เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 577 ปัญหาที่แก้ได้ยากของเซ่าชิง (2)

ตอนที่ 577 ปัญหาที่แก้ได้ยากของเซ่าชิง (2)

แม้จะถือว่าสองคนนี้ไม่มีตัวตนอยู่ แต่ก็เป็นคนที่ฮ่องเต้พระราชทาน จึงต้องให้พวกนางมีที่พักอาศัยก่อนค่อยว่ากันอีกที

มั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจะเข้ามาในจวนหนิง ยังไม่คุ้นเคยกับเรื่องต่างๆ ที่ต้องจัดการในจวน และแต่ละเรือน หนิงเซ่าชิงย่อมเป็นคนจัดการแทนนาง

ทว่า เพิ่งจะสิ้นเสียง หัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนก็มา บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา

เรื่องปกติทั่วไป บิดาไม่มีทางบอกเขาเด็ดขาด หนิงเซ่าชิงมองมั่วเชียนเสวี่ยอย่างขอโทษ มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้าให้เขาวางใจ หนิงเซ่าชิงถึงได้หมุนตัวเดินออกไปจากเรือนจื่อจู๋หว่าน

หนิงเซ่าชิงจากไปแล้ว ซุนหมัวมัวกลับมีเรื่องจะเอ่ย อี๋เหนียงสองคนคุกเข่าอยู่ข้างนอก กล่าวอ้างว่าตนเองไม่กล้าทำผิดกฎ ต้องการคารวะและยกน้ำชาให้มั่วเชียนเสวี่ยก่อนถึงจะยอมจากไป

ถูกต้อง หากแต่งเข้ามาแล้ว ไม่ได้ยกน้ำชาคารวะภรรยาเอก ฐานะอี๋เหนียงนี้ก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ดูท่าสตรีสองนางนี้จะฉลาดมาก

หนิงเซ่าชิงเพิ่งจะจากไป ต่อมาพวกนางก็คุกเข่าลง คนที่ไม่รู้เรื่องก็นึกว่านางใจแคบ จิตใจชั่วร้าย ให้พวกนางมาปรนนิบัติ

“เพิ่งจะแต่งเข้ามา ก็คุกเข่าอยู่ข้างนอกนั้นไม่น่าดูชม…” ซุนหมัวมัวกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงร้อนรนอยู่บ้าง

มั่วเชียนเสวี่ยแค่นเสียงเบา ในเมื่อเห็นด้วยกับการรับพวกนางเข้ามา พวกนางกล้ายกน้ำชา นางก็กล้าดื่ม

น้ำชาถ้วยเดียวเท่านั้นเอง เซ่าชิงไม่อยากเจอพวกนาง นางอยากจะจัดการพวกนางพอดี

มั่วเชียนเสวี่ยเคยเจอวั่นจื่ออิ๋ง ส่วนย่วนหยวนเวิงจู่อะไรนั่น นางกลับไม่เคยเจอมาก่อน ยิ่งไม่รู้ว่ามีที่มาอย่างไร ตนเองไม่อาจเจอกันระหว่างทางแล้วไม่รู้จักกันได้

“ให้พวกนางเข้ามา”

“เจ้าค่ะ” ซุนหมัวมัวได้รับคำอนุญาตจากมั่วเชียนเสวี่ย ก็ถอยออกไปทันที

“คุณหนูใหญ่ ต้องการให้บ่าวจัดการสตรีแพศยาสองคนนั้นให้ท่านไหมเจ้าคะ” สืออู่จำวาจาที่มั่วเชียนเสวี่ยเคยเอ่ยก่อนแต่งงานได้มาโดยตลอด

มั่วเชียนเสวี่ยไม่อาจทำเช่นนั้นได้ แม้ว่าอยากจะจัดการ แต่ก็ไม่ใช่ตอนนี้ “ฮ่องเต้เป็นคนพระราชทานสตรีสองนางนี้มาให้ ไม่เพียงแต่จะจัดการไม่ได้ แต่ระหว่างเอ่ยกับพวกนางสองคน ทางที่ดีที่สุดต้องให้ความเกรงใจสักหน่อย”

สืออู่แค่นเสียงโมโห

ชูอีเอ่ย “เจ้าค่ะ”

ระหว่างสนทนา ซุนหมัวมัวก็นำสตรีชุดแดงสองคนเดินเข้ามา แม้ว่าจะสวมชุดแดง แต่คนหนึ่งกลับสวมสีแดงอมชมพู คนหนึ่งสีชมพู ไม่มีใกล้กล้าสวมสีแดงสด

มั่วเชียนเสวี่ยรู้จักวั่นจื่ออิ๋งที่สวมชุดสีชมพู แต่ย่วนหยวนเวิงจู่ที่สวมชุดสีแดงอมชมพูนั้น เมื่อมั่วเชียนเสวี่ยกวาดสายตามองไป ก็รู้จักเหมือนกัน

ย่วนหยวนเวิงจู่? สวี่หยวนหยวน?

ความสามารถในการประมวลผลของสมองมั่วเชียนเสวี่ยนั้นมีไม่พอแล้ว นางไม่ได้ถูกอวี้กุ้ยเฟยเรียกตัวเข้าวัง เตรียมถวายให้เป็นเหม่ยเหรินของฮ่องเต้หรอกหรือ นางกลายเป็นย่วนหยวนเวิงจู่ตั้งแต่เมื่อใดกัน

วั่นจื่ออิ๋งผู้นี้เป็นหลานสาวฝ่ายตระกูลมารดาของอวี้กุ้ยเฟย สวี่หยวนหยวนผู้นี้ก็ถูกอวี้กุ้ยเฟยเรียกตัวเข้าวังไปด้วย ไม่อย่างนั้นด้วยฐานะในอดีตของนางจะคู่ควรแต่งเข้าจวนหนิงเสียที่ไหนกัน

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ต้องคิดให้ลึกซึ้ง ก็พอจะเข้าใจว่านี่เป็นกลอุบายที่อวี้กุ้ยเฟยใช้กับนาง

อวี้กุ้ยเฟยผู้นี้คิดไม่ถึงเด็ดขาดว่า แผนการที่ตนเองวางเอาไว้จะตรงใจฮ่องเต้จิ้งจอกเฒ่านั่นพอดี

นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า นางไปล่วงเกินอวี้กุ้ยเฟยผู้นี้ตรงไหน ถึงได้ทำให้นางมาลอบข่มเหงนางเช่นนี้

“เชิญฮูหยินดื่มชาเจ้าค่ะ” ฮูหยินอนุภรรยาสามารถเรียกภรรยาเอกว่าพี่สาวได้ อี๋เหนียงกลับเรียกได้แค่ฮูหยิน นี่คือความแตกต่างของฐานะชื่อเสียง

วั่นจื่ออิ๋งกับสวี่หยวนหยวนคุกเข่ารอยกน้ำชาให้นางบนพื้นแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยดึงความคิดกลับมา รับถ้วยชามาจิบคำหนึ่งพอเป็นพิธี และให้เหอเปาแต่ละคนเป็นรางวัล เท่านี้ก็นับว่าเสร็จสิ้นพิธี

นางยกมือขึ้น และไม่กล่าววาจาว่าหลังจากนี้ให้ตั้งใจปรนนิบัติหัวหน้าตระกูลด้วยกันอะไรพวกนี้เหมือนกับฮูหยินที่มีอำนาจดูแลจวนคนอื่นๆ เพียงแค่ตอบรับประโยคหนึ่งว่า “ลุกขึ้นเถอะ”

“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ”

“สวี่อี๋เหนียง? ใช่ไหม ข้าจำได้ว่าเคยพบเจ้าเมื่อก่อน เจ้าไม่ได้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวดีๆ หรอกหรือ เหตุใดครู่เดียวก็กลายเป็นเวิงจู่เสียแล้วล่ะ?”

ในเมื่อในใจมีคำถาม ก็ถามออกมา จะได้ไม่ต้องไปสืบ จะได้ลองเชิงสวี่หยวนหยวนผู้นี้ด้วยพอดี

“บิดาของหยวนหยวนมอบทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวให้กับฮ่องเต้ ตั้งวันนี้เป็นต้นไป ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวก็คือทะเลสาบของราชวงศ์ ได้ยินมาว่า ทะเลสาบพระจันทร์เสี้ยวของตระกูลสวี่ฮวงจุ้ยดี ฮ่องเต้วางแผนจะสร้างคฤหาสน์ของราชวงศ์แห่งหนึ่ง บวกกับหยวนหยวนมีคุณงามความดีที่อยู่เป็นเพื่อนอวี้กุ้ยเฟยในวัง ดังนั้นฮ่องเต้ถึงได้พระราชทานตำแหน่งให้กับหยวนหยวนเจ้าค่ะ”

งมงาย! ฮวงจุ้ยดี ทำไมถึงไม่เห็นว่าจะคุ้มครองตระกูลสวี่ให้เจริญรุ่งเรือง! มีบุตรหลานสืบทอดตระกูลเพียงคนเดียวมาหลายรุ่น ถึงขั้นที่ไร้บุตรสิ้นหลานแล้ว

ดูท่าผู้เฒ่าจะคิดตกแล้ว ชั่วชีวิตนี้ไม่มีบุตรชาย ไม่สู้นำกิจการของบรรพบุรุษไปแลกอนาคตให้กับบุตรีดีกว่า

จะโทษก็โทษที่ตอนนั้นลงมือไม่โหดเหี้ยมมากพอ

ซุนหมัวมัวตำหนิ “บังอาจ ต่อหน้าฮูหยิน เจ้าที่เป็นอนุภรรยาคู่ควรที่จะใช้ชื่อเรียกแทนตนเองด้วยหรือ”

อนุภรรยาแบ่งออกเป็น เถิงเชี่ย[1] กุ้ยเชี่ย[2] เหลียงเชี่ย[3] เจี้ยนเชี่ย[4] ปี้เชี่ย[5] จีเชี่ย[6]

ในตระกูลขุนนางเก่าแก่ เถิงเชี่ยและกุ้ยเชี่ยคือฮูหยินอนุภรรยา เหลียงเชี่ยคือสตรีที่มีชาติกำเนิดดี เจี้ยนเชี่ยคือสตรีที่มีชาติกำเนิดเลว ปี้เชี่ยคืออนุภรรยาที่เลื่อนขั้นจากข้ารับใช้ จีเชี่ยคือนักขับร้อง นางรำ และนางคณิกา

ฐานะฮูหยินเอกของตระกูลขุนนางนั้นสูงศักดิ์กว่าฮูหยินตระกูลทั่วๆ ไปมาก ไม่ใชฮูหยินอนุภรรยา แม้ว่าเป็นเหลียงเชี่ย เมื่ออยู่ต่อหน้าฮูหยินก็ทำได้เรียกแทนตนเองว่าเจี้ยนเชี่ย

“เจี้ยนเชี่ยรู้ผิดแล้วเจ้าค่ะ” สวี่หยวนหยวนยอมรับผิดด้วยท่าทีที่ดีมาก

ดูท่าอวี้กุ้ยเฟยผู้นี้จะสิ้นเปลืองความคิดฝึกอบรมในครึ่งปีนี้ไปไม่น้อย

แม้มั่วเชียนเสวี่ยไม่อยากคิดเล็กคิดน้อยกับพวกนาง แต่กลับไม่อยากให้พวกนางเกิดความคิดที่ว่าตนเองถูกต้อง จึงมองซุนหมัวมัวอย่างชื่นชมแวบหนึ่ง กำลังจะกล่าววาจาตักเตือนทำให้ตกใจออกมา ผัวจื่อที่อยู่ด้านนอกกลับมารายงานว่า ฉือหมัวมัว คนสนิทข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ามาเยือน

แรกเริ่มบอกว่าฮูหยินผู้เฒ่าเป็นห่วงนางมาก จึงให้นางมาดูว่าฮูหยินน้อยกลับจวนแล้ว ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่ มีอันใดที่จะช่วยเหลือได้หรือไม่

มั่วเชียนเสวี่ยตอบไปสองประโยค บทสนทนาต่อมาก็เข้าสู่ประเด็นสำคัญ

หลังจากทักทายกันสองสามประโยค ฉือหมัวมัวก็เอ่ยถึงวัตถุประสงค์ที่มาเยือน “ฮูหยินผู้เฒ่าให้ฮูหยินน้อยพาอนุภรรยาที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าดูเจ้าค่ะ”

มั่วเชียนเสวี่ยตะลึง ให้นางพาอนุภรรยาสองคนไปให้ดู ถือว่าเป็นการทำอะไร ถือว่าเป็นการคารวะยามเช้าเช่นนั้นหรือ?!

ยายแก่นี่คิดจะทำอะไร?

แม้ว่าตระกูลฝ่ายมารดาของสองคนนี้ฟังดูแล้วจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ความจริงแล้วก็มีฐานะแค่อนุภรรยาสองคนเท่านั้นเอง

มนุษย์เรา เมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง ก็ไม่มีความสามารถไปสนับสนุนคนรุ่นหลังอีก แต่แรงในการทรมานคนรุ่นหลังนั้นยังมี คาดว่ามีเพียงแค่วิธีนี้ถึงจะสามารถแสดงการมีตัวตนของตนเองได้อย่างชัดเจน

อนุภรรยาที่อยู่คนละช่วงวัย ไม่สามารถพาออกงานได้ ในสถานการณ์ปกติ ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งมีฐานะเป็นท่านย่า แม้ว่าจะคุกเข่าขอร้องอยู่ที่หน้าประตู ก็ไม่มีทางพบ

มีเพียงแค่ฮูหยินเอก ฮูหยินอนุภรรยาที่มีฐานะชื่อเสียง หรืออนุภรรยาที่ให้กำเนิดบุตรชายสืบสกุล ถึงจะทำให้ฮูหยินผูเฒ่าที่เป็นท่านยาย ท่านย่า มองสักแวบหนึ่ง

แม้ว่าจะเป็นบุคคลที่ฮ่องเต้พระราชทาน แต่สุดท้ายก็เป็นแค่อนุภรรยาเท่านั้นเอง ฮูหยินผู้เฒ่าต้องทำถึงขั้นนี้ด้วยหรือ

นางคิดจะเอาคืนนางหรือ

แต่ว่า แบบนี้ก็ดี นางอยากจะเห็นว่า ยายแก่นี่จะกล้าปฏิบัติกับอนุภรรยาสองนางนี้เป็นอย่างดีต่อหน้านางหรือไม่

ตอนที่มาถึงเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าก็เป็นเวลากินอาหารเย็นแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมรั้งมั่วเชียนเสวี่ยให้กินด้วยกัน มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าหนิงเซ่าชิงก็คงจะกินอาหารกับหัวหน้าตระกูลรุ่นก่อนเช่นกัน จึงนั่งลงกินอาหารไปเล็กน้อยอย่างไม่เกรงใจ

คืนวันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าตั้งใจไม่ให้จิ้งฮูหยินกับเหมยฮูหยินมากินอาหารเป็นเพื่อน เดิมคิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยซึ่งมีฐานะเป็นหลานสะใภ้มากินอาหารกับตนเองเป็นครั้งแรก จะต้องกล่าววาจาเกรงใจ ขอปรนนิบัติตนเองแน่นอน

[1] เถิงเชี่ย คืออนุภรรยาที่เป็นพี่สาวหรือน้องสาวที่มีบิดาคนเดียวกันกับเจ้าสาว แต่เจ้าสาวเป็นบุตรีภรรยาเอก ในขณะที่พี่สาวหรือน้องสาวที่แต่งตามไปเป็นบุตรีอนุภรรยา

[2] กุ้ยเชี่ย คืออนุภรรยาที่มาจากตระกูลใหญ่หรือตระกูลขุนนาง แต่อาจเป็นบุตรีอนุภรรยาของตระกูลนั้นๆ

[3] เหลียงเชี่ย คืออนุภรรยาที่มาจากครอบครัวชาวบ้านทั่วไป

[4] เจี้ยนเชี่ย คืออนุภรรยาที่มีฐานะต่ำต้อย เช่น นางคณิกา นางรำ เป็นต้น

[5] ปี้เชี่ย คือบุตรีของนักโทษที่ถูกซื้อมาเป็นทาส แล้วถูกเลื่อนขึ้นเป็นอนุภรรยาในภายหลัง

[6] จีเชี่ย คืออนุภรรยาที่มาจากข้ารับใช้หรือทาส อาจซื้อมา มีคนให้ หรือชิงตัวมาก็ได้

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท