ช่างมันเถอะ ท่านหญิงผู้นั้นยังเป็นแค่ดรุณีน้อยนางหนึ่งเท่านั้นเอง ตนเองที่เป็นถึงบุรุษ จะหยอกล้อสตรีผู้หนึ่งเพื่ออะไร ให้นางกลัวหรือ
“ท่านหญิงซูซู ข้าได้รับคำสั่งจากจิ่งซื่อจื่อให้มาคุ้มครองท่าน! อีกอย่างจิ่งซื่อจื่อก็บอกแล้วว่า ในภายหลังให้ฟังคำสั่งท่านแต่เพียงผู้เดียว”
เขาเอ่ยจบ ก็แย้มรอยยิ้มใจดีให้ซูซู
“ย่าห์…”
ซูซูรั้งบังเหียนม้าให้หยุดจุยเฟิงหยุดทันที
ในที่สุดม้าก็หยุดนิ่ง ท่ามกลางเสียงร้องอย่างไม่ยินยอมของจุยเฟิง ส่วนจ้าวเฟยลู่ก็หยุดฝีเท้าตนเองลงในเวลาเดียวกันเช่นกัน
กล่าวตามตรง ใช้กำลังภายในเช่นนี้เหาะเหินไปมานั้นเหนื่อยมากเหมือนกัน
“ท่านหญิงซูซู?”
“เจ้าบอกว่า เจ้าเป็นคนที่เสด็จพี่ส่งมาให้ปฏิบัติงานกับข้า?”
ซูซูมองจ้าวเฟยลู่ด้วยสีหน้าสงสัย ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่เชื่อคนผู้นี้ดี!
อย่างไรเสีย วาจาที่เขาเอ่ยก็วกวนไปมา!
“ใช่” จ้าวเฟยลู่ยืนอยู่ข้างม้า เขาเงยหน้ามองซูซูที่นั่งอยู่บนหลังม้า
ซูซูเม้มปากแน่น
“เช่นนั้นทำไมเมื่อครู่นี้ เจ้ากลับบอกว่าเสด็จพี่ส่งเจ้ามาพาข้ากลับเมืองหลวง”
หลายวันมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ทำให้นางไม่กล้าเชื่อใครง่ายๆ
จ้าวเฟยลู่ได้ยิน ก็ส่ายหน้ายิ้มๆ
“เมื่อครู่เห็นท่านตื่นเต้นขนาดนั้น จึงหยอกท่านเล่นเท่านั้นเอง”
“สนุกหรือ เจ้ารู้ไหมว่า เมื่อครู่เจ้าเกือบทำให้ข้าตกใจตายแล้ว!”
เอ่ยไปเอ่ยมา ซูซูก็ถึงกับอยากจะร้องไห้!
ใครจะเข้าใจความรู้สึกเมื่อครู่นี้ของนางบ้าง หลบหนีออกมาจากคนกลุ่มนั้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เดิมนึกว่าโล่งอกแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะพบเจอกับคนผู้นี้ระหว่างทาง เขาหลอกว่าตนเองเป็นคนของจิ่งซื่อจื่อที่จะมาพานางกลับเมืองหลวง!
น่ารังเกียจเกินไปแล้วจริงๆ!
จ้าวเฟยลู่เห็นซูซูมีท่าทางเหมือนจะร้องไห้ จึงมึนงงเล็กน้อย และทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันที!
“อย่าๆๆ กูไหน่ไน [1]ท่านอย่าร้องไห้เชียวนะ ข้าทนเห็นสตรีร้องไห้ไม่ได้มากที่สุด! ท่านว่ามาสิว่า ท่านได้รับความไม่เป็นธรรมในเรื่องใด ข้าจะระบายความโมโหแทนท่าน แบบนี้ดีไหม?”
ในชีวิตเขานั้น สิ่งที่เขาทนเห็นไม่ได้ก็คือ สตรีร้องไห้!
ซูซูได้ยินจ้าวเฟยลู่เอ่ยแล้ว ก็นึกถึงพวกคนต่ำทรามที่น่าชิงชังเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
“เจ้า…เจ้าตามข้ามา!”
นางสาบานไว้ว่าจะแก้แค้นให้ขอทานชรา! นางสาบานไว้ว่าจะให้อันธพาลกลุ่มนั้นได้รับกรรมตามสนอง! นางไม่มีทางผิดคำพูด!
ซูซูหันม้ากลับ มุ่งหน้ากลับไปตามทางที่มา
หน้าผากจ้าวเฟยลู่พลันชื้นเหงื่อ
เด็กคนนี้ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้นะ? เขางงไปหมดแล้ว เข้าใจไหม?
แต่ในเมื่อรับปากผู้อื่นไปแล้ว เขาก็ไม่สะดวกจะกลับคำ สุดท้ายก็ทำได้แค่ใช้กำลังภายในตามไปอย่างยอมรับในชะตากรรม
ส่วนทางด้านพวกซุนเกอก็ไม่ได้จากไปหลังจากซูซูหนีไป!
ในเมื่อสังหารคนไปแล้วคนหนึ่ง เช่นนั้นความกล้าของเขาก็เพิ่มมากขึ้น!
เดิมพวกเขาก็ทำเรื่องผิดกฎหมายมาไม่น้อย ครั้งนี้ก็แค่สังหารคนเท่านั้นเอง!
“ซุนเกอ ท่านว่าจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี หากว่าถูกคนพบเข้าแล้วไปแจ้งกับทางการ พวกเราถูกตรวจสอบขึ้นมา ต้องถูกประหารชีวิตเลยนะ!” มีคนขี้ขลาดในบรรดาคนพวกนั้นเอ่ยวาจาปนสะอื้น
ซุนเกอผู้นั้นมองเขานิ่งๆ แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างดูแคลนว่า “ที่นี่มีคนตายคนหนึ่ง แล้วเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราด้วย”
“เขาก็แค่แย่งข้าวกับขอทานคนอื่นแล้วถูกคนตีตาย พวกเราแค่ผ่านมาเท่านั้นเอง! หากว่านังเด็กนั่นกล้าไปแจ้งความ พวกเราจะได้บอกว่านางตีคนตายได้พอดี พวกเจ้าว่า พวกเรามีจำนวนมากขนาดนี้ ใต้เท้าจะเชื่อพวกเราหรือว่าเชื่อขอทานคนหนึ่งเล่า?”
เมื่อเอ่ยจบ ก็ทำให้คนที่มึนงงก็มึนงง คนที่เข้าใจก็เข้าใจทันที!
“ซุนเกอ!” ต้าโก่วจื่อผู้นั้นยกมือขึ้นมา ยกนิ้วโป้งให้กับซุนเกอ! “สูงส่ง!”
ซุนเกอยิ้มลำพองใจ
หลังจากขอทานชราตาย แล้วนังเด็กนั่นหนีไป เขาก็คิดแผนการได้เรียบร้อยแล้ว มิเช่นนั้นจะนั่งอยู่ที่นี่ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมได้เช่นไรกัน
“พอแล้ว วันนี้พวกเจ้าไม่ได้มาที่นี่ และไม่เห็นอะไรทั้งนั้น กลับไปเถอะ!”
“กลับไป? พวกเจ้าเตรียมจะไปไหนกัน”
ซุนเกอกำลังสั่งการเหล่าสหาย แต่พลันได้ยินเสียงกังวานระคนเดือดดาลระลอกหนึ่งของสตรีดังลอยมา จึงมองไปตามที่มาของเสียง ก็เห็นว่าเป็นนังเด็กที่หนีไปเมื่อครู่นี้คนนั้น ถึงกับย้อนกลับมาในตอนนี้!
“โอ๊ะ? กลับมาแล้วหรือ อาลัยอาวรณ์พวกเราใช่หรือไม่ อยากให้พวกเราปรนนิบัติเจ้าสินะ รู้สถานการณ์ดีนี่!”
ซุนเกอผู้นั้นมองไปรอบๆ แวบหนึ่ง เขากลัวว่าซูซูจะกลับไปหาคนมาช่วยจริงๆ!
แต่เมื่อเห็นว่าข้างหลังนางไม่มีใคร ก็บังเกิดความกล้าขึ้นมา เสียงที่กล่าววาจาก็หยาบโลนเช่นกัน
ซูซูถูกทำให้เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ!
โดยเฉพาะตอนที่เห็นสภาพขอทานชราที่ยังคงนอนอยู่ตรงนั้นไม่ไกล นางก็ยิ่งโมโห!
เจ้าพวกคนถ่อยกลุ่มนี้!
“จัดการซ้อมคนพวกนี้ทั้งหมดให้ข้าสักรอบ! จากนั้นก็หักแขนขาของพวกเขาทิ้งเสีย ตัดเส้นเอ็นแขนขาของแต่ละคน แล้วค่อยไปโยนไว้หน้าประตูที่ว่าการอำเภอ!”
เรียกได้ว่าซูซูเอ่ยวาจานี้ออกมาด้วยความเคียดแค้น!
รอยยิ้มของทุกคนค้างอยู่บนใบหน้า เพราะว่า…
เมื่อสิ้นเสียงของซูซู ด้านหลังนางก็ปรากฏเงาร่างคนผู้หนึ่งขึ้นมากลางอากาศ ลอยอยู่กลางอากาศราวกับภูตผี!
ไม่! เหมือนกับเทพเซียนที่เหาะเหินกลางอากาศ!
“ได้”
จ้าวเฟยลู่รับคำสั่ง แล้วมุ่งหน้าไป เริ่มจัดการลงโทษและทรมานอันธพาลในเสี้ยววินาที ทรมานเสียคนเหล่านั้นร้องไห้หาบิดา ตะโกนหามารดา จนแทบอยากจะตายในทันที!
ส่วนซูซูก็ค่อยๆ เดินไปตรงหน้าขอทานชรา แล้วยื่นมือออกไปเช็ดคราบโลหิตบนใบหน้าเขา แต่อากาศเย็นเกินไป โลหิตที่อยู่บนใบหน้าเขาล้วนแข็งตัวหมดแล้ว
“ท่านผู้เฒ่า…ซูซูผิดต่อท่าน…”
ชีวิตนี้ของนางเคยคุกเข่าให้คนน้อยมาก
ทว่าในตอนนี้ นางกลับคุกเข่าตรงหน้าขอทานชรา กำเสื้อนวมตัวเก่าของเขาเอาไว้แน่น แล้วโค้งกายต่ำ
หากไม่ใช่เขารั้งขาคนแซ่ซุนผู้นั้นเอาไว้ด้วยชีวิต เกรงว่าตอนนี้ นางคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว!
ใบหน้าซูซูเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
พื้นที่โล่งกว้างเงียบสงัดยิ่งเพราะความโศกเศร้าอาดูรของซูซู
รองเท้าบูทสีขาวหิมะคู่หนึ่งเคลื่อนที่เข้ามาในระยะการมองเห็นของสายตาอย่างเงียบงันทั้งอย่างนี้
“กูเสี่ยวซู เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ ร้องไห้เป็นอย่างเดียวหรือ”
น้ำเสียงนี้คุ้นหูยิ่ง ราวกับถวิลหาแม้ในความฝัน…
มือที่จิกเสื้อขอทานชราของซูซูชะงัก…นางค่อยๆ เงยหน้าขึ้น
คนที่ปรากฏเข้าสู่สายตานั้น เรือนผมราวกับน้ำหมึก ใบหน้าราวกับหยกเนื้องาม
เขาสวมเสื้อคลุมสีขาว ใต้เสื้อคลุมคืออาภรณ์ผ้าดิ้นสีม่วงอันงดงามตัวหนึ่ง มือถือพัดเล็กๆ เรียกลมด้ามหนึ่ง เท้าสวมรองเท้าบูทหนังสีขาวหิมะ และกำลังมองนางด้วยแววตาดุดัน
[1] กูไหน่ไน เป็นคำเรียกสตรีในครอบครัวที่ออกเรือนไปแล้ว