เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 547 สิ่งล้ำค่าที่สุดบนโลกคือสิ่งใด (3)

ตอนที่ 547 สิ่งล้ำค่าที่สุดบนโลกคือสิ่งใด (3)

แม้ว่าตระกูลซูจะมีตำราพิชัยสงครามเป็นของตนเอง แต่ในปีนั้นมั่วกั๋วกงตีทัพทหารแตกพ่าย คิดว่าตำราพิชัยสงครามของเขา จะต้องมีลักษณะเฉพาะตัวของตนเอง

มั่วเชียนเสวี่ยอาศัยความทรงจำ ท่องตำราพิชัยสงครามของกุ่ยกู่จื่อที่หัดคัดพู่กันจีนในสมัยยังวัยเยาว์ขึ้นมา

“ทุกการวางแผนล้วนต้อง… ไม่ว่าจะวางกลยุทธ์ใดๆ ล้วนต้องปฏิบัติตามกฎที่วางเอาไว้ โดยเริ่มจากการสืบหามูลเหตุของปัญหา ศึกษาทำความเข้าใจและควบคุมแนวโน้มของสถานการณ์ในปัจจุบันให้เรียบร้อย เมื่อควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว จึงจะสามารถตัดสินใจวางกลยุทธ์สามแบบ นั่นก็คือ กลยุทธ์ที่ดี กลยุทธ์ที่เหมาะสม กลยุทธ์ธรรมดาทั่วไป แล้วนำทั้งสามกลยุทธ์มาทดสอบด้วยกัน ก็จะได้กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมา ซึ่งกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงนั้นไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้นเอาไว้ได้ วิธีการวางแผนกลยุทธ์แบบนี้ คนยุคโบราณเคยปฏิบัติมาก่อน ดังนั้นตอนที่ชาวเจิ้งกั๋วเข้าไปเก็บหยกในหุบเขา ล้วนต้องนำรถชี้ทิศใต้ไปด้วยเสมอ เพื่อที่จะได้ไม่หลงทิศ ไตร่ตรองความสามารถในการทำงานของผู้อื่น ประเมินความรู้สึกที่แท้จริงของเขา ก็เหมือนกับการใช้รถชี้ทิศใต้ในเวลาที่กระทำเรื่องใดๆ”

หรือเป็นเพราะว่าไม่ได้อ่านมานาน เลยจำเป็นต้องคิดทีละประโยค นางจึงท่องช้ามาก น้ำเสียงก็เฉยชามาก แต่ในหูของซูชี กลับหวานซึ้งราวกับเสียงหยดน้ำตกกระทบจานคริสตัล สดใสราวกับท้องฟ้าสีคราม หุบเขาอันไกลโพ้นที่เห็นได้แต่ไกล แต่ที่ได้ยินกลับมีเพียงแค่เสียงของนางแต่เพียงผู้เดียว

“สิ่งต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดหย่อน และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงนั้นทำให้เกิดปัญหา จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นต้องมีการปรึกษาหารือถึงยุทธวิธี จะปรึกษาหารือถึงยุทธวิธีย่อมต้องถกเถียงว่ากันไปตามเหตุผล พิจารณาให้ละเอียดรอบคอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ค่อยกำหนดหนทาง สิ่งที่มีประโยชน์ต่อความก้าวหน้าของเรื่องนั้นๆ ก็ส่งเสริมให้เร่งรุดไปข้างหน้า เมื่อรุกแล้วไม่อาจถอยได้ หากจะถอยก็ต้องหาวิธีการที่ดีเพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้หลุดการควบคุม ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงของเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องปกติ วิธีที่จะควบคุมมันเอาไว้ก็แทบจะเป็นวิธีเดียวกันทั้งหมด…นี่เป็นตำราพิชัยสงครามที่ดีจริงๆ”

ซูชีไม่ได้อธิบายความลึกซึ้งและยอดเยี่ยมของเนื้อหาในตำราพิชัยสงคราม

ฟังเสียงใสของมั่วเชียนเสวี่ยท่องไป พลางท่องซ้ำอีกรอบแล้วจำไว้ในใจ

ล้วนเป็นคนฉลาด ในเมื่อมั่วเชียนเสวี่ยท่องตำราพิชัยสงครามให้เขาฟัง ย่อมเป็นการยกให้เขา

โชคดีที่ตำราพิชัยสงครามนี้สูตรไม่ยาวนัก ไม่นานก็ท่องจบ

ราตรีเงียบงัน คิดถึงความวุ่นวายที่กำลังจะมาถึงในอนาคตไม่นานนี้ มั่วเชียนเสวี่ยจึงลืมความตั้งใจที่จะเอ่ยถึงท่านหญิงซูซูเพื่อโน้มน้าวซูชีไป

ซูชีจำตำราพิชัยสงคราม และไม่ไปครุ่นคิดลึกซึ้งถึงมันอีกในตอนนี้ เพียงแต่อยากจะเพลิดเพลินช่วงเวลานี้เงียบๆ สามารถได้อยู่กับนางเงียบๆ เป็นสิ่งที่เขาอยากทำมานานมากแล้ว

คล้ายกับมีกลิ่นหอมเย็นๆ กระตุ้นความรู้สึกของซูชี คล้ายกลิ่นหอมหวานของดอกกุ้ยฮวา และมีความสงบเงียบของสายน้ำลึก จึงก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่งอย่างอดไม่ได้

ทั้งสองคนยืนเคียงคู่กันอยู่ริมน้ำ แต่ละฝ่ายล้วนมีเรื่องในใจ เงียบงัน สงบนิ่ง

กระต่ายในดวงจันทร์ทอแสงสุกสกาว บ่อน้ำเขียวใสสะท้อนเงาร่างของคนทั้งคู่ หนึ่งคนหล่อเหลายืนตระหง่าน หนึ่งคนแน่งน้อยเพรียวบาง

สายลมเย็นพัดผ่าน เงาร่างสองสายไหววูบจนยากจะแยกได้ชัดแต่ก็คล้ายกับพันกันยุ่งเหยิง

ซูชีมองเงาในน้ำเงียบๆ หน่วยตาแดงระเรื่อเล็กน้อย พลันรู้สึกอิจฉาเงาร่างที่อยู่ในน้ำนั้น จินตนาการอันน่าสิ้นหวังในใจเริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง

พลันจับมือมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ เอ่ยเสียงต่ำแหบพร่า “ถ้าหากข้าได้เจอเจ้าก่อนก้าวหนึ่ง เจ้าจะให้โอกาสข้าหรือไม่”

ภายใต้ความตื่นตะลึง มั่วเชียนเสวี่ยรีบกระชากมือกลับมา แล้วหันหน้าไปมองเขาด้วยสีหน้าโมโห

ครั้งที่แล้วนางปฏิเสธชัดเจนมากพอแล้ว นางนึกว่าแม้ว่าในใจเขาจะมีปม เขาจะไม่เอ่ยถึงมันอีก

แต่ทว่า เมื่อหันกลับมาเจอใบหน้าหล่อเหลา นัยน์ตาดำสนิทคู่นั้น โทสะไร้ชื่อในใจนางก็ลดลงทันที

ความรู้สึกพลันเอ่อล้นทะลักออกจากนัยน์ตา เป็นความจริงใจ ความปรารถนาที่เจือไปด้วยแวววิงวอนถึงขนาดนั้น

เพียงแค่จับมือนิดเดียวเท่านั้น นางต้องตบผู้อื่นหรือเอ่ยวาจาไม่น่าฟังเหมือนกับสตรียุคโบราณด้วยหรือ

นางคิดไม่ถึงเลยจริงๆ เจตนาเดิมของตนเองในวันนี้คือคิดจะคลายปมนั้นออก แต่ตอนนี้มองดูแล้ว กลับพบว่าเขาถลำลึกมากว่าเดิม

หรือจะกล่าวว่า ครั้งที่แล้วต่อหน้าหนิงเซ่าชิง เขายังมีสติอยู่ส่วนหนึ่ง ยังสามารถระงับความรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวจนหัวใจเต้นแรงในส่วนลึกของหัวใจไว้ได้

สมควรจะปล่อยมือ หรือตัดสินใจ ก็ต้องเด็ดขาด หากลังเล อาจจะนำภัยมาเยือนหรือติดร่างแหไปด้วยได้ นางไม่รู้ว่าตนเองผิดพลาดตรงไหน หากเขายังมีท่าทีเช่นนี้ นับตั้งแต่วันนี้ไป นางจะไม่พบหน้าเขาอีก

นางทำร้ายเขาไม่ได้!

นางยิ่งไม่อาจทำร้ายท่านหญิงซูซู!

ความคิดหมุนวนไปมาในเสี้ยววินาที สีหน้าก็เย็นชาลงทันที

หัวใจของซูชีก็ร่วงลงสู่หุบเขาลึกทีละเล็ก ทีละน้อยตามสีหน้ามั่วเชียนเสวี่ย

จนกระทั่งประกายเจิดจ้าเมื่อครู่ในนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นเลือนหายไป

แววตาเขาอับแสง โลกของเขากลายเป็นสีเทามานานแล้ว…

มั่วเชียนเสวี่ยกลับเลือกที่จะไม่เงียบ

แม้ในใจนางจะรู้สึกแย่ แต่ใบหน้ากลับไร้ความรู้สึก น้ำเสียงก็เรียบเฉย “บนโลกใบนี้ไม่มีคำว่าถ้าหาก มีเพียงแต่ผลลัพธ์กับผลที่จะตามมาในภายหลัง ดังนั้น เจ้าเปิดใจให้กว้างเถอะ”

ความจริงนางใจอ่อนแล้ว แต่ไม่ได้แสดงมันออกมา

นั่นไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงความสงสาร นางไม่อาจให้เขารู้สึกว่ามีความหวังแม้แต่นิดเดียว อีกอย่าง นางก็รู้ว่า ด้วยความทะนงตนของเขา เขาไม่ต้องการความสงสารใดๆ!

นัยน์ตาหม่นหมองปรากฏความหงุดหงิดเล็กน้อย “ไม่เคยมี จะมาคุยเรื่องเปิดใจให้กว้างอะไร” นางสามารถเลือกที่จะไม่ตอบรับได้ ไม่ให้ความหวังเขาได้ แต่เขากลับรับท่าทางไม่รู้สึกรู้สาที่นางแสดงออกมาต่อหน้าตนเองไม่ได้

วันนั้น นางค้ำต้นไม้ยิ้มให้ตนเองอย่างงดงาม

วันนั้น นางมีความปรารถนาถึงเพียงนั้นในอ้อมแขนของตนเอง

วันนั้น ในลานหิมะของคฤหาสน์ตระกูลถง นางเล่นปาหิมะกับตนเองอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา

วันนั้น…

เขาเสียใจอย่างยิ่ง!

ตอนนี้ ทำได้เพียงแค่ใช้ความหงุดหงิดมาอำพรางความเจ็บปวดและความเศร้าเสียใจรวดร้าวถึงกระดูกเอาไว้

เปลี่ยนไม่ได้ ตัดไม่ขาด โค่นไม่ลง เพียงแค่นึกถึงชื่อมั่วเชียนเสวี่ย ชื่อนี้ เขาก็ยากจะควบคุมตนเอง

เฉกเช่นโรคเรื้อรังที่ไม่อาจรักษาได้ตลอดกาล เหมือนกับยาพิษที่เข้าไปในร่างกาย เหมือนกับก้อนกรวดในเนื้อหอยแมลงภู่ที่อ่อนนุ่ม ห่อหุ้มด้วยหยาดน้ำตาชั้นแล้วชั้นเล่าเป็นเวลาเนิ่นนาน เห็นอยู่ชัดๆ ว่าทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง แต่กลับไม่มีวันที่จะอาเจียนเอาออกมาได้วันนั้น

ซูชีแผ่นหลังแข็งทื่อ น้ำเสียงหงุดหงิด อำพรางความรู้สึกลึกซึ้งไม่มิด ผสมกับความต้องการที่จะหลอมรวมนางเข้าไปในร่างกายของตนเองอย่างรุนแรง ไม่เพียงแต่จะทำให้มั่วเชียนเสวี่ยประทับใจ แต่ยังทำให้นางกลัวเล็กน้อยด้วย

มือซ้ายหยิกมือขวา ยับยั้งตนเองไม่ให้เอ่ยปากปลอบใจ

กลัวว่าความอ่อนโยนที่เคยมีในก้นบึ้งหัวใจจะเปิดเผยออกมา ทำให้เขาเกิดมีความหวัง นับจากนี้ก็จะเดินในเส้นทางที่หวนกลับไม่ได้แล้วจริงๆ…

กลัวว่าตนเองจะใจอ่อน กลัวว่าตนเองจะเคลื่อนไหวผิดปกติแม้เล็กน้อย จนทำให้คนผู้นี้สูญเสียสติสัมปชัญญะไป…

ในวันนั้น เขาช่วยตนเองทำเงินเป็นจำนวนมากในตอนแรกสุด เพื่อไปรักษาอาการป่วยให้หนิงเซ่าชิง และก็เป็นเพราะเขา ซินอี้หมิงถึงได้ยอมจ่ายเงินราคาสูงซื้อรากไม้แกะสลักนั้นไป…

วันนั้น เขาช่วยตนเอง ปล่อยตนเอง ทำให้ตนเองสมปรารถนา

วันนั้น ตนเองถูกลงโทษหนักในวังหลวง ก็เป็นเขาที่ปกป้องนางกลับจวน ให้การสนับสนุนนางอย่างเปิดเผย มิเช่นนั้นจะมีพวกเสือสิงห์กระทิงแรดมารังแกถึงที่มากเพียงใด…เขาเป็นคนสอนวิชาตัวเบาและวิชากระบี่ให้ตนเอง วิเคราะห์เรื่องการตายของบิดาเพื่อตนเอง ช่วยนางปิดบังความลับของป้ายไม้ดำเอาไว้…นางไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักดีชั่ว

และเป็นเพราะขอบคุณและระลึกถึงความดีของเขา นางจึงยิ่งไม่สามารถทำร้ายเขาได้

ในเมื่อไม่สามารถมอบความสุขให้เขาได้ ก็ไม่สามารถให้ความหวังเขาสักนิดเดียว มีเพียงแบบนี้ เขาถึงจะได้รับความสุขเร็วขึ้น

บรรยากาศในศาลาชะงักงัน!

สืออู่ชงชาเดินเข้ามา เห็นมั่วเชียนเสวี่ยกับบุรุษอาภรณ์สีม่วงที่ยืนอยู่ในศาลา ก็คิดจะพุ่งไปสืบดูให้ชัดเจน แต่กลับถูกชูอีที่อยู่ข้างๆ ลากไปหลังต้นไม้

มองคนที่ยืนอยู่ใกล้น้ำไม่ไกล แล้วมองชูอี

สืออู่ไม่ได้ไม่เข้าใจเรื่องราวบนโลก และไม่ได้โหวกเหวกโวยวายเหมือนเมื่อก่อน ที่ต้องให้ชูอีปิดปากนาง

แน่นอน ชูอีรู้ว่าสืออู่มีนิสัยใจร้อน หลังจากชูอีลากสืออู่ไปหลังต้นไม้แล้ว ก็อธิบายโดยไม่รอให้นางถาม “คุณหนูมีเรื่องจะเอ่ยกับคุณชายซูแน่นอน พวกเรารออยู่ตรงนี้ก่อน”

สืออู่ขยี้เท้า “แต่ว่ากูเหยีย…” หากกูเหยียรู้ว่าคุณหนูใหญ่ยืนสนทนากับคุณชายซูแบบนี้ล่ะก็ เกรงว่าจะโมโหอีก เกรงว่าร่างกายของคุณหนูก็จะฟกช้ำดำเขียวอีก

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท