มาถึงตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นคนโง่ แต่ก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มีความเป็นมาอย่างไรแล้ว!
ซูชีหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่จริงๆ…
คิดไม่ถึงเลยว่า บนโลกใบนี้จะยังมีคนไม่กลัวตาย กล้าจะเอาเปรียบเขาด้วย!
แกร๊ก!
ซูชีเคาะตะเกียบกับโต๊ะ
แม้ว่าเสียงจะไม่ดัง แต่กลับมากพอที่จะทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่ได้ยินชัดเจน!
“เสี่ยวเอ้อร์! มานี่หน่อย” เสียงของเขาต่ำมาก คนที่มีสมองสักหน่อยล้วนฟังออกว่าตอนนี้ซูชีโมโหแล้ว แต่เสี่ยวเอ้อร์กลับยังคงก้าวเข้ามาอย่างไม่ยี่หระ
“คุณลูกค้า มีอันใดจะสั่งหรือขอรับ” รอยยิ้มยังคงประจบสอพลอ แต่เมื่อมองเข้าไปในแววตาของเสี่ยวเอ้อร์ กลับสามารถเห็นแววดูถูกเหยียดหยามที่ซ่อนเอาไว้ลึกๆ
ซูชียื่นมือออกมาชี้กับข้าวบนโต๊ะเหล่านี้ พลางเอ่ยถาม “นี่หมายความว่าอะไร”
“หมายความว่าอะไร” เสี่ยวเอ้อร์เลิกคิ้ว สีหน้าไม่รีบร้อน ยโสโอหัง “ไม่ใช่ว่าคุณลูกค้าท่านนี้สั่งให้นำอาหารขึ้นชื่อของร้านมาหรือขอรับ! พวกนี้ล้วนเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางร้าน ดังนั้นข้าน้อยถึงได้ยกมาทั้งหมด ยังมีจุดใดที่ไม่เหมาะสมอีกหรือ”
เรื่องพวกนี้ หากเกิดขึ้นกับคนอื่น คาดว่าคงน้ำท่วมปากไปแล้ว อย่างไรเสียเสี่ยวเอ้อร์ก็มีหลักฐาน แม้ว่าคู่กรณีจะรู้ว่าถูกหลอก ถูกเสี่ยวเอ้อร์อาศัยช่องโหว่ แต่ด้วยศักดิ์ศรีหน้าตา จึงทำได้เพียงแค่ยอมเสียเปรียบโดยกล่าวอันใดมิได้
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคิดไม่ถึงว่า จะเจอคนเก่งกาจอย่างซูชี!
ซูชียิ้มเย็น…
“พวกข้าเคยบอกว่าพวกข้าต้องการอาหารขึ้นชื่อทั้งหมดหรือ หูเจ้าหนวกหรือเป็นอันใด ได้ยินไม่ชัดว่าเขาสั่งมาสองจานหรือ”
แม้ว่าตอนนั้นสมองซูชีจะคิดเรื่องอื่น แต่เขาได้ยินวาจาของอาจ้าวทุกคำโดยไม่ตกหล่น
ตอนนี้เสี่ยวเอ้อร์คิดจะฉวยโอกาสกับพวกเขา ฝันไปเถอะ!
แต่ในเมื่อเสี่ยวเอ้อร์กล้ายืนเอ่ยวาจาเหล่านี้กับพวกเขาอย่างไม่ยี่หระ เพราะถือว่ามีคนหนุนหลัง ก็อธิบายได้ชัดเจนเลยว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกแล้ว อีกอย่างดูท่าทางของเสี่ยวเอ้อร์ ก็ชำนาญลู่ทางเป็นอย่างดีแล้ว!
จุดนี้ถึงทำให้ซูชีโมโหที่สุด!
ตระกูลซูของพวกเขาเลี้ยงดูคนประเภทไหนเอาไว้กลุ่มหนึ่งกันแน่
ซูชีคิดไม่ผิดเลย เสี่ยวเอ้อร์นั้นชำนาญลู่ทางในเรื่องพวกนี้นานแล้ว!
เห็นเขาคอตั้งตรง กรอกนัยน์ตาแล้วเอ่ยเรียบๆ ว่า “อ่อ? อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นแปดส่วนข้าน้อยคงฟังผิดมาขอรับ!”
แม้จะกล่าววาจาถ่อมตน แต่กลับไม่ได้มีท่าทางถ่อมตนเลยสักนิดเดียว น่าชังจริงๆ!
“เจ้า!”
อาจ้าวทนดูต่อไปไม่ไหว จึงลุกขึ้นคิดจะสั่งสอนเสี่ยวเอ้อร์ แต่กลับถูกซูชียกมือขึ้นห้ามเอาไว้!
ส่วนเสี่ยวเอ้อร์นั่นตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จนแทบจะปีนขึ้นไปบนเสา แล้วตะโกนเสียงดังว่า “ทำไม พวกเจ้าจะทำอะไร จะสังหารคนหรือ”
อันใดคือคนชั่วชิงเป็นฝ่ายใส่ร้ายป้ายสีก่อน เสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้ฝึกฝนการทำตัวเช่นนี้จนชำนาญแล้ว!
ซูชียิ้มเย็น นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองอาหารอุดมสมบูรณ์ตรงหน้าพวกนี้แล้วส่ายหน้า
“ได้ พวกข้าจะไม่คิดบัญชีเรื่องนี้กับเจ้า รบกวนคิดบัญชีหน่อยว่า อาหารโต๊ะนี้ของพวกข้าทั้งหมดเท่าไร”
ในสายตาคนภายนอก บุรุษผู้นี้ไร้ความสามารถ เตรียมตัวจะปลดอาวุธยอมแพ้แล้ว!
เสี่ยวเอ้อร์ก็คิดแบบนี้เหมือนกัน จึงแค่นเสียงเย็น! แล้วหมุนตัวเดินไปหาคนคิดบัญชี ให้เขาคิดบัญชี
ระหว่างเสี่ยวเอ้อร์กับพนักงานบัญชีย่อมมีเรื่องหลบๆ ซ่อนๆ เห็นเพียงแค่เสี่ยวเอ้อร์ดึงแขนเสื้อคนคิดบัญชี สองคนสบตากันแวบหนึ่ง ก็ล้วนเข้าใจแผนการในแววตากันและกัน จึงยิ้มบางๆ
รู้สึกดีใจให้กับเงินที่จะได้ในเวลาต่อมา
ซูชีเห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขาในสายตา แต่กลับไม่ได้เอ่ยอันใด
เขาหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง แล้วลองชิมอาหารที่ดูเหมือนจะอร่อย แต่เมื่อกินถึงตอนหลัง โทสะในใจก็ยากจะสงบลง สีหน้าก็ยิ่งไม่น่ามอง!
เมื่อเงยหน้ามองอาจ้าวแวบหนึ่ง ก็เห็นเขาขมวดคิ้วอยู่เช่นกัน
ซูชีวางตะเกียบในมือลง เปิดสุราที่ว่ากันว่ายอดเยี่ยมออก ก็ไม่ได้กลิ่นหอมของสุราที่จินตนาการไว้ลอยเข้าจมูก แต่เป็นกลิ่นสุราชั้นเลวลอยเข้ามาแทน!
ซูชีฝืนข่มโทสะ รินสุราหนึ่งจอก แต่กลับดื่มเพียงแค่จิบเดียว แล้วโยนทิ้งไปอีกด้าน
สุดท้ายเขาก็แสดงความคิดเห็นต่ออาหารมื้อนี้อย่างตรงประเด็น
ยอดแย่ ห่วยแตกที่สุด!
อาหารไม่ขาดเกลือก็ขาดน้ำมัน บางจานเห็นได้ชัดว่ายังไม่สุก บางจานนั้นดียิ่งกว่า เหม็นบูดเสียแล้ว!
ส่วนสุรานั่นแย่ที่สุด!
หากบอกว่าเป็นสุราชั้นเลว เช่นนั้นซูชีก็ไม่กล่าวอันใดให้มากความ แต่จะโมโหก็โมโหที่มันเป็นสุราชั้นเลว แต่กลับยังคงถูกพวกเขาใส่น้ำเปล่าผสมมาด้วย!
เห็นได้ชัดว่าเป็นการรังแกเขาที่มาจากพื้นที่อื่น และจะโกงเขา!
ซูชีสูดลมหายใจลึก ถึงได้ข่มความเดือดดาลในใจลงไปได้ และไม่ได้คว่ำอาหารบนโต๊ะทิ้ง!
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำ อย่างแรกคือระงับอารมณ์และวาจา หย่อนเบ็ดเพื่อตกปลาตัวใหญ่ จับตัวการให้ได้!
ดูสิว่า พวกเขามีความกล้ามากเพียงใดกันแน่ หรือว่ามีคนยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลัง ถึงได้กล้าทำลายกิจการและเชื่อเสียงของตระกูลซูจนย่อยยับเช่นนี้!
ในตอนที่ซูชีเกือบจะโมโหจนตนเองอกแตกตาย เสี่ยวเอ้อร์ก็เดินยิ้มกริ่มเข้ามา
“คุณลูกค้า ค่าอาหารโต๊ะพวกท่านทั้งหมดสามสิบเจ็ดตำลึงขอรับ!”
เมื่อได้ยิน ซูชีก็อึ้ง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทำเกินไปแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะทำเกินไปถึงขนาดนี้!
“เจ้าว่า…เท่าไรนะ”
เสี่ยวเอ้อร์ยังคงยิ้มตาหยี สายตาก็มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง เมื่อค้นพบว่าคนที่กำลังกินอาหารล้วนมองมาที่เขา จึงเอ่ยเสียงดังกังวานเป็นพิเศษ! “คุณลูกค้า อาหารบนโต๊ะนี้ทั้งหมดสามสิบเจ็ดตำลึงขอรับ!”
“เท่าไรนะ”
ซูชียังไม่ได้เอ่ยอันใด ซูซูที่เพิ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกพลันกรีดร้องขึ้นมา แล้วพุ่งมาตรงหน้าเสี่ยวเอ้อร์ทันทีด้วยสีหน้าตะลึงงัน!
ซูชีขมวดคิ้ว…
นางมาได้อย่างไร ไม่ได้บอกให้นางกลับไปก่อนหรือ
จ้าวเฟยลู่ที่อยู่ด้านหลังท่านหญิงซูซูมีสีหน้าจนปัญญา
เขาก็อยากให้ท่านหญิงซูซูกลับไปที่โรงเตี๊ยมก่อนเช่นกัน แต่ระหว่างทางท่านหญิงซูซูให้ตายก็ไม่ยอมกลับ! จะให้ตนเองหาซูชีให้ได้ เขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ใครใช้ให้ตอนนี้เขาต้องฟังคำสั่งของท่านหญิงซูซูกันเล่า?
เดิมทุกคนกำลังดูเรื่องสนุกของซูชีอยู่ ตอนนี้เห็นคนเข้ามาจากข้างนอกอีกสองคน ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าทั้งสองกลุ่มเป็นพวกเดียวกัน ความรู้สึกคึกคักในก้นบึ้งนัยน์ตาทุกคนก็ยิ่งเข้มขึ้น!
ตอนนี้ในที่สุดก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว!
ท่านหญิงซูซูข่มความโมโหในใจไม่อยู่จริงๆ!
เดิมนางตั้งใจจะฟังวาจาของซูชี กลับไปรอเขาที่โรงเตี๊ยม