ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 630 อารมณ์ (ต้น)

ตอนที่ 630 อารมณ์ (ต้น)

ใน​ห้อง​ปีก​ทาง​ทิศตะวันออก​ของ​เรือน​หลัก​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ยืน​อยู่​ ​แต่​บรรยากาศ​กลับ​เงียบสงัด​จนได้​ยิน​เสียง​เข็ม​ตก

สือ​อี​เหนียง​นั่ง​ข้าง​เตียง​จิ​่น​เกอ

“​เจ็บ​ตรงไหน​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​สีหน้า​เป็นห่วง​ ​แต่​น้ำเสียง​กลับ​อ่อนโยน​และ​หนักแน่น

ใบหน้า​ที่​ขาว​ราวกับ​หยก​ของ​จิ​่น​เกอ​รื้น​ไป​ด้วย​น้ำตา​ ​เขา​ชี้​ไป​ที่​ขา​แล้ว​พูด​ ​“​เจ็บ​ตรงนี้​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​แตะ​กางเกง​ของ​เขา

จิ​่น​เกอ​ตะโกน​ ​“​ท่าน​แม่​ ​เจ็บ​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​เป็นกังวล​ ​นาง​พับ​กางเกง​ของ​เขา​ขึ้นไป​บน​ต้นขา​อย่างเบามือ

ผิว​ที่​เนียน​และ​ขาวสะอาด​ ​ไม่มี​รอย​อะไร​เลย​แม้แต่น้อย

ไม่ใช่​แผล​ข้างนอก​…

สือ​อี​เหนียง​คิด​ว่า​ช่วงนี้​จิ​่น​เกอ​ฝึก​ย่อเข่า​กับ​อาจารย์​ผัง

หรือว่า​ปวด​กล้ามเนื้อ​เพราะ​ออกกำลังกาย​อย่างกะทันหัน​?

นาง​แตะ​ขา​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​“​เจ็บ​หรือว่า​ปวด​?​”

จิ​่น​เกอ​ตอบ​ไม่ได้

สวี​ลิ่ง​อี๋​บุก​เข้ามา​พร้อมกับ​ลมหนาว​

“​เจ็บ​ตรงไหน​ ​เชิญ​ท่าน​หมอ​มา​แล้ว​หรือยัง​ ​ตอนนี้​ยัง​เจ็บ​อยู่​หรือไม่​”​ ​เขา​พูด​อย่างรวดเร็ว​ ​แต่​น้ำเสียง​กลับ​ชัดเจน​ ​เขา​พูด​เบา​ๆ​ ​แต่กลับ​มีกลิ่น​อาย​ของ​ความ​น่าเกรงขาม​ ​พูด​พลาง​นั่งลง​บน​เก้าอี้​แล้ว​มองดู​ขา​ของ​จิ​่น​เกอ​ ​จากนั้น​ก็​บอก​หง​เหวิ​นที​่​มีสี​หน้า​หวาดกลัว​อยู่​ข้างๆ​ ​ว่า​ ​“​ไป​เรียก​หวง​เสี่ยว​เหมา​กับ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​เข้ามา​!​”

หง​เหวิ​นขา​นรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

“​ส่ง​คน​ไป​เชิญ​ท่าน​หมอ​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​พูด​ ​“​ไม่​แตะ​ก็​ไม่​เจ็บ​ ​แต่​แตะ​มัน​ก็​เจ็บ​ ​ท่าน​โหว​คิด​ว่า​ ​หรือ​เป็นเพราะว่า​ฝึก​ย่อเข่า​?​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​คน​ฝึก​ศิลปะ​การต่อสู้​มาก​่อน​ ​เขา​น่าจะ​รู้เรื่อง​พวก​นี้​ดี​!

“​ไม่น่า​จะ​ใช่​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม​ ​แต่กลับ​มองดู​บุตรชาย​ด้วย​สายตา​ที่​เป็นห่วง​ ​เผย​ให้​เห็น​ความรู้สึก​ของ​เขา​ตอนนี้​ ​“​อาจารย์​ผัง​เคย​สอน​เด็ก​ที่​อายุ​น้อยกว่า​จิ​่น​เกอ​ ​เขา​มีประสบการณ์​”​ ​ในขณะที่​เขา​กำลัง​พูด​ ​หง​เหวิ​นก​็​พา​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​เข้ามา

พวกเขา​ทั้งสอง​คน​รู้เรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​แล้ว​ ​ต่าง​ก็​มีท​่า​ที​เป็นกังวล​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​ล้วน​อยู่​ที่นี่​ ​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​โค้ง​คำนับ​เสร็จ​แล้วก็​เขย่ง​เท้า​มอง​จิ​่น​เกอ​อย่าง​ไม่​เก็บอาการ

“​คุณชาย​น้อย​หก​บอกว่า​เจ็บ​ขา​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​พวกเขา​สอง​คน​อย่าง​นิ่งเฉย​ ​แต่​ความ​น่าเกรงขาม​ของ​เขา​ยังคง​ทำให้​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ตัวสั่น​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​ไป​หกล้ม​ที่ไหน​หรือไม่​”

หวง​เสี่ยว​เหมา​กับ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ครุ่นคิด​ ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​บ่าว​อยู่​กับ​คุณชาย​น้อย​หก​ทุกวัน​ ​สอง​สาม​วันนี้​คุณชาย​น้อย​หก​ไม่อยู่​ที่​เรือน​ซิ่ว​มู่​ก็​อยู่​ที่​เรือน​ของฮู​หยิน​ ​ไม่ได้​ไป​ไหน​ขอรับ​…​”​ ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​สั่นเทา

มีหัว​เล็ก​ๆ​ ​ยื่น​ออกมา​จาก​ผ้าม่าน​ ​จากนั้น​ก็​หดกลับ​เข้าไป​อย่างรวดเร็ว​

“​เป็น​เช่นไร​บ้าง​”​ ​ฉั​งอา​นที​่​อยู่​นอก​ม่าน​กระซิบ​ถาม​น้องชาย​ตัวเอง​เบา​ๆ

ฉัง​ซุ่น​เอ่ย​ตอบ​ ​“​คุณชาย​น้อย​หก​ไม่ได้​ร้องไห้​ ​ท่าน​โหว​และฮู​หยิน​อยู่​กับ​คุณชาย​น้อย​หก​ขอรับ​!​”

ไม่​ร้องไห้​ ​เช่นนั้น​ก็​หมายความว่า​ไม่​เจ็บ​!

ฉั​งอาน​ถอนหายใจ

เขา​ไม่​ไว้หน้า​คุณชาย​น้อย​หก​ ​ถึงแม้ว่าฮู​หยิน​จะ​บอกว่า​เขา​ทำ​ถูก​ ​แล้วยัง​ให้​ตัวเอง​และ​น้องชาย​เข้ามา​ทำงาน​ใน​จวน​ ​แต่​ปู่​ของ​เขา​กลัว​ว่า​คุณชาย​น้อย​หก​จะ​ไม่ชอบหน้า​เขา​ ​แต่​คิดไม่ถึง​ว่า​คุณชาย​น้อย​หก​ไม่เพียงแต่​เป็นมิตร​กับ​เขา​เหมือน​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ ​อีกทั้ง​ยัง​ไม่เคย​กลั่นแกล้ง​เขา​

ฉั​งอา​นครุ​่​นคิด​ ​จับมือ​น้องชาย​กำลังจะ​เดิน​ออก​ไป​ ​แต่กลับ​เห็น​ว่า​ใน​มือ​ของ​น้องชาย​มีลูก​กวาด​อยู่

ฉัง​ซุ่น​พูด​กับ​พี่ชาย​ตัวเอง​ ​“​กิน​ลูกกวาด​ก็​ไม่​เจ็บ​แล้ว​!​”

ฉั​งอาน​ยิ้ม

คุณชาย​น้อย​หก​ใจดี​กับ​ฉัง​ซุ่น​เป็นอย่างมาก

จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​คุณชาย​น้อย​หก​เอง​ก็​เป็น​คนดี​คน​หนึ่ง​!

เขา​เอ่ยปาก​ชม​น้องชาย​ตัวเอง​ ​“​ฉัง​ซุ่น​รู้ความ​ที่สุด​!​”

มีบ​่า​วรับ​ใช้​วิ่ง​เข้ามา​ ​“​รีบ​ไปรา​ยงาน​ท่าน​โหว​และฮู​หยิน​ ​บอกว่า​หมอ​หลิว​ของ​สำนัก​หมอ​หลวง​มา​แล้ว​!​”

สาวใช้​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​เปิดม่าน​เข้าไป

บ่าว​รับใช้​ต่าง​หลบ​ไป​อยู่​หลัง​ม่าน​กัน​ลม​ ​สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​ยืน​อยู่​ข้าง​เตียง​ ​เหลือ​ที่​ให้​จิ​่น​เกอ​ตรวจ​ชีพจร

หมอ​หลิว​เหลือบมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เห็น​สีหน้า​ของ​เขา​ปกติ​ก็​รีบ​จับชีพจร​จิ​่น​เกอ

“​ชีพจร​ของ​คุณชาย​น้อย​หก​มั่นคง​และ​มี​แรง​ดี​ขอรับ​…​”​ ​จากนั้น​ ​หมอ​หลิว​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ไม่มี​อะไร​ผิดปกติ​ ​หรือว่า​จะ​เชิญ​หมอ​หลวง​เซี่ยมา​ดู​ ​เขา​เชี่ยวชาญ​เรื่อง​การ​ดู​เด็กน้อย​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​บอก​ให้​คน​ไป​เชิญ​หมอ​หลวง​เซี​่ย​ ​หมอ​หลวง​เซี​่​ยดู​อยู่​ตั้ง​นาน​ ​เขา​ก็​รู้สึก​ว่า​ชีพจร​ปกติ​ ​มอง​ไป​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​มีสี​หน้ามืด​มน​ ​เขา​ก็​แนะนำ​หมอ​หลวง​อู๋​ ​หมอ​หลวง​อู๋​แนะนำ​หมอ​หลวงข​่​ง.​..​ท่าน​หมอ​ของ​สำนัก​หมอ​หลวง​เข้า​ๆ​ ​ออก​ๆ​ ​จวน​ราวกับ​สายน้ำ​ไหล

สือ​อี​เหนียง​นั่ง​อยู่​ข้าง​เตียง​จิ​่น​เกอ​ ​นาง​คุย​กับ​จิ​่น​เกอ​ ​แต่​ใน​ใจ​กลับ​ไม่สบาย​ ​นาง​นึกถึง​โรคมะเร็ง​เม็ด​เลือด​ขาว​ ​โรค​กระดูก​ข้อ​เสื่อม​ที่นาง​รู้จัก​เมื่อ​ชาติก่อน​ ​นาง​เกลียด​ที่​ยุค​นี้​ไม่มี​อัลตร้า​ซาวน์​คลื่น​ความถี่​สูง​ ​นาง​เกลียด​ที่​ตอนนั้น​ตัวเอง​ไม่​เรียน​ด้าน​การแพทย์​…

ไท่ฮู​หยิน​และฮู​หยิน​สอง​ที่​ได้ยิน​ข่าว​ก็​มาหา​จิ​่น​เกอ​พร้อมกัน

เห็น​จิ​่น​เกอ​ที่​ชอบ​กระโดดโลดเต้น​นอนซม​อยู่​บน​เตียง​ ​ไท่ฮู​หยิน​เดิน​เข้าไป​นั่ง​ข้าง​เตียง​ด้วย​น้ำตา​คลอ​เบ้า

ฮู​หยิน​สอง​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ใจลอย​ ​จึง​ถาม​เซี่ยง​ซื่อ​ที่​ไปรา​ยงา​นนาง

เมื่อ​รู้​ว่า​หมอ​หลวง​ตรวจ​ไม่​เจอ​อะไร​ ฮู​หยิน​สอง​จึง​จับชีพจร​ให้​จิ​่น​เกอ

“​เป็น​เช่นไร​บ้าง​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​มองฮู​หยิน​สอง​ด้วย​สายตา​ที่​มีความหวัง

“​ชีพจร​มั่นคง​และ​มี​แรง​ดีเจ​้า​ค่ะ​…​”​ ฮู​หยิน​สอง​ลังเล​ ​“​ดูเหมือน​จะ​ไม่มีปัญหา​อะไร​…​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​เช่นนี้​ ​นาง​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​แล้ว​ตะโกนเรียก​ป้า​ตู้​ทันที​ ​“​เร็ว​เข้า​ ​ช่วย​เตรียม​ชุด​ราชสำนัก​ให้​ข้า​ ​ข้า​จะเข้า​ไป​พระราชวัง​ ​ไป​ถาม​ฮองเฮา​ว่า​มี​วิธี​หรือไม่​!​”

“​หมอ​หลว​สอง​สาม​ท่าน​ล้วน​บอกว่า​ไม่เป็นอะไร​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รีบ​พูด​ ​“​ให้​เขา​นอน​พัก​สักวันหนึ่ง​แล้ว​ค่อย​ดู​อาการ​ ​ท่าน​อย่า​ทำให้​ฮองเฮา​เป็นห่วง​เลย​!​”

“​แต่​ข้า​กลัว​โรค​ที่จะ​มากะ​ทัน​หัน​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​นึกถึง​การ​เสียชีวิต​ของ​คุณชาย​สอง​ ​“​เรา​จะ​ปล่อย​ไว้​เช่นนี้​ไม่ได้​”​ ​นาง​ยืนกราน​ที่จะ​เข้าไป​ใน​พระราชวัง

เซิน​เกอ​ไป​ที่​เรือน​ซิ่ว​มู่​ ​เขา​ถึง​รู้​ว่า​จิ​่น​เกอ​ไม่สบาย​

เขา​จะ​ไปหา​จิ​่น​เกอ​ ​ทันทีที่​กลับ​เข้ามา​ใน​ลาน​ ฮู​หยิน​ห้า​ก็​อุ้ม​เฉิง​เกอ​มา​เยี่ยม​จิ​่น​เกอ​ ​เขา​เดินตาม​มารดา​เข้ามา​ใน​ห้อง​

ไท่ฮู​หยิน​และ​คนอื่นๆ​ ​พูด​เรื่อง​อาการป่วย​ของ​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​เซิน​เกอ​ไป​คุย​กับ​จิ​่น​เกอ​ที่​ข้าง​เตียง

“​เช่นนั้น​วันนี้​ท่าน​ก็​ไป​ฝึก​ย่อเข่า​ไม่ได้​แล้ว​หรือ​”

จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​ ​“​ขา​ของ​ข้า​เจ็บ​”

“​ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ก็​จะ​ตาม​ท่าน​ทัน​แล้ว​!​”​ ​เซิน​เกอ​พูด​อย่าง​พึงพอใจ​ ​“​เมื่อวาน​ท่าน​ย่อเข่า​ไป​ห้า​ก้านธูป​ ​เมื่อวาน​ข้า​ย่อเข่า​ไป​สอง​ก้านธูป​ ​วันนี้​ย่อเข่า​อีก​สอง​ก้านธูป​ ​พรุ่งนี้​ย่อเข่า​อีก​สอง​ก้านธูป​…​ ​“​ ​เขา​นับ​ด้วย​นิ้ว​ ​“​ข้า​ก็​จะ​มากกว่า​ท่าน​หนึ่ง​ก้านธูป​!​”​ ​เขา​พูดเสี​ยง​ดัง

จิ​่น​เกอ​เบิกตา​กลม​โต​ใส่​เขา​ ​พูด​ด้วย​ท่าที​ที่​ไม่พอใจ​ ​“​ฝาก​เอาไว้​ก่อน​เถิด​ ​หาก​ข้า​หาย​ดี​แล้ว​ ​ข้า​จะ​ย่อเข่า​วัน​ละ​หก​ก้านธูป​ ​วัน​เดียว​ก็ตาม​เจ้า​ทัน​แล้ว​!​”

การทะเลาะ​กัน​ของ​เด็ก​ทั้งสอง​คน​ดึงดูด​ความสนใจ​ของ​บรรดา​ผู้ใหญ่

“​เซิน​เกอ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่งยองๆ​ ​ลง​ด้านหน้า​เซิน​เกอ​ ​“​เมื่อ​ครู่​เจ้า​พูดว่า​อะไร​นะ​”​ ​สายตา​ของ​นาง​มี​ความคาดหวัง​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ดู​เป็นมิตร​ขึ้น​มา​ ​“​เจ้า​ย่อเข่า​ไป​สอง​ก้านธูป​ ​จิ​่น​เกอ​ย่อเข่า​ไป​ห้า​ก้านธูป​เช่นนั้น​หรือ​…​”

เซิน​เกอ​หน้าแดง​ ​เขา​เหลือบมองฮู​หยิน​ห้า​ด้วย​สายตา​ที่​มี​ความหวาดกลัว​ ​เห็นฮู​หยิน​ห้า​ทำท่า​ที​ตั้งใจฟัง​ตัวเอง​ ​เขา​จึง​พูดว่า​ ​“​ข้า​ย่อเข่า​ได้​น้อยที่สุด​…​พี่​หก​ย่อเข่า​ได้มาก​ที่สุด​…​มากกว่า​ที่​อาจารย์​กำหนด​เอาไว้​เสียอีก​ขอรับ​!​”

“​จริง​หรือ​!​”​ ​ราวกับ​แสงสว่าง​ใน​ความมืด​ ​สือ​อี​เหนียง​แอบ​มีความหวัง​ใน​ใจ​ ​นาง​ถาม​จิ​่น​เกอ​ ​“​เมื่อวาน​เจ้า​ย่อเข่า​นาน​มาก​อย่างนั้น​หรือ​”

จิ​่น​เกอ​พยักหน้า​แล้ว​พูดเสี​ยง​ดัง​ ​“​ข้า​ย่อเข่า​นาน​กว่า​หวง​เสี่ยว​เหมา​และ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ตั้ง​หนึ่ง​ก้านธูป​ ​ขอรับ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็ได้​สติก​ลับ​มา​ ​เขา​ไม่​ระวัง​เหมือน​เมื่อ​ครู่​ ​แต่กลับ​นวด​ขา​จิ​่น​เกอ​โดย​ไม่สน​ใจ​ว่า​จิ​่น​เกอ​จะ​ร้อง​โอดครวญ​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​ปล่อยมือ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​อย่าง​นิ่ง​สงบ​ ​“​เจ้า​ลองดู​ว่า​ขยับ​ขา​ได้​หรือไม่​”

จิ​่น​เกอ​เหยียด​ขาออก​มาด​้วย​ความสงสัย

“​ไม่​เจ็บ​เหมือน​เมื่อ​ครู่​แล้ว​”​ ​เขา​ตกใจ​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​ไม่​เจ็บ​เหมือน​เมื่อ​ครู่​แล้ว​”​ ​จากนั้น​ก็​มอง​ไป​ที่​ไท่ฮู​หยิน​ ​“​ท่าน​ย่า​ขอรับ​!​”

ทุกคน​ต่าง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

“​เช่นนั้น​ก็ดี​ ​เช่นนั้น​ก็ดี​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​จับมือ​จิ​่น​เกอ​ด้วย​ความดีใจ

เขา​ยัง​เด็ก​เกินไป​ ​แล้วยัง​เป็น​มือใหม่​ ​ย่อเข่า​นาน​เกินไป​ ​ไม่เพียงแต่​ไม่​ทำให้​ร่างกาย​แข็งแรง​ ​แล้วยัง​เป็นการ​ทำร้ายร่างกาย

“​เหลวไหล​สิ้นดี​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​สีหน้า​เคร่งขรึม​ ​เขา​เรียก​หวง​เสี่ยว​เหมา​กับ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​เข้ามา​สอบถาม​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

พวกเขา​สอง​คน​ก้มหน้า​ลง​ ​“​อาจารย์​ผัง​ไม่​ให้​คุณชาย​น้อย​หก​ย่อเข่า​ต่อ​ ​แต่​คุณชาย​น้อย​หก​จะ​ย่อเข่า​ต่อให้​ได้​ขอรับ​…​”

ไท่ฮู​หยิน​นึก​ขึ้น​มา​ได้​ว่า​อาจารย์​ผัง​คน​นี้​คือ​คนที​่​หลาน​เขย​ใหญ่​แนะนำ​มา​ ​ถึงแม้ว่า​นาง​ลังเล​ที่จะ​พูด​ ​แต่​สีหน้า​ของ​นาง​กลับ​มี​ความไม่พอใจ​

สือ​อี​เหนียง​ยังคง​ตก​อยู่​ใน​ความยินดี​ที่​บุตรชาย​ของ​ตัวเอง​ไม่เป็นอะไร​ ​นาง​ไม่ได้​สังเกต​เรื่อง​พวก​นี้​ ​นาง​อุ้ม​จิ​่น​เกอ​แล้ว​หอม​เขา​ ​“​เจ้า​เด็ก​ดื้อ​ ​ใคร​จะ​ทานข้าว​แค่​หนึ่ง​คำ​ก็​กลายเป็น​คน​อ้วน​ ​เจ้า​ต้อง​ค่อยๆ​ ​เป็น​ค่อยๆ​ ​ไป​ ​ต่อไป​เจ้า​ต้อง​เชื่อฟัง​อาจารย์​ผัง​ ​จะ​ทำ​อะไร​ตามใจ​ตัวเอง​ไม่ได้​ ​ตอนนี้​รู้​แล้ว​ใช่​หรือไม่​!​”

จิ​่น​เกอ​หลบ​อยู่​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง

สวี​ลิ่ง​อี๋​ช่วย​นวด​ขา​ให้​เขา

“​ไม่เป็นอะไร​ก็ดี​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​มีบุ​ตร​เพียง​คนเดียว​ ​หาก​เขา​เป็น​อะไร​ไป​ ​นาง​จะ​ทำ​เช่นไร​ ฮู​หยิน​ห้า​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​“​ข้า​จะ​บอก​ให้​คน​ไปรา​ยงา​นคุณ​ชาย​ห้า​ ​เขา​จะ​ได้​สบายใจ​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​กำชับ​สาวใช้​ให้​ส่ง​บ่าว​รับใช้​ชาย​ไปรา​ยงาน​สวี​ลิ่ง​ควน​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​จะ​ได้​ไม่​เป็นห่วง

เซี่ยง​ซื่อ​รีบ​ยก​ชาร้อน​ให้​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ดื่ม​ชาร้อน​สัก​ถ้วย​เถิด​!​”​ ​จากนั้น​ก็​ประคอง​นาง​ไป​นั่ง​บน​เก้าอี้​ที่อยู่​ข้างๆ

สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​ข่าว​ก็​รีบ​มาหา​จิ​่น​เกอ

เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​กำลัง​นวด​ขา​ให้​จิ​่น​เกอ​ ​เขา​ก็​ยืน​อยู่​ข้างๆ​ ​อย่างนอบน้อม

สือ​อี​เหนียง​ดื่ม​ชา​ ​รู้สึก​ดีขึ้น​ไม่น้อย​ ​เห็น​สวี​ซื่อ​จุน​ยืน​อยู่​คนเดียว​ ​นาง​รู้สึก​ไม่​ค่อย​ชินตา​ ​จึง​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เหตุใด​ถึง​ไม่เห็น​เจี​้ย​เกอ​”

สวี​ซื่อ​จุน​ตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​ยาม​เที่ยง​ยัง​กลับมา​ด้วยกัน​ ​ข้า​บอก​ให้​เขา​อยู่​ทานข้าว​ที่​เรือน​ของ​ข้า​ ​เขา​บอกว่า​จะ​กลับ​ไป​ท่องหนังสือ​ที่​เรือน​ ​ยาม​บ่าย​ก็​ไม่ได้​ไป​เรือน​ซวงฝู​ ​ข้า​ให้​คน​ไป​เรียก​เขา​แล้ว​ขอรับ​!​”

“​ในเมื่อ​เขา​กำลัง​ท่องหนังสือ​ ​เช่นนั้น​ก็​ไม่ต้อง​เรียก​เขา​ก็ได้​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ ​“​การเรียน​เป็นเรื่อง​สำคัญ​!​ ​ประเดี๋ยว​ก็​จะ​ถึง​เวลาอาหาร​เย็น​แล้ว​”

หลังจาก​ทานอาหาร​เย็น​เสร็จ​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​็​จะ​มาคา​รวะ​สือ​อี​เหนียง

ในเมื่อ​จิ​่น​เกอ​ไม่ได้​เป็น​อะไร​มาก​…​สวี​ซื่อ​จุน​จึง​บอก​ปี้​หลัว

เมื่อถึง​ตอนเย็น​ ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี้ยมา​หา​จิ​่น​เกอ​ด้วยกัน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่อยู่​ที่นี่​ ​สวี​ซื่อ​จุน​จึง​มองดู​จิ​่น​เกอ​แล้ว​หัวเราะ​จน​จิ​่น​เกอ​เก้อเขิน​ ​เขา​มุดหัว​เข้าไป​ใน​อ้อมแขน​ของ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ลูบ​หัว​บุตรชาย​อย่างเบามือ​ ​“​เอาล่ะ​ ​พรุ่งนี้​อย่า​ลืม​ไป​ขอบคุณ​ท่าน​ย่า​ ​ท่าน​ป้า​สอง​และ​ท่าน​อาสะใภ้​ห้า​”

จิ​่น​เกอ​ขานรับ​ ​“​ขอรับ​”​ ​เบา​ๆ

สวี​ซื่อ​จุน​ยัง​อยาก​หยอกล้อ​เขา​ต่อ​อีก​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สวี​ลิ่ง​ควน​เดิน​เข้ามา​แล้ว​พูดว่า​ ​“​หาก​เปลี่ยน​อาจารย์​ ​คนที​่​มาก​็​คงจะ​ถาม​เหตุผล​ที่​อาจารย์​ผัง​ออก​ไป​แน่นอน​ ​ถึง​ตอนนั้น​เขา​คงจะ​ไม่กล้า​สอน​เด็ก​ๆ​ ​ไม่​สู้​พูด​กับ​อาจารย์​ผัง​ให้​ชัดเจน​ ​เขา​รู้​เจตนา​ของ​ข้า​แล้วก็​จะ​ได้​รู้​ว่า​ควร​สอน​เด็ก​ๆ​ ​เช่นไร​…​”

ความสนใจ​ของ​สวี​ลิ่ง​ควน​อยู่​ที่​จิ​่น​เกอ​ ​เขา​พยักหน้า​ให้​พี่ชาย​ตัวเอง​ส่ง​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เรียก​จิ​่น​เกอ​ ​“​ไอ​๊​หยา​ ​จิ​่น​เกอ​ของ​เรา​อาย​อย่างนั้น​หรือ​!​”

เมื่อ​เทียบ​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เขา​ใจดี​และ​ร่าเริง​กว่า​มาก​ ​ทำให้​เด็ก​ๆ​ ​ล้วน​ชื่นชอบ​เขา

จิ​่น​เกอ​หันหน้า​ไป​เรียก​ ​“​ท่าน​อา​ห้า​”​ ​เบา​ๆ

“​เป็น​เช่นไร​บ้าง​ ​ขายัง​เจ็บ​อยู่​หรือไม่​”​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​นั่งยองๆ​ ​ข้าง​เตียง​แล้ว​มอง​จิ​่น​เกอ​ ​“​หาก​หาย​ดี​แล้ว​ ​อา​ห้า​จะ​พา​เจ้า​ไป​พาย​เรือ​!​”

สายตา​ของ​จิ​่น​เกอ​เป็นประกาย​ ​แต่กลับ​หม่น​ลง​ทันที​ ​เขา​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​ ​“​หาย​ดี​แล้ว​ข้า​ต้อง​ไป​ฝึก​ย่อเข่า​ ​ไม่เช่นนั้น​ข้า​จะ​ตาม​หวง​เสี่ยว​เหมา​กับ​หลิว​เอ้อร​์​อู่​ไม่ทัน​!​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท