เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 512 คุณชายหนิงถ่ายทอดฝีมืออีกครั้ง (1)

ตอนที่ 512 คุณชายหนิงถ่ายทอดฝีมืออีกครั้ง (1)

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้เอ่ยวาจาแทงใจแต่ละประโยคนี้ถามผู้อื่น แต่กำลังลงโทษตนเอง!

ใช่แล้ว!

ในความคิดของมั่วเชียนเสวี่ยคิดว่า ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะนาง!

ใครจะเข้าใจความรู้สึกที่หัวใจถูกคว้านออกไปแบบนี้ในตอนนี้บ้าง! เหมือนกับมีดาบเล่มหนึ่งแทงเข้ามาในร่าง แล้วหมุนคว้านสุดแรง!

เจ็บปวดจนนางแทบอยากจะเป็นผู้ที่ตายแทนทูตจากชายแดนตะวันตกสามคนนั้น!

หนิงเซ่าชิงเจ็บปวดรวดร้าวใจ เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยมีท่าทางเช่นนี้…

“เชียนเสวี่ย อย่าดื้อดึงเช่นนี้ เจ้าลองคิดดูสิว่า หลังจากที่เจ้าสังหารคนแล้ว จะทิ้งหลักฐานที่ใช้สังหารคนไว้ในที่เกิดเหตุหรือไม่”

“แน่นอนว่าข้าไม่…” มั่วเชียนเสวี่ยโต้แย้งวาจาของหนิงเซ่าชิง และพลันรู้สึกตัวขึ้นมาในตอนที่ยังเอ่ยไม่จบ!

ใช่แล้ว ผู้ใดจะโง่ขนาดจะทิ้งหลักฐานในชั้นศาลไว้ในสถานที่เกิดเหตุหลังจากสังหารคนกัน!

“ท่านจะบอกว่า…”

หนิงเซ่าชิงพยักหน้า เอ่ยอย่างมั่นใจว่า “เรื่องนี้ต้องถูกคนเตรียมการเอาไว้เรียบร้อยตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว และเจิ้นหนานอ๋องก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น!”

“แต่ว่า…” มั่วเชียนเสวี่ยยังคงไม่ยอมแพ้ นางกัดริมฝีปากตนเองจนแทบจะใกล้เคียงกับการทรมานตนเอง แล้วเอ่ยอย่างดื้อดึง “แม้จะไม่ใช่เขา แต่ข้ากลับรู้สึกว่า เรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน!”

สรุปได้ว่า รู้สึกว่าเจิ้นหนานอ๋องผู้นั้น ไม่ใช่คนดีอะไร!

ซูชีเกลียดความหุนหันพลันแล่นของตนเองในครั้งที่แล้ว สถานะที่น่าอึดอัดใจของทั้งสองคนก่อนหน้านี้ ส่งผลให้เขาไม่สามารถทำอะไรในตอนนี้ได้ ทั้งๆ ที่เป็นห่วงมั่วเชียนเสวี่ยแทบตาย แต่กระทั่งวาจาปลอบใจธรรมดาๆ ประโยคหนึ่ง ก็ยังเอ่ยออกมาไม่ได้

อดกลั้นอยู่นานสองนาน ถึงได้เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งว่า “เชียนเสวี่ยวางใจเถอะ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด พวกเราไม่มีทางยอมให้เขาได้มีชีวิตเป็นอิสระหรอก!”

หนิงเซ่าชิงไม่ได้เอ่ยอะไรในเรื่องนี้ แต่กลับไปกอดมั่วเชียนเสวี่ย พยายามทำให้อารมณ์ที่ระเบิดออกมาของนางสงบลง

มั่วเชียนเสวี่ยรีบเปลี่ยนความคิด พลางเอ่ยหน้า ปัดแขนหนิงเซ่าชิงที่พยายามกอดนางเอาไว้ออกไป นางไม่ได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น

“ฮ่องเต้ทำผิดมีโทษเท่าสามัญชน! ในเมื่อสถานที่เกิดเหตุมีหลักฐานที่ใช้สังหารคนของเจิ้นหนานอ๋อง ฮ่องเต้จะไม่เรียกตัวเจิ้นหนานอ๋องไปสอบถามเลยหรือ เหตุใดที่ว่าการแม่ทัพเก้าประตูของพวกท่านไม่ไปหาเรื่องเจิ้นหนานอ๋อง แต่กลับมาหาข้าที่บ้านไร่กัน”

แม้ว่าเขาไม่ได้สังหารคน แต่ก็ไม่อาจให้เขาลอยนวลไปได้ ต้องสร้างความเดือดร้อนให้เขาสักหน่อย

จำเป็นต้องกล่าวว่า วาจานี้ของมั่วเชียนเสวี่ยถามได้ตรงประเด็นมาก

ซูชีหรี่ตาลง สายตามีแววอันตรายเล็กน้อย “เรื่องนี้กำลังสืบสวนอยู่ ตอนนี้เจิ้นหนานอ๋องอยู่ในวังหลวง เรื่องนี้ส่งผลกระทบใหญ่หลวง ฮ่องเต้มอบหมายให้แม่ทัพเก้าประตูสืบสวนเรื่องนี้ ให้ขุนนางของที่ว่าการแม่ทัพเก้าประตูนำตัวเจ้ากลับไปสอบถามที่เมืองหลวง”

ต่อมา ซูชีก็เอ่ยข่าวลือในเมืองหลวงแต่ละข่าวออกมา

ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยที่ได้ยินโมโหเป็นอย่างมาก!

แทนที่จะยอมรับผิด กลับย้อนมาเรื่องนางแทนเสียนี่? ยิงธนูดอกเดียวได้นกหลายตัว!

ดูท่า ฝ่ายตรงข้ามจะเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมมาก

นกนางแอ่นบินผ่านยังทิ้งเสียงเอาไว้ คนผ่านไปย่อมทิ้งร่องรอยไว้เช่นกัน แม้เจ้าจะเจ้าเล่ห์เพียงใด ก็หนีไม้พ้นความยุติธรรมตามกฎแห่งธรรมชาติ

คนที่ติดตามซูชีเข้ามาในที่นี้ล้วนเป็นคนสนิท เขาจึงไม่มีสิ่งใดต้องพะวง

เขาไม่เพียงแต่ไม่นำตัวมั่วเชียนเสวี่ยกลับไปสอบถามที่เมืองหลวง แต่ยังเอ่ยความคิดของตนเองที่มีต่อเรื่องกับมั่วเชียนเสวี่ย เพื่อให้นางระมัดระวังตัวโดยไม่หลีกเลี่ยงอีกด้วย

ทว่า เขาไม่มีเหตุผลอันใดให้ต้องอยู่ต่อ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือ พยายามปกป้องนางสุดความสามารถ รักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ ให้นางได้รับความไม่เป็นธรรมน้อยลง

ซูชีเอ่ยจบด้วยสีหน้าหม่นหมอง มั่วเชียนเสวี่ยสบตากับหนิงเซ่าชิง และคิดถึงคนผู้หนึ่งในเวลาเดียวกัน

หนิงเซ่าชิงพยักหน้านิ่งๆ ความคิดของมั่วเชียนเสวี่ยล่องลอยไปไกล วันนี้เป็นวันมงคลของนาง ผู้อื่นต้องการให้นางใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุข นางไม่ยอม นางจะอยู่ในบ้านไร่อย่างเบิกบานมีความสุข

พรุ่งนี้…นางค่อยโต้กลับ

นางจะเข้าเมืองหลวงไปพบฮ่องเต้ ในเมื่อคนผู้นั้นอยากให้นาง ฮ่องเต้ เจิ้นหนานอ๋อง และชายแดนตะวันตกเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน คิดจะกวนน้ำในสระนี้ให้ขุ่น เช่นนั้นนางก็จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ให้ชีวิตของเจิ้นหนานอ๋องผู้นั้นไม่สงบ เป็นการเก็บดอกเบี้ยเล็กน้อย

จากนั้นค่อย…

ความเจ็บปวดของนาง ต้องชดใช้ด้วยเลือด!

คิดไปคิดมา มุมปากของมั่วเชียนเสวี่ยก็มีรอยยิ้มที่อธิบายออกมาไม่ได้ประดับเอาไว้ชัดเจน

ทำให้ผู้คนเย็นยะเยือก

หนิงเซ่าชิงยื่นมือไปกอดนาง

ซูชีเห็นหนิงเซ่าชิงยืนอยู่ข้างกายมั่วเชียนเสวี่ยด้วยท่าทางต้องการปกป้องนางแล้ว ก็ทำได้แค่ฝืนกลืนวาจาปลอบโยนด้วยความสงสารที่มาถึงริมฝีปากลงไป ประสานมือคารวะอย่างเกรงใจ แล้วถอยออกไป

ท่านหญิงซูซูเดินตามหลังซูชี เห็นทั่วร่างเขาแผ่กลิ่นอายทุกข์ระทมและหดหู่ใจออกมา ก็อดเร่งฝีเท้าขึ้นไปข้างหน้าหลายก้าวไม่ได้

“ซูชี…ท่านไม่ต้องห่วง เชียนเสวี่ยไม่มีทางเป็นอะไร!”

ซูซูกระซิบเสียงนุ่มนวล แต่ซูชีตอบกลับอย่างใจร้ายว่า “เจ้าไม่ใช่นาง เจ้าจะรู้ได้เช่นไรว่านางไม่อะไร”

ท่านหญิงซูซูพลันนิ่งอึ้ง มองเงาร่างของซูชีหันหลังจากไปอยู่ตรงนั้น โดยไม่ได้สติกลับมานานสองนาน

ตอนนี้นางรู้สึกน้อยใจยิ่งนัก

นางกล่าวอันใดแล้วหรือ นางแค่อดสงสารไม่ได้ จึงได้ปลอบใจซูชี แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นนี้

ยิ้มขมขื่นอย่างจนปัญญา

ซูซู นี่เป็นสิ่งที่ตัวเจ้าเลือกทั้งหมดไม่ใช่หรือ ตอนนี้เจ้าถูกผู้อื่นด่าทอต่อว่า แล้วจะรู้สึกน้อยใจอะไรอีก

นางหมุนตัวมองไปยังทิศทางของบ้านไร่ มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอิจฉา

บางครั้ง นางก็อิจฉามั่วเชียนเสวี่ย ที่ได้รับความรักและทะนุถนอมอันไร้ขอบเขตจากหนิงเซ่าชิง ได้รับความรู้สึกทั้งหมดจากเฟิงอวี้เฉินมากจริงๆ และกระทั่งซูชี…ก็ยังมอบอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ให้กับมั่วเชียนเสวี่ยเช่นกันไม่ใช่หรือ

นางลืมกลิ่นอายตึงเครียดที่แผ่ออกจากร่างเขาในเสี้ยววินาทีที่เขารู้ว่า คดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นทางชานเมืองทางใต้นั้นเป็นทูตจากชายแดนตะวันตกไม่ลง!

บางที ตอนนั้นเขาคงเป็นกังวลว่า เมื่อเรื่องนี้ถูกมั่วเชียนเสวี่ยรู้เข้า นางจะรับไม่ไหว

เมื่อใด เขาถึงจะมองเห็นว่าด้านหลังเขามีคนคนหนึ่งแหงนหน้ามองเขา อยู่เป็นเพื่อนเขา เดินตามรอยเท้าเขาตลอด

เมื่อใด เขาถึงจะมองเห็นว่า ข้างกายเขายังมีซูซูอีกคนหนึ่ง

เมื่อใด เขาถึงจะแบ่งความรักอันน้อยนิดให้กับตนเอง

ซูซูใช้นิ้วมือแตะใบหน้าที่เย็นเยียบ และค้นพบว่าเป็นน้ำตา

อดไม่ได้ที่จะมองฟ้า พยายามเงยหน้า หวังว่าจะบังคับน้ำตาให้ไหลย้อนกลับไป จากนั้น…จากนั้น ก็เร่งฝีเท้าตามไป…

อวี่เสวียนตามหาไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ยังหาชังมู่ไม่พบ

แต่นางรู้ว่า ชังมู่ยังอยู่ในบ้านไร่แน่นอน

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ตอนนี้เขาไปนั่งทุกข์ใจอยู่ที่มุมไหน

“ชังมู่? ชังมู่?”

นางตามหาไปทั่ว แต่ยังคงหาไม่เจอ จึงอดร้อนใจไม่ได้!

ตอนนี้ ในเมื่อมีคนคิดจะสังหารทูตที่มาจากชายแดนตะวันตกของพวกนางอย่างโจ่งแจ้ง และชังมู่ก็เป็นหนึ่งในทูตจากชายแดนตะวันตก และเป็นคนที่มีฐานะสูงสุดในบรรดาทูตทั้งหมด อวี่เสวียนจะไม่กลัวได้อย่างไร

นางกลัวว่า…หลังจากพวกแม่ทัพจางถูกลอบสังหารแล้ว ชังมู่ก็จะถูกซุ่มโจมตีด้วยเช่นกัน!

“ชังมู่…เจ้าอย่าทำให้ข้ากลัว!”

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท