ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 517 เจ้าสาว (ปลาย)

ตอนที่ 517 เจ้าสาว (ปลาย)

ช่วง​วัยเด็ก​ถือเป็น​ความสุข​ที่​บริสุทธิ์​ที่สุด​ ​คืน​วัน​เช่นนี้​ไม่ได้​มีมาก​มาย​เท่าไร​นัก

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ลูบ​ศีรษะ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เบา​ๆ​ ​“​พวก​เจ้า​พากัน​ไป​หมด​ ​แล้ว​ใคร​จะ​ช่วย​ข้า​ดูแล​จิ​่น​เกอ​เล่า​”

​จิ​่น​เกอ​ที่​อายุ​ราว​สิบเอ็ด​เดือน​กำลัง​ซน​ได้ที่​ ​หาก​คลาด​สายตา​ก็​ปีน​ขึ้น​บน​โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​ทันที​ ​หยิบ​จับ​อะไร​ได้​ก็​เอา​เข้า​ปาก​หมด​ ​อุ้ม​ไว้​ใน​อ้อมกอด​ก็​ดิ้น​จะ​ลง​ให้​ได้​ ​ขาน​้อย​ๆ​ ​เอาแต่​ถีบ​ท้อง​คน​อุ้ม​ไม่​หยุด​ ​จะ​ลง​ไป​เล่น​ที่​พื้น​ให้​ได้​ ​ใคร​ที่​อุ้ม​เขา​ก็​ล้วนแล้วแต่​ต้อง​ตั้งสติ​และ​สมาธิ​ให้​ดี​ ​เพียงแต่ว่า​เขา​ยัง​ไม่​เริ่ม​ฝึก​พูด​ ​เข้าหา​ใคร​ก็​เอาแต่​ส่งเสียง​ร้อง​ อือ​ๆ​ เท่านั้น​ ​สือ​อี​เหนียง​เป็นห่วง​อย่างมาก​ ​แต่​ไท่ฮู​หยิน​รู้สึก​ว่านา​งกัง​วล​เกิน​กว่า​เหตุ​ ​‘​กว่า​เจ้า​สี่​จะ​เริ่ม​พูด​ก็​ปา​เข้าไป​ขวบ​ครึ่ง​ ​ตอนนี้​เขา​พึ่ง​จะ​อายุ​สิบเอ็ด​เดือน​เอง​’

​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​ไม่แน่ใจ​ว่า​เด็ก​อายุ​สิบเอ็ด​เดือน​ส่วนใหญ่​นั้น​เริ่ม​ฝึก​พูด​กัน​แล้ว​หรือยัง​ ​เวลาว่าง​ๆ​ ​ก็​จะ​อุ้ม​เขา​มาสอน​เรียก​สิ่งของ​ที่อยู่​ใน​เรือน

​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​แล้ว​ดวงตา​ก็​ลุก​วาว​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​เขา​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​อยู่​เล่น​กับ​จิ​่น​เกอ​ที่​เรือน​เอง​ขอรับ​”

​สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​ผิดหวัง​เป็นอย่างมาก​ ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​…​เช่นนั้น​ข้า​ค่อย​ซื้อของ​อร่อย​มา​ฝาก​พวก​เจ้า​ก็แล้วกัน​!​”

​“​ดี​เลย​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ตอน​กลับมา​ก็​มา​เล่า​ให้​ข้า​ฟัง​ว่า​ตอน​เดิน​เขา​ได้​เจอ​อะไร​บ้าง​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่เคย​เดิน​เขา​เลย​สักครั้ง​!​”

​สวี​ซื่อ​จุน​ขานรับ​ด้วย​ความดีใจ

​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​เดิน​ไป​ส่ง​สอง​พี่น้อง​ที่​หน้า​ประตู

​ป้า​ซ่ง​ก็​เข้ามา​หา​พอดี​ ​“​ใกล้​จะ​ถึง​วัน​ออกทุกข์​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​แล้ว​เจ้าค่ะ​…​”

​“​จัด​ตาม​ขนบธรรมเนียม​ก็แล้วกัน​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​พร้อมกับ​พยักหน้า​เบา​ๆ

​ป้า​ซ่ง​ขานรับ​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

​เมื่อถึง​เวลา​ก็ได้​เชิญ​นักบวช​และ​แม่ชี​มาสว​ดบท​สวด​เจ็ด​วัน​ ​หลังจากที่​สวี​ซื่อ​อวี​้​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​เป็น​ชุด​ปกติ​ทั่วไป​แล้ว​ ​เขา​ก็​กลับ​จวน​มาคา​รวะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ไท่ฮู​หยิน​และ​สือ​อี​เหนียง

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถามไถ่​ถึง​การเรียน​ของ​เขา​ ​ส่วน​ไท่ฮู​หยิน​นั้น​ถามไถ่​ถึงสุข​ภาพร่าง​กาย​ของ​เขา​ ​เมื่อมา​ถึง​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ก็​เห็น​แม่นม​กู้​แม่นม​ของ​จิ​่น​เกอ​และ​ป้าวั​่น​ป้า​รับใช้​ที่อยู่​ใน​เรือน​ของ​จิ​่น​เกอ​กำลัง​ยืน​คุย​กัน​อยู่​ใต้​ชายคา​ ​จึง​ค่อนข้าง​รู้สึก​แปลกใจ

​เหวิน​จู๋​เลย​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​สี่​ดูแล​คุณชาย​น้อย​หก​ด้วย​ตนเอง​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​หลังจาก​ครบ​หนึ่ง​ขวบ​แล้ว​จะ​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​หย่านม​เจ้าค่ะ​”

ในเมื่อ​รัก​ลูก​ขนาด​นี้​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่​ให้​จิ​่น​เกอ​ดื่ม​นม​แม่​ให้​นาน​กว่านี​้​หน่อย​!

​สวี​ซื่อ​อวี​้​แอบ​รู้สึก​แปลกใจ​ ​เขา​ตอบ​ ​“​อืม​”​ ​เสียง​เบา​ ​จากนั้น​ก็​เดินตาม​หลัง​ชิว​อวี​่​ไป​ยัง​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ ​ไม่ได้​สนใจ​สาวใช้​และ​ป้า​รับใช้​ที่​พากัน​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​เขา​แต่อย่างใด

​สือ​อี​เหนียง​และ​จิ​่น​เกอ​กำลัง​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ของ​ห้อง​ปีก​ทิศตะวันออก​ ​โต๊ะ​ของ​เตียง​เตา​ถูก​ยก​ออก​ไป​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่ง​อยู่​ริม​เตียง​เตา​ ​ส่วน​จิ​่น​เกอ​นั่ง​อยู่​ตรงกลาง​ของ​เตียง​เตา​ ​มือ​ของ​เขา​กำลัง​ถือ​ไม้​ที่​ใช้​เคาะ​มู่​อวี​๋​[1]​อยู่​ ​ข้างๆ​ ​เขา​เรียงราย​ไป​ด้วย​ของ​จำพวก​ถ้วย​ ​จาน​ ​มู่​อวี​๋​และ​กลอง​เล็ก​ ​จิ​่น​เกอ​กำลัง​ใช้​ไม้​เคาะ​อย่างสนุกสนาน

​พอ​เงยหน้า​ขึ้น​ก็​เห็น​สวี​ซื่อ​อวี​้​ที่​กำลัง​เดิน​เข้ามา​พอดี​ ​เขา​ก็​ส่ง​ยิ้ม​กว้าง​ให้​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ทันที​ ​เผย​ให้​เห็น​ฟัน​สอง​ซี่​น้อย​ๆ​ ​ของ​เขา

​รอยยิ้ม​ที่​บริสุทธิ์​ไร้​ซึ่ง​สิ่งเจือปน​ใดๆ​ ​พุ่ง​เข้าหา​สวี​ซื่อ​อวี​้​อย่าง​จัง

​“​น้อง​หก​โต​ขนาด​นี้​แล้ว​หรือ​!​”​ ​เขา​จ้องมอง​จิ​่น​เกอ​ด้วย​สีหน้า​ที่​แปลกใจ

​สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​ไว้​ใน​อ้อมกอด​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ ​“​เจ้า​กลับมา​แล้ว​หรือ​ ​ระหว่างทาง​ราบรื่น​ดี​หรือไม่​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​เพิ่ง​นึก​ขึ้น​ได้​ ​เขา​จึง​รีบ​ทำความเคารพ​สือ​อี​เหนียง​ทันที

​“​ทำท่าน​แม่​เป็นห่วง​แล้ว​ ​ทุกอย่าง​ราบรื่น​ดี​ขอรับ​!​”

​เป็น​เพียง​บทสนทนา​สั้น​ๆ​ ​แต่​จิ​่น​เกอ​ทั้ง​กระโดด​และ​ดีด​ตัว​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไม่​หยุด​ ​พยายาม​จะ​หันไป​เคาะ​ถ้วยชาม​เหล่านั้น​ให้​ได้

​สือ​อี​เหนียง​ไม่​อยาก​จะ​รบกวน​ความสนใจ​ของ​เด็ก​ ​จึง​ยิ้ม​เพื่อ​เป็นการ​ขอโทษ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​เขา​นิสัย​ค่อนข้าง​ซุกซน​!​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​วาง​จิ​่น​เกอ​ลง​ไว้​ข้างๆ

​จิ​่น​เกอ​รีบ​คลาน​ไปหา​กลอง​เล็ก​ทันที​ ​แต่กลับ​สังเกตเห็น​ว่า​ไม้​เคาะ​ใน​มือ​ที่​ตน​ถือ​ไว้​เมื่อครู่นี้​หาย​ไป​ ​จึง​หัน​ซ้ายหัน​ขวา​ตามหา​ด้วย​ความตกใจ​ ​จากนั้น​ก็​คลาน​กลับ​ไป​เก็บ​ไม้​เคาะ​ขึ้น​มา​ ​แล้วจึง​คลาน​กลับ​ไปหา​กลอง​เล็ก​ ​แต่​ไม้​เคาะ​ก็​หาย​ไป​อีกครั้ง​ ​เขา​จึง​เริ่ม​หงุดหงิด​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​หันไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​แล้วจึง​หันไป​มอง​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​ทั้งสอง​ไม่ได้​สนใจ​เขา​เลย​ ​จึง​ร้องไห้​โวยวาย​เสียงดัง​ลั่น

​สวี​ซื่อ​อวี​้​รู้สึก​ว่า​เขา​น่าสนใจ​เป็นอย่างมาก​ ​จึง​เดิน​เข้าไป​เก็บ​ไม้​เคาะ​แล้ว​ยื่น​ให้​กับ​จิ​่น​เกอ​โดยที่​ไม่​คิด​อะไร​มาก

​จิ​่น​เกอ​หยุด​ร้อง​ทันที​ ​ใบหน้า​ที่​เดิมที​เต็มไปด้วย​คราบ​น้ำตา​ ​แปรเปลี่ยน​เป็น​รอยยิ้ม​กว้าง​ส่ง​ให้​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้

​สวี​ซื่อ​อวี​้​จึง​ยื่นมือ​ไป​ลูบ​ศีรษะ​ของ​เขา​เบา​ๆ​ ​อย่าง​ไม่รู้​ตัว

​จิ​่น​เกอ​ไม่ได้​สนใจ​เขา​ ​ก้มหน้าก้มตา​ตี​กลอง​เล็ก​ต่อ​ ​ใน​เรือน​ก็​เริ่ม​มีเสียง​ตี​กลอง​ดัง​เบา​สลับ​กัน​ไป​ ​เสียงเคาะ​ค่อนข้าง​ดัง​และ​ไม่​เป็นจังหวะ

​สวี​ซื่อ​อวี​้​เพิ่ง​สังเกตเห็น​ว่า​ไม้​เคาะ​สีแดง​ใน​มือ​ของ​จิ​่น​เกอ​ที่​ถูก​เคาะ​และ​ขูด​จน​เรียบ​เนียน​นั้น​สลัก​ด้วย​ลาย​ดอกบัว​อยู่​ด้านบน

​เขา​จึง​หันไป​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​แปลกใจ

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ว่า​ ​“​เสียงดัง​หนวกหู​ไป​หน่อย​!​”​ ​จากนั้น​ก็​อธิบาย​กับ​เขา​ว่า​ ​“​หาก​ไม่​ให้​เคาะ​ ​ก็​จะ​ร้องไห้​โวยวาย​ ​เสียงดัง​หนวกหู​กว่า​ตอนนี้​เสียอีก​!​”

​“​อาจ​เป็น​เพราะ​ข้า​ไม่​ค่อย​ได้​ฟัง​ ​จึง​ไม่ได้​รู้สึก​ว่า​หนวกหู​ขอรับ​”

​สีหน้า​แววตา​อ่อนโยน​ ​น้ำเสียง​นุ่มนวล​ ​สุภาพ​และสง่า​งามตา​มภาพ​ลักษณ์​คุณชาย

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​พูดถึง​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​สวี​ซื่อ​ฉิน​ขึ้น​มา​ ​“​…​ตระกูล​เรา​ลูกหลาน​น้อย​ ​ดีที​่​เจ้า​กลับมา​แล้ว​ ​จะ​ได้​ไป​ช่วย​ฉิน​เกอ​รับ​ขบวน​สินเดิม​ที่​ทง​โจว​!​”

​“​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ขานรับ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​หลาย​วันก่อน​ตอน​เขา​ไปหา​ข้า​ที่ลั​่ว​เย​่ว​์​ ​ก็ได้​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​ข้า​แล้ว​”

เช่นนี้​ก็​แสดงว่า​สวี​ซื่อ​ฉิน​ไปร​่วม​พิธี​ออกทุกข์​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ด้วย​!

​สือ​อี​เหนียง​จึง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ในเมื่อ​พวก​เจ้า​พี่น้อง​ได้​ปรึกษาหารือ​กัน​เรียบร้อย​ ​ข้า​ก็​จะ​ไม่​พูด​อะไร​มาก​แล้ว​ ​แต่งงาน​สาม​วัน​ไม่​แบ่งแยก​ผู้อาวุโส​และ​ผู้น้อย​ ​ปล่อยใจ​ให้​สบาย​เล่น​ให้​สนุก​”

​สวี​ซื่อ​อวี​้​ขานรับ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​จิ​่น​เกอ​เห็น​ว่า​สือ​อี​เหนียง​ไม่​เล่น​เป็นเพื่อน​เขา​เหมือนเช่น​เคย​ ​ก็​เลย​โยน​ไม้​เคาะ​ทิ้ง​ไป​ ​จากนั้น​ก็​คลาน​เข้าไป​ใน​อ้อมกอด​ของ​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกับ​ตะโกน​งอแง​เสียงดัง

​สือ​อี​เหนียง​รู้​ว่า​เขา​กำลัง​โวยวาย​จะ​ให้​นาง​อุ้ม​ ​ก็​เลย​กำลังจะ​หันไป​เรียก​แม่นม​กู้​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​เห็น​แล้วก็​รีบ​ลุกขึ้น​ทันที​ ​“​ท่าน​แม่​กำลัง​ยุ่ง​ ​เช่นนั้น​ข้า​ขอตัว​ไป​คารวะ​ท่าน​ป้า​สะใภ้​สอง​ก่อน​นะ​ขอรับ​!​”

​“​ประเดี๋ยว​อย่า​ลืม​ไป​ทานข้าว​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ด้วยกัน​”​ ​จะ​ให้​เขา​อยู่​ต่อ​ก็​ไม่มี​อะไร​จะ​พูด​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อมกับ​กำชับ​เขา​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ให้​ชิว​อวี​่​เดิน​ไป​ส่ง​เขา​ที่​หน้า​ประตู

​สวี​ซื่อ​อวี​้​คารวะ​แล้วจึง​ถอย​ออก​ไป​ ​หาง​ตายัง​ไม่วาย​จะ​หยุด​มอง​ไป​ยัง​ไม้​เคาะ​สีแดง​ที่​จิ​่น​เกอ​โยนทิ้ง​ไว้​ตรง​มุม​ของ​เตียง​เตา​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​หมุนตัว​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ไป

​สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เก็บ​ไม้​เคาะ​นั่น​ขึ้น​มา

ละเอียด​รอบคอบ​เสีย​จริง​!

​แม้แต่​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ไม่ได้​สังเกตเห็น​เสียด​้วย​ซ้ำ

นี่​คือ​ของ​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ใช้​เป็นประจำ​ ​หลาย​วันก่อน​จิ​่น​เกอ​จับ​เอาไว้​ไม่ยอม​ปล่อย​ ​ไท่ฮู​หยิน​กลัว​ว่า​จิ​่น​เกอ​จะ​ร้องไห้​ ​ก็​เลย​ให้​เขา​มา​…

​นาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​นำ​ของ​ไป​เก็บ​ ฮู​หยิน​ห้า​ก็​มาหา​พอดี

​“​กังวล​เรื่อง​เกิด​ ​ไม่​กังวล​เรื่อง​เลี้ยง​เสีย​จริง​”​ ​นาง​ยิ้ม​พร้อมกับ​จูงมือ​ของ​จิ​่น​เกอ​พา​เดิน​รอบ​ห้อง​ราว​สอง​รอบ​ ​จากนั้น​ก็​มอบ​เด็ก​ให้​กับ​แม่นม​กู้​ ​แล้วจึง​มานั​่ง​ที่​เตียง​เตา​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​หลาย​ปีก่อน​ ​วัน​ๆ​ ​ก็​เอาแต่​เฝ้าคอย​ ​ตอนนี้​เดิน​ได้เสีย​แล้ว​ ​อีก​ไม่​กี่​วัน​ก็​คงจะ​เรียก​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่​เป็น​แล้ว​กระมัง​”

​สือ​อี​เหนียง​นั่งลง​เป็นเพื่อน​นาง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​ได้ยิน​ป้า​สือ​บอกว่า​เซิน​เกอ​ชันคอ​ได้​แล้ว​หรือ​”

​พูดถึง​บุตรชาย​ของ​นาง​ขึ้น​มา​ ​ใบหน้า​ของฮู​หยิน​ห้า​ก็​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​ทันที​ ​“​ชันคอ​เป็น​บางครั้งบางคราว​เท่านั้น​ ​ได้​ประเดี๋ยวเดียว​ก็​เหนื่อย​ ​นาน​ไป​ไม่ไหว​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่กล้า​จะ​ให้​เขา​ชันคอ​นานๆ​ ​…​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูดถึง​จุดประสงค์​การ​มา​ของ​นาง​ ​“​เรื่อง​ทาง​ฝั่ง​ฉิน​เกอ​ ​ท่าน​ตั้งใจ​จะ​จัดการ​อย่างไร​”

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พร้อม​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​ข้า​ฟัง​ท่าน​โหว​”

​แต่ฮู​หยิน​ห้า​กลับ​บอกว่า​ ​“​นั่น​มัน​รายการ​ใน​บัญชี​ ​ข้า​หมายถึง​การทักทาย​ญาติ​ใน​วันที่​สอง​ของ​การ​แต่งงาน​ ​พี่สะใภ้​สี่​จะ​เตรียม​ของขวัญ​อะไร​ให้​กับ​เจ้าสาว​”

​“​เรื่อง​นี้​ต้อง​รอดู​ท่าน​แม่​อีกที​!​”

ตน​ไม่​สามารถ​มอบ​ของขวัญ​ที่​มีค่า​จน​เกินหน้า​เกิน​ตา​ไท่ฮู​หยิน​ได้

​“​ท่าน​แม่​เป็น​ผู้อาวุโส​”​ ฮู​หยิน​ห้า​พูด​ขึ้น​ ​“​ย่อม​ไม่ต้อง​มานั​่ง​ที่​ห้องโถง​รอ​เจ้าสาว​กล่าว​ทักทาย​ญาติ​อยู่​แล้ว​ ​พวกเขา​จะ​ไป​คารวะ​ท่าน​แม่​ที่​เรือน​เอง​”​ ​พูด​จบ​ ​นาง​ก็​หันมา​กะพริบตา​ให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ส่วน​เรา​นั้น​ไม่​เหมือนกัน​ ​ไม่เพียงแต่​ต้อง​รอ​รับ​เจ้าสาว​ที่​ห้องโถง​เพื่อให้​ของขวัญ​เจอกัน​ครั้งแรก​เท่านั้น​ ​ไหน​จะ​ญาติ​สกุล​เดิม​ของ​พี่สะใภ้​สาม​อีก​เป็น​โขยง​ ​พี่สะใภ้​สี่​ก็​รู้ดี​ ​หากว่า​ให้​น้อย​ไป​ ​ไม่รู้​ว่า​คน​สกุล​กาน​จะ​จัดเรียง​ลำดับ​พวกเรา​อย่างไร​ ​ข้า​ก็​เลย​ต้อง​มาป​รึก​ษา​หารือ​กับ​พี่สะใภ้​สี่​อย่างไรเล่า​!​”

​สือ​อี​เหนียง​เหมือน​จะ​เริ่ม​เข้าใจ​เจตนา​ของ​นาง​ขึ้น​มา​ ​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ความหมาย​ของ​น้อง​สะใภ้​คือ​?​”

ฮู​หยิน​ห้า​ขยับ​เข้าไป​กระซิบ​ด้วย​เสียง​อัน​เบา​ที่​ข้าง​หู​ของ​สือ​อี​เหนียง

​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​ออกมา

ฮู​หยิน​ห้า​ยัง​กำชับ​นาง​อีกว่า​ ​“​เป็นอัน​ตกลง​กัน​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ท่าน​อย่า​ได้​ทำ​พลาด​เชียว​…​”

​สือ​อี​เหนียง​รีบ​พยักหน้า​ทันที

​พอ​ถึง​วันที่​สิบห้า​เดือน​เก้า​ ​สือ​อี​เหนียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ก็ได้แต่ง​ตัว​ด้วย​ชุด​ใหม่​เพื่อ​ต้อนรับ​ขบวน​สินเดิม​ของ​ฝ่าย​หญิง

​ล้วน​เป็น​เครื่องเรือน​สีดำ​เงา​อย่างดี​ ​เงางาม​สะดุดตา​ ​เครื่องเคลือบ​ดินเผา​เป็น​ชุด​ๆ​ ​ม่าน​เตียง​ ​ผ้าห่ม​และ​ที่นอน​เก่าแก่​แบบ​ร่วมสมัย​ ​และ​ก็​มี​แบบ​ใหม่​ที่​เพิ่ง​ทำ​ขึ้น​มา​อีกด้วย​ ​ส่วน​หีบ​ที่​ใช้​ใส่​เสื้อผ้าอาภรณ์​นั้น​อัด​แน่น​จน​แทบ​ล้น​ ​สามารถ​ดูออก​ได้​อย่างชัดเจน​ ​ว่า​สินเดิม​ของ​คุณหนู​สกุล​ฟัง​ไม่​เพียง​มากมาย​เท่านั้น​ ​แต่​ยัง​ใช้ได้​จริง​ทุก​ชิ้น​อีกด้วย

​เหล่า​สตรี​ใน​ครอบครัว​ต่าง​ก็​พากัน​ชื่นชม​ไม่​ขาด​เสียง

​ใบหน้า​ของฮู​หยิน​สาม​แดงก่ำ​ ​กล่าว​ทักทาย​แขก​ผู้มาเยือน​เสียงดัง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม

​สือ​อี​เหนียง​เห็น​ป้า​รับใช้​ทั้งสอง​ของ​สกุล​ฟัง​ที่มา​ส่ง​ขบวน​สินเดิม​นั้น​แต่งตัว​ด้วย​ชุด​ที่​เรียบง่าย​ ​คำพูดคำจา​สุภาพ​ไพเราะ​แต่​ยังคง​ไว้​ซึ่ง​ความสุขุม​ ​จึง​แอบ​พยักหน้า​เบา​ๆ

​จากนั้น​ก็​มี​คน​เข้ามา​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​คือ​อาสะใภ้​สี่​ของ​ท่าน​บุตร​เขย​ใช่​หรือไม่​ ​ข้า​คือ​ป้า​สะใภ้​ใหญ่​ของ​หลาน​สะใภ้​ท่าน​!​”

​สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หันไป​มอง​ ​ก็​เห็น​หญิงสาว​รูปร่าง​ปานกลาง​ที่​แต่งงาน​แล้ว​กำลัง​จ้องมอง​มายัง​นาง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม

​“​ที่แท้​แล้วก็​เป็น​เฉวียนฝู​คน​ช่วย​ปูที่นอน​ฉิน​เกอ​นี่เอง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​กล่าว​ทักทาย​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​เจอกัน​ครั้งแรก​ ​ไม่​คุ้นหน้า​คุ้นตา​ ​ตรงไหน​ที่​เสียมารยาท​ไป​ก็​ขออภัย​ด้วย​!​”

​มาถึง​ก็​เรียก​นาง​ว่า​ ​‘​อาสะใภ้​สี่​ของ​ท่าน​บุตร​เขย​’​ ​นาง​แอบ​รู้สึก​ชื่นชม​ใน​ความสามารถ​ของ​สะใภ้​ใหญ่​สกุล​ฟัง​ผู้​นี้​ไม่น้อย

​สะใภ้​ใหญ่​จึง​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​เป็น​ผู้อาวุโส​ ​เดิมที​แล้ว​ ​ควร​เป็น​ฝ่าย​เรา​ที่มา​เยี่ยมเยียน​ท่าน​ถึง​จะ​ถูก​ ​ท่าน​พูด​เช่นนี้​ ​กลายเป็น​พวก​ข้า​ที่​เสียมารยาท​มากกว่า​”​ ​จากนั้น​สายตา​ของ​นาง​ก็​เหลือบ​ไป​มองฮู​หยิน​ห้า​ที่​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​“​นี่​คงจะ​เป็น​สะใภ้​ห้า​ใช่​หรือไม่​!​”​ ​พูด​จบ​นาง​ก็​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​ให้​กับ​ทั้งสอง​ ​“​วันข้างหน้า​คุณหนู​ใหญ่​ของ​เรา​ก็​รบกวน​พวก​ท่าน​ทั้งสองให​ช่วย​ชี้แนะ​แล้ว​!​”

​เข้า​ประตู​มาก​็​ตรง​ไปหา​สือ​อี​เหนียง​ก่อน​ ​จากนั้น​ก็​ค่อย​มาหา​นาง

ฮู​หยิน​ห้า​หันไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พูด​อะไร​กัน​!​ ​ชื่อเสียงเรียงนาม​ของ​สกุล​ฟัง​ดัง​กึกก้อง​ไป​ทั่ว​ ​ลูกหลาน​เป็น​ขุนนาง​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย​ ​ไม่​เหมือน​ตระกูล​ข้า​ ​สกุล​กำเนิด​ต้อยต่ำ​ ​หาก​มี​อะไร​ขาดตกบกพร่อง​ ​ต่อหน้า​คน​สกุล​ฟัง​ขอ​สะใภ้​ใหญ่​ช่วย​พูดจา​ส่งเสริม​ทาง​ฝั่ง​เรา​ด้วย​”

​“​มิก​ล้า​รับคำ​ชม​ของฮู​หยิน​ห้า​”​ ​สะใภ้​ใหญ่​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ชื่อเสียงเรียงนาม​หลาย​ชั่วอายุคน​ของ​บรรพบุรุษ​ ​พวก​ข้า​ลูกหลาน​รุ่นหลัง​แค่​ไม่กล้า​จะ​ละเลย​ก็​เท่านั้น​…​”

​ไม่ได้​ปฏิเสธ​คำพูด​ถ่อมตน​ของฮู​หยิน​ห้า​แต่อย่างใด

ฮู​หยิน​ห้า​เหลือบ​ไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ครู่หนึ่ง

​เห็น​นาง​ยืน​อยู่​ด้าน​ข้าง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​จึง​อดทน​ไม่​พูด​และ​โต้ตอบ​แต่อย่างใด

​อีก​ฝั่ง​ก็​มี​คน​สังเกตเห็น​ผ้าห่ม​สีแดง​สด​ที่​ปัก​ด้วย​ลาย​หงส์​แหงน​มอง​สุริยัน​ ​“​ฟูก​ปูพื้น​ยี่สิบ​สี่​ผืน​ ​ผ้าห่ม​อีก​ยี่สิบ​สี่​ผืน​ ​ข้าว​่า​ผ้าห่ม​เหล่านี้​คง​กะ​จะ​เตรียม​ให้​รุ่น​หลาน​ใช้​เลย​กระมัง​”

​สะใภ้​คน​นั้น​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ตระกูล​ใหญ่​หนาน​เจียง​ของ​เรา​เวลา​แต่ง​บุตรสาว​ก็​เป็น​เช่นนี้​กัน​ทุก​เรือน​ ​ให้ความสำคัญ​กับ​สินเดิม​ที่​ทอด​ยาว​นับ​สิบ​ลี้​ ​ถึงแม้ว่า​บุตรสาว​จะ​แต่งงาน​เข้า​เรือน​คนอื่น​ ​แต่​ของกินของใช้​รวมไปถึง​เครื่องนุ่งห่ม​ล้วน​ใช้​ของ​ทาง​สกุล​เดิม​ทั้งสิ้น​ ​หาก​มี​คน​เดือดร้อน​ขึ้น​มา​ ​ก็​ยัง​สามารถ​เอา​ออกมา​ช่วยเหลือ​ญาติ​ทาง​ฝั่ง​สามี​ได้​อีกด้วย​ ​เช่นนี้​จึง​จะ​สามารถ​ยืนหยัด​ใน​บ้าน​สามี​ได้​อย่างมั่นคง​ ​และ​สามารถ​ยืด​อก​หลัง​ตรง​ได้​อย่าง​สง่าผ่าเผย​”

​คำพูด​ประโยค​เดียว​ทำให้​เสียง​คุย​กัน​ของ​คน​ทั้ง​เรือน​เงียบกริบ​ไป​ในทันที

ฮู​หยิน​ห้า​หันไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​อีกครั้ง

​ครั้งนี้​ ​สายตา​ของ​พวก​นาง​ก็​พากัน​สับสน​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน​ ​ต่าง​ก็​สังเกตเห็น​แววตา​ที่​เต็มไปด้วย​ความแปลกใจ​ของ​กันและกัน

​สะใภ้​คน​นั้น​หัวเราะ​เสียงดัง​ด้วย​ความชอบ​ใจ​ ​“​มิเช่นนั้น​ข้า​ก็​คงจะ​ไม่​เริ่ม​เก็บ​สินเดิม​ให้​บุตรสาว​ตั้งแต่​ตอนนี้​หรอก​”

​จากนั้น​ก็​มีเสียง​หัวเราะ​ของ​ผู้หญิง​ที่​เป็นสมาชิก​ใน​ครอบครัว​ดัง​ขึ้น

​บรรยากาศ​อึมครึม​เมื่อครู่นี้​ก็​กลับมา​ครึกครื้น​อีกครั้ง

​———————————————————-

[1]​มู่​อวี​๋ ​อุปกรณ์​สำหรับ​เคาะ​สวดมนต์​ทำ​จาก​ไม้​แกะสลัก​เป็น​รูป​ปลา

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท