ปัง!
เพิ่งจะสิ้นเสียง แสงสีขาวแสบตาก็พุ่งออกมาจากหน้าต่าง เรือนรับรองที่เดิมก็ไม่ค่อยจะสงบพลันเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมา และระเบิดอีกครั้ง ประตูใหญ่กับหน้าต่างระเบิดเสียงดังในเวลาเดียวกัน ประกายกระบี่หลายสายพุ่งขึ้นฟ้านับไม่ถ้วน และในขณะที่ประกายกระบี่พุ่งออกมา ก็ยังมีแรงลมจากฝ่ามือที่คมกริบและเงาร่างที่ว่องไวอีกสองร่าง
เตาหนูตะลึง พลางดึงมั่วเชียนเสวี่ยถอยหลังไปหลายสิบเมตรอย่างรวดเร็ว
เรือนหลักของจวนหนิงใหญ่มาก ปกติหัวหน้าตระกูลหนิงไม่เพียงแต่ใช้ทำงาน ต้อนรับแขกผู้มาเยือน แต่ยังใช้ฝึกวรยุทธ์ในเรือนด้วย ดังนั้นจึงกว้างมาก
เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ เงาร่างของทั้งคู่แยกไปยืนกันคนละด้าน
ประมือกันครู่หนึ่ง กระบี่อ่อนของหนิงเซ่าชิงก็สั่น เสี้ยวพริบตาก็ได้ยินเสียงร้องวิ้งๆ ราวกับเสียงคำรามมังกรของกระบี่วิเศษดังขึ้นไม่หยุด
กระบี่อ่อนในมือพุ่งใส่ข้อมือหลูเจิ้งหยางอย่างรวดเร็ว กระบวนท่านี้ฉับไวมาก หลูเจิ้งหยางเกือบจะถูกเขาแทง ใบหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย และเริ่มร่ายรำเพลงกระบี่หนักในทันที กลุ่มแสงสีเขียวล้อมอยู่รอบตัว
กระบี่หนักเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด เดี๋ยวตัดเดี๋ยวแทง แต่ละกระบวนท่าเปลี่ยนไปมาจนยากจะคาดเดา และประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
ประกายกระบี่และเงาของฝ่ามือที่ปะทะกันของทั้งสองคนนั้นยากจะแยกแยะ
มั่วเชียนเสวี่ยที่ถูกเตาหนูพาไปยืนตรงประตูเรือนก็ตะลึงงันอย่างอดไม่ได้!
ประกายดาบเงากระบี่ รังสีสังหารรุนแรง
เหตุการณ์ตรงหน้า มีแค่วาจาด้านบนเท่านั้นที่สามารถใช้อธิบายได้!
ภายใต้พรายดาบเงากระบี่ เตาหนูถือดาบยืนอยู่ในตำแหน่งเยื้องไปด้านหน้าของมั่วเชียนเสวี่ย ไม่กล้าออกห่างจากมั่วเชียนเสวี่ย เพื่อไปช่วยเจ้านายสู้
เพลงกระบี่ของหนิงเซ่าชิงแข็งแกร่ง ท่าร่างก็ว่องไว ทว่าหลูเจิ้งหยางก็ไม่ด้อยเช่นกัน
คู่ต่อสู้เช่นนี้ การโรมรันสุดชีวิตเช่นนี้ จำเป็นต้องพยายามสุดความสามารถ
ตอนนี้ใบหน้าหนิงเซ่าชิงที่สุภาพอ่อนโยนมาโดยตลอดล้วนมีแต่ความเฉยชาจริงจัง
แม้ว่าจะเชื่อมั่นในตัวหนิงเซ่าชิงมาก แต่มั่วเชียนเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะจิกอาภรณ์ตนเองแน่น! กลัวว่ากระบี่ที่ไร้ตาจะทำให้หนิงเซ่าชิงได้รับบาดเจ็บ!
ทั้งสองคนปะทะกันอีกครั้ง ยืนรวมกันเป็นก้อน
ทั้งคู่ใช้ความเร็วในการต่อสู้ ท่าร่างโรมรันพันตู มั่วเชียนเสวี่ยจึงเห็นแค่สีฟ้ากับสีม่วงเข้มผสมปนเปเข้าด้วยกัน แม้นางจะมองเห็นไม่ชัดเจน แต่ก็รู้สึกได้ว่า แผ่นหลังที่ตึงเครียดของเตาหนูก่อนหน้านี้ผ่อนคลายลง ดูท่าหนิงเซ่าชิงจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้เลยจริงๆ ผ่านไปไม่นาน หลูเจิ้งหยางก็ถอยหลังรัวๆ ฝีเท้าสับสนเล็กน้อย
อาภรณ์คลายออกเล็กน้อย แผงอกมีโลหิตแต้มหนึ่ง ดูท่าจะถูกกระบี่ของหนิงเซ่าชิงในตอนที่ประมือกันด้วยความเร็ว
ทว่า ตอนนี้นอกประตูเรือนกลับมีเสียงดังขึ้นกะทันหัน
“คุณชายรอง หัวหน้าตระกูลมีคำสั่ง สถานที่สำคัญเช่นเรือนหลัก ไม่มีวาจาถ่ายทอด ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปขอรับ”
ระหว่างที่ตกตะลึง มั่วเชียนเสวี่ยก็มองไปตามเสียง จึงเห็นหนิงเซ่าอวี่ในตำนานผู้นั้น
ใบหน้ายาว ตาเรียวเล็ก รูปร่างหน้าตาเป็นคน แต่นิสัยเหมือนกับสุนัข ไร้มารยาทสิ้นดี
หนิงเซ่าอวี่ย่อมเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเช่นกัน เขาใช้สายตาที่ทำให้คนรังเกียจคู่นั้น พิจารณามองนางขึ้นๆ ลงๆ อย่างมีเจตนาชั่วร้ายแวบหนึ่ง จึงทำให้มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกไม่สบายไปทั่วร่างทันที!
เป็นความรู้สึกเหน็บหนาวราวกับถูกอสรพิษจ้องมอง
หนิงเซ่าอวี่คนผู้นี้จะต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน!
“คุณชายรอง…”
“บังอาจ! เรือนหลักเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ข้าก็แค่มาเป็นกำลังช่วยเหลือให้หัวหน้าตระกูลเท่านั้น! พวกเจ้าที่เป็นข้ารับใช้สุนัข ไม่เพียงแต่จะไม่เข้าไปช่วยเจ้านายจับโจร ยังจะขวางทางข้าอีก ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
หนิงเซ่าอวี่พลันตวาด แต่องครักษ์เหล่านั้นกลับไม่ถอยแม้แต่ครึ่งก้าว
ไม่เพียงแต่จะไม่ถอย ยังชักกระบี่ออกมาด้วย ท่าทางราวกับว่าหากเขาไม่ไป ก็จะใช้กระบี่มาปรนนิบัติ
หนิงเซ่าอวี่อายแทบแทรกแผ่นดินหนี! โดยเฉพาะเมื่อถูกบ่าวรับใช้ทั้งหลายขับไล่ต่อหน้ามั่วเชียนเสวี่ย
หนิงเซ่าอวี่ที่เดือดเป็นฟืนเป็นไฟตำหนิองครักษ์หลายนายอย่างไม่เกรงใจ
“บ่าวสุนัขเช่นพวกเจ้า หากเกิดเรื่องกับหัวหน้าตระกูล พวกเจ้ามีกี่ศีรษะมารับผิดชอบ…”
ขอแค่คุณชายรองไม่ลงมือ ไม่ฝืนบุกเข้าไป องครักษ์ก็แค่แสดงท่าทีเท่านั้น ไม่สะดวกที่จะลงมือก่อน
มั่วเชียนเสวี่ยคร้านจะสนใจคนประเภทนี้
ถลึงตาดุร้ายใส่เขาครั้งหนึ่งแล้วก็หันหน้าไป ยังคงตั้งใจดูเหตุการณ์เบื้องหน้า หัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
กลัวว่าอารมณ์หนิงเซ่าชิงจะได้รับผลกระทบจากเสียงโหวกเหวกโวยวายของหนิงเซ่าอวี่ ประมาทจนได้รับบาดเจ็บทั้งที่ไม่ควรจะได้รับ
ทำให้หลูเจิ้งหยางพลิกจากแพ้เป็นชนะ มีโอกาสหลบหนีได้
แม้ว่าหลูเจิ้งหยางจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เมื่อปรับเปลี่ยนแล้ว ถึงจะตกเป็นรอง ก็ไม่เห็นว่าจะพ่ายแพ้ยับเยินอีก
ส่วนทางด้านหนิงเซ่าอวี่ที่แม้ว่าจะด่าพึมพำ แต่องครักษ์หลายนายก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยิน ยังคงยืนนิ่งเป็นสากกะเบือขวางอยู่หน้าเขาอย่างนั้น ปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าตระกูลที่เอ่ยว่า ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้จนถึงที่สุด!
เห็นท่าทางจงรักภักดีราวกับสุนัขขององครักษ์แล้ว หนิงเซ่าอวี่พลันจงเกลียดจงชังขึ้นมา!
ตอนแรก หากไม่ใช่ว่าอิ่งซารอสุนัขรับใช้ที่เกะกะขวางทางกลุ่มนั้น บางทีตอนนี้หนิงเซ่าชิงคงตายไปนานแล้ว! เช่นนั้นเขาก็คงได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลไปนานแล้วเช่นกัน!
เตาหนูไม่เพียงแต่สนใจสถานการณ์การต่อสู้ แต่ยังให้ความสนใจการกระทำของหนิงเซ่าอวี่ด้วย!
หนิงเซ่าอวี่พาองครักษ์มาด้วยสองคน เห็นองครักษ์ที่เฝ้าประตูเสียมารยาทกับเจ้านายของตนเอง จึงไม่พูดพล่ามทำเพลง ลงไม้ลงมือทันที
เตาหนูรู้ว่ามาตลอดว่าหนิงเซ่าอวี่มีเจตนาไม่ดี ตอนนี้ในเมื่อนายท่านเป็นฝ่ายได้เปรียบ สมาธิของเขาย่อมอยู่ที่หนิงเซ่าอวี่ทั้งหมด จึงขยับฝีเท้าออกจากประตูไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว
มั่วเชียนเสวี่ยจึงยืนดูการประมือตรงนั้นอยู่คนเดียว
หลูเจิ้งหยางเชี่ยวชาญการใช้อุบายโจมตี! เห็นว่าไม่อาจสู้ศัตรูได้ ในใจก็เกิดความคิดชั่วร้ายขึ้นมานานแล้ว กระบี่หนักพุ่งโจมตีไปยังทิศทางของมั่วเชียนเสวี่ยอย่างไม่คาดฝัน
เขารู้ว่าในใจและในสายตาของหนิงเซ่าชิงมีแต่มั่วเชียนเสวี่ยคนเดียว! เช่นนั้นเขาจึงพุ่งความสนใจไปที่มั่วเชียนเสวี่ยแทน!
เจ้าให้ความสำคัญนางไม่ใช่หรือ เช่นนั้นข้าจะทำลายสิ่งที่เจ้าให้ความสำคัญมากที่สุด! เจ้าไม่ให้ข้าได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ข้าก็ไม่มีทางยอมให้เจ้าได้สุขสบายเช่นกัน!
กระบี่ของหลูเจิ้งหยางโจมตีมากะทันหัน ทั้งยังเร่งรีบมาก กระบวนท่านั้นคล้ายกับปิดตายเส้นทางถอยหลังทั้งหมดไว้แล้ว อาศัยท่าร่างของมั่วเชียนเสวี่ย จะหลบก็หลบไม่พ้น
นางกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่!
ตอนนี้สถานการณ์ชุลมุนวุ่นวายหมดแล้ว!
เป็นเพราะเตาหนูเป็นกังวลและห่วงเจ้านายของตนเอง ตอนที่ได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของมั่วเชียนเสวี่ย จึงรีบหันหน้ากลับไปมอง เตรียมจะเข้าไปช่วยเจ้านายต่อสู้ แต่กลับเป็นการมอบโอกาสที่ดีอย่างยิ่งให้กับหนิงเซ่าอวี่!
แทบจะในเวลาเดียวกันกับที่หนิงเซ่าชิงที่ยืนอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกลจากมั่วเชียนเสวี่ย จับหลูเจิ้งหยางได้
หนิงเซ่าอวี่สบตากลางอากาศกับหลูเจิ้งหยางที่ประมืออยู่แวบหนึ่ง เขารีบชักกระบี่อ่อนที่พันอยู่รอบเอวออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด
ส่งสายตาไป ก็มีองครักษ์พุ่งเข้าใส่เตาหนู กระบี่ของหนิงเซ่าอวี่เสือกแทงไปยังแผ่นหลังของหนิงเซ่าชิง
ช่วงเวลาวิกฤต หนิงเซ่าชิงขวางกระบี่ที่หลูเจิ้งหยางแทงไปทางมั่วเชียนเสวี่ย แล้วรีบเค้นกำลังภายในของตนเองออกมา พร้อมกับฟาดฝ่ามือลงบนทรวงอกของหลูเจิ้งหยาง!
พรวด
คล้ายกับคิดไม่ถึงว่าหนิงเซ่าชิงจะสามารถเคลื่อนไหวได้ว่องไวเช่นนี้ได้ในช่วงเวลาสำคัญ หลูเจิ้งหยางกระอักเลือดออกมาคำโต นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ!
แต่ว่ามุมปากกลับโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มประหลาดบางๆ!
ก่อนที่เขาจะมา จะไม่เตรียมตัวให้ดีได้อย่างไร