เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค – ตอนที่ 581 เริ่มต้นการประลองฝีมืออย่างเป็นทางการ (2)

ตอนที่ 581 เริ่มต้นการประลองฝีมืออย่างเป็นทางการ (2)

จากที่นางพบเห็นมาหลายวัน แม้ว่าจะไม่ได้ยืนฟังรายละเอียดอยู่ด้านใน แต่คนที่มารายงาน ไม่มีคนไหนที่ลนลาน

เห็นได้ชัดเลยว่าปกติได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวด และมีความคิดเห็นด้วยเล็กน้อย อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าหาวิธีแก้ปัญหาได้ก่อนที่พวกนางจะมาเยือนแล้ว ที่มารายงาน ก็แค่เชิญให้ฮูหยินผู้เฒ่าตัดสินใจเท่านั้นเอง

ฉือหมัวมัวก็ไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน[1] ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยเจอนางครั้งแรก ก็เคยเจอสีหน้าเฉยชา เคร่งขรึมของนาง ตอนนี้ทุกครั้งที่เจอนาง ใบหน้านั้นของนางล้วนเปี่ยมไปด้วยความจริงใจและเคารพนบนอบยิ่ง

จากข้ารับใช้ที่จัดการเรื่องราวเหล่านี้ ก็สามารถคาดคะเนวิธีการจัดการเรื่องราวภายในเรือนและการใช้คนของฮูหยินผู้เฒ่าได้

ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่า ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ามักจะมีจิ้งฮูหยินและเหมยฮูหยินอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา มั่วเชียนเสวี่ยมาที่นี่หลายวันแล้ว ก็ยังไม่ได้เจอพวกนาง

เป็นไปได้ว่าก่อนที่นางจะมา พวกนางมาคารวะยามเสร็จก็จากไปก่อนแล้ว จึงไม่เคยรู้

คนข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าล้วนมีระเบียบมาก คนที่มารายงานเรื่องต่างๆ ล้วนมาหลังอาหารเช้า และหลังอาหารเที่ยง เป็นกลุ่มก้อนกันมาก

ปกติแล้ว ชนรุ่นหลังที่มาคารวะยามเช้านั้นไม่เยอะ แต่มักจะมีคนมาบ่อยครั้ง

แต่ว่า จากการที่มั่วเชียนเสวี่ยสังเกตการณ์มาสามวันนี้ มีคนหนึ่งมาทุกวัน

นั่นก็คือฮูหยินสี่ถานซื่อ

นายท่านสี่เป็นบุตรชายแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่า แม้ว่ามารดาของ ฮูหยินสี่ถานซื่อจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่า แต่กลับมาจากตระกูลอวี่เหวินเหมือนกัน ความสัมพันธ์จึงลึกซึ้งขึ้นไปอีก สนิทสนมกันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะวิจารณ์ได้

ครั้งแรกที่ฮูหยินสี่มา หลังจากนางนั่งอยู่เป็นเพื่อนครู่หนึ่ง ก็มีคนมารายงานเรื่องในจวน นางจึงถูกฮูหยินผู้เฒ่าให้ออกไปก่อน

ครั้งที่สองที่ฮูหยินสี่มา ก็พาหนิงเซ่าหันกับหนิงเซ่าผู่ ลูกพี่ลูกน้องหนิงเซ่าชิงมาด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าดีใจมาก จึงให้นางออกไปเอาขนมหวานที่ห้องครัว

ความจริงแล้ว ด้วยฐานะของนาง แม้ว่าจะเป็นรุ่นหลานของฮูหยินผู้เฒ่า แต่กลับเป็นฮูหยินหัวหน้าตระกูล ฐานะสูงส่งกว่าฮูหยินสี่มาก งานเช่นการไปหยิบขนมหวาน นางสามารถสั่งให้เหล่าสาวใช้ผัวจื่อไปทำได้

วันนั้นตอนที่ทำพิธียกน้ำชา คนที่เอ่ยวาจาเสียดสีนาง ก็ไม่ใช่ฮูหยินสี่ที่โง่งมจนถูกคนหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีคนอื่นผู้นี้หรอกหรือ

นางไม่อยากตีสนิทกับสตรีนางนี้ และยิ่งไม่อยากนั่งเป็นหนามยอกอกอยู่ตรงนั้น จึงรับคำสั่งยิ้มๆ แล้วถอยออกไป

วันนั้นหลังเที่ยง ฮูหยินสี่ก็มาอีกแล้ว คราวนี้ไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าสั่ง มั่วเชียนเสวี่ยก็หาเหตุผลด้วยตนเอง บอกว่าไม่รู้ว่าชุดจี๋ฝูที่ฮูหยินผู้เฒ่าจะใส่ในช่วงเฉลิมฉลองวันตรุษจีนปักไปถึงไหนแล้ว นางอยากออกไปดูหน่อยว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง

ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมอนุญาต ยิ้มจนตาหยี พลางกำชับว่า “ยังคงเป็นเจ้าที่ดี ในใจคิดถึงย่า ไปดูหน่อยก็ดี จำไว้ว่ารีบไปรีบกลับ!”

คำกำชับที่เต็มไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้งนี้ คนที่ไม่รู้คงนึกว่ามั่วเชียนเสวี่ยได้รับความชมชอบจากฮูหยินผู้เฒ่ามากจนข้างกายไม่อาจห่างจากนางได้

มั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจากไป ข้างในก็มีเสียงบทสนทนาดังขึ้น

“ท่านแม่สามี ท่านตั้งใจจะมอบเรื่องภายในเรือนให้แม่หนูผู้นี้จริงๆ หรือเจ้าคะ”

“สตรีนางนี้ไม่ธรรมดา เจ้าอย่าได้ดูแคลน หากว่าเป็นสตรีอื่น มีฐานะเช่นนี้ ทั้งยังได้รับความสำคัญจากสามี ถูกสั่งให้ทำนู่นทำนี่ไปสามวัน คงหงุดหงิดไปนานแล้ว จะยังทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเหมือนนางได้เสียที่ไหนกัน”

ฮูหยินสี่ไม่ยอมแพ้ “ก็แค่นังหนูคนหนึ่งเท่านั้นเอง มีอันใดที่วิเศษวิโสกันเจ้าคะ ท่านแม่กลัวเกินกว่าเหตุมากไปแล้ว”

“นางเป็นแค่นังหนูคนหนึ่ง แต่กระทั่งนาง เจ้าก็ยังเทียบไม่ได้…เจ้าก็เรียนรู้ให้มากหน่อย รู้จักระงับอารมณ์ ควบคุมปากตนเอง…”

ฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิไปยกหนึ่ง ฮูหยินสี่มีสีหน้าหาเรื่องเล็กน้อย และเดือดดาลยิ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าขัดแย้งกับฮูหยินผู้เฒ่า

กล่าววาจาติดอ่างตอบรับอยู่สองสามประโยค และแสร้งหัวเราะเล็กน้อย พลางรายงานเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเองไม่กี่ประโยค ก็กล่าวอำลาจากไปก่อน โดยไม่รอให้เหล่าผู้ดูแลมา

ฮูหยินผู้เฒ่าด่า “สตรีโง่งมที่ไม่รู้จักระงับอารมณ์”

ฉือหมัวมัวถามว่า “นายหญิง ท่านตั้งใจจะมอบหมายเรื่องในจวนให้ฮูหยินสี่รับผิดชอบจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“ไม่มอบให้นาง แล้วจะมอบให้ใครได้”

ฮูหยินผู้เฒ่ามีสีหน้าจนปัญญา

“หากมอบให้มั่วซื่อ ด้วยนิสัยของนาง ยังจะเหลือที่ให้สตรีตระกูลอวี่เหวินกล่าววาจาด้วยหรือ เจ้าก็ไม่ใช่ว่าไม่เห็น ตอนนี้ชิงเอ๋อร์ตามใจนางจนไร้ขอบเขตแล้ว คนอื่นมองไม่ออก แต่คิดว่าข้าตาบอดหรือ”

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ่งเอ่ยก็ยิ่งโมโห ฉือหมัวมัวก้าวเข้าไปลูบหน้าอกให้นาง

“วันนั้นเห็นได้ชัดว่าเซ่าชิงปัดชามน้ำแกงของสวี่อี๋เหนียงตกแตกด้วยตนเอง…ไม่เพียงแต่จะสร้างบารมีในเรือนจื่อจู๋หว่านให้กับนาง กระทั่งซุนหมัวมัวก็เรียกใช้ตัวแล้ว ทั้งยังลงมือขจัดอุปสรรคให้นางด้วยตนเองอีกด้วย”

ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังสาว ก็เคยฝึกวรยุทธ์มาบ้าง ไม่เช่นนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าหนิงเซ่าชิงชิงลงมือตัดหน้ามั่วเชียนเสวี่ย

ย่อมต้องปกป้องอย่างไม่มีทางเลือก

มีเขาเป็นคนลงมือ การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ บิดาไม่มีทางเปิดโปง ท่านย่ายิ่งไม่มีทางกล่าวอันใด

“เช่นนั้นเหตุใดนายหญิงถึงไม่มอบเรื่องในจวนให้ฮูหยินสี่ดูแลตอนนี้ล่ะเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “หากเข็นจนนางกลายเป็นคนที่ใช้การได้จริงๆ ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ ข้าคงมอบเรื่องในจวนให้นางดูแลไปนานแล้ว ในตระกูลขุนนาง ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีแบบอย่างเรื่องที่ไม่ได้มีฮูหยินหัวหน้าตระกูลเป็นคนมีอำนาจจัดการดูแลเรื่องในเรือน ไฉนเลยจะต้องรอจนถึงวันนี้”

ฉือหมัวมัวเอ่ย “ตอนที่หัวหน้าตระกูลซูรุ่นที่แล้วเข้ารับตำแหน่ง ฮูหยินหัวหน้าตระกูลสุขภาพไม่ดี จึงไม่ได้ควบคุมดูแลเรื่องภายในเรือนหลัง แต่มอบให้น้องสะใภ้เป็นผู้ดูแลแทน และในภายหลังก็มีลูกสะใภ้ของหัวหน้าตระกูลเป็นผู้ดูแล ซูเหล่าฮูหยินในตอนนี้ก็ไม่เคยได้ควบคุมดูแลเรื่องภายในเรือนหลังไปชั่วชีวิต”

ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างเสียดายเล็กน้อย “ใช่แล้ว…ขอเพียงแค่เป็นฮูหยินสายตรงก็มีอำนาจในการควบคุมดูแลเรื่องในเรือนหลัง ตอนนี้มีเพียงแค่ข่มมั่วซื่อเอาไว้ ให้นางไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปาก รอก่วนซื่อแต่งเข้ามา ข้าค่อยๆ บ่มเพาะความสามารถ…รอข้าสิ้นแล้ว มอบเจ้าให้นาง ถึงตอนนั้นข้างกายนางก็มีคนเข้าใจสะใภ้คนหนึ่งที่ตัดสินใจให้นางได้ ข้าก็ตายตาหลับแล้ว…”

ฉือหมัวมัวไม่ได้ตะลึงกับวาจาของฮูหยินผู้เฒ่า เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเช่นนี้

ฉือหมัวมัวลูบหลังให้ฮูหยินผู้เฒ่า พลางถามอย่างหลีกเลี่ยงเรื่องหนักไปเบา “เช่นนั้น…ตอนนี้จะปล่อยฮูหยินน้อยเอาไว้ โดยไม่สนใจทั้งแบบนี้หรือเจ้าคะ”

ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มมีนัยยะลึกซึ้ง “ไม่ได้ทิ้งไว้โดยไม่ใส่ใจ แต่เป็นการรอ…”

นางรู้ว่า ตอนนี้นางกับมั่วเชียนเสวี่ยกำลังแข่งความอดทนกัน

ใครทนไม่ไหวเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าไปก่อน ใครทนไม่ไหวลงมือลอบกัดก่อน คนนั้นแพ้

สิ่งที่นางต้องการปกป้อง ไม่ได้มีเพียงแค่อำนาจในการปกครองเรือน แต่ยังมีตำแหน่งในใจของบุรุษสองคนด้วย

มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่า ฮูหยินสี่ไม่เพียงแต่จะมาเยือนตอนหลังเที่ยง แต่ปกติแล้ว ฮูหยินสี่ผู้นี้ยังรั้งรอจนคนมารายงานเรื่องต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ถึงจะจากไป

กล่าวว่าคือการคารวะยามเช้า แต่ในสายตานาง ก็เป็นการตบตาเรื่องการสอดแนมการปกครองเรื่องต่างๆ ในเรือนประเภทหนึ่ง

เพียงแต่การที่นางมาทุกวัน เกรงว่าจะเป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่ามอบหมายงานให้นางดูแลเยอะมากแล้ว

นางคิดไม่ออกว่าทำไมฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้ความสำคัญกับฮูหยินสี่ที่เป็นคนถูกหลอกใช้ให้ทำร้ายผู้อื่นเช่นนี้

หรือว่า การแต่งงานเกี่ยวดองความสัมพันธ์ของตระกูลอวี่เหวินจะสำคัญขนาดนั้นจริงๆ?! สำคัญจนถึงขั้นที่…นางคิดจะมอบอำนาจในการปกครองเรือนหลังมอบให้กับฮูหยินสี่ผู้นั้น โดยมองข้ามนางไป

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ค่อยเชื่อการวิเคราะห์ของตนเอง แต่ก็ไม่ได้รีบร้อนกลับไป ทว่ารอให้ถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ แล้วค่อยกลับไป

รอถึงตอนที่นางเข้าไปในห้อง พ่อบ้านที่มารายงานสองสามคนนั้นก็จากไปแล้ว เหมือนกับไม่เคยมาอย่างไรอย่างนั้น ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าก็กำลังหลับตาพักผ่อนภายใต้การปรนนิบัติจากสาวใช้ผู้หนึ่ง

[1] ตะเกียงขาดน้ำมัน หมายถึงผู้มีปัญญาหลักแหลม มีพื้นภูมิดี หรือมีผู้คอยสนับสนุน

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

Status: Ongoing

เพราะสำลักน้ำชาจนขาดอากาศ(?)ทำให้ มั่วเชียนเสวี่ย สาวมั่นหัวการค้าทะลุมิติมาอยู่ในโลกยุคโบราณและในร่างของคนอื่น

แต่นั่นยังไม่น่าตระหนกเท่าการที่ร่างนี้กำลังจะแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดให้กับชายหนุ่มที่ป่วยร่อแร่เต็มที!

ในโลกที่หากขาดที่พึ่งผู้หญิงก็สามารถถูกขายเป็นทาสได้ตลอดเวลาสามีคนนี้ของนางนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว

ทั้งมีความรู้ สุภาพและไม่ใช้กำลังแถมหน้าตายังหล่อเหลาอีกด้วย เสียตรงร่างกายอ่อนแอไปหน่อยเท่านั้น

ชีวิตครอบครัวชนบทแสนยากจนของนางจึงเริ่มขึ้นที่ตรงนั้น… แต่อย่างไรนางไม่ยอมงอมืองอเท้ารับชะตากรรมแบบนี้แน่

ในเมื่อนางมีความรู้ความสามารถยังต้องกลัวสร้างกิจการไม่ได้อีกหรือ?!

เส้นทางร่ำรวยสายนี้นางจะบุกเบิกมันขึ้นมาด้วยตนเอง! และหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นด้วยดี

เพราะเหมือน ‘ร่างนี้’ ของนางกับฐานะเดิมของสามีเหมือนจะไม่ค่อยธรรมดาเสียด้วยสิ…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท