“ข้าแค่เอนตัวครู่เดียว…ครู่เดียว…เหนื่อยเกินไปแล้ว” นางงึมงำอย่างไม่ยินยอมลุกขึ้น
ดูเหมือนว่ากระทั่งแรงที่จะลุกขึ้นในตอนนี้ของนางก็ไม่มีแล้ว ทั้งร่างล้วนมีสภาพไร้เรี่ยวแรง!
“ลุกขึ้นมา!” ซูชีได้ยิน ก็พลันขมวดคิ้วงาม แล้วดึงซูซูขึ้นมาทันที!
“อาจ้าวไปเอาผ้านวมที่อำเภอแล้ว คาดว่ารออีกครู่หนึ่งก็กลับมา เจ้าอดทนสักหน่อย จากนั้นค่อยนอน”
ซูซูก้มหน้ายืนอยู่ข้างกายซูชี ฟังคำเขา โดยไม่เอ่ยอันใด ทว่าตากลับจ้องมือพวกเขาที่จับกันและกันข้างนั้นเขม็ง
ซูชี…ซูชีถึงกับจับมือนาง ทำให้นางรู้สึกยินดียิ่งนัก
แต่นางกลับดีใจเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น เพราะวินาทีถัดไป ซูชีก็ปล่อยมือนางแล้ว
ทันทีที่ซูซูเงยหน้า ก็เห็นเงาร่างที่หมุนตัวจากไปของซูชี คล้ายกับว่า…นางก็เห็นใบหูที่แดงก่ำของซูชีเช่นกัน
มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มกว้าง นางรู้สึกคันยุบยิบไปทั่วทั้งตัวอย่างควบคุมตนเองไม่ได้!
“อุ๊บ…ชอบมาก…ชอบมากๆ เลย…” นางพุ่งตัวลงไปบนเตียงอีกครั้ง!
“กูเสี่ยวซู เจ้าลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงโมโหสุดขีดของซูชีดังมาอีกครั้งจากหน้าประตู!
อาจ้าวไปเอาผ้านวม เสื้อนวมและสิ่งต่างๆ ที่ช่วยกันหนาวได้ที่ ภัตตาคารหงจี้ในอำเภอตามคำสั่งซูชี ถึงขนาดที่ลากรถที่เต็มไปด้วยท่อนไม้มาหนึ่งคันรถเต็มๆ อย่างไรเสีย พวกเขาต้มน้ำก็จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบ
อีกอย่างก็นำน้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชู และชา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวันพวกนี้กลับมาด้วย
แต่ตั้งแต่ต้นจนจบ อาจ้าวกลับลืมไปเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ในบรรดาพวกเขาสี่คน ไม่มีใครสักคนที่ทำอาหารเป็น!
รอจนซูซูตื่นขึ้นมาหลังจากกอดผ้านวมผืนใหม่หลับไปอย่างมีความสุข ตอนที่หิ้วท้องที่ร้องจ๊อกๆ ไปค้นหาของกินในห้องครัว นางก็มึนงง!
ไม่เพียงแค่นางที่มึนงง ซูชีที่เพิ่งตื่นนอนเหมือนนางก็มึนงงเช่นกัน!
พวกเขาคิดว่า การใช้ชีวิตของชาวบ้านเรียบง่ายเกินไปมาตลอด นึกว่าแม้ว่าจะสร้างครอบครัวจากการยืนด้วยลำแข้งตนเองแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องกินดื่มอีก!
พวกเขาไม่ขาดแคลนจริงๆ แต่พวกเขากลับขาดคนที่ทำอาหารเป็น และทำให้ท้องพวกเขาอิ่มได้คนหนึ่ง!
ทั้งสองคนเจอกันในห้องครัว มองสายตากันและกันล้วนเจือไปด้วยความรู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก
จ๊อกๆ…จ๊อกๆ
ดวงหน้าที่ยังมีความง่วงงุนของซูซูแดงระเรื่อ หลังจากที่ท้องส่งเสียงร้องแบบนี้ออก ก็ยิ่งแดงขึ้นไปอีก
“ซูชี…ข้าหิวแล้ว…”
ซูชีเงียบทันที เพราะเขาก็หิวเช่นกัน
สองคนต่างมองอีกฝ่าย และไม่รู้ว่าต่อไปควรจะทำอะไร
ตอนนี้เองที่จ้าวเฟยลู่กลับมาจากข้างนอก
“พวกท่านกำลังทำอะไรกันหรือ” เขาประหลาดใจมาก เพิ่งจะกลับมาจากข้างนอก ก็เห็นสองท่านนี้ยืนมองกันและกันอยู่ในห้องครัวราวกับรูปปั้น
จ้าวเฟยลู่ไม่นับว่าเป็นบ่าวหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านหญิงซูซู ดังนั้นปฏิบัติกับพวกซูซู ย่อมขาดอุปนิสัยเชื่อฟัง อ่อนน้อมที่คนเป็นข้ารับใช้เท่านั้นถึงมีเป็นธรรมดา ไม่เหมือนกับอาจ้าว ตอนที่ให้เขากินข้าวกับซูชีบนโต๊ะเดียวกัน เจ้าเด็กนั่นเกือบตกใจตาย!
ซูซูได้ยินเสียงจ้าวเฟยลู่ ก็หันหน้าไปมอง แล้วเบ้ปากอย่างรู้สึกได้รับความไม่เป็นธรรม
“จ้าวเฟยลู่ เจ้าทำอาหารเป็นหรือไม่ ข้าหิวแล้ว”
เดิมนึกว่าเหล่าจอมยุทธ์ที่ท่องยุทธภพล้วนทำอาหารเป็น แต่สิ่งที่ได้รับจากจ้าวเฟยลู่กลับเป็นการส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
“เรื่องการทำอาหารพวกนี้ ข้าไม่เคยลองทำมาก่อน ดังนั้นข้าคิดว่า ข้าทำไม่เป็น”
ซูซูอยากจะร้องไห้แล้ว…
ใครสามารถบอกนางได้บ้างว่า ตอนนี้จะทำอย่างไรดี นางหิวมาก หิวมากจริงๆ!
ทำงานมาทั้งวัน กลางวันก็ไม่ได้กินข้าว จากนั้นก็หลับไปเลย เดิมนึกว่ารอถึงตอนเย็นจะกินอาหารให้เต็มที่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า…
“อาจ้าวล่ะ?”
ซูชีขมวดคิ้ว ถามจ้าวเฟยลู่
จ้าวเฟยลู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็หันหน้าไปมองน้ำมัน เกลือ ซอส น้ำส้มสายชูที่วางเรียงกันในห้องครัว แล้วยิ้ม
“ตอนข้าเพิ่งกลับมา ก็เห็นเขารีบร้อนจากไป ข้าคิดว่า…เขาคงออกไปหลบภัย”
เดิมจ้าวเฟยลู่ยังประหลาดใจว่า เหตุใดอาจ้าวที่นิ่งขรึมมาตลอด ถึงได้แสดงท่าทางรีบร้อนเช่นนั้นออกมา ตอนนี้เมื่อเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องครัว เขาก็หาคำตอบพบในที่สุด
คาดว่ากลัวซูชีจะคิดบัญชีกับเขา ดังนั้นจึงชิงหลบก่อน
ซูชีได้ยินก็มีสีหน้าทะมึนทันที
เขาอยากจะไปขอข้าวบ้านใครสักคนกินมื้อหนึ่ง แต่คนในหมู่บ้านสนิทสนมกับพวกหนิงเซ่าชิง สำหรับเขา ซูชี…พวกเขาไหนเลยจะรู้ว่าซูชีคือคนไหน?
ดังนั้น สุดท้ายซูชีจึงทิ้งเรื่องการเสียศักดิ์ศรี เสียหน้านี้ไป
ซูชีพิจารณาสิ่งที่จัดวางอยู่ในห้องครัวอย่างละเอียดแล้ว ก็มองไปทางสิ่งที่อาจ้าวนำกลับมาแวบหนึ่ง จากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อตนเองขึ้นช้าๆ
“ช่วยข้าจุดไฟ ข้าทำเอง”
ซูซูเบิกตากว้างทันควัน แสดงออกถึงความเลื่อมใสที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อซูชี!
“ซูชี เจ้าทำอาหารเป็นด้วยหรือ เจ้าเก่งมากเลย!”
ซูชีลบโทสะเงียบๆ ในใจ แล้วมองซูซูนิ่งๆ แวบหนึ่ง แววตานั้นมีความเย่อหยิ่งมากได้เพียงใด ก็เย่อหยิ่งได้มากเท่านั้น!
“ข้าจะลองดู!”
ซูซูหุบปากฉับ
เดิมนึกว่าซูชีทำอาหารเป็น แต่ที่แท้…
ที่แท้บนโลกใบนี้ก็มีเรื่องที่ซูชีทำไม่ได้เหมือนกัน! อัศจรรย์จริงๆ!
ตั้งแต่ตอนแรกเริ่ม ซูชีสร้างความประทับใจที่สมบูรณ์แบบเกินไปให้นาง ดังนั้นในความทรงจำของซูซู ซูชีล้วนทำได้ทุกเรื่อง สมมติว่ามีวันหนึ่งที่ซูชีอุ้มเด็กคนหนึ่งกลับมา แล้วบอกว่าเด็กคนนี้เป็นบุตรเขา นางคิดว่า นางคงจะเชื่อเช่นกัน…
อย่างไรเสีย ภาพความประทับใจที่ซูชีมีให้นางนั้นสมบูรณ์แบบเกินไปแล้ง
ล้างหม้อเทน้ำ ขนฟืนจุดไฟ
เดิมนึกว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แต่หลังจากทำแล้วพวกซูชีถึงได้ค้นพบว่า ที่แท้ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ได้ง่ายดายอย่างที่จินตนาการเอาไว้!
“กูเสี่ยวซู เจ้าไปเติมไฟที่ไหนแล้ว?”
“กูเสี่ยวซู เจ้าจะทำให้ข้าสำลักตายหรือ”
“กูเสี่ยวซู! ไฟแรงเกินไปแล้ว!”
ท่านหญิงซูซูรู้สึกว่า เมื่อก่อนมองซูชีในภาพรวมแล้วเหมือนกับเทพบุตร มองตรงไหน ที่ใดล้วนดีไปหมด ทั้งยังเจริญตายิ่ง แต่เพราะไม่ได้สัมผัสและคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตของชาวบ้าน ตอนนี้ในสายตานาง ซูชีผู้นี้น่ารังเกียจเท่าใด ก็น่ารังเกียจเท่านั้น!
“ซูชี! เจ้าใส่น้ำน้อยขนาดนี้จะได้หรือ”
“ซูชี! เจ้าใส่น้ำเยอะเกินไปแล้ว!”
“ซูชี ของในมือเจ้าคือสิ่งใด เฮ้ๆๆ! นั่นคือเกลือใช่หรือไม่”
“ซูชี ทำไมเจ้าโง่ขนาดนี้ล่ะ!”
ตึงตัง! แกรก!
จ้าวเฟยลู่ยืนอยู่หน้าประตูห้องครัวที่อบอวลไปด้วยหมอกควัน แววตาอาบย้อมไปด้วยความขบขันขณะมองพวกเขาสองคน และส่ายหัวอย่างรู้สึกจนปัญญา