ในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลเช่นนี้ นางไม่จำเป็นต้องสนใจภาพลักษณ์ของตนเองจนไม่อาจหัวเราะหรือตะโกนเสียงดัง สามารถใช้ชีวิตตามอำเภอใจอย่างมีความสุข ทั้งยังมีคนที่รักอยู่ข้างกาย ซูซูจึงรู้สึกมีความสุขมาก!
“ซูชีมานั่งเถอะ! ข้าสั่งเสี่ยวหลงเปาให้เจ้าแล้ว ยังมีข้าวต้ม! เจ้าดูสิว่าเจ้าชอบกินอะไร…”
ซูชีไม่ขยับ ซูซูก็รีบลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วเดินไปข้างกายซูชี ช่วยเขาถือเสื้อคลุมมา จากนั้นก็พาซูชีไปนั่ง!
ท่าทางกระตือรือร้นที่ดูแลไปเสียทุกเรื่องอย่างรอบคอบ ทำให้ลูกค้าที่กินอาหารอยู่ในห้องโถงพวกนั้นล้วนนึกว่า ซูซูเป็นคนรักของซูชี
มิเช่นนั้น บุรุษผู้หนึ่งจะถูกบุรุษอีกผู้หนึ่งทุ่มเทจิตใจดูแลแบบนี้ได้เช่นไร
สายตาที่มองมาล้วนมีนัยลึกซึ้งคลุมเครือ!
สีหน้าซูชีพลันทะมึนแล้วซีดขาว ซีดแล้วแดง แดงและเขียวคล้ำ เปลี่ยนไปมาอย่างไม่สบอารมณ์!
ทว่าซูซูกลับไม่รู้ตัว ยังคงดูแลซูชีอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่กลัวว่าซูชีจะกินไม่อิ่ม
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกระตือรือร้น ซูซูก็รักษาระยะห่างเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
สายตาของผู้อื่นเจือไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย…บางทีอาจจะเป็นคนรับใช้ที่ชอบประจบสอพลอคนหนึ่ง?!
อาหารมื้อหนึ่งสิ้นสุดลงภายใต้เสียงจ้อกแจ้กจอแจของซูซู หลังจากกินอาหารเสร็จ ซูซูก็บอกว่าจะไปเดินเล่นที่ตลาด
อย่างไรเสีย นางก็อยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานขนาดนี้ แต่กลับไม่เคยได้เดินดูดีๆ เลยสักนิด เพราะเป็นขอทานมาโดยตลอด
เห็นได้ชัดว่าซูชีก็คิดถึงจุดนี้เช่นกัน ยากที่เขาจะไม่หาเรื่องซูซู แล้วพยักหน้าตกลงอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตู ซูซูก็ยื่นเสื้อคลุมที่รับมาก่อนหน้านี้ให้ซูชีอย่างเป็นห่วง
ซูชีไม่รับ แล้วก้าวเดินนำไปก่อนก้าวหนึ่ง “เจ้าสวมเองเถอะ ข้างนอกหนาวขนาดนั้น” น้ำเสียงยังคงเย็นเยียบ
ซูซูพลันตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม เหลือบตามองซูชีอย่างเหลือเชื่อ ในแววตามีความประหลาดใจ!
“ให้…ให้ข้า?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเช่นนั้น ซูชีพลันรู้สึกเสียใจที่ทำพลาดไปเล็กน้อย!
ความไร้เยื่อใยที่บอกไว้ว่าจะทำเล่า?
“ไม่เอาก็ช่างเถอะ!” เขาเอ่ย แล้วคิดจะดึงเสื้อคลุมกลับมา!
แต่กลับถูกซูซูกอดเอาไว้แน่น!
“ไม่นะ! ให้ข้าแล้ว ก็เป็นของข้า!”
ซูซูในตอนนี้รู้สึกมีความสุขยิ่ง!
ซูชีถึงกับเตรียมเสื้อคลุมให้นางด้วย? ทั้งยังเป็นเสื้อคลุมแห่งความรักอันอบอุ่น นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร
ความจริงแล้ว…นี่หมายความว่าความจริงแล้วในใจซูชีมีตนเองอยู่ใช่หรือไม่
นางมีสีหน้าประหลาดใจอย่างไม่คาดฝัน มองซูชีด้วยแววตาที่แสดงถึงความรู้สึกรักใคร่ ในใจก็ตื่นเต้นเสียจนใช้วาจาอธิบายออกมาไม่ได้!
ซูชีรู้สึกว่าตนเองยิ่งทำก็ยิ่งแย่เล็กน้อย!
สตรีนางนี้เดิมก็มีความคิดเช่นนั้นต่อตนเอง ตอนนี้ดูท่าเกรงว่าจะมีปัญหาแล้ว เขารู้สึกจริงๆ ว่าตนเองยุ่งมากไป?!
ซูซูกลับมัวเมาอยู่ในจินตนาการของตนเอง ถูกปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเย็นชาทำให้นางมองไม่ออกถึงอนาคตเล็กน้อย มองไม่เห็นความหวัง แต่การกระทำเช่นนี้ในวันนี้ สำหรับนางแล้ว ก็เหมือนกับแสงสว่างในความมืด แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เล็กน้อย แต่สามารถทำให้นางฮึกเหิมขึ้นมาได้อีกครั้ง!
“เพียงแค่กลัวว่าเจ้าจะเป็นไข้หวัดซังหาน[1]อีก จนกระทบความเร็วของทุกคนเท่านั้นเอง!”
ซูชีอธิบายเสียงแข็ง แต่ยังคงถูกซูซูฟังออกถึงกลิ่นอายการต้องการปิดบังความจริง แต่ยิ่งปิดก็ยิ่งเห็นได้ชัดมากขึ้น นางจึงยิ้มตาหยี
อาจ้าวกับจ้าวเฟยลู่ติดตามอยู่ข้างหลังพวกเขา มองสองคนที่เอาใจยากตรงหน้า ก็ล้วนทอดถอนใจอย่างจนปัญญา
คุณชายเจ็ดตระกูลซูนี่ก็จริงๆ เลย สาวงามคนหนึ่งติดตามท่านด้วยความหลงใหลจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้ ท่านรับเอาไว้ก็จบแล้ว ทำไมจะต้องทำท่าตัดรอนเหินห่างเช่นนี้ด้วย ช่างทะนงตนจริงๆ!
ท่านหญิงซูซูก็เช่นกัน สตรีผู้หนึ่งถูกคนในดวงใจกล่าววาจาทำร้ายจิตใจจนกลายเป็นแบบนี้ แต่กลับยังยิ้มได้ พวกเขาที่เห็นก็รู้สึกสงสาร
ทั้งสี่คนเดินไปถึงหน้าประตูร้านบะหมี่หยางชุนที่ซูซูกับขอทานชราเคยผ่านมาก่อนโดยไม่รู้ตัว
การค้าของพวกเขายังคงคึกคักมาก ซูซูเห็นสภาพร้านตรงหน้าแล้ว รอยยิ้มก็กว้างขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ซูชี เจ้ารู้ไหมว่า ตอนนั้นเถ้าแก่ร้านบะหมี่แห่งนี้เลี้ยงบะหมี่ข้ากับขอทานชราคนละชามโดยไม่ได้เก็บเงินด้วย! กระทั่งเสื้อนวมบนร่างพวกข้า ท่านผู้เฒ่าก็เป็นคนให้!”
ได้ยินเช่นนั้นซูชีก็เหลือบตาขึ้นมองไปทางซูซู
ตอนที่นางเอ่ยวาจานี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความสุขในน้ำเสียงของนาง
เสี้ยววินาทีหนึ่ง ซูชีอดสงสารไม่ได้ นาง กูเสี่ยวซูเป็นใครกัน เป็นถึงท่านหญิงแห่งแคว้น อาหารอันโอชะใดบ้างที่ในชีวิตนี้นางไม่เคยกิน แต่ตอนนี้กลับเป็นเพราะบะหมี่ธรรมดาชามหนึ่ง บะหมี่หยางชุนง่ายๆ ชามหนึ่งก็มีความสุขจนมีท่าทางเช่นนี้
ยังมีเสื้อนวมตัวนั้น ซูชีจำได้ดีมากเช่นกัน
เสื้อนวมสีเทาตัวนั้น เก่าและบางมาก อย่างน้อยก็สำหรับเขา
แต่ซูชีสามารถสัมผัสได้ว่า เสี้ยววินาทีที่ซูซูได้รับเสื้อนวมตัวนั้นจะต้องพึงพอใจและมีความสุขมากแน่นอน
“พวกเราเข้าไปดูกันเถอะ” เขาเอ่ยแล้วเดินเข้าไปในร้านก่อนโดยไม่รอคำตอบของซูซู
“โอ้! สุขสันต์วันปีใหม่ขอรับคุณลูกค้า! จะรับอะไรดีขอรับ!”
เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าไปในประตูร้าน เสี่ยวเอ้อร์ก็รีบเข้ามาต้อนรับ ปากก็เอ่ยคำอวยพรด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม
ซูชีพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที…
ใช่แล้ว ตอนนี้กำลังจะถึงวันฉลองปีใหม่แล้ว
“เอาบะหมี่หยางชุนสี่ชามแล้วกัน” ในร้านพวกเขาขายบะหมี่หยางชุน รวมเนื้อวัวกับอาหารที่ปรุงสำเร็จแล้วคละเคล้ากันอีกเล็กน้อย
“ขอรับ! คุณลูกค้าเชิญนั่งด้านใน รอสักครู่นะขอรับ…” เสี่ยวเอ้อร์นำทั้งสี่คนเข้าไป ใช้ผ้าที่พาดอยู่บนบ่าเช็ดโต๊ะ แล้วเชิญให้ทั้งสี่คนนั่ง
ซูซูเงยหน้ามองไปรอบๆ แวบหนึ่ง มุมปากยังคงประดับรอยยิ้มอ่อนโยนจางๆ เสมอ
นางยังจำได้ว่า ตอนที่นางมาที่นี่กับขอทานชรา เป็นเพราะกลัวว่าจะถูกคนในร้านนี้ไล่พวกเขาออกไป และเป็นเพราะว่าหิวมากเกินไป จึงไม่ได้มองดูให้ละเอียด ตอนนี้เมื่อเห็นแล้ว ก็รู้สึกทอดถอนใจยิ่ง
ซูชีก็มองเร็วๆ แวบหนึ่ง พร้อมกับให้ความเห็นอย่างตรงประเด็น “ร้านไม่ถือว่าใหญ่โต แต่สะอาดมาก คนก็เยอะมาก ดูท่าทางเจ้าของร้านจะทำการค้าเก่ง”
นี่ย่อมแน่นอน มิเช่นนั้นจะต้อนรับขอทานเข้ามาจนถึงขั้นให้พวกเขากินฟรีได้อย่างไร?
มองออกเลยว่าเจ้าของร้านเป็นคนจิตใจดีงามคนหนึ่ง
ซูซูกับอีกสองคนล้วนพยักหน้าแสดงว่าเห็นด้วย
“ในเมื่อเจ้าของร้านผู้นี้มีบุญคุณต่อเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็จำเป็นต้องตอบแทน เจ้ามีความคิดอย่างไร” ซูชีหยิบตะเกียบคู่หนึ่งออกมาจากกระบอกแล้วยื่นให้ซูซูก่อน
ซูซูรับตะเกียบมาอย่างอึ้งๆ ในใจเบิกบานยิ่ง!
ตอนนี้ซูชีค่อยๆ ชอบนางแล้วใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นทำไมถึงได้คิดถึงนางก่อนเป็นอันดับแรกกัน? เฉกเช่นเสื้อคลุมตัวนี้กับตะเกียบคู่นี้…
เมื่อเห็นซูซูเข้าสู่สภาวะเหม่อลอย จ้าวเฟยลู่ก็ยื่นเท้าออกไปเตะขาซูซูเบาๆ อย่างยากจะสังเกตเห็น
เด็กโง่ ผู้อื่นคุยกับเจ้าอยู่นะ เจ้าก็ตอบสักประโยคสิ! ไม่เช่นนั้นอีกครู่หนึ่ง คุณชายซูชีผู้นี้น่าจะโมโหแล้ว!
[1] ไข้หวัดซังหาน เป็นโรคระบาดที่เก่าแก่และเกิดขึ้นได้บ่อยที่สุดในยุคสมัยจีนโบราณ มีอาการเหมือนไข้หวัดและระบาดได้ง่าย ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ