แต่ไม่ว่าคิดอย่างไร นางก็รู้สึกว่า ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากนางไม่ยืนอยู่ข้างกายซูชีนั้นมันผิดปกติ!
อีกอย่างล้วนมองออกว่าซูชีอารมณ์ไม่ดี ในตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดี นางจะเลือกจากไปเงียบๆ ได้อย่างไร
ดังนั้น นางจึงขอร้องให้จ้าวเฟยลู่ตามหาที่อยู่ของซูชีระหว่างทาง จากนั้นทั้งสองคนก็มาด้วยกัน
แต่ซูซูกลับคิดไม่ถึงว่า เสี้ยววินาทีที่ก้าวเข้ามาในภัตตาคาร จะทำให้นางได้ยินประโยคเช่นนี้!
ซูซูเดินไปถึงหน้าโต๊ะอาหาร มีบางคนก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นอาหารชั้นเลิศก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเกิดความสนใจได้ เพราะพวกเขามีภูมิคุ้มกันอาหารชั้นเลิศแล้ว
ซูซูเพียงแค่เหลือบดูอาหารบนโต๊ะคร่าวๆ ก็รู้แล้วว่า อาหารทั้งโต๊ะที่อื่นอย่างมากก็ห้าตำลึง! เพิ่มตัวเลขอีกหนึ่งตำแหน่งนั้นก็เป็นการสิ้นเปลือง!
ยิ่งไปกว่านั้นสีสันของอาหาร วัตถุดิบของภัตตาคารพวกเขา เกรงว่าล้วนใช้วัตถุดิบที่ปกติขายไม่ออก แล้วใกล้จะเสียมาทำ
กลิ่นเหมือนของเสียแล้ว!
ซูซูยื่นมือชี้อาหารบนโต๊ะด้วยสีหน้าโมโห! “อาหารพวกนี้น่ะหรือ สามสิบเจ็ดตำลึง? ภัตตาคารพวกเจ้าเป็นภัตตาคารโจรปล้นผู้คนสินะ?”
เสี่ยวเอ้อร์ไม่ชอบฟังวาจานี้!
อันใดที่เรียกว่าภัตตาคารโจรที่ปล้นผู้คนกัน?
“เหอะ! ข้าว่านะ คุณลูกค้าท่านนี้ ท่านกล่าววาจาได้ไม่น่าฟังเลย!” ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่ของเสี่ยวเอ้อร์เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที!
เขาไม่กลัวว่าจะก่อเรื่อง! เพราะคนที่มาก่อเรื่องในภัตตาคารของพวกเขา ส่วนใหญ่ล้วนถูกพวกเขาจัดการจนเงียบแล้ว!
ดูลักษณะท่าทาง แล้วสั่งอาหาร เป็นเรื่องที่พวกเขาสันทัด!
“ข้าให้พวกเจ้าเข้ามาในภัตตาคารนี้หรือ ข้าลากพวกเจ้าเข้ามาหรือ นี่เป็นความยินยอมของพวกเจ้าชัดๆ อาหารขึ้นชื่อของภัตตาคารพวกเราเป็นเช่นนี้! รังเกียจที่ไม่อร่อย เช่นนั้นตอนแรกเริ่มพวกเจ้าสั่งอะไรของพวกเจ้ากัน!”
นี่มันพาลไร้เหตุผล!
ท่านหญิงซูซูถูกทำให้โมโหจนแก้มพองลมเหมือนกบตัวโต!
“พวกเจ้า…พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”
“ทำไม ไม่พอใจหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ไปฟ้องที่ว่าการอำเภอสิ!”
เสี่ยวเอ้อร์ยืนเชิดหน้าขึ้นสูงอย่างไม่ยี่หระอยู่ตรงนั้น!
“ถุย!” ซูซูเอียงคอให้เสี่ยวเอ้อร์และถุยน้ำลายใส่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร!
“ไปที่ว่าการอำเภอหรือ เจ้าคิดจะทำอันใด คิดสังหารคนตามใจชอบเช่นนั้นหรือ เจ้าบังอาจมาก!” ซูซูย่อมไม่โง่ การที่เขาเอ่ยออกมาอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ ย่อมต้องสมรู้ร่วมคิดกับที่ว่าการอำเภออะไรนั่นแน่นอน
เสี่ยวเอ้อร์เห็นท่าทางของซูซู ก็พลันรู้สึกว่าท่าไม่ดีแล้ว! จึงถามด้วยน้ำเสียงตื่นตกใจเป็นครั้งแรก “พวกเจ้าจะทำอะไร หากรู้จักเอาตัวรอดก็รีบจ่ายเงินค่าอาหารให้ข้าเสีย จากนั้นก็ไสหัวไป! ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าต้องแบกรับผลที่จะตามมาด้วย!”
ท่านหญิงซูซูมองซูชีอย่างโมโห ใช้สายตาถามเขาว่า นางสามารถลงมือเต็มที่ได้หรือไม่!
ซูชีมองเสี่ยวเอ้อร์ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วเบนสายตาไปยังคนคิดบัญชีผู้นั้น
ก็เห็นว่าคนคิดบัญชีหนีไปในตอนที่เห็นสายตาเขา ซูชียิ้มเย็นเหยียดหยาม
ตอนนี้เพิ่งจะรู้จักกลัว?
“พัง!” เสียงราบเรียบ กระทั่งน้ำเสียงก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง!
ซูซูได้ยินแล้ว นัยน์ตาพลันเปล่งประกาย!
เรื่องพังข้าวของ ชกต่อยคนพวกนี้ เป็นเรื่องที่นางชอบมากที่สุด!
ซูซูก้าวขึ้นไปข้างหน้า มือสองข้างจับใต้โต๊ะแล้วออกแรง!
โต๊ะอาหารไม่ขยับ!
ซูซูหน้าชา และออกแรงอีกครั้ง แต่กลับขยับโต๊ะไม่ได้เลยสักนิดเดียว!
นางโมโหและกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
“เจ้ามาทำ!” นางถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วหันไปมองจ้าวเฟยลู่ที่อยู่ข้างหลัง ให้เขารับผิดชอบคว่ำโต๊ะ!
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าทะมึนทันที…
จ้าวเฟยลู่ก้าวขึ้นไปด้วยสีหน้ากลัดกลุ้มใจ เข้าไปยังตำแหน่งเมื่อครู่ของท่านหญิงซูซู แล้วคว่ำโต๊ะอาหารอย่างง่ายดาย ท่ามกลางเสียงร้องตกใจของเสี่ยวเอ้อร์!
ซูชีกับอาจ้าวก็หลบออกไปอย่างว่องไวตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ซูชีเดินไปข้างกายอาจ้าว พลางสั่งเสียงเบาประโยคหนึ่ง อาจ้าวก็พยักหน้า แล้วหมุนตัวจากไป
นายท่านให้เขารีบไปเมืองหลวงให้เร็วที่สุด จากนั้นก็เล่ารายละเอียดทั้งหมดโดยไม่แบ่งแยกเล็กใหญ่ให้กับหัวหน้าตระกูลฟัง!
อาจ้าวไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยของซูชี อย่างไรเสียด้วยวรยุทธ์ของเขา บนโลกใบนี้คนที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้นั้นน้อยมาก!
โครมคราม!
จ้าวเฟยลู่คว่ำโต๊ะอาหารได้อย่างง่ายดาย ภายใต้เสียงร้องตกใจของเสี่ยวเอ้อร์ ทำให้เสี่ยวเอ้อร์ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห!
“พวกเจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”
ท่านหญิงซูซูยิ้มเย็นเหยียดหยาม
มีคนที่รังแกคนเกินไปจริงๆ แต่ว่าไม่มีทางเป็นพวกเขาแน่นอน!
“เจ้ามันคนชั่วที่ชิงใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นก่อนจริงๆ! ถึงกับบอกว่าพวกข้ารังแกคนเกินไป? ดี! ข้า…วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เห็นว่า อันใดที่เรียกว่ารังแกคนเกินไป! จ้าวเฟยลู่! ลงมือพังเลย!”
ในใจของท่านหญิงซูซูเต็มไปด้วยโทสะ แต่ติดที่ก่อนหน้านี้ซูชีไม่เอ่ยอันใด นางก็ไม่กล้าทำให้เรื่องแย่ลง เพราะนางไม่รู้ว่าในใจซูชีมีแผนการอะไรกันแน่!
แต่ตอนนี้นางได้รับการเห็นด้วยจากซูชีแล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่า ทั้งหมดนี่ล้วนเป็นเจตนารมณ์ของซูชี แล้วนางยังจะต้องกลัวอันใดอีก?
ไม่รอให้จ้าวเฟยลู่เอ่ย ตัวนางก็เริ่มต้นพุ่งไปทั่วภัตตาคารอย่างว่องไวราวกับเสือดาว เห็นอะไรก็พังอันนั้น! สิ่งไหนดีก็พังสิ่งนั้น!
เสี่ยวเอ้อร์เดิมนึกว่าวันนี้มีคนให้หลอกเอาผลประโยชน์ส่งตนเองมาถึงที่ แต่ไหนเลยจะคิดว่าต้องพบกับของแข็งเข้า?
ตอนนี้เขาขาดทุนแล้ว!
ข้าวของที่วางประดับไว้ในภัตตาคารล้วนมีมูลค่ามหาศาล! มีอันไหนถูกทำลาย ชีวิตของเขาก็ชดใช้ไม่ไหว!
เขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร!
“อย่าพัง! อย่าขว้างนะ! อย่า!”
ท่ามกลางเสียงตะคอกด้วยความโมโหของเสี่ยวเอ้อร์ ซูซูกับจ้าวเฟยลู่นั้นพังทิ้งอย่างสาแก่ใจยิ่ง!
อีกทั้งจ้าวเฟยลู่ยังมีความรู้สึกพิเศษหนึ่งด้วย!
นั่นก็คือ เรื่องเช่นการทุบพังข้าวของถูกคนบนโลกชื่นชอบเช่นนี้ ที่แท้ก็มีสาเหตุเช่นกัน นั่นก็คือในใจรู้สึกสะใจมาก!
อีกอย่างก็ทุบของที่ไม่ใช่ของตนเอง ทั้งยังเป็นของล้ำค่าที่มูลค่ามหาศาล ยิ่งทุบก็ยิ่งเสพติด!
เขาทุบข้าวของได้อย่างคล่องแคล่ว! โครมครามๆ…
คนในภัตตาคารที่ดูเรื่องสนุกทั้งหมดล้วนวิ่งไปอยู่ในมุมเพื่อมุงดูกันตั้งแต่ที่เสี้ยววินาทีที่ท่านหญิงซูซูลงมือพังข้าวของแล้ว!
สำหรับพวกเขาแล้ว ภัตตาคารนี้น่าชังจริงๆ! พวกเขาล้วนเสียเปรียบให้กับภัตตาคารนี้ไม่มากก็น้อยกันทั้งนั้น!
แต่ผู้อื่นมีคนอยู่เบื้องหลัง รากฐานก็เข้มแข็งมาก แม้ว่าในใจพวกเขาจะไม่ยินยอม แต่เพื่อประจบสอพลอกลับต้องมาแสร้งทำเป็นคนโง่ให้ถูกหลอกที่นี่!
ตอนนี้เห็นคนอื่นทำเรื่องที่ตนเองไม่กล้าทำ ก็รู้สึกสะใจยิ่งนัก!
ถึงขั้นที่มีบางคนตะโกนเสียงดังด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น “ทุบ! ทุบพวกเขาให้ตายเลย!”
วาจานี้นั้น…
หากจะเอ่ยอย่างไม่ตรงประเด็น ก็ดูคล้ายกับช่วยเสี่ยวเอ้อร์ แต่ก็ดูเหมือนช่วยให้กำลังใจพวกซูซู
ซูชียืนดูอยู่อีกด้านตั้งแต่ต้นจนจบ
สำหรับเรื่องที่วัตถุล้ำค่าและมีชื่อเสียงในภัตตาคารที่ถูกทุบ เขาที่เป็นบุตรชายเจ้าของตระกูลก็ไม่ได้รู้สึกปวดใจสักนิดเดียว! รวมๆ แล้ว รายงานเบื้องบนไม่ตรง แม้ว่าจะทุบไปก็ไม่เป็นอันใด!