ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 638 ต่างฝ่ายต่างยืนกราน (ปลาย)

ตอนที่ 638 ต่างฝ่ายต่างยืนกราน (ปลาย)

“​ท่าน​พ่อ​!​”​ ​ดวงตา​ของ​จิ​่น​เกอ​ลุก​วาว​ขึ้น​มาทัน​ที

“​เหตุใด​เจ้า​ถึง​มา​อยู่​ตรงนี้​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แสร้งทำ​เป็น​ไม่รู้​เรื่อง​ ​“​ฝนตก​หนัก​ขนาด​นี้​ ​หาก​ตากฝน​จน​ป่วย​ขึ้น​มา​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​รีบ​เข้า​เรือน​เร็ว​เข้า​”

จิ​่น​เกอ​ที่​กำลัง​กระโดดโลดเต้น​ไป​จูงมือ​ของ​บิดา​ ​จู่ๆ​ ​ก็​สีหน้า​เคร่งเครียด​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​ข้า​…​ข้า​ไม่​เข้าไป​!​ ​ท่าน​แม่​บอกว่า​หาก​ข้า​ไม่​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​ ​ก็​จะ​ไม่​เจอ​หน้า​ข้า​!​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​สะบัด​มือ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ออก​ ​พลาง​พูด​ขึ้นเสียง​ดัง​ว่า​ ​“​ข้า​ไม่​ไป​ขอรับ​ ​ข้า​โดน​กักบริเวณ​ไป​แล้ว​ ​เหตุใด​ข้า​ถึง​ยัง​ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​ท่าน​อาจารย์​ผัง​อีก​ ​ข้า​ไม่​ไป​!​”

เขา​เอง​ได้​ฟัง​ความเป็นมา​ของ​เรื่อง​นี้​แล้ว​ ​ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​ไม่เห็นด้วย​กับ​วิธีการ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​ได้​ลั่นวาจา​ออก​ไป​แล้ว​ ​หากว่า​เขา​มี​ความคิด​คนละอย่าง​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​เด็ก​ก็​จะ​สับสน​ไม่รู้​ว่า​ควร​ฟัง​ใคร​ดี

แต่​เขา​รู้สึก​แปลกใจ​กับ​ท่าที​ที่​เด็ดเดี่ยว​และ​แน่วแน่​ของ​จิ​่น​เกอ​เป็นอย่างมาก

ลมโชย​พัดผ่าน​ ​เม็ดฝน​โปรยปราย​ ​พลอย​ทำให้​เสื้อผ้า​เปียกชุ่ม​ไป​หมด

“​เจ้า​เล่า​ให้​พ่อ​ฟัง​หน่อย​ ​ว่า​เรื่อง​มัน​เป็นมา​อย่างไร​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​ขึ้น​พลาง​เดิน​ไป​ยัง​ทิศทาง​ใต้​ชายคา

“​ท่าน​แม่​ให้​ข้า​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​”​ ​จิ​่น​เกอ​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​เขา​เดินตาม​หลัง​สวี​ลิ่ง​อี๋​อย่าง​ช้าๆ​ ​“​…​ไม่ว่า​อย่างไร​ข้า​ก็​จะ​ไม่​ไป​เด็ดขาด​!​”​ ​เขา​เม้ม​ริมฝีปาก​แน่น​ด้วย​สีหน้า​ท่าที​ที่​แน่วแน่​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ยืน​อยู่​ที่​ใต้​ชายคา

“​แต่​สิ่ง​ที่​แม่เจ้า​พูด​มานั​้​นมี​เหตุผล​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใช้​แขน​เสื้อ​ช่วย​บุตรชาย​เช็ด​ใบหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​เม็ดฝน​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เจ้า​ทำผิด​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​จะ​ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อยู่ดี​ ​เชื่อ​พ่อ​ ​ไป​กล่าว​ขอโทษ​แม่​ของ​เจ้า​เสีย​ ​ป่านนี้​แม่​ของ​เจ้า​ไม่รู้​ว่า​เสียใจ​ไป​ถึง​ไหน​ต่อ​ไหน​แล้ว​!​”

เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​ให้​ไป​กล่าว​ขอโทษ​มารดา​ ​แต่กลับ​ไม่ได้​พูดถึง​เรื่อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​กับ​มารดา​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​รู้สึก​ดีใจ​ขึ้น​มาทัน​ที

แม้แต่​ท่าน​พ่อ​ก็​ไม่ได้​สั่ง​ให้​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง

เขา​จึง​รู้สึก​ได้ใจ​ขึ้น​มา​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​ขานรับ​ด้วย​ความดีใจ​ ​“​ขอรับ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​ศีรษะ​ของ​บุตรชาย​ด้วย​ความ​เอ็นดู

ฝ่ามือ​ของ​เขา​อบอุ่น​และ​หนักแน่น​ ​พลอย​ทำให้​จิ​่น​เกอ​รู้สึก​ปลอดภัย​เป็นอย่างมาก​ ​เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เงยหน้า​ขึ้น​มาส​่ง​ยิ้ม​ให้​กับ​บิดา

เมื่อ​เห็น​ใบหน้า​น้อย​ๆ​ ​ของ​บุตรชาย​มี​รอยยิ้ม​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​ตาม​ ​รอยยิ้ม​ของ​เขา​ดู​อ่อนโยน​กว่า​ปกติ​เป็นอย่างมาก

เวลา​นั้น​เอง​ก็​มีเสียง​เปิด​ประตู​ดัง​ขึ้น​ ​บรรยากาศ​ความอบอุ่น​เมื่อครู่นี้​ถูก​ทำลาย​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง

สอง​พ่อ​ลูก​พากัน​หันไป​มอง​พร้อมกัน​โดย​ไม่ได้​นัดหมาย​ ​ก็​เห็น​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​ยืน​อยู่​ที่​หน้า​ประตู​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม

“​ท่าน​โหวก​ลับ​มา​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​ชายตามอง​จิ​่น​เกอ​แม้แต่​นิดเดียว​ ​นาง​หันไป​สั่ง​กับ​สาวใช้​ว่า​ ​“​คราวหลัง​หากว่า​ฝนตก​หนัก​ขนาด​นี้​…​ไป​ตัก​น้ำ​มา​ให้ท่าน​โหว​ล้างหน้าล้างตา​ก่อน​เถิด​!​”

ท่าน​โหว​เป็น​คน​ออกหน้า​ช่วย​คุณชาย​น้อย​หก​ ​ไม่ว่า​อย่างไรฮู​หยิน​ก็​จะ​ต้อง​ไว้หน้า​ท่าน​โหว​อยู่​แล้ว​ ฮู​หยิน​จึง​ไม่ได้​ซักถาม​อะไร​ต่อ​ ​เรื่อง​นี้​จึง​เงียบ​ไป​ในที่สุด

สาวใช้​น้อย​ขานรับ​เสียงใส​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​น้ำเสียง​เจือปน​ไป​ด้วย​ความดีใจ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เอง​ก็​คิด​เช่นนี้

เขา​ยิ้ม​พลาง​จูงมือ​ของ​จิ​่น​เกอ​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้องโถง

“​ท่าน​โหว​ช้าก่อน​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เรียก​เขา​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เรียบ​เฉย​ ​แต่​แฝง​ไป​ด้วย​ความ​เย็นเยียบ​ ​“​เมื่อครู่นี้​ข้า​ให้​จิ​่น​เกอ​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​กับ​ข้า​…​”​ ​นาง​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ ​ตัดสินใจ​พูด​เรื่อง​นี้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

สวี​ลิ่ง​อี๋​หันมา​มอง​นาง​ด้วย​สีหน้า​ท่าที​ที่ตั้ง​ใจ​ฟัง​ ​จากนั้น​ก็​บีบ​มือ​น้อย​ๆ​ ​ของ​จิ​่น​เกอ​เบา​ๆ​ ​ด้วย​สีหน้า​ที่​เรียบ​เฉย

จิ​่น​เกอ​เข้าใจ​ได้​ในทันที

“​ท่าน​แม่​!​”​ ​เขา​เงยหน้า​ขึ้น​มาม​อง​สือ​อี​เหนียง​ ​ตา​หงส์​กลม​โต​ใสแจ๋ว​ราวกับ​น้ำ​ที่​ใสสะอาด​ก็​ไม่​ปาน​ ​จน​สือ​อี​เหนียง​แทบจะ​เห็น​เงา​ของ​ตัวเอง​สะท้อน​ใน​ดวงตา​ของ​เขา​ ​“​ข้า​จะ​เชื่อฟัง​ท่าน​แม่​ ​ข้า​จะ​ไม่​ทำให้​ท่าน​แม่​โมโห​อีกแล้ว​ขอรับ​”

เมื่อครู่นี้​ยัง​อารมณ์เสีย​ใส่​จู๋​เซียง​อยู่​เลย​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​กับ​เขา​เพียง​ไม่​กี่​คำ​ ​ก็​สามารถ​ทำให้​เขา​ยอมรับผิด​ได้​…​หรือ​เพราะ​คนที​่​พูด​ไม่ใช่​คน​คนเดียว​กัน​ ​ผลลัพธ์​จึง​แตกต่าง​กัน

สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​ประหลาดใจ​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​บุตรชาย​ยอมรับผิด​เช่นนี้​ ​หว่าง​คิ้ว​ของ​นาง​ก็​ปรากฏ​รอยยิ้ม​บาง​ๆ​ ​ขึ้น​มา​ ​“​ดี​แล้ว​ ​เช่นนั้น​เจ้า​ก็ตาม​แม่​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​!​”

รอยยิ้ม​ของ​จิ​่น​เกอ​พลัน​แข็งทื่อ​ไป​ทันที

เขา​เอียง​ศีรษะ​หันไป​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​สีหน้า​และ​แววตา​เต็มไปด้วย​ความคาดหวัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​แล้วก็​กระแอม​ขึ้น​มา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​ฝนตก​หนัก​ขนาด​นี้​…​”

หมายความว่า​อย่างไร​ ​ไม่ต้อง​พูด​ก็​เข้าใจ​ได้​อย่างชัดเจน​!

ความโกรธ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ปะทุ​ขึ้น​มา​อีกครั้ง

มิน่าเล่า​จิ​่น​เกอ​ถึง​ได้​เปลี่ยนไป​เร็ว​ขนาด​นี้​ ​ที่แท้​แล้วก็​เป็น​เพราะ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ให้ท้าย​นี่เอง

“​ท่าน​โหว​หมายความว่า​ฝน​กำลัง​ตกหนัก​ ​รอ​ฝน​หยุด​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ไป​ ​หรือว่า​ไม่จำเป็น​ต้อง​กล่าว​ขอโทษ​ ​ก็​เลย​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไป​”​ ​สือ​อี​เหนียง​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตาเขม​็ง​ ​น้ำเสียง​เต็มไปด้วย​ความกดดัน

สวี​ลิ่ง​อี๋​เริ่ม​ทำตัว​ไม่​ถูก​ขึ้น​มา​ ​เขา​หันไป​พูด​กับ​จิ​่น​เกอ​ว่า​ ​“​เจ้า​กลับ​เรือน​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ก่อน​ ​เนื้อตัว​เปียกปอน​ไป​หมด​แล้ว​”

จิ​่น​เกอ​เข้าใจ​ความหมาย​ของ​บิดา​เสียที​่​ไหน​กัน

เขา​ยิ้ม​กว้าง​พลาง​คารวะ​บิดา​และ​มารดา​ด้วย​ความเร่ง​รีบ​ ​จากนั้น​ก็​หมุนตัว​เตรียม​จะ​วิ่ง​ออก​ไป​จาก​เรือน​ด้วย​ความ​ลิงโลด

“​หยุด​ประเดี๋ยวนี้​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​เจ้า​คิดได้​แล้ว​หรือว่า​เหตุใด​แม่​ถึง​ให้​เจ้า​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​ ​ในเมื่อ​ยัง​ไม่เข้าใจ​ ​เจ้า​ก็​ยืน​พิจารณา​ตน​ต่อไป​ก็แล้วกัน​ ​คิดได้​เมื่อไร​ก็​ค่อย​กลับ​เรือน​เมื่อนั้น​!​”

จิ​่น​เกอ​ตัว​แข็งทื่อ​ไป​ชั่วขณะ​ ​หน้าที่​เชิด​สูง​เมื่อครู่นี้​ก็​คอตก​ทันที

เขา​ค่อยๆ​ ​หมุนตัว​กลับมา​อย่าง​ช้าๆ​ ​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สีหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความผิดหวัง

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

แต่งงาน​อยู่​ด้วยกัน​มานา​นข​นาด​นี้​ ​นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เห็น​สือ​อี​เหนียง​โต้แย้ง​ต่อ​คำพูด​ของ​เขา​แบบนี้

เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ขมวดคิ้ว​ขึ้น​ ​จากนั้น​ก็​กวาดตา​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​ห้อง​ ​จึง​เพิ่ง​สังเกตเห็น​ว่า​หู่​พั่ว​ ​จู๋​เซียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ไม่ได้​อยู่​ปรนนิบัติ​รับใช้​ใน​ห้อง​ ​ใน​เรือน​เงียบสนิท​ ​ไม่ได้​ยิน​เสียง​คน​คุย​กัน​เลย

คง​เพราะ​เห็น​พวกเขา​ขัดแย้ง​กัน​ ​ก็​เลย​พากัน​ถอย​ออก​ไป​จน​หมด​กระมัง​!

สวี​ลิ่ง​อี๋​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​มีเรื่อง​อัน​ใด​ ​ประเดี๋ยว​ค่อย​มาคุ​ยก​็​แล้วกัน​!​ ​เจ้า​ให้​จิ​่น​เกอ​กลับ​เรือน​ไป​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ก่อน​…​”

สือ​อี​เหนียง​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​สูง

สวี​ลิ่ง​อี๋​คงจะ​ยัง​ไม่เข้าใจ​ถึง​เจตนา​ที่แท้​จริง​ของ​ตน​กระมัง​!

เรื่อง​บาง​เรื่อง​ก็​ไม่​ควร​พูด​ต่อหน้า​เด็ก​ ​เมื่อ​นึกถึง​สีหน้า​ที่​ดีอกดีใจ​ของ​จิ​่น​เกอ​เมื่อครู่นี้​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​เห็น​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​ที่พึ่ง​พิง​ ​หาก​ปล่อย​จิ​่น​เกอ​ไป​ทั้ง​อย่างนี้​ ​วันข้างหน้า​จิ​่น​เกอ​ก็​จะ​ยิ่ง​ไม่รู้​จัก​กลัว​อะไร​เลย

เมื่อ​ชั่งน้ำหนัก​ดูแล​้ว​ ​นาง​ก็​ตัดสินใจ​เลือก​ที่จะ​บอก​ความคิด​ของ​ตน​ให้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง

“​ท่าน​โหว​ ​ท่าน​รู้สึก​ว่า​จิ​่น​เกอ​เป็นคุณ​ชายน้อย​ที่​สง่าผ่าเผย​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​ใช่​หรือไม่​ ​เขา​ทำผิด​เพราะ​ไม่รู้​ความ​ ​ในเมื่อ​ได้​ว่ากล่าว​ตักเตือน​และ​ลงโทษ​ไป​แล้ว​ ​จึง​ไม่จำเป็น​ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ที่​สอน​วิชา​หมัด​มวย​อย่างนั้น​หรือ​”​ ​ดู​จาก​ท่าที​ของฮู​หยิน​ห้า​และ​การกระทำ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ปฏิบัติ​ต่อ​เรื่อง​นี้​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่านาง​ได้​ทำความเข้าใจ​กับ​ความคิด​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มาก​พอแล้ว​ ​“​แต่​ท่าน​โหว​เคย​คิด​อย่างละเอียดถี่ถ้วน​หรือไม่​ ​ว่า​เหตุใด​ข้า​ถึง​ยืนกราน​ที่จะ​ให้​จิ​่น​เกอ​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​ให้​ได้​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​อึ้ง​ไป

สือ​อี​เหนียง​เป็น​คนที​่​ปฏิบัติ​ต่อ​ผู้อื่น​ด้วย​ความใจกว้าง​เสมอมา​ ​แต่​เหตุการณ์​ครั้งนี้​ ​เขา​เอง​ก็​คิด​เช่นนี้​เหมือนกัน​ ​เป็น​เพราะ​ทั้งสอง​มี​ความเข้าใจผิด​ใน​เรื่อง​นี้​หรือ​อย่างไร​กัน

สีหน้า​ของ​เขา​พลัน​เคร่งขรึม​ขึ้น​มาทัน​ที

“​ใน​ตอนแรก​ ​ข้า​ก็​แค่​อยาก​จะ​สอน​จิ​่น​เกอ​ว่า​ควรจะ​จัดการ​กับ​ความผิด​ของ​ตัวเอง​อย่างไร​ ​แต่​แล้ว​ ​ข้า​ก็​สังเกตเห็น​ว่า​มัน​ไม่ใช่​แค่​เรื่อง​ขอโทษ​หรือไม่​ขอโทษ​แล้ว​”​ ​เฉกเช่น​การก​ลับ​มาเกิด​ใหม่​อีกครั้ง​ ​ความเข้มงวด​ของ​ลำดับชั้น​ทางสังคม​นี้​ ​ไม่มี​ผู้ใด​สามารถ​ตระหนัก​ได้​ลึกซึ้ง​ไป​กว่า​สือ​อี​เหนียง​อีกแล้ว​ ​นาง​ไม่เคย​เลย​สักครั้ง​ที่​คิด​จะ​ไป​ท้าทาย​หรือ​ก้าวก่าย​ระบบ​กฎเกณฑ์​ของ​สังคม​ใน​อดีต​ที่ผ่านมา​ ​และ​ไม่เคย​คิด​ที่จะ​ให้​บุตร​ของ​ตน​ทำตัว​แปลกแยก​ไป​จาก​ผู้อื่น​ ​โดดเดี่ยวเดียวดาย​อยู่​ใน​สังคม​นี้​คนเดียว​ ​สือ​อี​เหนียง​เล่า​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่​จิ​่น​เกอ​กระทำ​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ฟัง​ ​“​…​ตอนที่​จิ​่น​เกอ​เกิด​ ​พี่ชาย​และ​พี่สาว​ต่าง​ก็​เติบโต​กัน​หมด​แล้ว​ ​ช่วง​นั้น​ท่าน​เอง​ก็​ว่างงาน​อยู่​จวน​พอดี​ ​ส่วน​ท่าน​แม่​ก็​ถึง​ช่วงอายุ​ที่​ต้อง​วางมือ​จาก​งาน​ ​อยู่​บ้าน​หยอกล้อ​เล่น​กับ​หลาน​ๆ​ ​เขา​จึง​เติบโต​ขึ้น​ท่ามกลาง​ความรัก​และ​ความ​เอ็นดู​ของ​คนใน​ครอบครัว​ ​ทุกสิ่ง​ที่​เขา​ได้ยิน​ล้วนแล้วแต่​เป็น​คำพูด​ที่​น่าฟัง​ ​ทุกสิ่ง​ที่​ได้​เห็น​เป็นไปตาม​ที่​ใจ​เขา​ต้องการ​ทั้งสิ้น​ ​และ​เพราะเหตุนี้​ ​ยิ่ง​อยู่​เขา​ก็​ยิ่ง​ไม่รู้​จัก​กลัว​ ​ท่าน​ดู​เอาเถิด​ ​ปีนี​้​เขา​พึ่ง​จะ​อายุ​หก​ขวบ​ ​แม้แต่​ข้า​ที่​เป็นมา​รดา​ ​หาก​พูด​ใน​สิ่ง​ที่​เขา​ไม่​ชอบ​ก็​จะ​ไม่​รับฟัง​เลย​ ​เห็น​แค่นี้​ก็​รู้​ถึง​ผล​ที่จะ​ตามมา​แล้ว​ ​อย่า​ว่าแต่​เป็น​ผู้อื่น​เลย​!​ ​วันข้างหน้า​หาก​เขา​เติบโต​ขึ้น​ ​จะ​ขนาด​ไหน​กัน​ ​ข้า​ลงโทษ​ไม่​ให้​เขา​เข้า​เรือน​ ​เขา​กลับ​เลือก​ที่จะ​ยืนหยัด​ท่ามกลาง​ลม​ฝน​โดยที่​ไม่​หวั่นไหว​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​!​”

สือ​อี​เหนียง​พูด​ระบาย​ออกมา​ชุด​ใหญ่​ ​อารมณ์​จิตใจ​ของ​นาง​จึง​สงบ​ลง​ไม่น้อย

“​ท่าน​โหว​ ​เวลา​อยู่​ใน​จวน​ ​จิ​่น​เกอ​เป็นคุณ​ชายน้อย​ของ​จวน​สกุล​สวี​ ​แต่​เวลา​อยู่​ข้างนอก​ ​เขา​เป็น​ถึง​บุตรชาย​ของ​หย่ง​ผิง​โหว​ ​อยู่​ใน​จวน​ ​เวลา​ที่​เขา​กระทำความผิด​ ​เรา​ที่​เป็น​บิดา​มารดา​ก็​จะ​รู้สึก​ว่า​เขา​เป็น​บุตรชาย​คน​สุดท้อง​ ​ไม่จำเป็น​ต้อง​ดูแล​ตระกูล​ ​ไม่ได้​ส่งผล​เสีย​ต่อ​ภาพลักษณ์​ ​ล้วนแล้วแต่​สามารถ​ให้อภัย​ได้​ทั้งสิ้น​ ​พี่ชาย​และ​น้องชาย​เห็น​เขา​เป็น​พี่น้อง​ ​จึง​ไม่ถือสา​คิดเล็กคิดน้อย​ ​แม้กระทั่ง​ตอน​เขา​ทำความ​ผิด​แล้ว​ถูก​ลงโทษ​ก็​ยัง​รู้สึก​สงสาร​และ​เห็นใจ​ ​แต่​ข้างนอก​นั่น​เล่า​ ​เหตุใด​คนอื่น​ถึง​ต้อง​ยอมให้​อภัย​เขา​ ​อดทน​ต่อ​เขา​และ​เห็นอกเห็นใจ​เขา​ด้วย​เล่า​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​นาง​ก็​เรียก​เขา​เสียง​เบา​ ​“​ท่าน​โหว​”​ ​น้ำเสียง​ที่​ดูเหมือน​กำลัง​คิด​อะไร​บางอย่าง​ ​“​จิ​่น​เกอ​ยโส​โอหัง​เกินไป​แล้ว​ ​ต้อง​รู้​ว่า​ใต้​หล้า​นี้​ ​ไม่มี​ดินแดน​ไหน​ที่​ไม่ใช่​ของ​องค์​ฮ่องเต้​ ​และ​ไม่มี​ขุนนาง​หรือ​แม่ทัพ​คน​ไหน​ที่​ไม่ใช่​ราษฎร​ของ​พระองค์​”

สือ​อี​เหนียง​พูด​จบ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​สีหน้า​เคร่งขรึม​ขึ้น​มาทัน​ที

สำหรับ​เขา​แล้ว​ ​บุตรชาย​เป็น​คนที​่​ฉลาด​หลักแหลม​ ​ร่าเริง​สดใส​ ​จิตใจ​กล้าหาญ​ ​บางครั้ง​บาง​ครา​อาจจะ​ซุกซน​หรือ​ดื้อรั้น​ไป​บ้าง​ ​แต่กลับ​เต็มเปี่ยม​ไป​ด้วย​พลัง​ ​มี​ความคิด​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ​กล้า​ทำ​กล้า​แสดงออก

แต่​ตอนนี้​…

สายตา​ของ​เขา​จับจ้อง​ไป​ยัง​บุตรชาย

หยาดน้ำ​ฝน​ที่​เกาะ​อยู่​บน​เส้น​ผม​ของ​เขา​ ​เสื้อผ้า​ที่​เปียกโชก​ ​ล้วนแล้วแต่​กำลัง​ตอกย้ำ​ความดื้อ​รั้น​และ​หัวแข็ง​ของ​บุตรชาย

สือ​อี​เหนียง​พูด​ถูก​ ​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ ​เขา​ก็​ควร​ที่จะ​คิด​พิจารณา​ให้​ละเอียดถี่ถ้วน

นิสัยใจคอ​ของ​จิ​่น​เกอ​แข็งกร้าว​เกินไป​แล้ว

ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​รู้สึก​ว่าการ​ที่​บุตรชาย​ถูก​ลงโทษ​ไป​แล้ว​ ​แต่​ยัง​ต้อง​ไป​กล่าว​ขอโทษ​กับ​อาจารย์​ผัง​นั้น​ไม่​ถูกต้อง​ ​แต่​นี่​เป็น​คำสั่ง​มารดา​ของ​เขา​ ​เขา​กลับ​ไม่ยอม​ถอย​แม้แต่​ก้าว​เดียว​ ​อีกทั้ง​ยัง​ยืนหยัด​ที่จะ​ต่อต้าน​มารดา​…​แม้ว่า​จะ​เป็น​ถึง​ราชบุตร​ของ​ฮ่องเต้​ ​ก็​ไม่​สามารถ​ทำ​ทุกอย่าง​ได้​ตามอำเภอใจ​กระมัง​!​ ​นับประสา​อะไร​กับ​แค่​บุตรชาย​ของ​หย่ง​ผิง​โหว​เล่า

บางครั้ง​ ​แข็งทื่อ​เกินไป​ก็​จะ​แตกหัก​ได้​ง่าย​ ​การ​มีทิ​ฐิ​สูง​จน​เกินไป​ก็​อาจจะ​นำพา​เรา​ไป​สู่​หนทาง​แห่ง​ความอัปยศ

ถึงแม้ว่า​จิ​่น​เกอ​จะ​ไม่เข้าใจ​คำพูด​ที่มา​รดา​พูด​มาทั​้ง​หมด​ ​แต่​เขา​ดูออก​ว่า​ครั้งนี้​มารดา​ของ​เขา​โกรธ​เป็นอย่างมาก​ ​และ​การ​เงียบ​ของ​บิดา​พลอย​ทำให้​เขา​รู้สึก​ว่า​เรื่อง​นี้​มีแนวโน้ม​ที่​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก

เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ขาน​เรียก​บิดา​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เว้าวอน​ ​“​ท่าน​พ่อ​”​ ​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ด้วย​สายตา​ขอความช่วยเหลือ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ใช่​คนที​่​จิตใจ​โลเล​ไม่​เด็ดขาด

เขา​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ตัดสินใจ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​จิ​่น​เกอ​ ​เชื่อฟัง​คำพูด​แม่​ของ​เจ้า​เสีย​ ​ไป​กล่าว​ขอโทษ​อาจารย์​ผัง​!​”

เมื่อ​เหตุการณ์​เปลี่ยนไป​อย่างกะทันหัน​ ​จิ​่น​เกอ​จึง​จ้องมอง​บิดา​ด้วย​ความตกใจ​ ​แววตา​เต็มไปด้วย​ความ​งุนงง

เวลา​นั้น​เอง​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​ดัง​ขึ้น​มาจาก​นอก​ประตู​ ​ทำลาย​บรรยากาศ​ที่​เงียบงัน​นี้​ไป

ทั้ง​สาม​หันไป​มอง​พร้อม​ๆ​ ​กัน

อวี​้​ป่าน​ช่วย​กางร่ม​ ​ส่วน​ป้า​ตู้​กำลัง​ช่วย​ประคอง​ไท่ฮู​หยิน​เดิน​เข้ามา​ใน​เรือน

“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”​ ​หว่าง​คิ้ว​ของ​ไท่ฮู​หยิน​เต็มไปด้วย​ความ​ดุดัน​ ​จ้องมอง​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​แววตา​ที่​คมกริบ​ ​“​จิ​่น​เกอ​ถูก​กักบริเวณ​มิใช่​หรือ​ ​ฝนตก​หนัก​ขนาด​นี้​ ​เหตุใด​พวก​เจ้า​ถึง​ได้​พากั​นมา​ยืน​อยู่​นอก​เรือน​ ​จิ​่น​เกอ​เนื้อตัว​เปียกปอน​เช่นนี้​ ​เหตุใด​ถึง​ไม่มีใคร​พา​ไป​ผลัดเปลี่ยน​เสื้อผ้า​ ​หาก​ไม่สบาย​ขึ้น​มา​จะ​ทำ​อย่างไร​”​ ​พูด​จบ​ก็​หันไป​สั่ง​กับ​ป้า​ตู้​ว่า​ ​“​ยัง​ไม่​รีบ​พา​คุณชาย​น้อย​หกกลับ​เรือน​อีก​ ​ไม่รู้​จัก​ดู​สถานการณ์​ ​มีตา​หามี​แวว​ไม่​!​”

“​ท่าน​ย่า​!​”

จิ​่น​เกอ​กระโดดโลดเต้น​ด้วย​ความดีใจ

ป้า​ตู้​รีบ​ขานรับ​ ​นาง​ไม่กล้า​อ้อม​ไป​ใช้​ทางเดิน​ระเบียง​ที่​มี​หลังคา​บัง​ฝน​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​แต่​เลือก​ที่จะ​วิ่ง​ฝ่า​ฝน​แทน

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท