และถึงกับให้เขาเรียกคนที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องงานไม้ในละแวกใกล้ๆ นี้มาจนหมด ให้เขาทำกล่องไม้ขนาดใหญ่และถังเก็บน้ำในตำแหน่งโรงเรือนเพาะปลูกพืชผัก
กล่องไม้ต้องใช้โครงค้ำยันมันเอาไว้ ประการแรกไม่อาจวางติดพื้นได้ ประการที่สองด้านล่างต้องเหลือช่องให้น้ำผ่าน เหมือนกับเลี้ยงดอกไม้กระถางใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
หวังเทียนซงสงสัยยิ่งนัก หากว่าเลี้ยงดอกไม้ ปลูกในดินก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ
มั่วเชียนเสวี่ยครุ่นคิดแล้วตอบว่า จู่ๆ นางก็ชอบดอกไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมา
บอกว่าดอกไม้ชนิดนี้สวยมาก และยังบอกอีกว่า ได้ยินมาว่าดอกไม้นั่นจะออกผลที่มีรสชาติดีเยี่ยม และพบเห็นได้น้อยมาก
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ จะต้องมีคำอธิบายต่อผู้คนข้างนอก!
ตอนนี้นางเป็นฮูหยินหัวหน้าตระกูลขุนนางเก่าแก่ คิดจะเลี้ยงดอกไม้ใบหญ้าก็ไม่ได้มีอะไรแปลก
ยิ่งไปกว่านั้น สตรีตระกูลหนิงก็ฟุ่มเฟือยมาโดยตลอด คิดว่าคงจะไม่มีใครสงสัย
หวังเทียนซงได้ยิน ก็มึนงง ดอกไม้อะไรถึงได้ล้ำค่าขนาดนั้น ถึงกับต้องใช้เรือนกระจกมากมายขนาดนี้ ทั้งยังต้องใช้ “กระถางดอกไม้” ขนาดใหญ่อีก
ยังดีที่ดอกไม้โรยราแล้วยังสามารถออกผลได้ หวังว่าผลที่ได้นั้นจะราคาสูงนะ
ถงจื่อจิ้งเห็นมั่วเชียนเสวี่ยกลับมาบ้านไร่ ก็มาเดินตามต้อยๆ ตั้งนานแล้ว
เมื่อเห็นมั่วเชียนเสวี่ยทำเช่นนี้ ก็ให้ถงจั่นกลับไปถอนพืชผักเหล่านั้นของตนเองทิ้ง และทำ “กระถางต้นไม้” ขนาดใหญ่เพื่อให้พี่สาวได้เลี้ยงดอกไม้
มั่วเชียนเสวี่ยกลับยิ้มแล้วห้ามเขาเอาไว้
ตอนนี้ยังห่างจากการนำพืชผักไปขายในฤดูใบไม้ผลิอีกสองสามเดือน นางยังอยากจะกินผักใบเขียวอยู่นะ
อีกอย่าง หนิงเซ่าชิงขนดินมาเยอะแยะ โรงเรือนเพาะปลูกพืชผักสิบกว่าโรงของนางก็พอใช้แล้ว
แม้ถงจื่อจิ้งจะผิดหวังที่ครั้งนี้ไม่ได้ทำแบบเดียวกันกับมั่วเชียนเสวี่ย ทว่าก็ยินดีที่ตนเองมีตอนที่ถูกต้องการ
การที่เขาเฝ้าบ้านไร่แห่งนี้ ก็เพราะรอให้ตนเองถูกพี่สาวต้องการตลอดเวลาไม่ใช่หรือ
จะฉลองปีใหม่แล้ว ผักพวกนั้นปล่อยไว้หลายวันก็ไม่เน่า มั่วเชียนเสวี่ยสั่งให้คนทยอยส่งผักพวกนั้นออกไป
มอบให้ตระกูลซู วังหลวง กับจวนจิ่งชินอ๋องเล็กน้อย และมอบให้กับตระกูลที่ความสัมพันธ์กัน ใกล้ชิด และยังมีประโยชน์นิดหน่อย
ผักในโรงเรือนเพาะปลูกสิบกว่าแห่งดูเหมือนเยอะมาก แต่เมื่อจัดสรรปันส่วนขึ้นมาจริงๆ กลับไม่พอที่จะแบ่ง ทำได้เพียงแค่แบ่งให้กับคนในตระกูลสำคัญเท่านั้น
มั่วเชียนเสวี่ยทำเรื่องที่สมควรทำเรียบร้อยแล้ว ก็เห็นว่าไม่เช้าแล้ว จึงเดินทางกลับเมืองหลวง
ถงจื่อจิ้งก็ติดตามอยู่ด้านหลังนางกลับไปเมืองหลวงเช่นกัน และเข้าพักในจวนกั๋วกง
ตอนนี้เขาเห็นบ้านของมั่วเชียนเสวี่ยเป็นบ้านตนเองแล้วจริงๆ
ปีใหม่ นางต้องกลับจวน ในจวนไม่มีคนต้อนรับขับสู้จะทำอย่างไร
แม้จะบอกว่ามีมั่วจื่อถัง
แต่ถงจื่อจิ้งมองออกว่า พี่สาวของตนเองยังคงมีปมในใจกับมั่วจื่อถังอยู่
มั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้อยู่ที่จวนกั๋วกง มั่วจื่อถังไม่มีทางมาจวนกั๋วกงเด็ดขาด ราวกับกำลังหลีกเลี่ยงความน่าสงสัย
มั่วเชียนเสวี่ยกับถงจื่อจิ้ง หนึ่งคนอยู่หน้าหนึ่งคนอยู่หลังเดินออกจากบ้านไร่ แม้ว่าหวังเทียนซงจะมึนงง แม้ว่าจะกลัดกลุ้มมาก แต่กลับทำตามคำสั่งของมั่วเชียนเสวี่ยอย่างตั้งใจ
ผู้เป็นนายบอกแล้วว่าต้องเร่งรีบ กล่องไม้ขนาดใหญ่นั่นก็ต้องทำให้เสร็จก่อนปีใหม่
โครงที่ค้ำยันกล่องไม่นั่นก็ต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่สิบห้าเดือนหนึ่ง ค่อยประกอบกล่องไม้กับโครงค้ำยันเข้าด้วยกันให้เรียบร้อย แล้วนำไปติดตั้งในโรงเรือนเพาะปลูก
ภายในเรือนเฉียงเวย มีอี๋เหนียงของหัวหน้าตระกูลที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นสองนาง
แต่ในเรือนนี้ หิมะบนลานกลับไร้แม้กระทั่งรอยเท้า
เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างเปลี่ยว และมีผู้คนมาเยือนน้อยมาก
เรือนใหญ่มาก สวี่หยวนหยวนอาศัยในห้องทางปีกทางตะวันออก วั่นจื่ออิ๋งอาศัยอยู่ทางปีกตะวันตก
ตอนนี้ไร้เสียงอันใด สวี่หยวนหยวนที่อยู่ปีกตะวันออกขว้างปาข้าวของ เสียงร้องไห้กรีดร้องของเด็กสาวดังไม่ขาดสาย
วั่นจื่ออิ๋งขมวดคิ้วปักดอกไม้อยู่อีกด้าน ชุนหลิ่วสาวใช้ที่ปรนนิบัตินางกลับเป็นเดือดเป็นร้อนแทน
“สวี่อี๋เหนียงผู้นี้สติฟั่นเฟือนทุกวัน เมื่อใดถึงจะสิ้นสุดเสียที หัวหน้าตระกูลบอกว่าให้ฮูหยินส่งคนมาสอนกฎระเบียบให้นาง แต่กลับไม่เคยเห็นฮูหยินส่งคนมา…”
วั่นจื่ออิ๋งวางงานปักในมือลง แล้วตำหนิชุนหลิ่ว“หุบปาก เรื่องของฮูหยิน เจ้าที่เป็นสาวใช้คนหนึ่งสามารถวิจารณ์ได้หรือ”
ชุนหลิ่วเม้มปาก ไม่กล้าเอ่ยวาจาอีก แต่กลับสงสารผู้เป็นนายที่ตนเองปรนนิบัติมาตั้งแต่ยังเยาว์วัยเล็กน้อย
ตอนที่คุณหนูแต่งเข้าตระกูลหนิง ทำให้น้องสาวที่เป็นบุตรีภรรยาเอกและบุตรีอนุภรรยาพวกนั้นอิจฉาแทบตาย
ใครไม่รู้บ้างว่าหัวหน้าตระกูลหนิงเป็นมังกรหงส์ในหมู่ฝูงชน ไม่ว่าจะรูปโฉม วรยุทธ์ ความรู้ความสามารถ ความกล้าหาญ ล้วนหาคนที่สองในเมืองหลวงไม่พบ
ใครไม่รู้บ้างว่า สตรีตระกูลหนิงโดดเด่นที่สุดในเมืองหลวง ของกินและอาภรณ์ที่สวมใส่ล้วนดีที่สุดและพิถีพิถันที่สุดในแคว้นเทียนฉี
ด้วยฐานะของคุณหนู ขอเพียงแค่ได้รับความโปรดปราน ก็จะได้เป็นฮูหยินอนุภรรยาแน่นอน
แม้จะบอกว่าเป็นฮูหยินอนุภรรยา แต่ฐานะอนุภรรยาของหัวหน้าตระกูลขุนนางเก่าแก่นั้นสูงศักดิ์กว่าตำแหน่งเช่อเฟยของชินอ๋อง
แต่ทว่า นางก็แต่งเข้ามาได้หลายวันแล้ว หัวหน้าตระกูลไม่บอกว่าจะแวะมานั่งเล่น กระทั่งประตูเรือนของพวกนางหันไปทางไหน หัวหน้าตระกูลก็ไม่รู้
ฮูหยินขี้หึง กระทั่งการคารวะยามเช้าก็ไม่อนุญาตให้ไป แม้จะบอกว่าเห็นอกเห็นใจ ไม่ต้องปรนนิบัติ แต่กลับลิดรอนโอกาสในการพบหัวหน้าตระกูลอย่างยุติธรรมไปทั้งอย่างนั้น
นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ชุนหลิ่วก็ไปมองที่ข้างประตู เมื่อมั่นใจแล้วว่าข้างนอกไม่มีคน ก็ปิดประตู กระซิบถามว่า “อี๋เหนียง ฮูหยินแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ท่านใกล้ชิดกับหัวหน้าตระกูล เหตุใดท่านถึงยังเคารพฮูหยินขนาดนี้เจ้าคะ”
วั่นจื่ออิ๋งถอนหายใจด้วยความจนปัญญาอยู่บ้าง “เจ้าไม่รู้ถึงน้ำหนักของฮูหยินในใจหัวหน้าตระกูล มีเพียงแค่ผ่านด่านฮูหยินไป ถึงจะมีความหวังกับทางหัวหน้าตระกูลได้”
ชุนหลิ่วไม่เชื่ออยู่บ้าง
บุรุษเฉกเช่นหัวหน้าตระกูล จะถูกสตรีผู้หนึ่งควบคุมเอาไว้ได้อย่างไร
เพียงแต่ไม่ว่านางจะเชื่อหรือไม่ นางก็รู้ว่าเข้าทางฮูหยินไม่ได้แล้วแน่นอน
นางกลอกตา พลันมีแผนการในใจ “ฮูหยินสำคัญ แต่ทางฮูหยินผู้เฒ่าสำคัญกว่า ขอแค่มีฮูหยินผู้เฒ่าให้การสนับสนุน ยังจะต้องกลัวว่าไม่ได้พบหัวหน้าตระกูล ไม่ได้รับความรัก ความโปรดปรานจากหัวหน้าตระกูลด้วยหรือเจ้าคะ”
วั่นจื่ออิ๋งเงียบ
กล่าวตามตรง นางก็ไม่มีความคิดอันใด ผู้อื่นว่าอย่างไร นางก็เชื่อ
นางปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหัวหน้าตระกูลหนิงหลายครั้งแล้ว แต่นางรู้สึกว่า หากเจอหัวหน้าตระกูลข้างนอก เขาคงจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นคนของเขา
ชุนหลิ่วเห็นนายหญิงของตนเองลังเล ก็ยุยงว่า “ฮูหยินเป็นสตรีขี้หึง หากอี๋เหนียงมัวแต่เฝ้ารออยู่ในเรือน เกรงว่ารอจนผมขาวโพลน ฮูหยินก็ประทานความเมตตาให้หรอกเจ้าค่ะ เกรงว่า…เกรงว่า คงจะไม่ได้เจอหน้าหัวหน้าตระกูลไปตลอดชีวิตนะเจ้าคะ…”
ชุนหลิ่วเคยเจอหัวหน้าตระกูล เป็นมังกรหงส์ในหมู่ฝูงชน[1] เป็นบุรุษที่รูปโฉมหล่อเหลามากที่สุดที่นางเคยพบมาชั่วชีวิตนี้
มีเพียงแค่ผู้เป็นนายได้รับความโปรดปราน นางถึงจะมีโอกาส…ถึงจะมีโอกาสปีนขึ้นเตียงหัวหน้าตระกูล
สาวใช้ที่แต่งตามภรรยาเข้ามาก็มีประโยชน์ใช้สอยเช่นนี้ไม่ใช่หรือ
ประโยคสุดท้ายของชุนหลิ่วทำให้หัวใจของวั่นจื่ออิ๋งหนาวเหน็บอย่างยิ่ง
หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไปจริงๆ ก็ไม่แน่ว่าชั่วชีวิตนี้อย่าได้คิดจะพบหน้าหัวหน้าตระกูล และยิ่งไม่ต้องคิดจะดื่มด่ำในความรักความสุขสมหัวหน้าตระกูลเลย
นางมองความคิดของชุนหลิ่วออกแต่แรกแล้ว แต่ด้วยแนวความคิดที่นางได้รับมาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงไม่ได้ต่อต้าน
หากนางได้อยู่ในสายตาหัวหน้าตระกูล ทั้งมีสาวใช้ที่ช่วยให้นางได้รับโปรดปรานคนหนึ่ง ในตอนที่นางไม่สะดวกก็สามารถรั้งหัวหน้าตระกูลเอาไว้ได้ และคอยรับมือฮูหยินด้วยกัน แล้วจะมีอันใดไม่ดีเล่า
[1] มังกรหงส์ในหมู่ฝูงชน หมายถึง ผู้ที่มีความโดดเด่นในบรรดาผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตาหรือความสามารถ