ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 528 เกิดความขัดแย้ง (กลาง)

ตอนที่ 528 เกิดความขัดแย้ง (กลาง)

​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็นท่า​ที​ไม่สบายใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​เข้าใจผิด​ว่านาง​ไม่สบายใจ​เรื่อง​จับ​เสี่ยงทาย​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​จึง​โอบ​ไหล่​แล้ว​เอ่ย​ปลอบใจ​นาง​ ​“​ความเข้าใจ​โลก​ก็​นับเป็น​ความรู้​ ​คนที​่​เข้าใจ​คน​ถือเป็น​คนฉลาด​ ​ไม่รู้​ว่า​ใน​กองทัพ​มี​คน​กี่​คนที​่​มีฝีมือ​การต่อสู้​ที่​ยอดเยี่ยม​ ​แต่​สุดท้าย​ก็​เป็น​แค่​หัวหน้า​หน่วย​ ​แล้วก็​ไม่รู้​ว่า​มี​คนอ่อนแอ​กี่​คนที​่​ได้​เป็น​แม่ทัพ​ ​แต่​ที่​สำคัญ​คือ​ต้อง​ดู​ว่า​คน​คน​นั้น​ทำ​อะไร​เชี่ยวชาญ​หรือไม่​ ​ในเมื่อ​จิ​่น​เกอ​ของ​เรา​จับ​กระบอก​สุรา​ ​ต่อไป​เขา​ต้อง​เป็น​คนที​่​มีส​หาย​มากมาย​แน่นอน​ ​คนที​่​มีส​หาย​คอย​ช่วยเหลือ​ ​ทำ​อะไร​ก็​ไม่ต้อง​หวาดกลัว​!​”

​มองดู​ดวงตา​ที่​เป็นห่วง​ตัวเอง​ของ​เขา​ ​สือ​อี​เหนียง​แอบ​ถอนหายใจ​ใน​ใจ

การ​ที่​ซื่อ​เหนียง​มาหา​นาง​ ​ก็​เพราะ​อยาก​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ออกหน้า​ข่มขู่​ส่วน​ราชการ​ไม่​ให้​พวกเขา​เข้าไป​ยุ่ง​เรื่อง​ทายาท​ของ​สกุล​จู​ ​แต่​หาก​ทำ​เช่น​นนี​้​ ​ดึง​สวี​ลิ่ง​อี๋​เข้าไป​ยุ่ง​เรื่อง​ของ​สกุล​อื่น​ ​มัน​จะ​ส่งผล​กระทบ​ต่อ​ชื่อเสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

​นาง​โอบ​เอว​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ก่อน​จะ​ตัดสินใจ​พูด​ออกมา

​“​ชี​เหนียง​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​เจ้าค่ะ​!​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตกใจ​ ​“​ทะเลาะ​กับ​จู​อาน​ผิง​อีกแล้ว​หรือ​”

​“​ตอนนั้น​แขกเหรื่อ​อยู่​ด้วย​มากมาย​ ​ซื่อ​เหนียง​จึง​พูด​ไม่ชัด​เจน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อ​อีกว่า​ ​“​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​ไปหา​นาง​เพื่อ​ถามไถ่​ดีกว่า​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​“​ให้​ข้า​ช่วย​เกลี้ยกล่อม​จู​อาน​ผิง​หรือไม่​”

​“​ดู​สถานการณ์​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​เถิด​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ต่อ​อีก​ ​“​เรื่อง​ระหว่าง​สามีภรรยา​เป็นเรื่อง​ที่​คาดเดา​ไม่ได้​มาก​ที่สุด​ ​บางที​เกลี้ยกล่อม​อาจจะ​เป็นการ​ช่วยเหลือ​ ​แต่บางที​ก็​อาจจะ​เป็นการ​เทน​้ำ​มัน​ราด​ลง​ใน​กองไฟ​ก็ได้​”

​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​ว่า​ชี​เหนียง​เอาแต่ใจตัวเอง​มาต​ลอด​ ​ส่วน​จู​อาน​ผิง​ก็​เป็น​คน​ใจกว้าง​ ​เขา​จึง​รู้สึก​ว่า​ครั้งนี้​ชี​เหนียง​คง​เป็น​คน​ก่อเรื่อง​อีกแล้ว​ ​เลย​ไม่​ถาม​อะไร​สือ​อี​เหนียง​อีก​ ​พูดคุย​กับ​นาง​สอง​สาม​ประโยค​จากนั้น​ก็​นอนหลับ​พักผ่อน​

​วัน​ต่อมา​ ​สือ​อี​เหนียง​บอกว่า​จะ​ไปหา​ซื่อ​เหนียง​ ​นาง​จึง​พา​จู๋​เซียง​ไป​ที่​จวน​ของ​ซื่อ​เหนียง​ด้วย​

​อวี​๋​อี๋​ชิง​ไม่อยู่​ที่​จวน​ ​ซื่อ​เหนียง​เห็น​สือ​อี​เหนียง​มาหา​ก็​ตกใจ​ ​นาง​พูดว่า​ ​“​เจ้า​มา​แล้ว​หรือ​”​ ​จากนั้น​ก็​พานาง​ไป​ที่​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ของ​เรือน​หลัง

​ห้อง​ปีก​สะอาดสะอ้าน​และ​เป็นระเบียบ​ ​ตกแต่ง​เรียบง่าย​และสง่า​งาม​ ​สือ​อี​เหนียง​มอง​ไป​ยัง​สตรีที​่​รูปร่าง​ผอมบาง​และ​สีหน้า​สับสน​ที่นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​อยู่นาน​ ​จากนั้น​ก็​ตะโกนเรียก​ ​“​พี่​หญิง​เจ็ด​”​ ​เบา​ๆ

​ชี​เหนียง​มอง​มาที​่​นาง​แล้ว​ยิ้ม​ ​“​ข้า​ดู​ไม่​เหมือน​คน​เดิม​แล้ว​เช่นนั้น​หรือ​ ​เจ้า​ถึง​จำ​ข้า​ไม่ได้​”

​สือ​อี​เหนียง​ไม่กล้า​โกหก​หน้าตาย​ ​นาง​จึง​เงียบ​อยู่​ครู่หนึ่ง

​ชี​เหนียง​ชี้​ไป​ที่​เตียง​เตา​ฝั่ง​ตรงข้าม​ ​“​นั่ง​คุย​กัน​เถิด​!​ ​ครั้งนี้​ยัง​ต้องการ​ความช่วยเหลือ​จาก​เจ้า​!​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เย็นชา​ปน​เย่อหยิ่ง

​ซื่อ​เหนียง​มอง​นาง​ด้วย​สายตา​ที่​รู้สึก​ผิด​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ ​“​นาง​สติส​ตัง​ไม่​ค่อย​อยู่​กับ​เนื้อ​กับ​ตัว​ ​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​เห็นแก่​ข้า​ ​ยอม​นาง​หน่อย​เถิด​!​”

​สือ​อี​เหนียง​มอง​ซื่อ​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​บอกว่า​ ​‘​ข้า​รู้​แล้ว​’​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ตรงข้าม​ชี​เหนียง​

​ใน​ห้อง​ไม่มี​บ่าว​คอย​รับใช้​ ​ซื่อ​เหนียง​จึง​ไป​ชงชา​ให้​สือ​อี​เหนียง​ด้วยตัวเอง​ ​ชี​เหนียง​พูด​เบา​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เขา​สัญญา​กับข้าว​่า​หาก​ไม่ได้​จริงๆ​ ​ก็​ให้​รับ​บุตร​ของ​ใคร​สัก​คนใน​บรรดา​พี่น้อง​มา​เลี้ยง​เป็น​บุตรบุญธรรม​ ​ในเมื่อ​ตอนนี้​จะ​รับ​บุตรบุญธรรม​มา​เลี้ยง​ ​ก็​ต้อง​รับ​บุตร​ใน​บรรดา​พี่น้อง​ของ​เรา​มา​เลี้ยง​”

​สือ​อี​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​ประหลาดใจ

หาก​จู​อาน​ผิง​เห็นด้วย​ ​แล้ว​เหตุใด​ชี​เหนียง​ถึง​ต้อง​พูด​ย้ำคำ​สัญญา​นั้น​ซ้ำไปซ้ำมา

​นาง​ไม่​พูด​อะไร​ ​รับ​ชา​ที่​ซื่อ​เหนียง​ยื่น​ให้​มา​จิบ​จากนั้น​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​“​พี่เขย​เจ็ด​ไม่ได้​มาด​้วย​หรือ​เจ้า​คะ​”

​ชี​เหนียง​เม้มปาก​แล้ว​บอกว่า​ ​“​ไม่ได้​มาด​้วย​”​ ​อย่างตรงไปตรงมา​ ​แต่​ซื่อ​เหนียง​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​กลับ​บอกว่า​ ​“​มาด​้วย​”​ ​ทันทีที่​พวก​นาง​พูด​ออกมา​พร้อมกัน​ ​ก็​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​งุนงง​ไม่รู้​ว่า​จู​อาน​ผิง​มา​หรือว่า​ไม่​มากัน​แน่

​ซื่อ​เหนียง​จึง​มองหน้า​ชี​เหนียง​แล้ว​รีบ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​มา​อยู่​ที่นี่​สอง​วัน​ ​แต่​เกิดเรื่อง​ที่​จวน​จึง​กลับ​ไป​ที่​เกา​ชิง​แล้ว​ ​บอกว่า​อีก​สอง​วัน​จะ​มารับ​ชี​เหนียง​”​ ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​มีกลิ่น​อาย​ของ​การ​ช่วย​ชี​เหนียง​ปิดบัง​อะไร​บางอย่าง

เรื่อง​บาง​เรื่อง​ก็​ไม่จำเป็น​ต้อง​ถาม​แล้ว​

​สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​นาง​พูด​ ​“​เรื่อง​รับ​บุตรบุญธรรม​มา​เลี้ยง​เป็นเรื่อง​ใหญ่​ ​พี่​หญิง​เจ็ด​อย่า​ใจร้อน​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลา​

​ชี​เหนียง​พยักหน้า​ ​ซื่อ​เหนียง​ออก​ไป​ส่ง​สือ​อี​เหนียง

​พวก​นาง​สอง​คน​เดิน​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ใน​ห้อง​ข้างใน​ของ​เรือน​ซื่อ​เหนียง​

​“​ฉี่​เกอ​ล่ะ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​หยิบ​ถุง​ผ้า​ออกมา​จาก​แขน​เสื้อ​ ​“​ครั้งก่อน​ไป​ปล่อยนก​ปล่อย​ปลา​ให้​จิ​่น​เกอ​ที่​วัด​ฉือ​หยวน​ ​ได้​บูชายันต์เ​เคล​้ว​คลาด​มาด​้วย​จึง​นำมา​ให้​จิ​่น​เกอ​และ​ฉี่​เกอ​คนละ​ชิ้น​”

​ซื่อ​เหนียง​รับ​มา​ ​เอ่ย​ขอบคุณ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​เก็บ​ไว้​ใน​กล่อง​ข้างๆ​ ​“​เขา​อยู่​กับ​แม่นม​!​”​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​สาวใช้​เข้ามา​ ​“​อุ้ม​คุณชาย​น้อย​สาม​มาคา​รวะ​ท่าน​น้า​หญิง​เถิด​!​”

​สือ​อี​เหนียง​จึง​ถามถึง​อวี​๋​เฉิง​และ​อวี​๋​ลี่​สอง​พี่น้อง​ ​“​ไป​เรียน​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”

​ซื่อ​เหนียง​พยักหน้า​ ​“​ความต้องการ​ของ​พี่เขย​สี่​ของ​เจ้า​ ​เขา​อยาก​ให้​เฉิง​เกอ​ลอง​ลงสนาม​สอบ​ปีหน้า​ ​ช่วงนี้​กำลัง​เล่าเรียน​อย่างหนัก​!​”

​ขณะที่​นาง​พูด​ ​แม่นม​ก็​อุ้ม​ฉี่​เกอ​วัย​ครึ่ง​ขวบ​เดิน​เข้ามา​

​“​ไอ​๊​หยา​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อุ้ม​เขา​ ​“​อ้วนท้วม​น่ารัก​เสีย​จริง​!​”​ ​จากนั้น​ก็​มองดู​ฉี่​เกอ​แล้ว​มองดู​ซื่อ​เหนียง​ ​“​จมูก​และ​ตา​เหมือน​พี่​หญิง​สี่​อย่าง​กับ​แกะ​เจ้าค่ะ​”

​ซื่อ​เหนียง​ยิ้ม​ ​นาง​บีบ​จมูก​ของ​บุตรชาย​เบา​ๆ​ ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​มี​คน​บอกว่า​เหมือน​ข้า​ ​แล้วก็​มี​คน​บอกว่า​เหมือน​พี่เขย​สี่​ของ​เจ้า​ ​แต่​เขา​ยัง​เด็ก​ ​ยัง​ดู​ไม่​ออก​ว่า​เหมือน​ใคร​กัน​แน่​!​”

​สือ​อี​เหนียง​จึง​หยิบ​กลอง​ป๋อง​แป​๋ง​ข้างๆ​ ​มา​เล่น​กับ​ฉี่​เกอ

​“​น่าเสียดาย​ที่​จิ​่น​เกอ​หน้าตา​เหมือน​ท่าน​โหว​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​แต่​พอคิด​ว่า​เขา​คือ​บุตรชาย​ที่​ข้า​ตั้งครรภ์​มาก​ว่า​สิบ​เดือน​ ​ข้า​ก็ดี​ใจ​แล้ว​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ถาม​ซื่อ​เหนียง​ ​“​พี่​หญิง​สี่​เจ้า​คะ​ ​ท่าน​คิด​ว่า​แม่​ทุกคน​เป็น​เช่นนี้​ใช่​หรือไม่​”

​ซื่อ​เหนียง​เห็น​นาง​ถาม​เช่นนี้​ก็​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​คน​เป็น​แม่​ก็​เป็น​แบบนี้​กัน​ทุกคน​!​”

​สือ​อี​เหนียง​เม้มปาก​ยิ้ม​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​ใน​บรรดา​บุตรสาม​คน​ ​พี่​หญิง​สี่​คงจะ​โปรดปราน​ฉี่​เกอ​มาก​ที่สุด​!​”

​ซื่อ​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เหตุใด​เจ้า​ถึง​พูด​เช่นนี้​”

​“​ข้า​คิด​ว่า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ฉี่​เกอ​หน้าตา​เหมือน​พี่​หญิง​สี่​แบบนี้​ ​เมื่อ​เขา​โต​ไป​แล้วแต่​งงาน​ ​เขา​ก็​จะ​มี​หลาน​ที่​หน้าตา​เหมือน​พี่​หญิง​สี่​ ​จากนั้น​หลาน​ก็​คลอด​เหลน​ที่​หน้าตา​เหมือน​พี่​หญิง​สี่​อีก​…​พี่​หญิง​สี่​เห็น​แบบนี้​ ​คงจะ​ดีใจ​กระทั่ง​นอนหลับ​ก็​ยัง​ยิ้ม​กระมัง​”​ ​นาง​เน้นย้ำ​ ​“​หาก​เป็น​ข้า​ ​ข้า​คงจะ​นอน​ยิ้ม​แน่นอน​”

​ซื่อ​เหนียง​ได้​ฟัง​แล้วก็​หัวเราะ

​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​มองดู​ซื่อ​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​พี่​หญิง​สี่​ ​เหตุใด​ท่าน​ถึง​ยอม​ปล่อย​ให้​ฉี่​เกอ​ไป​อยู่​กับ​คนอื่น​เล่า​!​”

​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​ซื่อ​เหนียง​พลัน​แข็งทื่อ​

​สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​อย่าง​แผ่วเบา​ ​“​พี่​หญิง​สี่​คือ​คนที​่​มี​ความคิด​เป็น​ของ​ตัวเอง​มาก​ที่สุด​ใน​บรรดา​พี่น้อง​ ​หาก​เป็น​ข้า​ ​ข้า​ไม่มีทาง​ทำ​เช่นนั้น​แน่นอน​”

​น้ำตา​ค่อยๆ​ ​ริน​ไหล​ออกมา​จาก​เบ้าตา​ของ​ซื่อ​เหนียง​ ​นาง​หันหน้า​ออก​ไป​แล้ว​ก้มหน้า​ซับ​น้ำตา

​“​พี่​หญิง​สี่​ ​เรื่อง​นี้​…​พี่​หญิง​ต้อง​คิด​ให้​ดีนะ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​มีความผิด​หวัง​ ​“​หาก​ปล่อย​ให้​ฉี่​เกอ​ไป​ยัง​เกา​ชิง​ ​เขา​ก็​จะ​ไม่ใช่​บุตร​ของ​พี่​หญิง​อีกต่อไป​แล้ว​ ​แล้ว​อีก​อย่าง​ ​สถานการณ์​ของ​สกุล​จู​วุ่นวาย​ซับซ้อน​ ​หาก​พี่​หญิง​เจ็ด​เป็น​คนดู​แล​จวน​ต่อไป​ก็​คงดี​ ​แต่​หากว่า​ไม่​…​บุตร​ของ​พี่​หญิง​ต้อง​อยู่​ที่​สกุล​จู​ ​ถึง​ตอนนั้น​พี่​หญิง​สี่​จะ​ทำ​เช่นไร​…​”

​แต่​นาง​ยัง​พูด​ไม่ทัน​จบ​ก็​ถูก​ซื่อ​เหนียง​พูด​ขัดจังหวะ

​“​เจ้า​หยุด​พูด​เถิด​!​”​ ​นาง​พูด​อย่าง​แน่วแน่​ ​“​ข้า​ทน​มอง​ชี​เหนียง​ถูก​คน​สกุล​จู​เหยียบย่ำ​เช่นนี้​ต่อไป​ไม่ได้​…​”

​“​พี่​หญิง​สี่​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มองดู​ซื่อ​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​หาก​พี่​หญิง​เจ็ด​เป็น​คนดู​แล​จวน​สกุล​จู​ ​คลอด​บุตรชาย​ที่​กตัญญู​ ​อีก​หนึ่งร้อย​ปี​ถูกต้อน​รับ​เข้าไป​ใน​ศาล​บรรพชน​สกุล​จู​ ​นี่​ถึง​จะ​ถือเป็น​ชัยชนะ​ที่แท้​จริง​ของ​พี่​หญิง​เจ็ด​ ​แต่​ไม่ใช่​การ​รับ​บุตร​ของ​ใคร​มา​เลี้ยง​เป็น​บุตรบุญธรรม​เช่นนี้​”

​“​ข้า​จะ​ไม่รู้​ได้​เช่นไร​!​”​ ​สีหน้า​ของ​ซื่อ​เหนียง​ผ่อนคลาย​ลง​ ​“​แต่​ชีวิต​เป็น​ของ​ชี​เหนียง​ ​ต้อง​ให้​นาง​ยอม​ทำ​เช่นนั้น​”

​สือ​อี​เหนียง​มองดู​ซื่อ​เหนียง​ด้วย​สายตา​ที่​แน่วแน่​ ​“​เรา​ทุกคน​ไม่​ช่วย​นาง​ ​แต่​หาก​ผ่าน​ไป​อีก​สักหน่อย​ ​พี่​หญิง​เจ็ด​ก็​จะเข้า​ใจ​เอง​”

​ซื่อ​เหนียง​หน้าแดง​

​คำพูด​ของ​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ตำหนิ​นาง​ว่านาง​ไม่มีเหตุผล​ ​ปล่อย​ให้​ชี​เหนียง​ก่อเรื่อง​เช่นนี้​

​“​ข้า​บอก​นาง​ว่า​ ​สตรี​หาก​หย่า​แล้วก็​ต้อง​กลับ​สกุล​เดิม​ ​นาง​บอกว่า​นาง​ยอม​กลับ​สกุล​เดิม​ ​ข้า​ไล่​นาง​ออก​ไป​ ​นาง​ก็​จะ​ไป​ตัดผม​ที่​วัด​”​ ​ซื่อ​เหนียง​เช็ดน้ำ​ตา​ ​“​ท่าน​พ่อ​และ​ท่าน​แม่​…​ไม่ได้​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​ ​คน​เป็น​พี่​อย่าง​ข้า​ ​จะ​มองดู​นาง​ทำ​เรื่องเหลวไหล​เช่นนั้น​ได้​อย่างไร​”​ ​นาง​พูด​ ​“​แล้ว​ตอนนั้น​จู​อาน​ผิง​ก็​ตอบ​ตกลง​ให้​รับ​บุตร​ใคร​สัก​คนใน​บรรดา​พี่น้อง​ของ​เรา​มา​เลี้ยง​เป็น​บุตรบุญธรรม​ ​ชี​เหนียง​เป็น​คน​ไร้เดียงสา​ ​ตอนนี้​สกุล​จู​เปิด​ศาล​บรรพชน​โดย​ไม่​ถาม​นาง​สัก​คำ​ ​เจ้า​จะ​ให้​นาง​คิด​เช่นไร​!​”

เพราะ​พวก​นาง​เป็น​พี่น้อง​แม่​เดียวกัน​ ​ทั้งๆ​ ​ที่​รู้​ว่า​ชี​เหนียง​ทำไม​่​ถูก​ ​แต่​นาง​ก็​ยัง​ปกป้อง​ชี​เหนียง​

​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​อย่าง​ขมขื่น​ ​นาง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​พี่​หญิง​สี่​เจ้า​คะ​ ​พี่​หญิง​เคย​คิด​หรือไม่​ว่า​ทำไม​ครั้งนี้​สกุล​จู​ถึง​รีบร้อน​เช่นนี้​ ​ไม่​ให้​สกุล​หลัว​ของ​เรา​มีทาง​หนี​ที​ไล่​เลย​แม้แต่น้อย​”

​ซื่อ​เหนียง​มาป​รึก​ษา​สือ​อี​เหนียง​ ​ก็เพราะว่า​ใน​บรรดา​พี่น้อง​ด้วยกัน​สือ​อี​เหนียง​เป็น​คนฉลาด​ ​เดิมที​ซื่อ​เหนียง​ก็​ไม่ได้​อยาก​จะ​ปิดบัง​อยู่​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ถาม​เช่นนี้​ ​นาง​จึง​ตอบกลับ​อย่างตรงไปตรงมา​ ​“​ชี​เหนียง​อะไร​นิด​อะไร​หน่อย​ก็​กลับ​สกุล​เดิม​ ​เลย​ทำให้​คนใน​สกุล​จู​รู้สึก​อับอาย​ ​โดยเฉพาะ​ครั้งก่อน​ที่​เดินทาง​จาก​ซาน​ตง​มา​เยี​่​ยน​จิง​ ​คน​ทั้ง​ซาน​ตง​ล้วนแต่​ลือ​กัน​ว่า​สกุล​จู​ทำผิด​ต่อ​ชี​เหนียง​ ​นาย​หญิง​ผู้เฒ่า​สกุล​จู​โมโห​ ​เจอ​ชี​เหนียง​ก็​ตำหนิ​ชี​เหนียง​ ​แล้ว​ชี​เหนียง​ก็​ยัง​เป็น​คนรัก​ใน​ศักดิ์ศรี​ของ​ตัวเอง​ ​นาย​หญิง​ผู้เฒ่า​สกุล​จู​ยิ่ง​พูด​เช่นนั้น​ ​นาง​ก็​ยิ่ง​ไม่สน​ใจ​ ​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​ ​คนอื่น​ก็​คิด​ว่า​ชี​เหนียง​ไม่รู้​ความ​ ​เย่อหยิ่ง​ ​บวก​กับ​การ​ที่นาง​ไม่มี​บุตร​ ​คนใน​สกุล​จู​ให้ความสำคัญ​กับ​ทายาท​ของ​ตระกูล​ ​จึง​ไป​บอก​นาย​หญิง​ผู้เฒ่า​สกุล​จู​จึง​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​เรื่อง​มาถึง​ขั้น​นี้​แล้ว​ ​ไม่ใช่​เวลา​ที่จะ​มาตัด​สิน​ว่า​ใคร​ถูก​หรือ​ผิด​ ​บุตรสาว​สกุล​หลัว​อย่าง​เรา​ ​จะ​ปล่อย​ให้​คนอื่น​รังแก​เช่นนี้​ไม่ได้​ ​น้อง​สาม​ขี้ขลาด​ตาขาว​ ​หวัง​อะไร​จาก​เขา​ไม่ได้​ ​ข้า​บอก​พี่ใหญ่​แล้ว​ ​พี่ใหญ่​ก็​เห็นด้วย​กับ​ข้า​ ​ทาง​ฝั่ง​สกุล​จู​ ​พี่ใหญ่​จะ​เป็น​คน​ออกหน้า​พูด​ให้​ ​เจ้า​แค่​เกลี้ยกล่อม​ให้ท่าน​โหว​ไป​พูด​กับ​ส่วน​ราชการ​บอก​ให้​ส่วน​ราชการ​ไม่ต้อง​เข้ามา​ยุ่ง​เรื่อง​นี้​ก็​พอแล้ว​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ก็​ดู​ครุ่นคิด​ ​“​จะ​ปล่อย​ให้​สกุล​จู​แต่งตั้ง​ซื่อ​จื่อ​เช่นนี้​ไม่ได้​ ​ไม่เช่นนั้น​ ​ถึงแม้ว่า​ชี​เหนียง​จะ​เป็น​นาย​หญิง​ของ​สกุล​จู​ ​ถึง​ตอนนั้น​นาง​ก็​คง​เป็น​แค่​หุ่นเชิด​ ​ไม่​สู้​ไม่มี​ทายาท​ยัง​จะ​ดี​เสีย​กว่า​”

​สือ​อี​เหนียง​มองดู​ซื่อ​เหนียง​ที่​หลบตา​ตัวเอง​ ​ก็​รู้​ว่าวิ​ธี​นี้​ไม่ได้ผล

​นาง​จึง​กลับ​จวน

​*****

​เสียง​กีบ​ม้า​กระทบ​กับ​พื้นถนน​ ​หัว​ของ​สือ​อี​เหนียง​หมุน​อย่างรวดเร็ว

บอก​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​แล้ว​…​ถึงแม้ว่า​ตัวเอง​ไม่​พูด​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ถึง​ตอนนั้น​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​ต้อง​มา​ขอร้อง​สวี​ลิ่ง​อี๋​…​ตั้งแต่​นาง​แต่ง​เข้ามา​อยู่​ใน​จวน​สกุล​หลัว​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่เคย​ปฏิเสธ​สกุล​หลัว​เลย​สักครั้ง​…

​คิด​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​ขมวดคิ้ว​แน่น

​รถม้า​หยุด​เดิน​

​“ฮู​หยิน​เจ้าค่ะ​ ​ถึง​จวน​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​ท่าน​ป้า​ผู้ติดตาม​รายงาน​อยู่​นอก​ม่าน​ด้วย​ความเคารพ​

​สือ​อี​เหนียง​จับ​ไหล่​ป้า​ซ่ง​เดินลง​มาจาก​รถม้า​อย่าง​เหม่อลอย

​มีสาว​ใช้​สอง​สาม​คน​กระซิบกระซาบ​กัน​แล้ว​เดิน​มาทาง​นี้​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ ​พวก​นาง​ก็​กลั้นหายใจ​แล้ว​ยืม​ก้มหน้าก้มตา​ข้าง​กำแพง

​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​

​“ฮู​หยิน​”​ ​ป้า​ซ่ง​กระซิบ​ถาม​ ​“​ท่าน​มี​อะไร​หรือ​เจ้า​คะ​”

​สีหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ตกตะลึง​ ​นาง​พูด​กับ​ป้า​ซ่ง​ ​“​เรา​ไป​ตรอก​กง​เสียน​กัน​เถิด​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท