ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 476 สัญลักษณ์แห่งความสุข(ปลาย)

ตอนที่ 476 สัญลักษณ์แห่งความสุข(ปลาย)

​สือ​อี​เหนียง​ไม่รู้​ว่าฮู​หยิน​สาม​คิด​จะ​ทำ​อะไร​กัน​แน่​ ​นาง​ไม่​อาจ​ออก​ความคิดเห็น​ได้​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พอดี​เลย​ ​เมื่อ​สอง​วันก่อน​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ถามถึง​เรื่อง​การ​หมั้น​หมาย​ของ​คุณชาย​น้อย​ใหญ่​อยู่​พอดี​ ​ตอนนี้​ได้​รู้​ว่า​มี​การ​หมั้น​หมาย​แล้ว​ ​ไม่​รู่​ว่า​จะ​ดีใจ​แค่ไหน​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อว่า​ ​“​เจ้า​รีบ​ไปรา​ยงาน​ไท่ฮู​หยิน​เถิด​!​ ​นาง​จะ​ได้​สบายใจ​”​ ​ส่วนที่เหลือ​ก็​ไม่ได้​ถาม​อะไร​มาก

​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​นึกถึง​คำสั่ง​ของฮู​หยิน​สาม​ ​‘​…​บอก​ที่มา​ของ​สกุล​ฟัง​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ ฮู​หยิน​สอง​ ฮู​หยิน​สี่​และฮู​หยิน​ห้า​รู้​ด้วย​ ​จะ​ได้​ไม่มี​คน​คิด​ว่า​พวกเรา​อยู่​ไม่ได้​ถ้า​ไม่มี​พวกเขา​ ​ไป​หมั้น​หมาย​สกุล​ที่ไหน​ก็​ไม่รู้​มา​ให้​ฉิน​เกอ​!​’

​นาง​ยิ้ม​แล้ว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​แต่​ก็​ไม่ได้​รีบร้อน​ที่จะ​ไป​ ​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​สกุล​ฟัง​เป็น​สกุล​ใหญ่​ใน​หู​โจว​ ​ท่าน​ลุง​ของ​นายอำเภอ​ฟัง​คือ​ใต้เท้า​ฟัง​นาม​ว่า​ฟัง​สุย​เดิม​เป็น​ฝ่าย​ตุลาการ​ของ​สำนัก​ตรวจการ​ ​คุณหนู​สกุล​ฟัง​ผู้​นี้​เป็น​บุตรสาว​คนโต​ของ​นายอำเภอ​ฟัง​ ​ใน​วัยเด็ก​ได้​เรียนหนังสือ​กับ​ท่าน​อา​หญิง​ ​ไม่เพียงแต่​เขียน​ตัวอักษร​ได้ดี​ ​ซ้ำ​ยัง​ชำนาญ​เรื่อง​ดนตรี​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​ใบหน้า​ของ​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​ก็​เผย​ให้​เห็น​ถึง​ความภาคภูมิใจ​ ​“ฮู​หยิน​สี่​เกิด​ที่​เจียง​หนาน​ ​คงจะ​รู้จัก​ใต้เท้า​ฟัง​นาม​ว่า​ฟัง​สุย​ใช่​หรือไม่​ ​คนที​่​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​ใน​ปี​เจี​้​ยน​อาน​ที่สี่​สิบ​หก​!​ส่วน​ท่าน​อา​เขย​ของ​คุณหนู​ฟัง​ก็​คือ​ใต้เท้า​เจียง​นาม​ว่า​เจียง​ไหว​หยาง​ ​เดิม​เป็นรอง​เจ้ากรม​พิธีการ​เจ้าค่ะ​”

​ที่จริง​แล้ว​สือ​อี​เหนียง​ไม่รู้​จัก​ ​แต่ว่า​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​ดูเหมือน​จะ​ภาคภูมิใจ​อย่างมาก​ ​คาด​ว่า​หาก​ไม่ใช่​ขุนนาง​ที่​มีชื่อเสียง​ก็​ต้อง​เป็น​นักปราชญ์​ที่​มีชื่อเสียง

​นาง​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​ตอน​อยู่​ที่​อวี​๋​หัง​ข้า​ก็​ไม่ได้​ออก​ไป​ไหน​ ​ไม่เคย​ได้ยิน​ชื่อ​ของ​ใต้เท้า​ทั้งสอง​มาก​่อน​ ​แต่ว่า​หาก​ได้​เป็น​ดอง​กับ​สกุล​ใหญ่​ใน​เจียง​หนา​นนั​้​นก​็​นับว่า​เป็นเรื่อง​ดี​”

​เมื่อ​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​มีท​่า​ทาง​คล้อยตาม​ก็​ทำ​หน้า​ผิดหวัง​เล็กน้อย​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ต้องการ​จะ​ส่ง​แขก​อยู่​แล้ว​นาง​จึง​ไม่​อยาก​พูด​อะไร​มาก​ ​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​จึง​ลุกขึ้น​กล่าว​ลา​ ​จากนั้น​ก็​มุ่งหน้า​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน

​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับมา​ใน​ตอนกลางคืน​ ​สือ​อี​เหนียง​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​เขา​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​ดังนั้น​กลับ​ขมวดคิ้ว​ ​“​เหตุใด​ถึง​ได้​หมั้น​หมาย​กับ​สกุล​นี้​”

​“​ไม่ดี​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​ฟัง​จาก​น้ำเสียง​ของ​สะใภ้​กาน​เหล่า​เฉวียน​ ​ดูเหมือนว่า​ฟัง​สุย​กับ​เจียง​ไหว​หยาง​สอง​คน​นั้น​จะ​เป็น​คนที​่​มีชื่อเสียง​!​”

​“​ก็​นับว่า​มีชื่อเสียง​อยู่​บ้าง​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​สมัย​ปี​เจี​้​ยน​อาน​ที่สี่​สิบ​หก​ ​ราชบุตร​เขย​ของ​องค์​หญิง​อาน​เฉิง​ลักลอบ​นำเข้า​สินค้า​มา​ขาย​แล้ว​ถูก​ฟัง​สุย​เปิดโปง​ความผิด​ ​สุดท้าย​ก็​ถูก​เฆี่ยน​ด้วย​ไม้กระดาน​สี่​สิบ​ที​ ​จนถึง​ตอนนี้​ก็​ยัง​เดิน​ขากะ​เผลก​ ​ส่วน​เจียง​ไหว​หยาง​ ​ก็​เชี่ยวชาญ​ด้าน​ดนตรี​และ​บทกวี​ ​เป็น​นักปราชญ์​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​เจียง​หนาน​ ​แต่​เพราะ​ถูก​ดึง​เข้าไป​เกี่ยวข้อง​ใน​คดี​มนต์​ดำ​ ​จึง​ต้อง​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​แล้ว​กลับบ้าน​เกิด​…​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ก็​หยุดชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​“​เหตุใด​ครอบครัว​พวกเขา​ถึง​ได้​เห็นด้วย​กับ​การ​หมั้น​หมาย​ครั้งนี้​”

​สือ​อี​เหนียง​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​ก็​ไม่รู้​เช่นกัน​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ช่างเถิด​ ​ในเมื่อ​มี​การกำ​หนด​การ​หมั้น​หมาย​แล้ว​ ​พวกเรา​พูด​อะไร​ไป​ก็​เปลือง​แรง​เปล่า​ ​อีก​อย่าง​นี่​ก็​เป็นเรื่อง​ของ​พี่​สาม​ ​พวกเรา​ไม่​อาจ​ยื่นมือ​เข้าไป​แทรก​ได้​”​ ​แล้ว​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​โชคดี​ที่​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีหน้า​พี่​สาม​ก็​จะ​กลับ​เมืองหลวง​แล้ว​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​พอ​พวกเรา​พี่น้อง​ได้​เจอ​หน้า​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​!​”​ ​จากนั้น​ก็​นั่งลง​ข้าง​เตียง​ ​มอง​จิ​่น​เกอ​ที่​กำลัง​หลับสนิท​แล้ว​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​ตอนนี้​ลูก​ก็​ครบ​หนึ่ง​เดือนเต็ม​แล้ว​ ​ข้าว​่า​พวก​เจ้า​รีบ​ย้าย​กลับ​ไป​อยู่​ที่​เรือน​หลัก​เถิด​!​ ​ที่นั่น​มี​ห้อง​หน​่​วน​เก๋อ​ ​มี​ห้อง​ชำระ​ ​ไม่ว่า​จะ​สำหรับ​เจ้า​หรือ​ลูก​ก็​จะ​สะดวกสบาย​กว่านี​้​”

​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​เตรียมพร้อม​ที่จะ​ย้าย​อยู่​แล้ว​ ​การ​ที่นอน​กับ​แม่นม​กู้​โดย​มี​ฉาก​กั้น​เช่นนี้​นาง​รู้สึก​ไม่​ชิน​ยิ่งนัก​ ​เมื่อ​ได้ยิน​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​เช่นนี้​ก็​รีบ​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พวกเรา​ย้าย​เข้าไป​วันพรุ่งนี้​ดี​หรือไม่​!​”

​“​เช่นนั้น​ก็​เป็น​วันพรุ่งนี้​เถิด​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ข้า​จะ​ให้​หลิน​ปัว​กับ​จ้าว​อิ่ง​มาช​่วย​เจ้า​”

​“​ไม่ต้อง​หรอก​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​หาก​พวกเขา​มา​ข้า​คง​ไม่​สะดวก​เท่าไร​ ​พัก​อยู่​ที่​ห้อง​เอ่อร​์​ฝัง​มา​เกือบ​หนึ่ง​เดือน​แล้ว​ ​ไหน​เลย​จะ​ไม่มี​ข้าวของเครื่องใช้​ส่วนตัว​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้​ฟัง​ดังนั้น​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​อีก​ ​ล้างหน้าล้างตา​แล้ว​พักผ่อน

​ใน​ห้อง​เงียบสงัด​ ​มี​เพียง​โคมไฟ​จาก​มุม​กำแพง​ที่​ส่งเสียง​ยาม​กระทบ​ลม​ ​ทำให้​บรรยากาศ​ดู​สงบ​มากยิ่งขึ้น

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลิกตัว​ ​มือ​สอด​เข้าไป​ใน​เสื้อ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความเคยชิน

เอวบาง​มาก​ราวกับ​เพียงแค่​ออกแรง​เล็กน้อย​ก็​สามารถ​หัก​ได้​…​หน้าอก​ก็​เล็ก​ลง​ไป​ตามตัว​…​แต่​เมื่อ​เปรียบเทียบ​กับ​ร่างกาย​ที่​ผ่ายผอม​ของ​นาง​แล้ว​ ​หน้าอก​นั้น​ดู​อวบ​อิ่ม​กว่า​เล็กน้อย

​เมื่อ​ความคิด​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​นิ้วหัวแม่มือ​ก็​ควานหา​เม็ด​บัว​บน​อก​อวบ​อิ่ม​ตาม​สัญชาตญาณ​ ​ลมหายใจ​ร้อน​รด​ต้นคอ​จน​ทำให้​นาง​รู้สึก​ร้อน​เล็กน้อย

​“​ท่าน​โหว​…​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ขยับตัว​ไปมา​ด้วย​ความรู้สึก​ที่​ไม่สบาย​พลาง​ผลัก​สวี​ลิ่ง​อี๋​ออก​ด้วย​ท่าทาง​ไม่เต็มใจ

​“​ข้า​รู้​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หัวเราะ​เบา​ๆ​ ​พลาง​หอม​แก้ม​นาง​ ​ยอมแพ้​อย่าง​ไม่​ลังเล​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​”​ ​มือ​เลื่อน​ลง​ไป​วาง​บน​เอว​ของ​นาง​ ​แต่​การ​ตอบสนอง​ของ​ร่างกาย​กลับ​ไม่​สามารถ​สงบ​ลง​ได้​ตาม​ต้องการ

​ไม่รู้​ว่า​ทำไม​สือ​อี​เหนียง​ถึง​ได้​รู้สึก​โศกเศร้า​เล็กน้อย

​นาง​ซุก​ตัว​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

​บางอย่าง​นาง​ก็​ไม่​สามารถ​กำจัด​ได้​ ​แต่​นาง​ก็​ไม่ได้​อยาก​เติม​ไฟ

​อยาก​จะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่​ก็​ไม่รู้​ว่า​จะ​พูด​อะไร​ดี

​หลังจาก​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​ ​มือ​ของ​นาง​ก็​ค่อยๆ​ ​สอด​เข้าไป​ใน​เสื้อ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​…​แต่กลับ​ถูก​สวี​ลิ่ง​อี๋​จับ​เอาไว้

​“​อย่า​มาทำ​แบบนี้​!​”​ ​มี​ความขบขัน​แฝง​อยู่​ใน​น้ำเสียง​ของ​เขา​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​ ​พรุ่งนี้​ยัง​ต้อง​ย้าย​เรือน​อีก​”

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​ใบหน้า​ของ​นาง​ร้อน​ราวกับ​ถูก​น้ำร้อน​ลวก​ก็​ไม่​ปาน

​นาง​ไม่ได้​เอา​มือ​ออกมา​ ​แต่กลับ​เลื่อน​ไป​จับมือ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลาง​กระซิบ​เรียก​ ​“​ท่าน​โหว​…​”

​บรรยาย​กาศ​คลุมเครือ​เป็นอย่างมาก

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง

​เขา​ยังคง​จำ​ครั้งแรก​ที่นาง​ขวยเขิน​จน​ตัว​แข็ง​ทำ​อะไร​ไม่​ถูก​…​เขา​จับมือ​นาง​ไป​วาง​ไว้​บน​เอว​ของ​เขา​ ​กลายเป็น​ว่านา​งกำ​ลัง​กอด​เขา​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​”​ ​พูด​พลาง​ตบหลัง​นาง​เบา​ๆ​ ​ราวกับว่า​กำลัง​กล่อม​เด็ก​นอน

​สือ​อี​เหนียง​แอบ​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

​นาง​มักจะ​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​งุ่มง่าม​ ​โดยเฉพาะ​ตอนที่​ดวงตา​หงส์​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จ้องมอง​มาที​่​นาง​อย่างลึกซึ้ง​ ​นาง​ไม่รู้​เลย​ว่า​ต้อง​ทำ​อย่างไร​…

ถ้าอย่างนั้น​ก็ช่าง​มัน​จะ​ดีกว่า​…

แต่​เหตุใด​ถึง​ได้​รู้สึก​ไม่สบายใจ​กัน​นะ

​สือ​อี​เหนียง​กัด​ริมฝีปาก

​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​ถูก​เตะ​ที่​ไหล่​หนึ่ง​ที

​เมื่อ​นาง​หันไป​ก็​เห็น​จิ​่น​เกอ​ที่​เปลี่ยน​จาก​ใช้​ผ้า​ห่อ​ตัว​มาสวม​เสื้อแขนยาว​กำลัง​นอน​ดูด​นิ้ว​อยู่​แล้ว​จ้องมอง​มาที​่​นาง​ด้วย​ดวงตา​สีดำ​สุกใส​คู่​นั้น

​“​จิ​่น​เกอ​!​”

ลูก​ตื่น​มาตั​้ง​แต่​เมื่อไร​ก็​ไม่รู้​…

​สือ​อี​เหนียง​แอบ​รู้สึก​ผิด​ใน​ใจ​เล็กน้อย​ ​ขณะที่​กำลังจะ​ลุกขึ้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ก็​อุ้ม​บุตร​ไป​แล้ว​ ​“​แม่นม​กู้​ ​แม่นม​กู้​…​”

​แม่นม​กู้​สวม​เสื้อคลุม​แล้ว​รีบ​เข้ามา​อย่าง​เบา​เมือ​เบา​เท้า​

​“​เจ้าค่ะ​ท่าน​โหว​”​ ​นาง​รับ​จิ​่น​เกอ​มา​แล้ว​ถอด​ผ้าอ้อม​พา​จิ​่น​เกอ​ไป​ปัสสาวะ​กอย​่าง​ชำนาญ​ ​จากนั้น​ก็​อุ้ม​ไป​ที่​หลังฉาก​กั้น​แล้ว​ป้อน​นม

​ใน​ห้อง​กลับมา​เงียบสงบ​อีกครั้ง

​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​อึดอัด​เป็นอย่างมาก

เหตุใด​เมื่อ​ครู่​ถึง​นึกไม่ถึง​ว่า​แม่นม​กู้​ยังอยู่​ใน​ห้อง​…​ถ้าหาก​…​ยังดี​ที่​จิ​่น​เกอ​ตื่น​มาก​่อน​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​คง​ถูก​คน​เอา​ไป​นินทา​แล้ว​!

​นาง​หน้าแดง​ก่ำ​ ​ล้ม​ตัว​นอนลง​แล้ว​หันหลัง​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋

​สวี​ลิ่ง​อี๋​งงงวย​ขึ้น​มา

​โน้มตัว​ไป​สำรวจ​ดู​นาง

​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​หน้าแดง​ ​ขน​ตายาว​ขยับ​เล็กน้อย​เหมือน​เกสร​ดอกไม้​ที่​กระทบ​ลม

​เขา​พลัน​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​เป็น​คน​ขี้อาย​…หรือว่า​การ​ปฏิเสธ​เมื่อ​ครู่​ของ​ตน​ทำให้​นาง​โกรธ​?

​เมื่อ​นึกได้​เช่นนั้น​ ​จู่ๆ​ ​ก็​รู้สึก​อยาก​หัวเราะ

​ขณะที่​กำลัง​คิด​ว่า​จะ​เย้าแหย่​นาง​ดี​หรือไม่​ ​แม่นม​กู้​ก็​อุ้ม​เด็กน้อย​เดิน​เข้ามา​เสียง​เบา​

​สวี​ลิ่ง​อี๋​นึก​ขึ้น​ได้​ว่า​เจ้าตัว​น้อย​นี้​บางที​เพียงแค่​ตบ​ก้น​เบา​ๆ​ ​ก็​หลับ​แล้ว​ ​บางครั้ง​ก็​ลืมตา​นอนเล่น​จนถึง​กลางดึก​…​ลุกขึ้น​มารั​บบุ​ตร​ชาย​ ​ทำ​เหมือนปกติ​ที่​เคย​ทำ​ ​เดิน​ไป​ด้วย​พลาง​ตบ​ก้น​กล่อม​เขา​นอน​ไป​ด้วย

​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​การเคลื่อนไหว​สือ​อี​เหนียง​ก็​หันกลับ​ไป

​ภายใต้​แสง​สลัว​ ​เงา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​สูง​ยาวเหยียด​ ​เขา​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ที่อยู่​ใน​ผ้าอ้อม​อย่าง​อ่อนโยน​ ​สีหน้า​ดู​มีความสุข​เป็นอย่างมาก

​******

​วันรุ่งขึ้น​สือ​อี​เหนียง​ย้าย​กลับ​ไป​ที่​ห้อง​ด้านใน​ของ​เรือน​หลัก

​ตอนกลางวัน​ ​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี้ยวิ​่​งมา​เยี่ยม​น้องชาย

​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​หาย​ดี​แล้ว​ใช่​หรือไม่​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​จับมือ​น้อย​ๆ​ ​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​“​เช่นนั้น​พวกเรา​ทำ​เหมือน​เมื่อก่อน​ที่มา​ทานอาหาร​กลางวัน​ที่​เรือน​ท่าน​ทุกวัน​ได้​หรือไม่​”

​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​เช่นนั้น​ข้า​ก็​ย้าย​กลับมา​ได้​แล้ว​ใช่​หรือไม่​!​”

​สือ​อี​เหนียง​ยัง​ไม่​หายสนิท​ ​ตอนนี้​หมอ​หลวง​หลิว​มา​ฝังเข็ม​ให้​นาง​ทุกๆ​ ​ห้าวัน​ ​และ​ยัง​ไม่ได้​หยุด​ทาน​ยา

​“​ได้​สิ​!​”​ ​นาง​ทน​ไม่ได้​ที่จะ​ทำให้​เด็ก​ๆ​ ​ต้อง​ผิดหวัง​ ​อีก​อย่าง​สวี​ซื่อ​จุน​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยส​อง​พี่น้อง​ก็​มี​ป้า​รับใช้​และ​บรรดา​สาวใช้​คอย​ปรนนิบัติ​อยู่​ข้าง​กาย​ ​“​แต่ว่า​ต้อง​ให้ท่าน​ย่า​อนุญาต​ก่อน​จึง​จะ​เหมาะสม​!​”

​เด็ก​ทั้งสอง​คน​โห่ร้อง​ด้วย​ความดีใจ

​จิ​่น​เกอ​ที่นอน​หงาย​อยู่​บน​เตียง​นั่ง​พยายาม​ที่จะ​ยกมือ​ขึ้น​มา​ ​หวัง​จะ​เอา​นิ้ว​เล็ก​ๆ​ ​มา​อม​ไว้​ใน​ปาก​ ​แต่​น่าเสียดาย​ที่​ถูก​ห่อ​ไว้​หลาย​ชั้น​ ​พยายาม​ยก​แขน​อยู่นาน​แต่​ก็​ไม่สำเร็จ​ ​จึง​ได้​เบะ​ปาก​แล้ว​ร้อง​ออกมา​เสียงดัง​ ​“​อุแว้​!​”

​สวี​ซื่อ​จุน​รีบ​เข้าไป​กล่อม​จิ​่น​เกอ​ ​“​อย่า​ร้อง​ ​เจ้า​อย่า​ร้องไห้​ ​ข้า​จะ​ไป​เรียก​แม่นม​มา​ให้​เจ้า​”

​จิ​่น​เกอ​เข้าใจ​คำพูด​เหล่านี้​เสียที​่​ไหน​กัน​ ​กลับ​ร้องไห้​เสียงดัง​ยิ่งกว่า​เดิม

​ไม่รู้​ว่า​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​เอา​ลูกอม​มาจาก​ไหน​ ​“​ข้า​จะ​ให้​เจ้า​ทาน​ลูกอม​ ​แต่ว่า​เจ้า​ห้าม​ร้องไห้​เด็ดขาด​!​”

​ทำเอา​สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​จน​เหงื่อ​แตก​พลั่ก​ ​กำลังจะ​เข้าไป​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ ​หง​เหวิ​นก​็​เข้ามา​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ไป​ก่อน​แล้ว​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​เจ้า​คะ​ ​คุณชาย​หก​ยัง​เล็ก​ ​ทาน​ได้​แต่​น้ำนม​ของ​แม่นม​กู้​เท่านั้น​ ​ของ​ที่​พวก​ท่าน​ทาน​ได้​คุณชาย​น้อย​หก​ยัง​ทาน​ไม่ได้​เจ้าค่ะ​”​ ​พูด​พลาง​กล่อม​จิ​่น​เกอ​ไป​ด้วย

​ได้​ฟัง​ดังนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​โล่งใจ

​แอบ​พยักหน้า​ให้​กับ​การกระทำ​ของ​หง​เหวิน

​“​เช่นนั้น​ ​เช่นนั้น​แล้ว​เมื่อไร​น้อง​หก​จะ​ทาน​ของ​เหล่านี้​ได้​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพูด​ด้วย​ความผิดหวัง​เล็กน้อย

​หง​เหวิ​นกำ​ลัง​จะ​อ้า​ปาก​ตอบ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​อย่างน้อย​ก็​ต้อง​อายุ​สาม​ขวบ​!​”

​“​ทำไม​ต้อง​รอ​ให้​อายุ​สาม​ขวบ​ด้วย​เล่า​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เหมือนกับ​เด็ก​ที่​กำลัง​อยากรู้อยากเห็น​ ​“​พอ​อายุ​สาม​ขวบ​แล้วก็​จะ​สามารถ​ทาน​อะไร​ก็ได้​อย่างนั้น​หรือ​”

​สวี​ซื่อ​จุน​พยักหน้า​ ​“​ตอนที่​เจ้า​มาที​่​จวน​ของ​พวกเรา​ก็​สามารถ​ทาน​อะไร​ก็ได้​หมด​แล้ว​ ​ข้า​ยัง​นำ​ลูกอม​ที่​ฮองเฮา​ประทาน​ให้​มาม​อบ​ให้​แก่​เจ้า​อีกด้วย​”

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​เล็กน้อย

ตอนที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เข้ามา​อยู่​ใน​สกุล​สวี​ ​ตอนนั้น​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​อายุ​เพียง​หก​ขวบ​เท่านั้น​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะ​ยัง​จำได้​อย่างชัดเจน​เช่นนี้​!

​แต่​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยดู​เหมือนว่า​จะ​จำ​เรื่องราว​ก่อนหน้านี้​ไม่​ค่อย​ได้​แล้ว​ ​เขามอง​สวี​ซื่อ​จุน​ด้วย​ท่าทาง​ที่​ดู​สับสน

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​พูดตัดบท​สนทนา​ขึ้น​มา​ ​“​จุน​เกอ​ ​เจี​้ย​เกอ​ ​พวก​เจ้า​ทำ​โคม​แดง​ให้​จิ​่น​เกอ​ไม่ใช่​หรือ​ ​รีบ​ไป​ให้​ชิว​อวี​่​เอา​มา​ให้​น้องชาย​เล่น​สิ​”

​เมื่อ​ทั้งสอง​คน​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​พากั​นรีบ​วิ่ง​ออก​ไป​เอา​โคม​แดง​ที่​มี​ขนาด​เท่า​ฝ่ามือ​มาถื​อส​่าย​ไป​ส่าย​มา​อยู่​ตรงหน้า​จิ​่น​เกอ​ ​เล่น​หยอกล้อ​กับ​เขา

​สายตา​ของ​จิ​่น​เกอ​ส่ายไปส่ายมา​ตาม​โคม​แดง​ ​ลืม​ว่า​ตัวเอง​กำลัง​ร้องไห้​ไป​อยู่​พัก​หนึ่ง

​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​มี​เทียบ​เชิญ​เข้าร่วม​พิธีแต่งงาน​ส่ง​มาจาก​ตรอก​กง​เสียน​เจ้าค่ะ​”

นับวัน​ดูแล​้ว​ ​ตอนนี้​ก็​กลางเดือน​สิบเอ็ด​แล้ว​ ​เทียบ​เชิญ​เข้าร่วม​พิธีแต่งงาน​ของ​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​ก็​ควร​ส่ง​มา​อย่างเป็นทางการ​ได้​แล้ว

​“​ไป​เอา​เข้ามา​เถิด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เรียก​สาวใช้​น้อย​เข้ามา​ ​“​ทาง​ฝั่ง​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ได้รับ​เทียบ​เชิญ​แล้ว​หรือยัง​”

​สาวใช้​น้อย​ตอบ​อย่าง​มีไหวพริบ​ว่า​ ​“​ทาง​ฝั่ง​ไท่ฮู​หยิน​ ฮู​หยิน​สอง​ ​และฮู​หยิน​ห้า​ต่าง​ก็​มี​คน​นำ​เทียบ​เชิญ​เข้าร่วม​พิธีแต่งงาน​ไป​ส่ง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​มา​พอดี

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ลุกขึ้น​ไป​ต้อนรับ​ไท่ฮู​หยิน

​เมื่อ​ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ว่า​เด็ก​ทั้ง​สาม​คน​กำลัง​เล่น​อยู่​ด้วยกัน​ก็​พยักหน้า​พลาง​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ ​“​ทาง​ฝั่ง​ของ​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​เจ้า​มีแผน​อย่างไร​”​ ​แล้ว​พูด​เตือน​นาง​ว่า​ ​“​พิธีแต่งงาน​ของเสียน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กับ​สือ​เอ้อร​์​เหนียง​ห่าง​กัน​ไม่​ถึง​สอง​วัน​!​”

​“​ทาง​ด้าน​เสียน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​ข้า​จะ​ไป​เพิ่มสิน​สอดใส่​หีบ​ให้​นาง​ด้วยตัวเอง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​พึมพำ​ว่า​ ​“​ส่วน​ทาง​ด้าน​ของ​น้อง​หญิง​สิบสอง​ ​ก็​ต้อง​ไป​สักครั้ง​หนึ่ง​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท