เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 549 หลอกใช้ประโยชน์ของหญิงงาม (2)

ตอนที่ 549 หลอกใช้ประโยชน์ของหญิงงาม (2)

ในเมื่อฝ่าบาทต้องการรักษาความสมดุลของวังหลัง ต้องการทิ้งศัตรูไว้ให้ฮองเฮาควบคุม จึงไม่ละเลยอวี้กุ้ยเฟยอีกต่อไป

แม้นว่าการเป็นอยู่ของอวี้กุ้ยเฟยจะมิได้ลำบากเหมือนแต่ก่อน ทว่าก็ดีกว่าเดิมมาก

อวี้กุ้ยเฟยมิใช่คนโง่เขลา แต่เมื่อได้คลุกคลีหลายครา ก็รู้สึกผิดสังเกตพระวรกายของฝ่าบาทมีปัญหา

นางจึงกระวนกระวายใจยิ่งนัก

นางยังไม่มีพระโอรส พี่ชายเป็นเพียงขุนนางฝ่ายตรวจการ นอกจากจับฝ่าบาทแล้ว นางก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด

นางมิกล้าถามเกี่ยวกับพระวรกายฝ่าบาทตามตรง ทำได้เพียงแอบสังเกตอยู่ข้างๆ เท่านั้น

แน่นอนว่าฝ่าบาทไม่ทรงสนใจนางมากนัก

ซึ่งประจวบเหมาะกับเทศกาลฉงหยางเดือนเก้ามาเยือนพอดี

อวี้กุ้ยเฟยจึงทูลขอร้องฝ่าบาท นางต้องการไปสักการะขอพรที่วัดเซียงกั๋วเพื่อฝ่าบาท

วัดเซียงกั๋วเป็นวัดประจำราชวงศ์มาแต่ไหนแต่ไร เหล่านางสนมในวังไปอธิษฐานขอพรที่นั้นบ่อยๆ ก็เป็นเรื่องปกติ

อวี้กุ้ยเฟยเป็นห่วงสุขภาพของตนจริงๆ ถึงแม้ฝ่าบาทจะมิได้ทรงซาบซึ้งพระทัยมากนัก แต่ก็มิได้คิดอะไรมากเช่นกัน ดังนั้นจึงพระกรุณาในครานี้

อันที่จริง การที่อวี้กุ้ยเฟยไปขอพรที่วัดเซียงกั๋วในคราวนี้ ภายนอกอาจดูเหมือนขอพรเพื่อสุขภาพของฝ่าบาท ทว่าในใจนางกลับไปขอพระโอรสต่างหาก เพื่อจุดประสงค์ที่สำคัญที่สุด นางต้องไปรับคนผู้หนึ่งเข้ามาในวัง

ณ ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวตระกูลสวี่นอกเมืองหลวง

นายท่านสวี่นั่งอยู่ในห้องของสวี่หยวนหยวน และกำลังพูดน้ำเสียงหนักแน่น

“พ่อขีดเส้นเอาไว้ให้เจ้าอย่างดีว่าต่อไปควรเดินทางไหน เจ้าทำได้เพียงพึ่งพาตัวเอง ตอนนี้เสียใจก็ยังมิสาย”

“ไม่เสียใจ! ไม่เสียใจ! ท่านพ่อวางใจเถิด ลูกโตแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อเทียบกับสีหน้าสิ้นหวังของนายท่านสวี่แล้ว สีหน้าของสวี่หยวนหยวนยังพอมีความหวังอยู่บ้าง

การกลับมาครั้งนี้ ในที่สุดนางก็มีโอกาสได้เคียงข้าง ‘สามี’ อย่างถูกต้องตามธรรมเนียมแล้ว

นายท่านสวี่ส่ายหน้า

พูดตามตรง เขาไม่คิดว่าทางเลือกของบุตรสาวนั้นฉลาด เมื่อถลำลึกเข้าไปแล้วยากที่จะถอนตัว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นตระกูลที่สูงส่งกว่ากี่เท่า

แต่เขาจนปัญญาแล้ว เขามิอาจขังบุตรสาวไว้ในบ้านทุกวันและทนเห็นนางซังกะตายหรอกนะ

เมื่อก่อน ครั้นบุตรสาวอารมณ์ไม่ดี ก็จะด่าทอตบตีคนรับใช้ แต่ทว่าตอนนี้นางกลับทำร้ายตัวเอง

เขาจำได้ดี หลังจากที่บุตรสาวถูกองครักษ์ร่างสูงใหญ่สองคนทิ้งกลับมา นางโวยวายอาละวาด แต่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรเขาก็ไม่เห็นด้วย จนกระทั่งกลางดึกก็ได้รับข่าวร้าย

คนรับใช้วิ่งพรวดพราดเข้ามา บอกว่าคุณหนูกรีดข้อมือ

เขาจึงรีบวิ่งไปที่ห้องของบุตรสาว บัดนั้นบุตรสาวล้มลงหมดสติแล้ว เมื่อเห็นเลือดนองพื้น เขาก็เจ็บปวดแทบขาดใจ

แม้ว่าเขาจะเฝ้าทั้งคืน หลังจากหมอบอกว่าพ้นขีดอันตรายแล้ว เขาจึงออกไป แม้ว่าจะออกไปแล้ว ก็ยังมิวายสั่งคนรับใช้สองคนให้เฝ้าอยู่ในห้องไม่รู้วันรู้คืน ห้ามห่างแม้แต่คืบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากลับมาจากข้างนอกในวันรุ่งขึ้น คนรับใช้ก็มารายงานอีกครั้ง โดยบอกว่าคุณหนูเอาหัวโขกกำแพงไม่หยุด

ห้ามอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่

เมื่อเขาเห็นหน้าผากที่เต็มไปด้วยเลือดของบุตรสาวแล้ว เขาก็เป็นลมอีกครั้ง

เขาถึงกับใจสั่น ความดันโลหิตสูง!

เขามีบุตรสาวเพียงคนเดียว แล้วก็ทนทรมานไม่ไหวอีกต่อไป

เขาจึงต้องรับปาก

ตระกูลสวี่ตั้งอยู่บนทะเลสาบจันทร์เสี้ยวมาตั้งแต่บรรพบุรุษ พวกเขามีรากฐานอันเหนียวแน่นในเมืองหลวง และสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากมาย อีกทั้งพวกเขายังเกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญในเมืองหลวงด้วย

แม้ว่าตระกูลของเขาไร้ทายาทสืบสกุล แต่สตรีตระกูลสวี่มีแต่สาวงาม หากมิได้เป็นอนุตระกูลมั่งคั่ง ก็เป็นภรรยาเศรษฐีใหม่

นายท่านสวี่เป็นผู้มีความสามารถรอบด้าน หากอยากคิดหาวิธีจริงๆ ก็พอมีทางอยู่บ้าง

นายท่านสวี่เพิ่งตกปากรับคำ สวี่หยวนหยวนก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

นางดีใจกระโดดโลดเต้น นายท่านสวี่จึงกลุ้มใจทันที

แต่กลัวจริงๆ ว่านางจะคิดสั้นอีกครั้ง

ในเมื่อเริ่มต้นความคิดแล้ว สมองของเขาก็เร็วมาก ต้องการทำให้ความฝันของบุตรสาวเป็นจริง จึงทำได้เพียงหาทางให้บุตรสาวแต่งเข้าตระกูลอย่างสง่าผ่าเผย เป็นผู้หญิงของหนิงเซ่าชิงอย่างสมศักดิ์ศรี

ไม่เพียงเท่านั้น เขายังต้องเริ่มอบรมสั่งสอนบุตรสาวใหม่ให้ดีอีกครั้ง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงต้องจ้างหมัวมัวคอยอบรมสวี่หยวนหยวนอย่างเข้มงวดหนึ่งคน ทั้งยังทำสัญญากับสวี่หยวนหยวนสามข้อ หากนางไม่เรียนกฎระเบียบ เขาก็จะถอนคำสัญญาคืน

แม้ว่าสวี่หยวนหยวนจะเป็นโรคควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้ อาการเช่นนี้ แม้ว่ายังไม่ได้แต่งงาน แต่หากอายุพ้นสิบห้าขึ้นไปก็จะดีขึ้นเอง ตอนที่ไม่อาละวาด นางก็เหมือนคนปกติทั่วไป

เพียงแต่นางถูกนายท่านสวี่ตามใจตั้งแต่เด็กจนเสียนิสัย จึงกลายเป็นโรคควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้

ตอนนี้ ได้ยินว่าเพียงแค่นางตั้งใจเรียนรู้กฎระเบียบให้ดี ก็สามารถเจอคนรักได้ นางจึงเชื่อฟังขึ้นมาบ้าง

เขาต้องหักหาญน้ำใจ ให้หมัวมัวอบรมคนนั้นเคี่ยวกรำนางอย่างหนัก

เขาคิดว่า บางทีบุตรสาวอาจแค่มีอารมณ์แปรปรวน การเคี่ยวกรำนี้ เกรงว่าตัวเขาเองจะยิ่งหล่อหลอมให้มีความคิดที่ไม่ควรมี

แต่ทว่า สวี่หยวนหยวนกำลังแข่งกับตัวเอง

หลายเดือนต่อมา คิดไม่ถึงว่าจะมีพัฒนการมากกว่าเดิม

หลังจากรองรับอารมณ์หมัวมัว และถูกทำโทษ ถึงแม้จะก่นด่าบ้าง แต่นางก็ไม่ยอมแพ้

แน่นอนว่าฝ่าบาทเป็นคนแรกที่ทราบข่าวอวี้กุ้ยเฟยไปขอพร พร้อมกับพาสตรีนางหนึ่งกลับวังมาด้วย

แต่สำหรับเขา สนมในวังเป็นเพียงเครื่องประดับ จะมีเพิ่มหนึ่งคน หรือลดน้อยลงหนึ่งคน ก็ไม่สลักสำคัญอะไร

หลังจากยิ้มเหยียดหยามอย่างไม่ยี่หระ เขาก็หันมาสนใจเรื่องสำคัญต่อ

ทว่าเมื่อเรื่องนี้ไปถึงหูฮองเฮา ท่าทีของฮองเฮากลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง

บังเอิญเจอกันตอนจุดธูปบูชา ถูกชะต่อกัน แล้วพาเข้ามาอยู่ในวังด้วยกัน นางต้องการตบตาใครกันแน่!

มองจากภายนอก เหมือนจะไม่มีพิรุธใดๆ แต่ถ้าหากวิเคราะห์ดีๆ ปัญหาก็จะตามมา

ก่อนอื่น เมื่อนางสนมผู้สูงศักดิ์ในวังไปสวดมนต์ขอพร วัดเซียงกั๋วจะจัดแจงสถานที่เป็นธรรมดา ไม่มีทางพบเจอคนที่ไร้หน้าที่เกี่ยวข้องเช่นนี้แน่นอน

อีกอย่าง หากไม่รู้หัวนอนปลายเท้า คนระมัดระวังตัวตอลดเวลาอย่างนางแพศยาอวี้ จะพาคนเข้าวังสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร

ที่สำคัญ คนที่สามารถเข้าวัดเซียงกั๋วได้ ล้วนเป็นชนชั้นสูง ไม่มีทางเป็นพวกคนสามัญชน…

คิดไปมาหลายตลบ มีทางเป็นไปได้ทางเดียว

ฮองเฮาแสยะยิ้มเย็นชา สีหน้าประชดประชัน สบถว่า “นางแพศยาอวี้ ไม่รู้กำลังคิดทำอะไรอยู่ เจ้าจับตาดูหน่อยก็แล้วกัน”

กงหมัวมัวรับใช้ฮองเฮาหลายปี ทำไมจะไม่รู้ว่าฮองเฮาทรงคิดสิ่งใด

ไม่เพียงแค่รู้เท่านั้น แต่ยังมั่นใจมากอีกด้วย

นางพูดเย้ยหยัน “นางแพศยาอวี้ เกรงว่าแก่แล้ว ไม่มีแรงปรนนิบัติฝ่าบาท ช่วงก่อนหน้านี้ ฝ่าบาทก็มิได้ไปตำหนักนางนั่นมิใช่หรือเพคะ เกรงว่ากำลังหาหญิงงามนอกวังมาอยู่เป็นเพื่อน หาโอกาสไต่เต้าขึ้นเตียงมังกร เพื่อจะได้เป็นที่โปรดปรานกระมังเพคะ…”

กงหมัวมัวมีสีหน้าหมองหม่น น้ำเสียงแหลมคม แต่กลับพูดถูกใจฮองเฮายิ่งนัก

“ไปสืบเบื้องลึกเบื้องหลังหญิงงามที่เข้าวังมาใหม่ หากดึงมาอยู่ฝั่งเราได้ยิ่งดี ให้นางแพศยาอวี้นั่นสูญเสียทุกอย่าง”

เมื่อบุรุษสูญเสียความรัก แต่ยังสามารถได้รับความปรารถนา

แต่หลังจากที่ผู้หญิงคนหนึ่งสูญเสียความรักไป สิ่งเดียวที่นางได้รับคือความเหงา

สิ่งที่ทำให้พวกนางอยู่ต่อไปได้ มิใช่ผู้ชายคนนั้น แต่คือศัตรูต่างหาก

กงหมัวมัวพูดอย่างมั่นใจ “หม่อมฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ หากเป็นคนฉลาด ก็ต้องรู้ว่าใครเป็นใหญ่ในวังหลังแห่งนี้ แล้วจะเลือกทางที่ถูกต้องเองเพคะ”

สวี่หยวนหยวนบ้าผู้ชาย แต่รูปร่างหน้าตาไม่เลว

นางมีดวงตากลมโตเป็นประกาย ผิวขาวใสราวกับหิมะ

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท