซ่าชิงก็ยังไม่มีวิธีการ เอ่ยความจริง นางก็ไม่ได้หวังว่าชูอีจะรู้จริงๆ

แต่ว่าไม่ลอง นางกลับรู้สึกว่าใจไม่ยอมแพ้

“ชูอี เจ้ารู้ไหมว่าเทียนฉีของพวกเรา มีวัตถุโปร่งแสงที่แสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาได้หรือไม่” หนิงเซ่าชิงบอกว่าไม่มีถุงพลาสติก ก็คาดว่าจะไม่มีจริงๆ

ในเมื่อไม่มีถุงพลาสติก แล้วสิ่งอื่นเล่า?

นางไม่กลัวความยุ่งยาก เพียงแต่ของประเภทนี้ แม้ว่าจะทำให้นางเหนื่อยตาย นางก็ต้องเอากลับมา จากนั้นก็ติดตั้งโรงเรือนเพาะปลูกพืชในฤดูหนาว!

แต่เห็นได้ชัดว่าทำให้ชูอีลำบากใจแล้ว

“แสงอาทิตย์ส่องผ่านได้หรือเจ้าคะ” นั่นคือสิ่งใดกัน “อาภรณ์ไงเจ้าคะ แพรไหมที่ถักทอด้วยเส้นด้ายละเอียดพวกนี้ล้วนสามารถส่องผ่านได้เจ้าค่ะ”

มั่วเชียนเสวี่ยแพ้แล้ว

พวกนางสองคนไม่ใช่คนที่มีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาเดียวกันจริงๆ

“ที่ข้าเอ่ยคือของที่สามารถป้องกันความเหน็บหนาวได้ กันลมบังฝนได้ประเภทนั้นน่ะ” ของจำพวกอาภรณ์น่ะ…ช่างมันเถอะ เส้นด้ายละเอียดหนึ่งหมื่นเส้นยังเทียบกับถุงพลาสติกหนึ่งถุงไม่ได้เลย

ชูอีขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหัวจนปัญญา “คุณหนู บ่าวไม่เคยเห็นของประเภทนั้น และไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”

วัตถุโปร่งแสงที่สามารถป้องกันความเหน็บหนาว ทั้งยังกันลมบังฝนได้ อภัยให้ชูอีที่ประสบการณ์น้อย นางไม่เคยพบเห็นเลยจริงๆ

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ

มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ความหวังที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อครู่ก็ถูกเหยียบละเอียดอย่างโหดร้ายอีกครั้ง

“แว่นแคว้นกว้างใหญ่เช่นเทียนฉี จะไม่มีคนผลิตของประเภทนั้นออกมาเลยหรือ”

มั่วเชียนเสวี่ยโมโหจริงๆ แล้ว!

ตอนนี้นางร้อนใจอยากจะหาของสิ่งนั้น! จากนั้นก็สร้างโรงเรือนเพาะปลูกพืชที่นางวางแผนเอาไว้ขึ้นมา! ถ้าหากนางทำไม่ได้ ตลอดชีวิตนี้ของนางก็ยากจะสงบใจได้!

กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือโรคย้ำคิดย้ำทำตามแบบฉบับของนาง!

เห็นมั่วเชียนเสวี่ยสีหน้าทะมึน ชูอีก็ถูกทำให้ตกใจสะดุ้ง

คุณหนูที่สามารถจัดการเรื่องราวต่างๆ โดยไม่รู้สึกยินดียินร้อนต่อเรื่องใด ตอนนี้ถึงกับมีท่าทางเหมือนปีศาจอย่างไรอย่างนั้น หัวใจของนางแตกละเอียดแล้ว!

“คุณหนู…เรียกให้กูเหยียกลับมาดีไหมเจ้าคะ”

จะสนใจไปไยว่ากูเหยียมีเรื่องสำคัญเพียงใดที่ต้องทำในตอนนี้ คุณหนูของพวกนางอารมณ์ไม่ดี กูเหยียควรจะอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย!

จนกระทั่งตอนนี้ ชูอีก็ยังนึกว่ามั่วเชียนเสวี่ยอารมณ์ไม่ดี เพราะมีสาเหตุจากการที่หนิงเซ่าชิงไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนนาง จึงโมโห

ได้รับการขัดเกลาจากวัฒนธรรมในยุคปัจจุบัน มั่วเชียนเสวี่ยจึงปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพอ่อนโยนมาตลอด

โดยเฉพาะชูอีกับสืออู่ สองคนข้างกายนาง ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่พวกนางแสดงเป็นบทบาทใดข้างกายเสวี่ยเอ๋อร์ เอ่ยเพียงหลังจากที่พวกนางสองคนหานางพบ มีเรื่องใดที่ไม่คิดเพื่อนาง และจงรักภักดีต่อนาง

ดังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยจึงปฏิบัติต่อพวกนางด้วยความเมตตาอ่อนโยนและใกล้ชิดยิ่งกว่า

แต่ทว่าในตอนนี้ เมื่อได้ยินชูอีเอ่ยวาจานี้แล้ว มั่วเชียนเสวี่ยกลับหันหน้ามาถลึงตาใส่นางอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง!

จะจบหรือไม่จบ! นางเป็นคนใจแคบขนาดนั้นเลยหรือ

ชูอีที่ได้รับสายตาดุเดือดรุนแรงจากมั่วเชียนเสวี่ย ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดสักประโยคเดียวทันที

ตอนนี้มั่วเชียนเสวี่ยไม่มีอารมณ์จะอธิบายต้นสายปลายเหตุกับชูอี เพียงแต่นั่งโมโหอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ

ไม่ได้กล่าวกันว่าสติปัญญาของคนโบราณไม่มีที่สิ้นสุดหรอกหรือ

หรือเทียนฉีจะเป็นข้อยกเว้น?

หรือเทียนฉีจะถูกเง็กเซียนฮ่องเต้ลืม ในสมองอะไรก็ติดตั้งให้ แต่ไม่ได้ติดตั้งสติปัญญาในการศึกษาค้นคว้าและผลิตถุงพลาสติกกัน น่าหงุดหงิดจริงๆ!

“พี่สาวเชียนเสวี่ย เครื่องแก้วได้หรือไม่?”

ในขณะที่นิ่งเงียบ พลันมีเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมานานดังขึ้นจากนอกประตู

มั่วเชียนเสวี่ยใจเต้น รีบเงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นถงจื่อจิ้งที่ไม่รู้ว่ามายืนตรงหน้าประตูเมื่อใด สวมอาภรณ์งดงามสีกรมท่าบนร่าง รูปร่างสะโอดสะองยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มบางๆ ให้กับมั่วเชียนเสวี่ย

“จื่อ…จื่อจิ้ง?”

มั่วเชียนเสวี่ยสงสัยมากว่า ตนเองตาฝาดไปหรือไม่! ไม่อย่างนั้นจะเห็นถงจื่อจิ้งที่อยู่ไกลถึงเขตแดนหมู่บ้านหวังจยาปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้านางได้อย่างไร

“พี่เชียนเสวี่ย ข้าเอง!”

มั่วเชียนเสวี่ยตื่นเต้นเล็กน้อยถงจื่อจิ้งตื่นเต้นยิ่งกว่านาง

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท