ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 675 ท้อใจ (ต้น)

ตอนที่ 675 ท้อใจ (ต้น)

ท่าน​พ่อ​เคย​ผิดหวัง​และ​เอือมระอา​ต่อ​เขา​ ​ท่าน​พ่อ​เคย​โมโห​ใส่​เขา​ ​ท่าน​พ่อ​เคย​สั่งสอน​เขา​ด้วย​ความอดทน​ ​แต่​ไม่เคย​สะบัด​แขน​เสื้อ​ใส่​เขา​แบบนี้

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​ยืน​อึ้ง​ตะลึง​อยู่​กลาง​ห้อง​ ​มือ​เท้า​เย็นเฉียบ​ ​ไม่รู้​ว่า​ผ่าน​ไป​นาน​แค่ไหน​เขา​ถึง​ได้สติ​กลับมา​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ออก​ไป

 

 

 

“​คุณชาย​น้อย​สี่​ ​ท่าน​เป็น​อะไร​ขอรับ​”​ ​หวัง​ซู่​รีบ​เดิน​เข้าไป​ประคอง​เขา

 

 

 

“​ไม่เป็นไร​!​”​ ​ภายใต้​แสงอาทิตย์​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​ซีด​ขาว​ราวกับ​กระดาษ​ก็​ไม่​ปาน

 

 

 

หวัง​ซู่​ไม่กล้า​ถาม​อะไร​อีก​ ​รีบ​ประคอง​สวี​ซื่อ​จุน​กลับ​ไป​ที่​เรือน​

 

 

 

เจียง​ซื่อ​ใกล้​จะ​คลอด​แล้ว​ ​นาง​กำลัง​แบก​ท้อง​โต​เก็บ​เสื้อผ้า​และ​ผ้าห่ม​ที่​ทำให้​บุตร​ที่​ยัง​ไม่​คลอด​เมื่อ​สอง​สาม​วันก่อน​กับ​เป่า​จู​สาวใช้​ของ​นาง​

 

 

 

“​ช่วงนี้​อากาศ​ดี​ ​นำ​ออก​ไป​ตากแดด​เถิด​”​ ​นาง​พูด​ด้วย​สีหน้า​ที่​เต็มไปด้วย​ความสุข​ของ​คนที​่​กำลังจะ​เป็น​แม่​คน​ ​“​แต่​อย่า​ให้​แดด​ส่อง​มากเกินไป​ ​ประเดี๋ยว​จะ​มี​ไอ​ร้อน​ ​ทำให้​ลูก​เป็น​ร้อนใน​”

 

 

 

เป่า​จู​หัวเราะ​ ​“​นาย​หญิง​เป็น​คน​บอก​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​!​”

 

 

 

นาย​หญิง​ที่นาง​พูดถึง​ ​ก็​คือ​มารดา​ของ​เจียง​ซื่อ​ ​บุตรสาว​กำลังจะ​คลอด​แล้วยัง​เป็น​ท้อง​แรก​ ​นาง​เลย​เป็นห่วง​เจียง​ซื่อ​ ​เขียนจดหมาย​มาหา​เจียง​ซื่อ​ทุกๆ​ ​สอง​วัน​

 

 

 

“​ฉลาด​เสีย​จริง​!​”​ ​เจียง​ซื่อ​พูด​ด้วย​ใบหน้า​เปื้อน​ยิ้ม​

 

 

 

ไม่รู้​ว่า​เพราะเหตุใด​ ​สวี​ซื่อ​จุน​กลับ​กลัว​ที่​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​เด็ก​คน​นี้

 

 

 

เขา​ไม่​อยาก​ทำให้​เจียง​ซื่อ​ตกใจ​ ​หันหลัง​แล้ว​เดิน​ไป​ยัง​เรือน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

 

 

 

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยกำ​ลัง​เรียนหนังสือ​อยู่​ ​ยัง​ไม่​กลับมา​

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​ตรง​เข้าไป​ใน​ห้อง​หนังสือ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

 

 

 

สี่​เอ๋อร​์​รีบ​ยก​น้ำชา​และ​ของว่าง​เข้ามา​

 

 

 

“​พวก​เจ้า​ออก​ไป​เถิด​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​สะบัด​มือ​ ​“​ข้า​จะ​รอน​้​อง​ห้า​อยู่​ที่นี่​”

 

 

 

พวกเขา​สอง​คนสนิท​สนม​กัน​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​เป็น​คน​ง่ายๆ​ ​สี่​เอ๋อร​์​พูดคุย​กับ​เขา​สอง​สาม​ประโยค​ ​จากนั้น​ก็​พาสาว​ใช้​น้อย​ออก​ไป​ข้างนอก

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​กวาดตา​มองดู​ห้อง​หนังสือ

 

 

 

มี​เตียง​เตา​อยู่​ข้างหน้า​ต่าง​ ​ปูด​้วย​เบาะ​รอง​นั่ง​ลาย​ค้างคาว​ห้า​ตัว​สีแดง​ ​บน​โต๊ะ​มี​เพียง​ชุด​ถ้วย​ชา​เครื่องเคลือบ​ขาว​วาง​อยู่​ ​แล้วยัง​มี​หนังสือ​กอง​อยู่​บน​โต๊ะ​ ​บน​ขอบ​หน้าต่าง​มี​แจกัน​ดอกไม้​สีฟ้า​ ​ใน​แจกัน​มีด​อก​กุ้ยฮ​วาที​่​แห้ง​ไป​สอง​สาม​ดอก​ปัก​อยู่​ ​ตรงกลาง​ห้อง​มีโต​๊ะ​หนังสือ​ตัว​ใหญ่​ ​ซ้ายมือ​เต็มไปด้วย​หนังสือ​กองพะเนิน​ ​ขวามือ​คือ​ถ้วย​กระเบื้อง​ล้าง​พู่กัน​และ​จาน​หมึก​ ​เหลือ​พื้นที่​ตรงกลาง​ไว้​วาง​แผ่น​รอง​พู่กัน​สำหรับ​เขียนหนังสือ​ ​ข้างหลัง​มี​ชั้น​วาง​สี่​ชั้น​ที่​เต็มไปด้วย​หนังสือ​ ​ไม่ใช่​หนังสือ​ที่​จัดวาง​อย่างเป็นระเบียบ​เรียบร้อย​ ​แต่​เป็น​หนังสือ​ที่​วาง​เอียง​ไป​เอียง​มา​ ​แค่​ดูก​็​รู้​ว่า​หนังสือ​ที่อยู่​บน​ชั้น​วาง​มักจะ​มี​คน​หยิบ​ออก​ไป​อ่าน​เสมอ​ ​ไม่ได้​วาง​เอาไว้​เพื่อ​ประดับ​ตกแต่ง

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​หยิบ​หนังสือ​ขึ้น​มา​แล้ว​เอน​ตัว​ลง​บน​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง​ใต้​หน้าต่าง​ ​แต่กลับ​มีบา​งอย​่าง​ทิ่ม​อยู่​ตรง​เอว​ ​เขา​หันไป​มอง​ ​ที่แท้​บน​เก้าอี้​จุ้ย​เวิ​งมี​หนังสือ​ ​‘​อธิบาย​ตำรา​ทั้ง​สี่​’​ ​วาง​อยู่​

 

 

 

เขา​กำลังจะ​หยิบ​หนังสือ​ไป​วาง​บน​โต๊ะ​ ​แต่​บน​โต๊ะ​กลับ​มี​หนังสือ​ ​‘​อธิบาย​สำนัก​ศึกษา​’​ ​สอง​สาม​เล่ม​วาง​อยู่​

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​หัวเราะ​ ​จากนั้น​ก็​นอนลง​บน​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง

 

 

 

เก้าอี้​จุ้ย​เวิง​โยก​ไปมา​ ​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ก็​เห็น​กระถาง​ดอก​กล้วยไม้​หยก​อยู่​บน​โต๊ะ​ดอกไม้​ตรง​มุม​ห้อง​ ​กลีบดอกไม้​ที่​แวววาว​ราวกับ​ลูกแก้ว​ ​บาน​ได้​ถูก​เวลา​พอดี

 

 

 

ช่าง​เป็น​ห้อง​ที่​ยอดเยี่ยม​!

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​ถอนหายใจ

 

 

 

เหตุใด​เมื่อก่อน​เขา​ถึง​มอง​ไม่​ออก​ว่า​ห้อง​หนังสือ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตกแต่ง​ได้​สบาย​ตา​และสง่า​งาม​เช่นนี้​!

 

 

 

เมื่อ​ความคิด​นี้​ผุด​ขึ้น​มา​ ​เขา​ก็​ไม่​อยาก​อ่านหนังสือ​แล้ว​ ​เขา​หลับตา​ลง​แล้ว​โยก​ไป​ตาม​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง​ ​หัวใจ​ก็​เต้น​ไป​ตาม​จังหวะ​ของ​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง

 

 

 

ท่าน​พ่อ​ต้อง​ผิดหวัง​ใน​ตัว​เขา​มาก​ใช่​หรือไม่

 

 

 

เขา​คิดไม่ถึง​ว่า​ท่าน​พ่อ​จะ​ให้ความสำคัญ​กับ​ร้าน​ต้า​เฟิง​เฮ่า​ขนาด​นี้​ ​เขา​คิด​ว่า​แค่​ร้าน​ต้า​เฟิง​เฮ่า​คืนเงิน​ก็​พอแล้ว​ ​เเต่​จะ​คืน​เมื่อไร​ไม่ใช่​เรื่องสำคัญ​ ​ถึงแม้ว่า​เขา​ยัง​ไม่ได้​ดูแล​เรื่อง​ใน​จวน​ ​แต่​เขา​มักจะ​ถาม​พ่อบ้าน​ไป๋​ทุกวัน​ว่า​มีเรื่อง​อัน​ใด​สำคัญ​หรือไม่​…​ท่าน​พ่อ​ก็​บอก​แล้ว​ว่า​ต้อง​เรียนรู้​ที่จะ​จัดการ​เรื่องใหญ่​และ​เรื่องเล็ก​ ​เขา​แค่​ถาม​พ่อบ้าน​ไป๋​ก็​พอแล้ว​ ​ทำไม​ถึง​ต้อง​ลงมือทำ​ทุกอย่าง​ด้วยตัวเอง​?

 

 

 

เมื่อ​คิด​เช่นนี้​ ​เขา​ก็​รู้สึก​หงุดหงิด

 

 

 

รู้สึก​ว่า​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง​โยก​จน​ทำให้​คน​เวียนหัว

 

 

 

เขา​ยืน​ขึ้น​แล้ว​ตะโกนเรียก​หวัง​ซู่​ ​“​คุณชาย​น้อย​ห้า​ยัง​ไม่​กลับมา​อีก​หรือ​”

 

 

 

ม่าน​ประตู​ถูก​เปิด​ออก​ ​ใบหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยป​รากฏ​ขึ้น​มาตรง​หน้า​สวี​ซื่อ​จุน​ ​“​เหตุใด​พี่​สี่​ถึง​ไม่อยู่​กับ​พี่สะใภ้​สี่​ที่​เรือน​ ​มาหา​ข้า​ทำไม​กัน​”​ ​เขา​พูด​หยอกล้อ​สวี​ซื่อ​จุน

 

 

 

ตั้งแต่​เจียง​ซื่อ​ตั้งครรภ์​ ​สวี​ซื่อ​จุน​มักจะ​อยู่​กับ​เจียง​ซื่อ​ตลอดเวลา

 

 

 

เมื่อ​ถูก​น้องชาย​ตัวเอง​หยอกล้อ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ยิ้ม​อย่าง​เขินอาย​ ​“​อยู่​ที่​เรือน​ทุกวัน​ ​จึง​อยาก​มาทา​นอา​หาร​ที่​เรือน​ของ​เจ้า​ ​ทำไม​กัน​ ​ไม่​ต้อนรับ​ข้า​อย่างนั้น​หรือ​!​”

 

 

 

“​ไม่ใช่​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​แล้ว​กำชับ​สี่​เอ๋อร​์​ให้​บอก​โรง​ครัว​เพิ่ม​อาหาร​ ​“​เชิญ​พี่​สี่​ทานอาหาร​ที่นี่​เถิด​”

 

 

 

สี่​เอ๋อร​์​ยิ้ม​แล้ว​ขานรับ​ ​เดิน​ไป​ถึง​หน้า​ประตู​กลับ​ถูก​สวี​ซื่อ​จุน​เรียก​หยุด​ ​“​มีสุ​รา​หรือไม่​ ​นำ​สุรา​จิน​หวามา​ด้วย​!​”

 

 

 

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​และ​สี่​เอ๋อร​์​ต่าง​ก็​ตกใจ​ ​สี่​เอ๋อร​์​เกลี้ยกล่อม​เขา​ ​“​พึ่ง​จะ​เที่ยง​ ​แล้ว​ท่าน​โหวก​็​อยู่​ที่​จวน​นะ​เจ้า​คะ​…​”

 

 

 

ไม่​รอ​ให้​สี่​เอ๋อร​์​พูด​จบ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ระบาย​ออกมา​ ​“​ช่างมัน​เถิด​ ​เจ้า​ไป​เตรียม​อาหารกลางวัน​เถิด​”

 

 

 

แต่​สี่​เอ๋อร​์​ไม่กล้า​ตัดสินใจ​ ​นาง​มอง​ไป​ที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​

 

 

 

รอยยิ้ม​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​หาย​ไป

 

 

 

เขา​สะบัด​มือ​ให้​สี่​เอ๋อร​์​ ​บอก​ให้​นาง​ออก​ไป

 

 

 

“​พี่​สี่​ ​เกิด​อะไร​ขึ้น​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​รีบ​ลาก​สวี​ซื่อ​จุน​ไป​นั่ง​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ ​เขา​ถาม​สวี​ซื่อ​จุน​ด้วย​สีหน้า​ที่​เคร่งขรึม

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​มองดู​ใบหน้า​ที่​มี​ความไร้เดียงสา​ของ​น้องชาย​ตัวเอง​ ​แต่​คำพูด​ที่​ติดอยู่ที่ปาก​กลับ​พูดไม่ออก​ ​เขา​เงียบ​อยู่นาน​ ​จากนั้น​ก็​ถาม​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​การเรียน​ของ​เจ้า​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

 

 

 

เดิมที​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยนั​้น​เป็น​เด็ก​ที่จับ​ความรู้สึก​คน​ได้ดี​อยู่​แล้ว​ ​ยิ่ง​สวี​ซื่อ​จุน​ไม่​พูด​ ​เขา​ก็​ยิ่ง​คิด​ว่า​เรื่อง​นี้​เป็นเรื่อง​สำคัญ

 

 

 

แต่​ก็​จะ​บังคับ​สวี​ซื่อ​จุน​ให้​พูด​ไม่ได้

 

 

 

“​ไม่เลว​ขอรับ​!​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพู​ดกั​บส​วี​ซื่อ​จุน​พร้อมกับ​สังเกต​สีหน้า​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ไป​ด้วย​ ​“​อาจารย์​ฉั​งบ​อก​ให้​ข้า​ตั้งใจ​เขียน​บทความ​”​ ​เขา​ยิ้ม​ ​“​บอก​ข้าว​่า​ข้า​ใช้​คำ​สละสลวย​เกินไป​ ​ไม่​ก็​เรียบง่าย​เกินไป​ ​ทำให้​บทความ​ดู​เกิน​จริง​ ​ไม่มี​ความ​ธรรมชาติ​ ​จะ​ทำให้​ผู้คน​แยกแยะ​ประเด็นสำคัญ​ของ​เนื้อเรื่อง​ไม่​ออก​”​ ​พูด​ด้วย​ท่าที​เอือมระอา​ ​“​ตอนนี้​ข้า​เลย​ยัง​ไม่รู้​ว่า​จะ​เริ่ม​เขียน​อย่างไร​”​

 

 

 

“​ลางเนื้อชอบลางยา​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​พูด​ปลอบใจ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​“​เจ้า​อย่าง​พึ่ง​ท้อ​ ​บางที​อาจ​เจอ​ผู้คุม​สอบ​ที่​ชอบ​บทความ​ที่​เจ้า​เขียน​ก็ได้​!​”

 

 

 

ได้​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ตน​กังวล​มาต​ลอด​ ​อีกทั้ง​คนที​่​รับฟัง​ก็​คือ​พี่ชาย​ที่​ตน​เชื่อใจ​มาก​ที่สุด​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จึง​พูด​ออกมา​ตามใจ​ตัวเอง​ ​“​ไม่​ควร​พูด​เช่นนี้​ ​หาก​เจอ​ผู้คุม​สอบ​ที่​เหมือน​อาจารย์​ฉัง​จะ​ทำ​เช่นไร​เล่า​ ​ลงสนาม​สอบ​ไม่​ควร​พึ่ง​โชคชะตา​ ​ยิ่งไปกว่านั้น​ ​อาจายร​์​ฉั​งก​็​บอก​แล้ว​ว่า​ ​เขียน​บทความ​ได้ดี​เป็นเรื่อง​สำคัญ​ ​บทกวี​คือ​บทกวี​ ​พรสวรรค์​คือ​พรสวรรค์​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ข้า​ยัง​ต้อง​ตั้งใจ​เขียน​บทความ​”​ ​เขา​เลิก​คิ้ว​ ​“​ข้า​คิด​ว่าความ​ขยัน​สามารถ​ชดเชย​พรสวรรค์​ได้​ ​ตอนนี้​ข้า​จะ​เขียน​บทความ​ที่​อาจารย์​ฉัง​แก้​ให้​ใหม่​ทั้งหมด​ ​จากนั้น​ค่อย​นำมา​เปรียบเทียบ​กับ​บทความ​เดิม​ของ​ข้า​ ​หา​ข้อผิดพลาด​ที่​อาจายร​์​ฉั​งคิด​ว่า​ข้า​ยัง​เขียน​ได้​ไม่ดี​ออกมา​ ​แบบนี้​ก็​จะ​รู้​ว่า​ข้า​เขียน​ตรงไหน​ไม่ดี​ ​ต่อไป​หาก​อาจารย์​ฉั​งอ​่าน​เจอ​ ​เขา​อาจ​ชื่นชม​ว่าวิ​ธี​ของ​ข้า​เป็น​วิธี​ที่​ดี​ก็ได้​”

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​คิดไม่ถึง​ว่า​เขา​จะ​พูด​เช่นนี้​ ​เขามอง​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยด​้ว​ยสาย​ตา​ที่​มี​ความจริงจัง​ ​“​น้อง​ห้า​ของ​ข้า​โต​แล้ว​!​”

 

 

 

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ้ม​อย่าง​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก​ ​“​จะ​ให้ท่าน​แม่​เป็นห่วง​ข้า​ตลอด​ไม่ได้​!​”

 

 

 

สวี​ซื่อ​จุน​ไม่​พูด​อะไร

 

 

 

สี่​เอ๋อร​์​ยก​โต๊ะ​เข้ามา

 

 

 

พวกเขา​สอง​คน​ทานอาหาร​อย่าง​เงียบๆ​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ให้​สวี​ซื่อ​จุน​พักผ่อน​ใน​ห้อง​หนังสือ​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ผล็อย​หลับ​ไป​อย่างรวดเร็ว​

 

 

 

หลัง​กลับมา​จาก​เลิกเรียน​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ยังคง​หลับ​อยู่​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​บอก​ให้​สี่​เอ๋อร​์​ดูแล​สวี​ซื่อ​จุน​ให้​ดี​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ไป​ที่​เรือน​ทิง​เทา​ ​แต่​เขา​พึ่ง​จะ​เดิน​ออก​ไป​ได้​ไม่​ไกล​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ลืมตา​ตื่นขึ้น​มา​

 

 

 

เขา​นอน​อยู่​ตรงนั้น​ไม่​ขยับ​ไป​ไหน

 

 

 

ผ่าน​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ก็ได้​ยิน​เสียง​เป่า​จู​ ​“​…​ ​ขอบพระคุณ​พี่​สี่​เอ๋อร​์​เจ้าค่ะ​ ​ในเมื่อ​คุณชาย​น้อย​สี่​ยัง​ไม่​ตื่น​ ​เช่นนั้น​ข้า​รอ​อยู่​ที่นี่​ก็ได้​!​”

 

 

 

“​ไป​นั่ง​ที่​ห้อง​ของ​ข้า​ดีกว่า​!​”​ ​สี่​เอ๋อร​์​พูด​ ​“​ให้​สาวใช้​น้อย​คอย​เฝ้า​อยู่​ที่นี่​ ​หาก​คุณชาย​น้อย​สี่​ตื่น​แล้ว​เรา​ค่อย​มาก​็​ได้​”

 

 

 

เป่า​จู​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​ขอบคุณ

 

 

 

ใต้​ชายคา​ที่​เงียบสงัด​ ​พลอย​ทำให้​บรรยากาศ​ดู​อ้างว้าง​เงียบเหงา

 

 

 

*****

 

 

 

“​สะใภ้ก​่​วน​ชิง​พูด​เช่นนี้​จริง​หรือ​?​”​ ​เจียง​ซื่อ​มอง​เป่า​จูด​้ว​ยสี​หน้า​ฉงนใจ​ ​ทำให้​สีหน้า​ของ​นาง​ดู​เคร่งขรึม

 

 

 

“​พูด​เช่นนี้​จริงๆ​ ​เจ้าค่ะ​”​ ​เป่า​จู​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ตอนนั้น​สะใภ้ก​่​วน​ชิง​กำลังจะ​นำ​อาหาร​ไป​ให้​คุณชาย​น้อย​ห้า​ ​พอ​เห็น​บ่าว​อยู่​ที่นั่น​จึง​ถาม​บ่าว​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​พูด​เพียง​ไม่​กี่​คำ​ ​แต่​บ่าว​ฟัง​ไม่ผิด​แน่นอน​เจ้าค่ะ​ ​ยามเช้า​ท่าน​โหว​เรียก​คุณชาย​น้อย​สี่​ไปหา​เพราะ​เรื่อง​เงิน​ของ​ร้าน​ต้า​เฟิง​เฮ่า​เจ้าค่ะ​…​”​ ​นาง​เล่าเรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​ยามเช้า​ให้​เจียง​ซื่อ​ฟัง​

 

 

 

สะใภ้ก​่​วน​ชิง​มีนาม​ว่า​หู่​พั่ว​ ​เป็น​ผู้ดูแล​หญิง​คนสนิท​ของ​แม่​สามี​ ​คนที​่​ได้รับ​ตำแหน่ง​นี้​ ​ไม่ใช่​คนธรรมดา​แน่นอน​ ​บังเอิญ​เจอ​เข้ากับ​เป่า​จู​เลย​พูดถึง​เรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​ลาน​นอก​…​เรื่อง​ที่​ตัวเอง​ไป​สืบ​อย่างไร​ก็​สืบ​ไม่​เจอ​ ​แต่กลับ​รู้​อย่าง​ไม่ต้อง​เสียแรง​เช่นนี้​ ​มันต​้​อง​มี​ลับลมคมใน​อย่างแน่นอน​!

 

 

 

เมื่อ​ความคิด​นี้​แล่น​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​เจียง​ซื่อ​ก็​รู้สึก​ตกใจ

 

 

 

หรือว่า​ ​สะใภ้ก​่​วน​ชิง​มา​เตือน​นาง​ตามคำสั่ง​ของ​ท่าน​แม่​?

 

 

 

คิดได้​เช่นนี้​ ​เจียง​ซื่อ​ก็​นั่ง​ไม่​ติด​อีกต่อไป

 

 

 

“​ไป​กัน​เถิด​ ​เรา​ไปหา​คุณชาย​น้อย​สี่​กัน​!​”

 

 

 

*****

 

 

 

สือ​อี​เหนียง​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ ​ยิ้ม​แล้ว​พิง​ไหล่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ยัง​ไม่​หายโกรธ​อีก​หรือ​เจ้า​คะ​”

 

 

 

สวี​ลิ่ง​อี๋​หันหน้า​มาม​อง​ ​เห็น​ดวงตา​ที่​ราวกับ​จะ​ยิ้ม​แต่​ก็​ไม่​ยิ้ม​

 

 

 

เขา​ยื่นมือ​ออก​ไป​ไป​บิด​จมูก​สือ​อี​เหนียง​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับ​หันหน้า​หลบ

 

 

 

“​ข้า​ไม่รู้​ด้วยซ้ำ​ว่า​เขา​คิด​อะไร​อยู่​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถอนหายใจ​ ​“​เขา​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ที่​ชาญฉลาด​และ​มี​ความสามารถ​อย่าง​หวัง​ซู่​ หั​่​วชิง​และ​อิ​๋น​เจิน​ ​แต่​เขา​กลับ​ไปดู​งาน​ที่​ร้าน​ด้วยตัวเอง​…​จริงๆ​ ​เลย​”​ ​พูด​พลาง​ส่ายหน้า​ ​“​เรื่อง​ที่​ควร​สนใจ​ไม่สน​ใจ​ ​แต่​เรื่อง​ที่​ไม่​ควร​สนใจ​กลับ​สนใจ​”​ ​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ที่​ชอบ​หลอกลวง​เจ้านาย​ตั้ง​มากมาย​ ​เห็น​ว่า​เจ้านาย​ไม่มี​คน​คอย​ช่วยเหลือ​เลย​ลักขโมย​ทรัพย์สิน​ของ​เจ้านาย​ยัง​ไม่พอ​ ​ซ้ำ​ยัง​ขาย​เจ้านาย​ของ​ตัวเอง​ให้​ไป​เป็น​ทาส​ตลอดชีวิต​”

 

 

 

“​ก็​เพราะ​จุน​เกอ​คิด​ว่า​คนดู​แล​เรื่อง​ใน​จวน​คือ​พ่อบ้าน​ไป๋​ ​คือ​คนที​่​ท่าน​เชื่อใจ​มาก​ที่สุด​อย่างไรเล่า​ ​หาก​เป็น​คนอื่น​ ​เขา​จะ​กล้า​ประมาท​แบบนี้​ที่ไหน​กัน​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​เหมือน​ที่​ท่าน​พูด​ ​เขา​จดจำ​จำนวน​เงิน​ใน​บัญชี​ได้​อย่างแม่นยำ​ ​พอ​รู้​ว่า​ท่าน​ต้องการ​ใช้​เงิน​ก็​บอกว่า​ตัวเอง​มีเงิน​เท่าไร​โดยที่​ไม่​ลังเล​เลย​แม้แต่น้อย​ ​แล้วยัง​ให้ท่า​นนำ​ไป​ใช้​…​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​ไม่ได้​แย่​เหมือน​ที่​ท่าน​พูด​เอาไว้​กระมัง​!​”

 

 

 

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่​พูด​อะไร​ต่อ

 

 

 

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แผ่วเบา

 

 

 

บอกว่า​เป็นนิสัย​แย่​ก็​ไม่ใช่​ ​แต่​หาก​บอกว่า​ไม่ใช่​นิสัย​แย่​ ​ช่วงเวลา​สำคัญ​อาจจะ​ทำให้เกิด​ปัญหา​ใหญ่​ได้​ ​นี่​คือ​เหตุผล​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​โมโห​ขนาด​นี้​!

 

 

 

ไม่เช่นนั้น​ ​นาง​คง​ไม่​ให้​หู่​พั่ว​แอบ​ไป​เล่า​ให้​เจียง​ซื่อ​ฟัง​ ​อยาก​ให้​เจียง​ซื่อ​ช่วย​เกลี้ยกล่อม​สวี​ซื่อ​จุน

 

 

 

“​ใช่​แล้ว​!​”​ ​พูดถึง​เรื่อง​นี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​นึกถึง​เรื่อง​ที่​ยง​อ๋อง​ขอยืม​เงิน​ขึ้น​มา​ ​“​…​ฝั่ง​นั้น​คง​ไม่มี​เรื่อง​อื่น​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​ ​หาก​ฮ่องเต้​ไม่เห็นด้วย​ที่​ยง​อ๋อง​สร้าง​ลาน​ใหม่​ ​ท่าน​ทำ​เช่นนี้​ ​ฮ่องเต้​จะ​ไม่พอ​พระทัย​เอา​ได้​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท