เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 559 มีเพียงมันเท่านั้นที่เหมาะสม (2)

ตอนที่ 559 มีเพียงมันเท่านั้นที่เหมาะสม (2)

แสงเทียนชิดมุมผนังกะพริบไหว เสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้นเป็นระยะ ห้องที่เดิมทีไม่ค่อยสว่างพลันริบหรี่ลงมามาก

มั่วเชียนเสวี่ยหยิบกรรไกรมาตัดไส้เทียนที่วูบไหวไปมาอยู่มุมผนัง

แสงเทียนไม่ขยับไหวอีก ทันใดนั้น ทั่วทั้งห้องก็สว่างไสวขึ้นมาทันที

ดวงหน้าของทั่วเชียนเสวี่ยสะท้อนเป็นสีชมพูระเรื่อกลางแสงเทียนสลัว แวววาวจนเหมือนสะท้อนแสงระยับออกมา

วันนี้มั่วเชียนเสวี่ยสวมกระโปรงระลอกคลื่นสีครามตลอดร่าง ศีรษะปักปิ่นหยกดอกไม้ไหวสีทอง ขับความอ่อนโยนและงดงามในตัวออกมา

นางมิใช่หญิงสาวชาวบ้านในตอนนั้นอีกแล้ว เมื่อมองดีๆ แล้ว สวยงามสุดจะพรรณนาอย่างน่าเหลือเชื่อ

หนิงเซ่าชิงมองดวงหน้าเย้ายวนของมั่วเชียนเสวี่ยแล้วนึกถึงหัวข้อสนทนาที่เพิ่งจะคุยกับบิดาเมื่อเย็น พาลยิ่งหนักใจมากกว่าเดิม

ภายในห้องเงียบสงบ อบอวลด้วยกระถางกำยานทรงกลมกลิ่นดอกโบตั๋นหอมสะอาดจางๆ

ชูอียกชามาให้ เห็นทั้งคู่ท่าทางเงียบๆ นางจึงเม้มปากแย้มยิ้ม แล้วค่อยๆ ออกมาเงียบๆ

เจ้านายนางไม่เหมือนคุณหนูบ้านอื่น ขี้กลัว ไม่ชอบให้มีคนอยู่เป็นเพื่อนตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่ชอบอยู่คนเดียวเพื่อครุ่นคิดปัญหา

ไม่ว่ากูเหยี่ยจะมาหรือไม่ พวกนางก็ชินเสียแล้วกับการรออยู่ด้านนอก

มั่วเชียนเสวี่ยตัดไส้เทียนเสร็จก็แยกประเภทบัญชีต่างๆ ที่อยู่บนโต๊ะกลับเข้าตำแหน่ง

เนื่องจากนางขี้หนาว จึงได้วางเตาอุ่นไว้ในห้องนานแล้ว หนิงเซ่าชิงเอนหลังพิงตั่งที่อุ่นแล้วอย่างเกียจคร้าน มองมั่วเชียนเสวี่ยเก็บข้าวของอยู่ในห้องตัวเอง

นางยังคงชินแบบนั้น ข้าวของของตัวเองไม่ชอบให้ใครมาแตะต้อง นางต้องลงมือเก็บเองทั้งหมด

มั่วเชียนเสวี่ยเก็บของพลางนึกถึงความผิดปกติของหนิงเซ่าชิง

หากเป็นเมื่อก่อน พอเขาเข้ามาก็จะขู่เข็ญเอาเงิน

วันนี้กลับเอาแต่มองนางด้วยท่าทางคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่

ภายในดวงตาเรียวสวยคู่นั้น แม้ว่าจะรักใคร่ แต่เมื่อเข้าสู่สายตามั่วเชียนเสวี่ยแล้วกลับยังแฝงไว้ด้วยความกังวลและกระสับกระส่าย

หลังจากที่นางจัดแยกประเภทบัญชีเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยแล้ว สีหน้านางก็นิ่งเรียบ นิ้วนวดขมับเดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบาโดยไม่รู้ตัว ขนตายาวหลุบลงครึ่งหนึ่ง บดบังแววตาส่วนมากไป

หนิงเซ่าชิงแววตามีความเจ็บปวดปรากฏขึ้นมา

เขาจำได้ เมื่อก่อนตอนที่อยู่หมู่บ้านหวังจยา นางมักจะสะเพร่า เขายังมักจะจงใจตีหน้าเข้มตำหนินางที่ไม่รู้จักกฎจักเกณฑ์บ่อยๆ

ตอนนั้นชีวิตยากลำบาก สีหน้ากลับมีรอยยิ้มแจ่มใสประดับอยู่เสมอ และนางก็มักจะชอบฮัมเพลงน่าอับอายพวกนั้นประจำด้วย

และเพราะรอยยิ้มนั้นกับเพลงพวกนั้น ทำให้เขากระตือรือร้นในการใช้ชีวิตอีกครา

ทว่าในยามนี้ นางกลับเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน สุขุมสงบนิ่งเสียจนเขาเป็นห่วง

มันเป็นเพราะเขาหรือ

เขาลุกขึ้นและเดินไปหามั่วเชียนเสวี่ย

“เชียนเสวี่ย ชาตินี้ ข้าหวังว่าเจ้าจะมีความสุข”

น้ำเสียงแหบพร่าของเขาแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง ราวกับสารภาพและคำสาบาน ดวงตาจ้องมองมั่วเชียนเสวี่ยนิ่ง คล้ายจะเก็บทุกสีหน้าและรายละเอียดทุกอย่างบนใบหน้านางเอาไว้ให้ชัดเจน แล้วค่อยจดจำไว้ในใจ

ตึกตัก!

จู่ๆ มั่วเชียนเสวี่ยก็ใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมา

นางเริ่มลนลาน เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าการแต่งงานจะเปลี่ยนอีกแล้ว!

นางมองหนิงเซ่าชิงอย่างสงสัย

หนิงเซ่าชิงสาวเท้าก้าวเดินมาหยุดตรงหน้านาง

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ใบหน้าหล่อเหลาเลิศล้ำอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับมีความรู้สึกกดทับและเหมือนเป็นภาพลวงตา ทั้งลมหายใจก็ติดขัด

หนิงเซ่าชิงยื่นมือไปกอดเอวมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ ก่อนโน้มตัวลงกระซิบริมหูนาง

“เชียนเสวี่ย ข้าอยากมอบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้แก่เจ้าจริงๆ ข้าจะพยายามปกป้องเจ้าให้รอบด้าน ให้เจ้าปลอดภัยไร้กังวลไปตลอดชีวิต”

ความนัยของประโยคนี้ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยคันคอยิบๆ และประโยคนี้ที่เอ่ยออกมาก็ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยยิ่งไม่สบายใจ นางเริ่มกังวลใจขึ้นมา

“วันนี้ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดจึงแปลกพิกล”

คงเจอเรื่องยากเข้าแล้วกระมัง

นางดันมือที่กอดของหนิงเซ่าชิงออกเบาๆ แล้วกุมไว้ในฝ่ามือ “เซ่าชิง ไม่ว่าเรื่องใด ข้าล้วนร่วมเผชิญกับท่านได้ทั้งสิ้น”

หนิงเซ่าชิงชะงักไป ก่อนจะแย้มยิ้มออกมา

เขาเข้าใจแล้ว ภาระอันหนักหน่วงของตนทำให้มั่วเชียนเสวี่ยเป็นกังวลขึ้นมา

ทั้งคู่กุมมือสบตากันเช่นนี้อยู่พักใหญ่ หนิงเซ่าชิงจึงได้กะพริบตา ราวกับจะแยกอันตรายทั้งหมดออกจากทั้งคู่

มีความอ่อนโยนกับความรักเต็มใบหน้าเขา ก่อนจะพลิกมือไปกุมมือนางแผ่วเบา “แค่เรื่องของเซี่ยซื่อทำให้ข้ายุ่งเหยิงนิดหน่อย…”

เดิมทีไม่อยากพูด นางจะได้ไม่เป็นห่วง

ทว่าประโยคนั้นของนางกับแววตาของนางที่ส่งมาว่า ‘เราจะร่วมแบกทุกเรื่องราวไว้ด้วยกัน’ ประโยคนั้นโพล่งออกมาโดยไม่คิดแม้แต่น้อย

สามีภรรยารวมเป็นหนึ่งให้ความรู้สึกที่ดียิ่งนัก

ต่อให้ฝนกระหน่ำ ต่อให้เขาจะตายไปแล้ว เขาก็จะวางแผนให้นางอย่างดี ปกป้องนางให้รอบด้าน

หนิงเซ่าชิงตัดสินใจได้แล้วก็คลายหัวคิ้วออก แต่มั่วเชียนเสวี่ยกลับยังขมวดคิ้วอยู่

เซี่ยซื่ออย่างนั้นรึ

จริงสิ! เซี่ยซื่อถูกล้างตระกูลนี่นา

ฝ่าบาทไม่มีทางปล่อยตระกูลหนิงกับตระกูลซูไปแน่

นี่…เป็นเพียงปัญหาที่ไม่ว่าช้าหรือเร็วอย่างไรก็ต้องเกิด

ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ความรู้ความเข้าใจนี้ทำให้หน้าอกมั่วเชียนเสวี่ยราวกับโดนค้อนทุบเข้าอย่างจัง หน้าอกสั่นสะเทือนคล้ายเจ็บปวดคล้ายจุก

นางเป็นห่วงหนิงเซ่าชิงมาก

อยากจะจับมือเขาเร้นกายหลบซ่อนไปด้วยกัน กลับไปยังหมู่บ้านหวังจยา

ที่นั่นไม่มีหัวหน้าตระกูลหนิง ไม่มีธิดาสายตรงของกั๋วกง มีเพียงหนิงเซียนเซิงกับหนิงเหนียงจื่อ

ให้พวกนางทั้งคู่ได้เป็นสามีภรรยาธรรมดาที่มีความสุข แล้วมีเจ้าตัวเล็กอีกสักสองคน ครองรักกันไปตราบชั่วชีวิต

นางเงยหน้าขึ้น กลับเห็นแววตาคู่นั้นที่ยามปกติเป็นประกายแวววาวกลอกกลิ้ง ยามนี้กลับเผยให้เห็นความเศร้าหมองที่ทำให้ดวงใจอ่อนยวบ

นางยื่นมือไปประคองหน้าเขาไว้

หนิงเซ่าชิงมองนางนิ่ง

ขนตาดกดำกะพริบไหวตามดวงตา เพราะทั้งคู่ย่นระยะห่างเข้าหากัน จึงมีลมระลอกหนึ่งทำให้มั่วเชียนเสวี่ยพลันได้สติ

นางแน่ใจยิ่งว่าในแววตาหนิงเซ่าชิงมีเพียงความหมายนี้ เขาเป็นห่วงนาง คนที่เขาเป็นห่วงที่สุดมีแค่นาง!

นางสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนหัวเราะเบาๆ “ยังจำได้หรือไม่ที่ข้าเคยพูดกับท่าน หากท่านชนะ ข้าจะแย้มยิ้มมองโลกกว้างไปด้วยกันกับท่าน ถ้าท่านแพ้ ข้าจะหวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้งหนึ่งไปด้วยกันกับท่าน หากแม้แต่ชีวิตยังสูญเสียไป…ก็พาข้าไปเกิดใหม่ในชาติหน้าด้วย”

“เชียนเสวี่ย…”

เขาดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดอย่างแรง กักกอดนางไว้แน่ กดศีรษะนางให้ซุกอยู่ในอ้อมอกตน ราวกับต้องการให้ทั้งตัวของนางหลอมรวมเลือดเนื้อกับตน

ตั้งแต่นี้ไป ร่วมเป็นร่วมตาย…

เนิ่นนานทีเดียว จนกระทั่งมั่วเชียนเสวี่ยใกล้จะหายใจไม่ออกแล้ว

อ้อมแขนแข็งแกร่งนั่นจึงได้คลายออกเล็กน้อย แต่เรี่ยวแรงยังคงอยู่

“เชียนเสวี่ย มีเจ้าไปชั่วชีวิตมันช่างดีนัก รับปากข้าสิ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่จากข้าไป”

“ข้าไม่มีทางจากท่านไป” เว้นเสียแต่ท่านจะมีคนอื่น!

หนิงเซ่าชิงก้มหน้าลงมาแนบหน้าผากกับหน้าผากนาง ก่อนหอมฟอดใหญ่

จุมพิตนี้ สัมผัสแรกเบาบางยิ่งกว่าขนนก

สายลมที่พัดโชยมา ท่วงทำนองไพเราะดังข้างโสต โชคชะตา ครองคู่

ทั้งสองอิงแอบกันอยู่ภายในกระโจมหงส์แดง

หลังจากผ่านความเร่าร้อนไป มั่วเชียนเสวี่ยก็อิงแอบอยู่ในอ้อมอกหนิงเซ่าชิง

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท