ใช้ช้อนตักออกมาชิมคำหนึ่ง แม้ว่ายาชนิดนี้จะไร้สีไร้กลิ่น ถูกต้อง ที่ว่าไร้สีไร้กลิ่นนี้มันสำหรับคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่องทางการแพทย์
ดมกลิ่นแล้ว ลองชิมแล้ว หมอหลี่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาก็ยืนยันได้เรียบร้อย
เขาวางชามยาลง หมอหลี่ตอบฮูหยินผู้เฒ่า “ฮูหยินผู้เฒ่า ในชามน้ำแกงของฮูหยินน้อยมีคนใส่ยาที่เป็นโทษต่อคนจริงๆ ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งในตำแหน่งประธาน หมุนลูกประคำในมืออย่างเหม่อลอย แล้วถามเรียบๆ อย่างไม่รู้สึกตะลึงว่า “ยาอะไร”
“นี่คือ…น้ำแกงไร้บุตรขอรับ!”
“น้ำแกงไร้บุตร?”
มือที่จับลูกประคำของฮูหยินผู้เฒ่าชะงัก มองไปทางมั่วเชียนเสวี่ยด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นังหนูนี่โหดเหี้ยมจริงๆ! อาศัยแค่ความโหดเหี้ยมนี้ นางก็ไม่มีทางให้นางขึ้นมานั่งตำแหน่งคนจัดการดูแลเรือนหลังเด็ดขาด
กระทั่งตนเองก็ยังกล้าวางแผนเล่นงาน ยังมีคนที่นางไม่กล้าเล่นงานอีกหรือ
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสายตาให้ฉือหมัวมัวแวบหนึ่งแล้วก็ถอนสายตากลับมา หมุนลูกประคำต่อไป
ฉือหมัวมัวยกน้ำแกงของฮูหยินผู้เฒ่าไปยื่นให้หมอหมอหลี่ “ท่านหมอหลี่ ท่านช่วยดูชามนี้ที นี่คือน้ำแกงของฮูหยินผู้เฒ่า”
วาจาไม่กี่คำด้านหลัง เน้นเสียงหนักมาก คล้ายกับเป็นการเตือน
หากว่าในชามนี้ไม่มีตัวยา ได้เห็นดีกันแน่
นางติดตามฮูหยินผู้เฒ่ามานานหลายปีขนาดนี้ ย่อมรู้ความคิดของฮูหยินผู้เฒ่า วิธีการเหมือนกับฮูหยินผู้เฒ่าพอสมควร
คนที่เคี่ยวน้ำแกงให้ฮูหยินผู้เฒ่าติดตามฮูหยินผู้เฒ่ามาหลายสิบปีแล้ว จะเกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร! จะต้องเป็นฮูหยินน้อยที่ทนไม่ไหว วางกลบุบายกับตนเองด้วยตนเอง
หมอหลี่รับชามมา แล้วทำเหมือนเมื่อครู่ที่ทั้งดมทั้งชิม สุดท้ายก็ตอบว่า “ชามของฮูหยินผู้เฒ่า…ก็มีเช่นกันขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบตาขึ้นทันที แววตานั้นทอประกายสดใสอย่างที่น้อยครั้งจะมี
หากมีเพียงแค่น้ำแกงของมั่วเชียนเสวี่ยที่มียา นางก็สามารถกล่าวได้ว่ามั่วเชียนเสวี่ยใส่ยาด้วยตนเอง ใช้กลยุทธ์ทนทุกข์กายมาใส่ร้ายผู้อาวุโสของตนเอง
แต่ตอนนี้น้ำแกงของนางก็มีตัวยาเช่นกัน ทั้งยังเป็นยาที่ร้ายแรงด้วย ย่อมไม่ใช่แผนการของมั่วเชียนเสวี่ย มือของมั่วซื่อยังไม่ยาวถึงขนาดที่จะแตะต้องของของนางได้
แต่ว่า ไม่ใช่แผนการของนางแล้ว นางจะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำแกงผิดปกติ?
ดูท่าเรื่องนี้จะซับซ้อนมาก
มีคนคิดจะทำร้ายตระกูลสายตรง หรือว่ามีคนอยากจะจัดการกับมั่วซื่อ หรือว่า…นางดูแคลนมั่วซื่อกัน!
สรุปได้ว่า มีหนอนบ่อนไส้ในเรือนนาง
“ใครเป็นคนมาส่งน้ำแกงนี้”
ความปรารถนาของฮูหยินผู้เฒ่าคำนวณผิดพลาดไป แม้ว่าจะตกตะลึงยิ่งนัก แต่กลับไม่แสดงออกบนใบหน้าสักนิดเดียว ตวาดเสียงดังตำหนิและถามได้พอเหมาะพอดี
คนที่ปรนนิบัติอยู่ในห้องรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรง จึงล้วนคุกเข่าลง
“เป็นบ่าวที่เลินเล่อเจ้าค่ะ นายหญิงโปรดลงโทษ แต่นายหญิงได้โปรดตรวจสอบให้แน่ชัด ยานี้ไม่เกี่ยวข้องกับบ่าวเจ้าค่ะ!”
ฉือหมัวมัวออกตัวยอมรับความผิดเป็นคนแรก และเป็นคนแรกที่เอ่ยวาจาแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง
ต่อมา การออกตัวยอมรับความผิดและการแสดงความบริสุทธิ์ก็ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก
“หุบปากให้หมด!”
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าตวาด รอบด้านก็เงียบสงัด
นางวางลูกประคำเอาไว้ แล้วแค่นเสียงเบา คราวนี้ภายในห้องไม่ใช่แค่เงียบสงัดแล้ว
แต่กลายเป็นเงียบวิเวกวังเวงแทน มั่วเชียนเสวี่ยถึงกับได้ยินเสียงฟันคนกระทบกัน
บรรยากาศนิ่งงัน
ครู่หนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตวาดใส่ฉือหมัวมัวว่า “ตรวจสอบ! ตรวจสอบให้หมด! เริ่มตรวจสอบจากเจ้าเลย!”
แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะโมโห แต่ก็ไม่ได้ยั้งสติไม่อยู่ กล้ามีคนเล่นลูกไม้ภายใต้สายตานาง
เรื่องนี้เกิดขึ้นในเรือนของนาง น้ำแกงก็มีคนของนางเป็นคนยกมาเอง นางกลัวว่าภาพลักษณ์ที่กู้กลับมาได้ในใจของบุตรชายกับหลานชายจะพังทลายทันที
นางกลัวว่าหนิงเซ่าชิงจะเข้าใจนางผิด
การที่นางตรวจสอบฉือหมัวมัวเป็นคนแรก ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจคนสนิทผู้นี้ กลับกัน นางเชื่อใจยิ่ง ตรวจสอบนางคนแรก ก็เพื่อแยกตนเองออกจากเรื่องนี้
เพื่อแสดงท่าทีให้บุตรชายและหลานชายของตนเองดู
“ขอเพียงแค่เป็นคนที่เคยแตะต้องชามน้ำแกง คนที่เข้าไปในห้องครัวในช่วงเวลานี้ ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว ตรวจสอบให้ครบทั้งหมด ข้าไม่เชื่อว่าจะตรวจสอบไม่พบ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งการ ทั่วทั้งจวนหนิงล้วนสะเทือนไปทั่ว
ภายในห้องพระของวัดประจำตระกูล ฮูหยินอนุภรรยา อิ๋งฮูหยินที่กินเจสวดมนต์ได้รับข่าวนี้แล้ว
“ตรวจสอบไปเถอะ ตรวจสอบไป! ตรวจสอบให้ดี ไม่เช่นนั้น เจ้าจะผิดหวังมากเพียงใด”
อวี่ฮูหยินที่อยู่ในห้องพระอีกห้องหนึ่งก็ได้ข่าวเช่นกัน
“ตรวจสอบไปเถอะ ตรวจสอบไป! ตรวจสอบให้ดี! กรรมย่อมมีวัฏจักรของตัวมันเอง ในปีนั้นเจ้าทำให้ข้าไร้บุตรหลานสืบสกุล ตอนนี้มีคนมาทำให้เจ้าไร้บุตรหลานสืบสกุล กรรมตามสนองไม่ผิดแน่นอน”
ทั่วทั้งจวนหนิงอึกทึกครึกโครม แน่นอนว่า มีความระมัดระวังจนไม่กล้าทำอะไรมากกว่า อย่างกลัวว่าโดนหางเลขไปด้วย
ตอนนี้กระทั่งข้ารับใช้ที่เดินผ่านครัวใหญ่ล้วนถูกเรียกไปสอบถาม
ผัวจื่อที่รับผิดชอบเคี่ยวน้ำแกง ควบคุมไฟ เมื่อก่อนยโสโอหังมาก ตอนนี้กลับกลายเป็นนักโทษถูกสอบสวน
ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่สัมผัสถูกน้ำแกงโสมคนนั้นมีไม่เกินห้าคน ผัวจื่อที่รับผิดชอบดูไฟ สตรีวัยกลางคนที่คุยสนุกสนานกับผัวจื่อคนนั้นระหว่างนั้น ยังมีระหว่างที่ผัวจื่อคนนั้นไปห้องน้ำ ฝากให้ผัวจื่ออีกคนในครัวช่วยดูไฟ แล้วก็มีฉือหมัวมัว กับคนที่ดื่มน้ำแกง
คนเหล่านี้ล้วนถูกคุมตัวเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เดิมฉือหมัวมัวสมควรจะเป็นคนที่บริสุทธิ์มากที่สุด แต่กลับค้นเจอห่อกระดาษได้ในห้องนางห่อหนึ่ง ห่อกระดาษนี้เคยห่อผงตัวยาไร้บุตรเอาไว้
ฉือหมัวมัวไร้เรี่ยวแรงในทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งจะรู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรง นางสั่งให้คนไปตรวจห้องของฉือหมัวมัวเป็นคนแรก เดิมคิดจะพิสูจน์ตนเอง แต่กลับผลักตนเองลงไปในเหวลึก
ค้นเจอของในห้องของฉือหมัวมัว ราวกับมีโคลนสีเหลืองเปรอะเปื้อนกางเกง จนไม่อาจแยกได้ว่าเป็นดินโคลนหรืออุจจาระกันแน่[1]
สีหน้าท่าทางของฮูหยินผู้เฒ่าห่อเหี่ยวเล็กน้อย แต่นางไม่ได้โบยฉือหมัวมัวให้ตายทันที
ไม่ได้เป็นเพราะไมตรีจิตที่มีให้กันมาหลายปี ไม่ได้เป็นเพราะความไว้วางใจ แต่เป็นเพราะประสบการณ์ในหลายปีมานี้ เพราะนางรู้ว่าฉือหมัวมัวไม่ได้โง่งมขนาดนั้น และนางก็ยิ่งรู้ว่า ความกล้าของฉือหมัวมัวไม่ได้มีมากถึงเพียงนั้น
นางอาศัยอยู่ในส่วนลึกเช่นเรือนหลังมาตลอดชีวิต ต่อสู้กับตระกูลอวี่เหวินมาจนถึงตระกูลหนิง ต่อสู้กับพี่น้องเสร็จ ก็มาต่อสู้กับลูกสะใภ้ นางต่อสู้มาครึ่งชีวิตแล้ว เรื่องราวที่เหมือนจะใช่ แต่ความจริงไม่ใช่ภายในเรือนหลังนั้นมีเยอะแยะถมเถไป
เบื้องหน้าเห็นว่าเป็นเช่นนี้ แต่ภายในกลับเป็นเช่นนั้น
ดูท่า มีคนคิดจะวางกลอุบายหลอกนางเสียแล้ว
หากมีคนวางกลอุบายหลอกนางจริงๆ เรื่องนี้จะต้องไม่ได้เพิ่งจะมีเจตนาร้ายเด็ดขาด เกรงว่าจะมีปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ถูกคนใส่ยาลงใส่ตั้งแต่น้ำแกงไก่แล้ว
สมองของฮูหยินผู้เฒ่าคิดคำนวณ พลางสั่งให้คนเร่งไปปิดครัวอย่างรวดเร็ว
จำเป็นต้องกล่าวว่า แม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะอายุมากแล้ว แต่สมองกลับไวกว่าคนทั่วไปมาก
สมองฮูหยินผู้เฒ่าแล่นอย่างรวดเร็ว สมองมั่วเชียนเสวี่ยก็ประมวลผลอย่างรวดเร็วเช่นกัน
การที่ทั้งสองครั้งล้วนเป็นน้ำแกงไร้บุตรนั้น จะต้องไม่ใช่ความบังเอิญเด็ดขาด คนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร นางมีความเกี่ยวข้องกับกุ้ยเสี่ยวซีหรือไม่
หากนางดื่มยานี่ลงไป โดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็จะไม่มีทางให้กำเนิดบุตรออกมา นางจะมีบุตรหรือไม่นั้น นางคิดว่า ไม่มีใครสนใจ สิ่งที่ทุกคนเป็นกังวลนั้นคือ หนิงเซ่าชิงไม่มีบุตรภรรยาเอก!
หากนางพบยาแล้ว โยนความผิดใส่ฮูหยินผู้เฒ่า และทะเลาะหน้าดำหน้าแดงกับฮูหยินผู้เฒ่า เช่นนั้นนกกระยางสู้กับหอยกาบ ชาวประมงก็เป็นคนได้ประโยชน์ไป[2]!
[1] โคลนสีเหลืองเปรอะเปื้อนกางเกง จนไม่อาจแยกได้ว่าเป็นดินโคลนหรืออุจจาระกันแน่ หมายถึง ถูกเข้าใจผิด แม้มีปาก แต่ยากจะอธิบาย
[2] นกกระยางสู้กับหอยกาบ ชาวประมงก็เป็นคนได้ประโยชน์ไป หมายถึง สองฝ่ายที่ต่อสู้กันต่างไม่ได้รับผลประโยชน์ แต่กลับให้บุคคลสามกอบโกยผลประโยชน์ไป