เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 543 หายนะที่ไม่มีวันสิ้นสุด กลับใจตอนนี้ยังไม่สาย (1)

ตอนที่ 543 หายนะที่ไม่มีวันสิ้นสุด กลับใจตอนนี้ยังไม่สาย (1)

ผู้หนึ่งทำเพื่อลบล้างความอัปยศและล้างแค้น จึงปลุกปั่นทัพใหญ่ของหนานหลิงให้บุกประชิดพรมแดน ทำลายเทียนฉีอย่างแข็งขัน

ผู้หนึ่งคิดจะนำทัพถือดาบบุกเข้าไปสังหารเหล่าทหารหาญในต้าฉี เพื่อแก้แค้นให้กับบรรพบุรุษของตระกูลนานแล้ว

สองคนที่มีความต้องการเหมือนกันโดยบังเอิญ จึงได้วางแผนร้ายถึงกลางค่ำกลางคืนก็ยังไม่นอน

เช้าวันรุ่งขึ้น ถานไถเมี่ยฉีก็ถวายฎีกาขอทำสงคราม

ดังนั้น ในท้องพระโรงของหนานหลิง…

เวลาหมดไปกับเรื่องยุ่งวุ่นวายต่างๆ นาๆ

พริบตาหนึ่ง ก็เดือนแปดแล้ว

สายลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านแผ่วเบา ใบไม้จากต้นอู๋ถง[1]ร่วงโรย

หลายวันก่อนหน้านี้ ตามประเพณียุคโบราณ หลังจากถือศีลกินเจ มั่วเชียนเสวี่ยอาบน้ำแล้วก็ประกอบพิธีเซ่นไหว้สามีภรรยามั่วเทียนฟ่าง โดยมีหนิงเซ่าชิงอยู่เป็นเพื่อน ช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ก็ผ่านไปอย่างเป็นทางการ นับจากนี้ก็ไม่มีข้อห้ามอันใดอีก

เดือนแปดเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยว และเป็นฤดูกาลที่ผลหมากรากไม้สุกเช่นกัน

มั่วเชียนเสวี่ยสร้างโรงงานขนาดเล็กที่ทำแยมผลไม้โดยเฉพาะขึ้นมาไว้ข้างบ้านไร่แห่งหนึ่ง

หลังจากหนิงเซ่าชิงหาวิธีจัดการกับถงจื่อจิ้งได้ ขอแค่ถงจื่อจิ้งมาเฝ้าเขาสนทนากับมั่วเชียนเสวี่ย เขาก็จะเอ่ยให้มั่วเชียนเสวี่ยหาภรรยาให้กับถงจื่อจิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งยังแนะนำด้วยว่ามีคุณหนูตระกูลใดถึงวัยปักปิ่น และเหมาะสมกันอะไรพวกนี้

ถงจื่อจิ้งก็ไม่ได้โง่ ย่อมรู้อยู่แก่ใจ จึงไม่มาเฝ้ามั่วเชียนเสวี่ยทุกวันเหมือนแต่ก่อนอีก

เพียงแค่เห็นว่าหนิงเซ่าชิงอยู่กับมั่วเชียนเสวี่ย เขาก็จะจากไปโดยไม่หันกลับมา ไม่ได้บุกเข้าไปหรือยืนเฝ้าอยู่นอกเรือนเพื่อให้ได้มาซึ่งความเห็นอกเห็นใจเหมือนเมื่อก่อนอีก

แต่ทว่า หนิงเซ่าชิงยังคงไม่ปล่อยเขาไป มักจะให้เตาหนูกับกุ่ยซาโยนสตรีเข้ามาในห้องเขาบ่อยๆ ในช่วงกลางค่ำกลางคืน ทำให้เขาหงุดหงิดจนแทบทนไม่ไหว

ให้เป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เรื่อง

ถงจื่อจิ้งจำใจต้องใช้คฤหาสน์ในเมืองหลวงของตนเองแลกกับเจ้าของบ้านไร่ข้างๆ บ้านไร่มั่วเชียนเสวี่ย แล้วเพิ่มเงินอีกเล็กน้อย จนในที่สุดก็ซื้อบ้านไร่หลังที่ใกล้มั่วเชียนเสวี่ยมากที่สุดมาได้

แขวนป้ายบ้านไร่ถง และเพิ่งย้ายไปอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันก่อน ถือได้ว่าเขามีบ้านอีกหลังในเมืองหลวง หนิงเซ่าชิงจะได้ไม่ให้คนมากลั่นแกล้งเขาอีก

เพียงแต่ แม้ว่าเขาจะย้ายไปอยู่ในบ้านไร่อีกหลัง แต่เขาล้วนเอาใจใส่ในทุกๆ เรื่องของมั่วเชียนเสวี่ย

ไม่เพียงแต่เอาใจใส่ บ้านไร่ของมั่วเชียนเสวี่ยสร้างอะไร เขาก็จะสร้างในพื้นที่ไร่ของตนเองแบบเดียวกันเช่นกัน

โรงเรือนเพาะปลูกพืชผักหลังนั้น มั่วเชียนเสวี่ยสร้าง เขาก็สร้างสองสามหลังติดกับโรงเรือนเพาะปลูกของมั่วเชียนเสวี่ย

สร้างโรงงานแยมผลไม้ มั่วเชียนเสวี่ยสร้าง เขาก็สร้างที่บ้านไร่ตนเองแห่งหนึ่งเช่นกัน

ตอนว่างๆ เขายังสามารถลดฐานะลงมาสอนเทคนิคการแกะสลักบางอย่างให้กับเด็กๆ ในโรงงานแกะสลัก

สรุปได้ว่า มีถงจื่อจิ้ง มั่วเชียนเสวี่ยก็หมดห่วงไปไม่น้อย

มั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้เหล่าชาวนาทำงานแล้ว นางก็นั่งกินผลไม้ที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเมื่อครู่ที่ข้างๆ เนินเขาลูกเล็ก พลางเหม่อมองไปไกล

ตอนนี้แม้ว่านางจะไม่ได้มีชีวิตที่มีเกียรติและมั่งคั่งร่ำรวย แต่กลับใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระเสรี

แต่ทว่า ตอนนี้กลับมีแขกผู้ไม่ได้รับเชิญมาเยือน

ชุนเยี่ยนที่ท้องโตจูงซีซีมารายงาน บอกว่าคุณชายซินแห่งเทียนเซียงพาคุณหนูเจี่ยนมาเมืองหลวง ตอนนี้คนอยู่ในบ้านไร่แล้ว

ชิงโยวมาหรือ!

มั่วเชียนเสวี่ยทั้งตะลึงและยินดี สวมหมวกฟางบนศีรษะ โยนผลไม้ในมือทิ้ง แล้วรีบลุกขึ้น โคจรกำลังภายในที่อัดแน่นแล้วใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวไปทางบ้านไร่ทันที

สองเดือนนี้ แม้ว่านางจะยุ่งมาก แต่การฝึกวรยุทธ์ไม่ได้ฝึกแบบขอไปทีเช่นแต่ก่อน

ทุกครั้งที่ว่าง หากหนิงเซ่าชิงมาเยี่ยมนาง ก็มักจะเอ่ยถึงวิธีการโคจรลมปราณกับนางเล็กน้อย ทั้งยังจับผิดนาง แม้ว่าจะทะเลาะกันจนถึงตอนท้าย ทั้งคู่ก็ร่วมรักกันอย่างยากจะควบคุมความปรารถนา แต่ก็ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจวรยุทธ์มากขึ้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่ซูชีทำได้แค่บอก แต่ไม่อาจสาธิตได้

เมื่อก่อนวิชาตัวเบานั้นทำได้แค่กระโดดข้ามรั้วแห่งหนึ่ง ตอนนี้แม้จะไม่นับว่าเหนือชั้น แต่ก็ดีขึ้นเล็กน้อย สามารถลอยตัวออกไปได้ไกลหลายจั้ง

ท้องของชุนเยี่ยนนั้นเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ผ่านไปอีกสองสามเดือนก็จะคลอดแล้ว จะตามทันเสียที่ไหน

ท่าทางเช่นนั้นของมั่วเชียนเสวี่ย มองจากที่ห่างไกล ยังจะมีมาดคุณหนูใหญ่เสียที่ไหน เหมือนกับสตรีในครอบครัวชาวนาคนหนึ่ง

มั่วเชียนเสวี่ยที่เป็นเช่นนี้ทำให้เจี่ยนชิงโยวหวนนึกถึงคราแรก

คราแรก สิ่งที่ทำให้นางชื่นชมคือความสามารถในการเอ่ยวาจาของมั่วเชียนเสวี่ย และยังมีบุคลิกของม และสีหน้าท่าทางเฉยเมยของนางในตอนที่ขับเกวียนเทียมวัว

ท่าทางบังคับเกวียนเทียมวัวนั้นมีความองอาจยิ่งกว่านางผู้เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่นั่งรถม้าเสียอีก

ในที่ห่างไกล มั่วเชียนเสวี่ยก็เห็นเจี่ยนชิงโยวแล้วเช่นกัน นางยังคงมีบอบบางเหมือนแต่ก่อน เพียงแต่ดูอ่อนแอลงเล็กน้อย สีหน้าซีดเผือด ผอมลงกว่าเมื่อก่อนอีก

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทางหรือไม่ จากเทียนเซียงมาเมืองหลวง แม้จะเดินทางทางน้ำ อย่างมากที่สุดก็ยังต้องหลายวัน

แม้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะมาที่ต่างโลกนี้ได้ปีหนึ่งแล้ว แต่ภายในก็ยังเป็นคนยุคปัจจุบัน

ได้เจอเพื่อนสนิทที่ไม่พบกันมาครึ่งปี จึงพุ่งเข้าไปกอดด้วยสไตล์อเมริกัน ทั้งยังจับมือกันและกัน พลางทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง ตามหลักธรรมชาติของผู้คน

ทว่า เสี้ยววินาทีที่พุ่งเข้าไปเตรียมจะกอดเจี่ยนชิงโยวเอาไว้นั้น

ซินอี้หมิงกลับอุ้มเจี่ยนชิงโยวถอยหลังไป

มั่วเชียนเสวี่ยพุ่งเข้าหาอากาศ หากไม่ใช่ว่าอวี่เสวียนที่อยู่อีกด้านว่องไว ก็เกือบจะล้มลงไปแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยโงนเงน กระอักกระอ่วน ทั้งยังหดหู่

หรือว่าซินอี้หมิงจะเหมือนกับหนิงเซ่าชิงที่ขี้หึงบ่อยๆ กระทั่งสตรีก็ยังหึง?

มีคนขี้หึงมากสองคนอยู่ด้วย ในภายภาคหน้าพวกนางสองคนก็ไม่สามารถเล่นสนุก และแขวะ ‘ความชั่วร้าย’ ของบุรุษสองคนนี้อย่างมีความสุขด้วยกันได้อีกแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจะยืนได้อย่างมั่นคงภายใต้การช่วยประคองจากอวี่เสวียน ก็ทำตาขวางใส่ซินอี้หมิง เค้นรอยยิ้มบางๆ ยังไม่ทันจะเอ่ยปากหยอกล้อซินอี้หมิงก็ขอโทษด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังเป็นอย่างมากเสียก่อน

“คุณหนูใหญ่มั่ว ท่านไม่เป็นอะไรนะ! กะทันหันไปหน่อย คุณหนูใหญ่โปรดให้อภัย ผู้น้อยแซ่ซินขออภัยคุณหนูใหญ่จริงๆ คุณหนูใหญ่กระตือรือร้นเกินไปหน่อย ชิงโยวของข้าร่างกายอ่อนแอ ตอนนี้ยังตั้งครรภ์ เกรงว่าจะรับไม่ไหว…”

ที่แท้ก็ตั้งครรภ์นี่เอง?!

เจี่ยนชิงโยวดิ้นออกจากอ้อมแขนซินอี้หมิงด้วยท่าทางเขินอายมายืนตรงหน้ามั่วเชียนเสวี่ย “ไม่เป็นไร เขาเครียดไปหน่อย”

มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกยินดี สัมผัสท้องเจี่ยนชิงโยวเบามือ

มิน่าถึงได้ดูผอมแห้ง และหน้าซีดเผือด!

“ทำไมถึงไม่บำรุงอยู่บ้าน ตั้งครรภ์แล้วยังจะวิ่งไปทั่ว รอข้ามีเวลาค่อยไปเยี่ยมเจ้า ก็ไม่ต่างกัน” เอ่ยแล้ว ก็หันตำหนิซินอี้หมิง “จะมาก็ไม่ส่งสาส์นมาก่อน ข้าจะได้ไปรับเจ้า”

เจี่ยนชิงโยวยังคงเอ่ยวาจาด้วยท่าทางไม่เร็วไม่ช้าเช่นเคย “ท่านอย่าโทษเขาเลย ชิงโยวไม่ให้เขาบอกเอง”

มั่วเชียนเสวี่ยเก็บมือกลับมายิ้มๆ จ้องหน้านางอย่างสัพยอก “เจ้าน่ะ ตอนนี้ก็ช่วยเขาแล้ว ข้ายังไม่ได้ว่าอันใดเขาเลย! เห็นสามีดีกว่าเพื่อน!”

“เชียนเสวี่ยรู้จักแต่หยอกชิงโยว รอเห็นหัวหน้าตระกูลหนิง ข้าว่าเจ้าก็ไม่ได้กระฉับกระเฉงเช่นนี้หรอก…”

ทั้งสองคนพลางสนทนา พลางคล้องแขนกันเดินไปที่เรือนเสวี่ยหว่านของมั่วเชียนเสวี่ย

เดิมซินอี้หมิงกับเจี่ยนชิงโยวมาถึงก็ไม่เช้าแล้ว ถึงเรือนเสวี่ยหว่าน มั่วเชียนเสวี่ยเห็นท่าทางเหน็ดเหนื่อยของเจี่ยนชิงโยว ก็จัดการให้พวกเขาไปพักผ่อนที่เซียงฝาง[2] ส่วนตนเองก็ไปจัดการมื้อเย็นด้วยตนเอง

[1] ต้นอู๋ถง ชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ให้น้ำมัน ส่วนเนื้อไม้นิยมนำมาทำเครื่องดนตรีกู่ฉิน

[2] เซียงฝาง หมายถึง เรือนด้านข้างทางทิศตะวันออกและตะวันตก

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท